ก่อนอื่นต้องบอกเลยนะครับว่า ผมไม่อยากจะขีดจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการศึกษาไทย แต่หลังจากผมได้มานั่งทบทวนแล้ว ไตร่ตรองมาอย่างดี ก็เขียนสักหน่อย เผื่อเป็นประโยชน์ให้กับน้อง หรือ ท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ
ว่าด้วยเรื่องการเปิด- ปิด ตามอาเซียน สำหรับผมแล้วแค่ได้ยินคำๆ นี้ ก็ไม่อยากจะคิดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งแน่นอนแล้วล่ะว่าประเทศไทยด้วยสภาพภูมิอากาศก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนแล้วปัญหาอื่นๆย่อมตามมาด้วย อย่างที่ผมอยู่เชียงใหม่เห็นนักศึกษาใส่ชุดไปเรียน ก็นั่งเห็นใจอยู่แล้ว ตอนบ่ายแก่ๆ ต้องมานั่งเรียนวิชาคำนวณ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิชาอะไรที่เกี่ยวกับการคำนวณ การคิดวิเคราะห์ ดูแล้วน่าเห็นใจจริงๆครับ และยิ่งไปกว่านั้น ปีนี้แห้งแล้งหนักมากๆ ดูเหมือนว่า มาซ้ำเติมกันไปอีก น้ำในอ่าง ก็แทบจะไม่มี ในห้องเรียนแอร์ไม่มี พัดลมก็เก่า จะเปิดแรงกลัวจะปลิวตามไปด้วย บางห้องมีแอร์จะเปิด ผู้สอนบอก นโยบายผู้บริหารบอกให้ประหยัดพลังช่วยชาติ นักศึกษาบางคนถึงกระทั่งถอดเสื้อเรียนในห้องกันเลยเพราะร้อนมากๆ เหงื่อไหลเต็มท่วมตัวเลย (ห้องที่ว่านี้ไม่มีผ้าม่านแดดจึงส่องเข้ามาได้) มาดูปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คณะเกษตรศาสตร์ที่ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะไม่มีน้ำในการเพาะปลูก นักศึกษาต้องมานั่งเรียนกันในห้องเรียนทฤษฏีแทน แต่ไม่มีการปฏิบัต ส่วนสัตว์ที่เลี้ยงล้มตายไปจำนวนหนึ่ง เพราะขาดแคลนน้ำในการบริโภค อาจารย์ก็บันทึกว่า ตายด้วยสาเหตุอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ มันตายเพราะมันไม่ได้น้ำนี่แหละ อากาศร้อน อาจารย์ให้ผู้เรียนลงไปปรับปรุงดิน ในขณะที่ผู้สั่งนั่งอยู่ในห้องแอร์โดยไม่รู้สึกรู้หาอะไรเลย ว่านักศึกษาต้องเจอกับอะไรบ้าง แน่นอนละว่า รังสีจากดวงอาทิตย์มันอันตรายต่อผิวหนัง อาจเป็นมะเร็งได้ บ้างก็หลบแดด บ้างก็เป็นลมก็มี ก็น่าสงสารนะ
มาอีกปัญหาหนึ่ง คณะครุศาสตร์ ซึ่งคณะนี้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เหมือนกันเพราะนอกจากจะต้องให้ นักศึกษาออกไปฝึกสอนตามสถานที่เรียนต่างๆแล้ว แต่บังเอิญโรงเรียนเหล่านั้นปิดเรียนไปแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ ไปนั่งเล่นเน็ต เล่นเกม เล่นไลน์ เล่นเฟชในห้อง และที่แย่ไปกว่านั้น มีจดหมายจากโรงเรียนมาว่าไม่รับผู้ฝึกสอนเพราะ โรงเรียนได้ปิดไปแล้ว จะให้มาสอนใคร มาทำอะไร ?? ก็มีคำถามว่านักศึกษาพวกนี้ได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนอาเซียน ?
ถัดมาอีกปัญหาหนึ่ง นั่นคือ ภาคเรียนนี้ ภาคเรียนที่ 2 ซึ่งแน่ละว่าจำเป็นต้องเรียนเรียนภาคฤดูร้อน (Summer) อ้าวๆ ฤดูร้อนกำลังจะผ่านไป ยังจะมาเรียกว่าเรียนซัมเมอร์อีกเหรอ ซึ่ง งง มากๆ เรื่อง ทำไมไม่เรียก ภาคเรียนฤดูฝน (Rainy) ก็ยังสร้างความแปลกใจอยู่ จนมีการถกเถียงในหมู่นักศึกษาและผู้สอนว่าจะเรียกอะไรกันแน่ ??
เอาละ เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ ผู้บริหารสถาบันก็มีนโยบายสั่งให้มีการเปิด - ปิด เรียนตามปกติ มิใช่อาเซียน โธ่ .....อุตส่าห์ดีใจ แต่เดียวก่อน เฉพาะคณะครุศาสตร์เท่านั้นที่เปิดเรียนในนี้คือ เปิดเรียนในเดือน พฤษภาคม นี้แหละ ส่วนคณะอื่นๆ เรียนตามปกติตามอาเซียนนะ....
ข้อสังเกต ในการเปิด - ปิด เรียนที่ว่ากันว่าตามอาเซียน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ บุตร หลาน หรือ บุคคลากรในสถาบันที่ไปแลกเปลี่ยนหรือไปเรียนในต่างประเทศเท่านั้นส่วน นักศึกษาที่เรียนอยู่ในสถาบันก็แทบจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น นอกจาก จะเจอวันหยุดมากมายเเล้ว ยังต้องมานั่งเรียนชดเชยในวันเสาร์ - อาทิตย์ ทำให้เสียเวลาอีก แทนที่จะได้รับการพักผ่อน เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ มันเป็นวันหยุดสมควรได้รับการพักผ่อนใจและกาย
อีกประการหนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตและน่าสงสัยยัง คือ จำนวน สมาชิกกลุ่มเป็น อาเซียน 10 ประเทศ ไม่มีการเปิด - ปิด เรียนเหมือนกันเลย และไม่ทราบว่า อธิการบดีไปเอาระบบนี้มาจากไหน และอธิการบดีเคยมารับข้อเสนอแนะ ปัญหาความคิดเห็นจาก ผู้สอน และผู้เรียนไหม ก็ไม่เคยเห็น (ปล.เจ้าของกระทู้ก็ไม่เคยเจอ อธิการเหมือนกัน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่) สุดท้ายนี้ เจ้าของกระทู้นำคำสอนของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า
เผื่อฮู้คิง น้ำปิงปอแห้ง
ขอแสดงความนับถือ
(ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)
คิดอย่างไรกับเปิด - ปิดเรียน ตามอาเซียน
ว่าด้วยเรื่องการเปิด- ปิด ตามอาเซียน สำหรับผมแล้วแค่ได้ยินคำๆ นี้ ก็ไม่อยากจะคิดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งแน่นอนแล้วล่ะว่าประเทศไทยด้วยสภาพภูมิอากาศก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนแล้วปัญหาอื่นๆย่อมตามมาด้วย อย่างที่ผมอยู่เชียงใหม่เห็นนักศึกษาใส่ชุดไปเรียน ก็นั่งเห็นใจอยู่แล้ว ตอนบ่ายแก่ๆ ต้องมานั่งเรียนวิชาคำนวณ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิชาอะไรที่เกี่ยวกับการคำนวณ การคิดวิเคราะห์ ดูแล้วน่าเห็นใจจริงๆครับ และยิ่งไปกว่านั้น ปีนี้แห้งแล้งหนักมากๆ ดูเหมือนว่า มาซ้ำเติมกันไปอีก น้ำในอ่าง ก็แทบจะไม่มี ในห้องเรียนแอร์ไม่มี พัดลมก็เก่า จะเปิดแรงกลัวจะปลิวตามไปด้วย บางห้องมีแอร์จะเปิด ผู้สอนบอก นโยบายผู้บริหารบอกให้ประหยัดพลังช่วยชาติ นักศึกษาบางคนถึงกระทั่งถอดเสื้อเรียนในห้องกันเลยเพราะร้อนมากๆ เหงื่อไหลเต็มท่วมตัวเลย (ห้องที่ว่านี้ไม่มีผ้าม่านแดดจึงส่องเข้ามาได้) มาดูปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คณะเกษตรศาสตร์ที่ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะไม่มีน้ำในการเพาะปลูก นักศึกษาต้องมานั่งเรียนกันในห้องเรียนทฤษฏีแทน แต่ไม่มีการปฏิบัต ส่วนสัตว์ที่เลี้ยงล้มตายไปจำนวนหนึ่ง เพราะขาดแคลนน้ำในการบริโภค อาจารย์ก็บันทึกว่า ตายด้วยสาเหตุอื่นๆ แต่ที่แน่ๆ มันตายเพราะมันไม่ได้น้ำนี่แหละ อากาศร้อน อาจารย์ให้ผู้เรียนลงไปปรับปรุงดิน ในขณะที่ผู้สั่งนั่งอยู่ในห้องแอร์โดยไม่รู้สึกรู้หาอะไรเลย ว่านักศึกษาต้องเจอกับอะไรบ้าง แน่นอนละว่า รังสีจากดวงอาทิตย์มันอันตรายต่อผิวหนัง อาจเป็นมะเร็งได้ บ้างก็หลบแดด บ้างก็เป็นลมก็มี ก็น่าสงสารนะ
มาอีกปัญหาหนึ่ง คณะครุศาสตร์ ซึ่งคณะนี้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เหมือนกันเพราะนอกจากจะต้องให้ นักศึกษาออกไปฝึกสอนตามสถานที่เรียนต่างๆแล้ว แต่บังเอิญโรงเรียนเหล่านั้นปิดเรียนไปแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ ไปนั่งเล่นเน็ต เล่นเกม เล่นไลน์ เล่นเฟชในห้อง และที่แย่ไปกว่านั้น มีจดหมายจากโรงเรียนมาว่าไม่รับผู้ฝึกสอนเพราะ โรงเรียนได้ปิดไปแล้ว จะให้มาสอนใคร มาทำอะไร ?? ก็มีคำถามว่านักศึกษาพวกนี้ได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนอาเซียน ?
ถัดมาอีกปัญหาหนึ่ง นั่นคือ ภาคเรียนนี้ ภาคเรียนที่ 2 ซึ่งแน่ละว่าจำเป็นต้องเรียนเรียนภาคฤดูร้อน (Summer) อ้าวๆ ฤดูร้อนกำลังจะผ่านไป ยังจะมาเรียกว่าเรียนซัมเมอร์อีกเหรอ ซึ่ง งง มากๆ เรื่อง ทำไมไม่เรียก ภาคเรียนฤดูฝน (Rainy) ก็ยังสร้างความแปลกใจอยู่ จนมีการถกเถียงในหมู่นักศึกษาและผู้สอนว่าจะเรียกอะไรกันแน่ ??
เอาละ เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ ผู้บริหารสถาบันก็มีนโยบายสั่งให้มีการเปิด - ปิด เรียนตามปกติ มิใช่อาเซียน โธ่ .....อุตส่าห์ดีใจ แต่เดียวก่อน เฉพาะคณะครุศาสตร์เท่านั้นที่เปิดเรียนในนี้คือ เปิดเรียนในเดือน พฤษภาคม นี้แหละ ส่วนคณะอื่นๆ เรียนตามปกติตามอาเซียนนะ....
ข้อสังเกต ในการเปิด - ปิด เรียนที่ว่ากันว่าตามอาเซียน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ บุตร หลาน หรือ บุคคลากรในสถาบันที่ไปแลกเปลี่ยนหรือไปเรียนในต่างประเทศเท่านั้นส่วน นักศึกษาที่เรียนอยู่ในสถาบันก็แทบจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น นอกจาก จะเจอวันหยุดมากมายเเล้ว ยังต้องมานั่งเรียนชดเชยในวันเสาร์ - อาทิตย์ ทำให้เสียเวลาอีก แทนที่จะได้รับการพักผ่อน เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ มันเป็นวันหยุดสมควรได้รับการพักผ่อนใจและกาย
อีกประการหนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตและน่าสงสัยยัง คือ จำนวน สมาชิกกลุ่มเป็น อาเซียน 10 ประเทศ ไม่มีการเปิด - ปิด เรียนเหมือนกันเลย และไม่ทราบว่า อธิการบดีไปเอาระบบนี้มาจากไหน และอธิการบดีเคยมารับข้อเสนอแนะ ปัญหาความคิดเห็นจาก ผู้สอน และผู้เรียนไหม ก็ไม่เคยเห็น (ปล.เจ้าของกระทู้ก็ไม่เคยเจอ อธิการเหมือนกัน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่) สุดท้ายนี้ เจ้าของกระทู้นำคำสอนของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า
ขอแสดงความนับถือ
(ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม)