ทริปผ่านไปเกือบปี เขียนซะทีเถอะเห้ยไอปิ๊ง!!!!!

ลงแบบรวมๆ
(16 มีนาคม 2559) ว่าจะเขียนๆหลายรอบเหลือเกินกว่าจะเขียนได้สักที ตอนนี้ปิ๊งนั่งอยู่บนรถบัสกำลังมุ่งหน้าไปสอนเปียโนให้กับน้องคนหนึ่ง ขอบคุณเวลาบนรถบัสนี้ ที่คาดว่าจะกินเวลากว่า 50 นาที (แน่นอน อากู๋เกิ้ลเป็นคนบอกข้อมูลนี้) ทำให้ประกายความอยากเขียนของปิ๊ง(?)เกิดขึ้นอีกครั้ง
ทริปนี้ได้มีการเกิดขึ้นมานานมาก (ใส่ ก. ไก่เพิ่มตามใจชอบ) แล้ว การเริ่มต้นของทริปนี้ไม่มีอะไร
นอกจากความบ้าระห่ำค่ะ
ขอเล่าเบื้องหลังของตัวเองเล็กน้อย ปิ๊งเป็นเด็กไทยที่มาอยู่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ตัวเองอายุ 10 ขวบ และพึ่งจบมหาลัยเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว (จะครบปีละค่ะ ใช่คำว่าพึ่งอาจจะไม่เหมาะแล้ว) ระหว่างที่เรียนมหาลัยปิ๊งได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่เดนมาร์ก และแน่นอน เหมือนกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาแลกเปลี่ยนหาใช่การเรียนไม่ แต่เป็นการเที่ยวล้วนๆค่ะ ปิ๊งมีโอกาสได้เที่ยวทั้งกับเพื่อน เที่ยวด้วยกันบ่อยจนทริปหลังๆแทบจะฆ่ากันตาย ไปถึงการเที่ยวคนเดียวเพราะไม่อยากยุ่งยากทำตามใจคนอื่น เห็นแก่ตัวเนอะ
ด้วยความที่พาสปอร์ตของประเทศสิงคโปร์นางดีงามมาก การไปเที่ยวหลังเรียนจบที่เราเรียกกันว่า Grad trip นั้นถือเป็นเรื่องปรกติมาก การไปเที่ยวนี้บางทีไปกันเป็นกลุ่มบ้างก็ไปกันเป็นคู่ ส่วนเรานั้นหรือ
โดดเดี่ยวเดียวดาย……..
ส่วนคิดไว้หลายที่ค่ะ ทริปประเทศไทยจากเหนือลงใต้ ทริปฮ่องกง-ญี่ปุ่น แต่ด้วยหลายๆเหตุผล รวมถึงความที่ปิ๊งคิดว่าค่าใช้จ่ายที่จะไปใช้ที่ฮ่องกงกับญี่ปุ่นนั้นอาจจะพอๆกับการไปยุโรป (เพราะได้คีย์หาเที่ยวบินไปยุโรปเล่นๆ แล้วบังเอิญว่ามันถูก…) ความมุ่งมั่นแบบลมๆแล้งๆก็เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม ปิ๊งได้ตั้งความคิด(และสเตตัสในเฟซบุ๊ค)ว่า:
ถ้าเก็บเงินได้หนึ่งแสนบาท (4000 เหรียญสิงคโปร์) เมื่อไหร่ ปิ๊งจะไปยุโรป
โดยตอนที่ตั้งนั้น… ไม่ได้เกรงใจบัญชีที่มีอยู่เพียง 250 เหรียญ(ประมาณ6300บาท)เลย…
จากวันนั้นปิ๊งก็นั่งดูแผนที่ยุโรป ดูว่าเออ เราอยากไปที่ไหน โดยเน้น….. เน้นอะไรละไม่ได้เน้นอะไรเลยค่ะ คิดแต่ว่า ต้องไปนอร์เวย์ เดนมาร์ก สวิส เยอรมัน และฝรั่งเศสอีกครั้ง
จากการเช็คเว็บและแอพเดินทางต่างๆเพื่อดูว่าเมืองที่เราอยากไปนั้นมีทางเชื่อมไปเมืองอื่นไหม บางเมืองใกล้กันเหลือเกินบนแผนที่ แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ การเดินทางอาจกินเวลาเป็นวันเพราะต้องไปต่อรถที่อื่น
ด้วยความที่ปิ๊งเน้นประหยัดคราวนี้ ปิ๊งต้องตัดใจจากการนั่งรถไฟที่ปิ๊งชอบหนักหนาและยอมรับชะตากรรมที่จะเดินทางโดยรถบัสซะเป็นหลัก
หลังจากที่ซุ่มดูแผนที่ยุโรปในขณะที่ชาวบ้านอ่านหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตายบ้างก็พยายามหางานทำ ปิ๊งก็ได้ตัดสินใจจบลงที่เมืองต่างๆ หลากหลาย ที่อยู่ใน
13ประเทศค่ะดังนี้ค่ะ
Oslo — Bergen (Norway)
Amsterdam (The Netherlands)
Antwerp (Belgium)
Cologne — Bonn — Heidelberg — Berlin (Germany)
Gdansk , Sopot, Gdynia — Krakow (Poland)
Budapest (Hungary)
Bratislava (Slovakia)
Zagreb (Croatia)
Ljubljana — Bled (Slovenia)
Venice (Italy)
Bern (Switzerland)
Paris (France)
Copenhagen (Denmark)

คุ้นที่ไหนบ้างคะ?
(10 เมษายน 2559 บนเครื่อง Jetstar มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพครับ และกับตันหล่อมากแหะๆ) ผ่านไปเกือบเดือนค่ะ กว่าจะเขียนต่อได้ ปิ๊งไม่ได้เล่นส่งกรานต์ที่ไทยมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ปีนี้ไหนๆก็ยังหางานไม่ได้ กลับหน่อยละกัน
ต่อๆ
(26 เมษายน) มาต่ออีกประมานสองอาทิตย์ให้หลังค่ะ แหะๆๆๆ กำลังนั่งรถไฟกินลมเล่นที่สิงคโปร์…… (เหรอ?)
เปล่าค่ะ กำลังเดินทางไปสัมภาษณ์งาน แท้จริงแล้วควรจะนั่งท่องว่าจะตอบเขายังไงแต่มันเครียดเบาๆ เขียนอะไรที่มันสนุก (สำหรับคนเขียน) สักหน่อยละกัน
ปิ๊งไม่เคยได้ไปเที่ยวยุโรปกลาง-ตะวันออกค่ะ ใกล้เคียงที่สุดคือกรุงปรากเท่านั้นและก็รู้ด้วยว่าประเทศในแถบนี้มีค่าครองชีพ (ซึ่งแน่นอน แปลว่าค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย!) ที่ต่ำมากค่ะ
ได้ชื่อเมืองและประเทศที่ต้องการแล้วปิ๊งก็เริ่มทำการสร้าง spreadsheet ของ MS Excel ขึ้นมาหนึ่งไฟล์ค่ะ โดยระบุคร่าวๆว่าเรามีงบประมานเท่าไหร่ แยกเป็นสามหัวข้อใหญ่ค่ะ
ค่าเดินทางทั้งหมด
ค่าที่พัก
ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง
ค่าเดินทางในที่นี่เริ่มต้นด้วยการหาตั๋วเครื่องบินและวันที่ถูกที่สุด ปิ๊งบินได้หลังวันที่1 มิถุนายนเพราะมีสอบภาษาฝรั่งเศสก่อนหน้านั้น และต้องกลับมาก่อนวันที่ 30 กรกฎาคมเพราะนั่นคือวันรับปริญญาของปิ๊งค่ะ
หลังจากการหาวันที่เหมาะเจาะกับการเดินทาง ปิ๊งก็มาจบที่วันที่ 11/12/13 มิถุนายนถึงวันที่ 28 กรกฎาคมค่ะ ค่าตั๋วเครื่องบิน (Norwegian Airways) ณ เวลาที่เช็คนั้นอยู่ที่ประมาน 700 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาน 17,500 บาทค่ะ
ได้ที่ค่าตั๋วเครื่องบิน ได้จำนวนวันคร่าวๆที่จะเดินทาง ปิ๊งก็เริ่มวางแปลนว่าจะอยู่ที่เมืองไหนกี่คืน บางเมืองเช่นเวนิส (ที่กลับไปเพราะจะซื้อของให้ท่านแม่) ปิ๊งก็อยู่แค่คืนเดียว ส่วนบางเมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโคเปนเฮเกน ปิ๊งก็เทใจอยู่ยาวๆ 4 คืนไปเลยค่ะ
เหตุผลไม่มีอะไรมาก… แค่คิดถึง…..
ต่อจากการวางแปลนว่าจะอยู่ที่ไหนกี่คืน ก็คือการหาตั๋วรถบัสค่ะ ปิ๊งรู้จักแค่ยูโรไลน์นอกจากนั้นนี่อากู๋ช่วยโดยเฉพาะเลยค่ะ บางเส้นการเดินทางก็มีทุกวัน วันละหลายๆเที่ยว แต่บางเส้นการเดินทาง…. มีแค่อาทิตย์ละสองวัน แน่นอนค่ะ ต้องมีการปรับเปลี่ยนจำนวนวัน
บริษัทรถบัสที่ปิ๊งได้ใช้มองไว้มีดังนี้ค่ะ
1. Eurolines (Amsterdam- Antwerp, Antwerp-Cologne) : น่าจะเป็นบริษัทรถบัสที่ผู้คนทั่วไปจะรู้จัก เพราะบริษัทนี้มีรถบัสวิ่งทั่วแทบทุกประเทศในยุโรปค่ะ ตัวรถบัสเป็นรถชั้นเดียวค่ะ บนรถบัสสองคันที่นั่งมีป้ายขึ้นว่า “Free WIFI” แต่ต่อไม่เคยติดเลยค่ะ และรถของยูโรไลน์จะมีห้องน้ำในตัวรถค่ะ
2. FlixBus (Cologne-Heidelberg, Heidelberg-Berlin) : FlixBus เป็นบริษัทรถบัสของประเทศเยอรมันค่ะ สังเกตุง่ายมากคือรถบัสสีเขียวสองชั้น เห็นมาแต่ไกลลลลลล…. เป็นรถบัสที่มีสัญญาน WIFI (แต่ก็ไม่ค่อยติด)ให้ค่ะ และมีห้องน้ำ แอร์เย็นสบาย ถือว่าดี
3. Polski Bus (Berlin-Gdansk, Gdansk-Krakow) : ถือเป็นรถบัสที่ดีที่สุดในทริปนี้เลยค่ะ Polski Bus เป็นบริษัทของประเทศโปแลนด์ค่ะ รถบัสสองชั้น สัญญานเน็ตแรงมาก ที่นั่งสบาย มีห้องน้ำ รถบัสจะมีสีแดง และโลโก้เป็นเป็ด (หรือห่าน…หรือนกเพลิแคน ไม่มั่นใจเท่าไหร่ค่ะ)
4. OrangeWays (Krakow- Budapest, Budapest-Zagreb, Zagreb-Ljubljana): ถือเป็นรถบัสที่ปิ๊งได้ใช้บริการหลายเที่ยวที่สุดค่ะ แต่เป็นรถบัสที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ตัวรถบัสชั้นเดียว ไม่มีสัญญานเน็ตไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่กว่า (และใหญ่มาก) คือการไม่มีห้องน้ำ…. ไว้ปิ๊งจะมาเล่าการผจญภัยบนรถบัสนี้แบบเต็มๆอีกครั้งนะคะ (ปล. เป็นตอนที่เดินทางจาก Krakow ไป Budapest ค่ะ)
5. Student Agency (Budapest-Bratislava-Budapest): Student Agency เป็นบริษัทของประเทศเช็กค่ะ สำหรับใครที่ถือบัตรนักเรียน ISIC จะมีส่วนลด 10 (หรือ 15)เปอร์เซ็นต์ค่ะ บนรถบัสจะมีสัญญาน WIFI เมื่ออยู่ไนเขตของเช็ก และบางคันยังมีทีวีให้ดูอีกด้วยค่ะ ประสบการณ์ดีๆ(เหรอ) เกิดขึ้นที่ Budapest ทั้งนั้น รออ่านความดีงามของช่วงนี้กันนะคะ
นอกจากรถบัส ปิ๊งได้แปลนให้สองประเทศแรก และสองประเทศสุดท้ายเชื่อมต่อกันโดยเครื่องบินค่ะ ส่วนเมืองที่เหลือ… รถไฟสิคะ
การเดินทางของปิ๊งเริ่มต้นจากการบินกลับไปที่กรุงเทพฯค่ะ เพราะสายการบินNorwegian Airways ที่มองอยู่ทีแรกบินจากกรุงเทพฯเท่านั้น
ออสโล-อัมสเตอร์ดัม กับ ปารีส-โคเปนเฮเกน ปิ๊งเล็งไว้แล้วว่าต้องบิน ทีแรกเล็งสายการบินแบบโลว์คอสต์ไว้ค่ะ (EasyJet) แต่ดูไปดูมา ทางสายการบินสแกนดิเนเวีย(SAS) มีตั๋วสำหรับเยาวชนนิ ราคาแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ แถมมีน้ำหนักกระเป๋าให้โหลดด้วย
การเดินทางโดยรถไฟปิ๊งหาจากเว็บ Loco2.com ค่ะ เช็คทุกวัน…
หลังการเดินทางก็… ที่พัก
บางเมืองเช่นออสโล ปารีส สวิส และโคเปนเฮเกนนั้น ปิ๊งได้ติดต่อกันเพื่อนๆ พี่ๆ และญาติของเพื่อน(ช่างกล้า) และบอกกล่าวว่าจะไปเที่ยว และถามเลียบๆว่าจะไปอยู่ด้วยได้มั้ยไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ โชคดีที่ทุกคนโอเค เพราะสี่เมือง/ประเทศนี้ถือเป็นที่ๆแพงที่สุดในจำนวนเมืองทั้งหมดค่ะ
ตัดปัญหาเรื่องเมืองที่ราคาหอพักนั้นอาจสูงถึง 40 ยูโรต่อคืนไป ก็มานั่งส่องที่พักในเมืองต่างๆค่ะ บางเมืองเช่น Ljubljana (อ่านว่า ลุบ-ลี-ยา-นา) ที่พักตกคืนละไม่ถึง 7ยูโร (ประมาน 260 บาท) ในขณะที่บางเมืองเช่นโคโลนจ์นั้นที่พักตกคืนละ 26 ยูโร(ประมาน 1000 บาท)ค่ะ
ทิปในการจองที่พัก :
1. หากเป็นไปได้ พยายามหลีกเลี่ยงคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ราคาอาจต่างกันกว่าเท่าตัว (วิธีเลี่ยงคือการนั่งรถข้ามคืนค่ะ)
2. ห้องพักรวมมักจะถูกกว่าห้องพักหญิงล้วน
3. สถานที่ตั้งนั้นสำคัญนัก ถ้าที่พักถูกแต่อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง เราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับค่าเดินทาง ระยะทางี่กำลังดีคือไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากใจกลางเมืองค่ะ
4. อย่าเช็คแค่เว็บไซต์เดียว ปิ๊งเช็คทั้งหมด 3 เว็บไซต์ซึ่งก็คือ Hostelworld.com ,booking.com และ hostelbookers.com แต่ใช้แค่สองค่ะ ในสามเว็บนี้ booking.com จะมีห้องที่สามารถจองไว้ก่อน แล้วยกเลิกฟรีได้ค่ะ (ต้องดูเงื่อนไขให้ดีๆนะคะ)
หลังจากที่ซุ่มดูทุกอย่างอยู่ประมาน 3 เดือน… ปิ๊งก็เก็บตังค์ครบ 4000 เหรียญในเดือนเมษายนค่ะ เงินครบปึ๊ป เตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ไปทำวีซ่าปั๊ปเลยค่ะ
ทิปในการทำวีซ่า (ขอภาวนาอย่าให้เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆมาเห็นเลย….):
1. หนึ่งในเอกสารที่เราต้องมีคือตั๋วเครื่องบินไป-กลับค่ะ แน่นอน เราจะไม่มีตั๋วนี้ถ้าเรายังไม่ได้ซื้อ และถ้าอยากจะได้ตั๋วโดยที่ยังไม่ได้ซื้อจริงๆ โดยทั่วไปจะต้องทำผ่านเอเยนต์ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอันตัวปิ๊งนี้มีงบน้อย เอเยนต์ไม่มีทางได้กินเงินเด็กดำๆคนนี้แน่นอน ปิ๊งได้ปรึกษาเพื่อนปิ๊งคนหนึ่ง ไอแจมเป็นเพื่อนสมัยประถมก่อนที่ปิ๊งจะย้ายไปอยู่สิงคโปร์ค่ะ และมันก็พึ่งเดินทางไปเที่ยวมา มันเลยให้เว็บมาหนึ่งเว็บ ซึ่งเป็นเว็บที่สามารถออกตั๋วให้เราได้โดยที่เรายังไม่ได้จอง (แต่ตอนนี้ลิ้งค์หาย เดี๋ยวไปตามหาก่อนค่ะ) เราไม่จำเป็นจะต้องหาสายการบิน หรือเที่ยวบินที่เราต้องการ แต่ประเทศที่ไป-กลับ และวันที่เดินทางควรจะตรงกับการเดินทางของเราค่ะ
2. อีกหนึ่งอย่างที่เราต้องใช้คือหลักฐานการยืนยันที่พักค่ะ มีสองประเภทคือการไปพักอยู่กับคนรู้จัก กับการจองที่พักเอง อันนี้ปิ๊งแนะนำให้ทำเหมือนเราจะไปพักตามโรงแรม/หอพักต่างๆค่ะ เพราะการที่จะระบุว่าต้องการไปพักกับคนรู้จัก ฝ่ายคนนั้นๆจะต้องกรอกเอกสารแล้วส่งทางจดหมายมาที่สถานทูตนั้นๆค่ะ มันจะยุ่งยากกว่าหลายเท่า ส่วนการยืนยันที่พักของปิ๊งทั้งหมดมาจาก booking.com ค่ะเพราะอย่างที่บอกไป เราสามารถยกเลิกการจองของเว็บนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ จอง-ปริ๊น-แคนเซิล จนครบทุกเมืองค่ะ
3. ค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่านักท่องเที่ยวนั้นมีราคาเดียวค่ะ ไม่ว่าจะทำ 20 วัน หรือ90 วัน เพราะฉะนั้น… เผื่อไว้หน่อยเถอะค่ะ ไม่งั้นจะเจอบทเรียนที่ราคาแพงแบบที่ปิ๊งเจอ (ฮือ….)
4. สถานทูตที่เราต้องไปทำวีซ่าคือสถานทูตของประเทศที่เราอยู่นานที่สุด ไม่สำคัญว่าเป็นประเทศลำดับที่เท่าไหร่ค่ะ ตามแปลนของปิ๊ง ประเทศที่ปิ๊งอยู่นานที่สุดคือเยอรมันค่ะ แต่วันที่เร็วที่สุดที่ทางสถานทูตเยอรมันมีเวลานัดว่างคือสิ้นเดือนเมษายนค่ะ ซึ่งปิ๊งรู้แน่นอนว่าถ้ารอ ราคาทุกๆอย่างจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน
แอบห่วงเล็กๆว่าจะทำวีซ่าทันไหม เพราะยิ่งรอนาน ตั๋วยิ่งแพง แต่วีซ่านักท่องเที่ยวใช้เวลาเร็วมากค่ะ 3 วันก็ได้รับโทรศัพท์บอกให้ไปรับได้เลย
พร่ำอะไรยาวจังอ่า มีแต่เรื่องน่าเบื่อๆ ข้ามได้นะคะ อนุญาต 5555

เจอกันตอนหน้าค่ะ
เด็กดำตะลอนยุโรป เดือนครึ่ง หนึ่งแสนบาท (ตอนที่ 1 — Tip ต่างๆ อาจจะไม่ถูกต้อง แต่ถูกตังค์ :P)
ลงแบบรวมๆ
(16 มีนาคม 2559) ว่าจะเขียนๆหลายรอบเหลือเกินกว่าจะเขียนได้สักที ตอนนี้ปิ๊งนั่งอยู่บนรถบัสกำลังมุ่งหน้าไปสอนเปียโนให้กับน้องคนหนึ่ง ขอบคุณเวลาบนรถบัสนี้ ที่คาดว่าจะกินเวลากว่า 50 นาที (แน่นอน อากู๋เกิ้ลเป็นคนบอกข้อมูลนี้) ทำให้ประกายความอยากเขียนของปิ๊ง(?)เกิดขึ้นอีกครั้ง
ทริปนี้ได้มีการเกิดขึ้นมานานมาก (ใส่ ก. ไก่เพิ่มตามใจชอบ) แล้ว การเริ่มต้นของทริปนี้ไม่มีอะไร นอกจากความบ้าระห่ำค่ะ
ขอเล่าเบื้องหลังของตัวเองเล็กน้อย ปิ๊งเป็นเด็กไทยที่มาอยู่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ตัวเองอายุ 10 ขวบ และพึ่งจบมหาลัยเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว (จะครบปีละค่ะ ใช่คำว่าพึ่งอาจจะไม่เหมาะแล้ว) ระหว่างที่เรียนมหาลัยปิ๊งได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่เดนมาร์ก และแน่นอน เหมือนกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาแลกเปลี่ยนหาใช่การเรียนไม่ แต่เป็นการเที่ยวล้วนๆค่ะ ปิ๊งมีโอกาสได้เที่ยวทั้งกับเพื่อน เที่ยวด้วยกันบ่อยจนทริปหลังๆแทบจะฆ่ากันตาย ไปถึงการเที่ยวคนเดียวเพราะไม่อยากยุ่งยากทำตามใจคนอื่น เห็นแก่ตัวเนอะ
ด้วยความที่พาสปอร์ตของประเทศสิงคโปร์นางดีงามมาก การไปเที่ยวหลังเรียนจบที่เราเรียกกันว่า Grad trip นั้นถือเป็นเรื่องปรกติมาก การไปเที่ยวนี้บางทีไปกันเป็นกลุ่มบ้างก็ไปกันเป็นคู่ ส่วนเรานั้นหรือ
โดดเดี่ยวเดียวดาย……..
ส่วนคิดไว้หลายที่ค่ะ ทริปประเทศไทยจากเหนือลงใต้ ทริปฮ่องกง-ญี่ปุ่น แต่ด้วยหลายๆเหตุผล รวมถึงความที่ปิ๊งคิดว่าค่าใช้จ่ายที่จะไปใช้ที่ฮ่องกงกับญี่ปุ่นนั้นอาจจะพอๆกับการไปยุโรป (เพราะได้คีย์หาเที่ยวบินไปยุโรปเล่นๆ แล้วบังเอิญว่ามันถูก…) ความมุ่งมั่นแบบลมๆแล้งๆก็เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม ปิ๊งได้ตั้งความคิด(และสเตตัสในเฟซบุ๊ค)ว่า:
ถ้าเก็บเงินได้หนึ่งแสนบาท (4000 เหรียญสิงคโปร์) เมื่อไหร่ ปิ๊งจะไปยุโรป
โดยตอนที่ตั้งนั้น… ไม่ได้เกรงใจบัญชีที่มีอยู่เพียง 250 เหรียญ(ประมาณ6300บาท)เลย…
จากวันนั้นปิ๊งก็นั่งดูแผนที่ยุโรป ดูว่าเออ เราอยากไปที่ไหน โดยเน้น….. เน้นอะไรละไม่ได้เน้นอะไรเลยค่ะ คิดแต่ว่า ต้องไปนอร์เวย์ เดนมาร์ก สวิส เยอรมัน และฝรั่งเศสอีกครั้ง
จากการเช็คเว็บและแอพเดินทางต่างๆเพื่อดูว่าเมืองที่เราอยากไปนั้นมีทางเชื่อมไปเมืองอื่นไหม บางเมืองใกล้กันเหลือเกินบนแผนที่ แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ การเดินทางอาจกินเวลาเป็นวันเพราะต้องไปต่อรถที่อื่น
ด้วยความที่ปิ๊งเน้นประหยัดคราวนี้ ปิ๊งต้องตัดใจจากการนั่งรถไฟที่ปิ๊งชอบหนักหนาและยอมรับชะตากรรมที่จะเดินทางโดยรถบัสซะเป็นหลัก
หลังจากที่ซุ่มดูแผนที่ยุโรปในขณะที่ชาวบ้านอ่านหนังสือกันอย่างเอาเป็นเอาตายบ้างก็พยายามหางานทำ ปิ๊งก็ได้ตัดสินใจจบลงที่เมืองต่างๆ หลากหลาย ที่อยู่ใน 13ประเทศค่ะดังนี้ค่ะ
Oslo — Bergen (Norway)
Amsterdam (The Netherlands)
Antwerp (Belgium)
Cologne — Bonn — Heidelberg — Berlin (Germany)
Gdansk , Sopot, Gdynia — Krakow (Poland)
Budapest (Hungary)
Bratislava (Slovakia)
Zagreb (Croatia)
Ljubljana — Bled (Slovenia)
Venice (Italy)
Bern (Switzerland)
Paris (France)
Copenhagen (Denmark)
คุ้นที่ไหนบ้างคะ?
(10 เมษายน 2559 บนเครื่อง Jetstar มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพครับ และกับตันหล่อมากแหะๆ) ผ่านไปเกือบเดือนค่ะ กว่าจะเขียนต่อได้ ปิ๊งไม่ได้เล่นส่งกรานต์ที่ไทยมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ปีนี้ไหนๆก็ยังหางานไม่ได้ กลับหน่อยละกัน
ต่อๆ
(26 เมษายน) มาต่ออีกประมานสองอาทิตย์ให้หลังค่ะ แหะๆๆๆ กำลังนั่งรถไฟกินลมเล่นที่สิงคโปร์…… (เหรอ?)
เปล่าค่ะ กำลังเดินทางไปสัมภาษณ์งาน แท้จริงแล้วควรจะนั่งท่องว่าจะตอบเขายังไงแต่มันเครียดเบาๆ เขียนอะไรที่มันสนุก (สำหรับคนเขียน) สักหน่อยละกัน
ปิ๊งไม่เคยได้ไปเที่ยวยุโรปกลาง-ตะวันออกค่ะ ใกล้เคียงที่สุดคือกรุงปรากเท่านั้นและก็รู้ด้วยว่าประเทศในแถบนี้มีค่าครองชีพ (ซึ่งแน่นอน แปลว่าค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย!) ที่ต่ำมากค่ะ
ได้ชื่อเมืองและประเทศที่ต้องการแล้วปิ๊งก็เริ่มทำการสร้าง spreadsheet ของ MS Excel ขึ้นมาหนึ่งไฟล์ค่ะ โดยระบุคร่าวๆว่าเรามีงบประมานเท่าไหร่ แยกเป็นสามหัวข้อใหญ่ค่ะ
ค่าเดินทางทั้งหมด
ค่าที่พัก
ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง
ค่าเดินทางในที่นี่เริ่มต้นด้วยการหาตั๋วเครื่องบินและวันที่ถูกที่สุด ปิ๊งบินได้หลังวันที่1 มิถุนายนเพราะมีสอบภาษาฝรั่งเศสก่อนหน้านั้น และต้องกลับมาก่อนวันที่ 30 กรกฎาคมเพราะนั่นคือวันรับปริญญาของปิ๊งค่ะ
หลังจากการหาวันที่เหมาะเจาะกับการเดินทาง ปิ๊งก็มาจบที่วันที่ 11/12/13 มิถุนายนถึงวันที่ 28 กรกฎาคมค่ะ ค่าตั๋วเครื่องบิน (Norwegian Airways) ณ เวลาที่เช็คนั้นอยู่ที่ประมาน 700 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาน 17,500 บาทค่ะ
ได้ที่ค่าตั๋วเครื่องบิน ได้จำนวนวันคร่าวๆที่จะเดินทาง ปิ๊งก็เริ่มวางแปลนว่าจะอยู่ที่เมืองไหนกี่คืน บางเมืองเช่นเวนิส (ที่กลับไปเพราะจะซื้อของให้ท่านแม่) ปิ๊งก็อยู่แค่คืนเดียว ส่วนบางเมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโคเปนเฮเกน ปิ๊งก็เทใจอยู่ยาวๆ 4 คืนไปเลยค่ะ
เหตุผลไม่มีอะไรมาก… แค่คิดถึง…..
ต่อจากการวางแปลนว่าจะอยู่ที่ไหนกี่คืน ก็คือการหาตั๋วรถบัสค่ะ ปิ๊งรู้จักแค่ยูโรไลน์นอกจากนั้นนี่อากู๋ช่วยโดยเฉพาะเลยค่ะ บางเส้นการเดินทางก็มีทุกวัน วันละหลายๆเที่ยว แต่บางเส้นการเดินทาง…. มีแค่อาทิตย์ละสองวัน แน่นอนค่ะ ต้องมีการปรับเปลี่ยนจำนวนวัน
บริษัทรถบัสที่ปิ๊งได้ใช้มองไว้มีดังนี้ค่ะ
1. Eurolines (Amsterdam- Antwerp, Antwerp-Cologne) : น่าจะเป็นบริษัทรถบัสที่ผู้คนทั่วไปจะรู้จัก เพราะบริษัทนี้มีรถบัสวิ่งทั่วแทบทุกประเทศในยุโรปค่ะ ตัวรถบัสเป็นรถชั้นเดียวค่ะ บนรถบัสสองคันที่นั่งมีป้ายขึ้นว่า “Free WIFI” แต่ต่อไม่เคยติดเลยค่ะ และรถของยูโรไลน์จะมีห้องน้ำในตัวรถค่ะ
2. FlixBus (Cologne-Heidelberg, Heidelberg-Berlin) : FlixBus เป็นบริษัทรถบัสของประเทศเยอรมันค่ะ สังเกตุง่ายมากคือรถบัสสีเขียวสองชั้น เห็นมาแต่ไกลลลลลล…. เป็นรถบัสที่มีสัญญาน WIFI (แต่ก็ไม่ค่อยติด)ให้ค่ะ และมีห้องน้ำ แอร์เย็นสบาย ถือว่าดี
3. Polski Bus (Berlin-Gdansk, Gdansk-Krakow) : ถือเป็นรถบัสที่ดีที่สุดในทริปนี้เลยค่ะ Polski Bus เป็นบริษัทของประเทศโปแลนด์ค่ะ รถบัสสองชั้น สัญญานเน็ตแรงมาก ที่นั่งสบาย มีห้องน้ำ รถบัสจะมีสีแดง และโลโก้เป็นเป็ด (หรือห่าน…หรือนกเพลิแคน ไม่มั่นใจเท่าไหร่ค่ะ)
4. OrangeWays (Krakow- Budapest, Budapest-Zagreb, Zagreb-Ljubljana): ถือเป็นรถบัสที่ปิ๊งได้ใช้บริการหลายเที่ยวที่สุดค่ะ แต่เป็นรถบัสที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ตัวรถบัสชั้นเดียว ไม่มีสัญญานเน็ตไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่กว่า (และใหญ่มาก) คือการไม่มีห้องน้ำ…. ไว้ปิ๊งจะมาเล่าการผจญภัยบนรถบัสนี้แบบเต็มๆอีกครั้งนะคะ (ปล. เป็นตอนที่เดินทางจาก Krakow ไป Budapest ค่ะ)
5. Student Agency (Budapest-Bratislava-Budapest): Student Agency เป็นบริษัทของประเทศเช็กค่ะ สำหรับใครที่ถือบัตรนักเรียน ISIC จะมีส่วนลด 10 (หรือ 15)เปอร์เซ็นต์ค่ะ บนรถบัสจะมีสัญญาน WIFI เมื่ออยู่ไนเขตของเช็ก และบางคันยังมีทีวีให้ดูอีกด้วยค่ะ ประสบการณ์ดีๆ(เหรอ) เกิดขึ้นที่ Budapest ทั้งนั้น รออ่านความดีงามของช่วงนี้กันนะคะ
นอกจากรถบัส ปิ๊งได้แปลนให้สองประเทศแรก และสองประเทศสุดท้ายเชื่อมต่อกันโดยเครื่องบินค่ะ ส่วนเมืองที่เหลือ… รถไฟสิคะ
การเดินทางของปิ๊งเริ่มต้นจากการบินกลับไปที่กรุงเทพฯค่ะ เพราะสายการบินNorwegian Airways ที่มองอยู่ทีแรกบินจากกรุงเทพฯเท่านั้น
ออสโล-อัมสเตอร์ดัม กับ ปารีส-โคเปนเฮเกน ปิ๊งเล็งไว้แล้วว่าต้องบิน ทีแรกเล็งสายการบินแบบโลว์คอสต์ไว้ค่ะ (EasyJet) แต่ดูไปดูมา ทางสายการบินสแกนดิเนเวีย(SAS) มีตั๋วสำหรับเยาวชนนิ ราคาแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ แถมมีน้ำหนักกระเป๋าให้โหลดด้วย
การเดินทางโดยรถไฟปิ๊งหาจากเว็บ Loco2.com ค่ะ เช็คทุกวัน…
หลังการเดินทางก็… ที่พัก
บางเมืองเช่นออสโล ปารีส สวิส และโคเปนเฮเกนนั้น ปิ๊งได้ติดต่อกันเพื่อนๆ พี่ๆ และญาติของเพื่อน(ช่างกล้า) และบอกกล่าวว่าจะไปเที่ยว และถามเลียบๆว่าจะไปอยู่ด้วยได้มั้ยไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ โชคดีที่ทุกคนโอเค เพราะสี่เมือง/ประเทศนี้ถือเป็นที่ๆแพงที่สุดในจำนวนเมืองทั้งหมดค่ะ
ตัดปัญหาเรื่องเมืองที่ราคาหอพักนั้นอาจสูงถึง 40 ยูโรต่อคืนไป ก็มานั่งส่องที่พักในเมืองต่างๆค่ะ บางเมืองเช่น Ljubljana (อ่านว่า ลุบ-ลี-ยา-นา) ที่พักตกคืนละไม่ถึง 7ยูโร (ประมาน 260 บาท) ในขณะที่บางเมืองเช่นโคโลนจ์นั้นที่พักตกคืนละ 26 ยูโร(ประมาน 1000 บาท)ค่ะ
ทิปในการจองที่พัก :
1. หากเป็นไปได้ พยายามหลีกเลี่ยงคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ราคาอาจต่างกันกว่าเท่าตัว (วิธีเลี่ยงคือการนั่งรถข้ามคืนค่ะ)
2. ห้องพักรวมมักจะถูกกว่าห้องพักหญิงล้วน
3. สถานที่ตั้งนั้นสำคัญนัก ถ้าที่พักถูกแต่อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง เราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับค่าเดินทาง ระยะทางี่กำลังดีคือไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากใจกลางเมืองค่ะ
4. อย่าเช็คแค่เว็บไซต์เดียว ปิ๊งเช็คทั้งหมด 3 เว็บไซต์ซึ่งก็คือ Hostelworld.com ,booking.com และ hostelbookers.com แต่ใช้แค่สองค่ะ ในสามเว็บนี้ booking.com จะมีห้องที่สามารถจองไว้ก่อน แล้วยกเลิกฟรีได้ค่ะ (ต้องดูเงื่อนไขให้ดีๆนะคะ)
หลังจากที่ซุ่มดูทุกอย่างอยู่ประมาน 3 เดือน… ปิ๊งก็เก็บตังค์ครบ 4000 เหรียญในเดือนเมษายนค่ะ เงินครบปึ๊ป เตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ไปทำวีซ่าปั๊ปเลยค่ะ
ทิปในการทำวีซ่า (ขอภาวนาอย่าให้เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆมาเห็นเลย….):
1. หนึ่งในเอกสารที่เราต้องมีคือตั๋วเครื่องบินไป-กลับค่ะ แน่นอน เราจะไม่มีตั๋วนี้ถ้าเรายังไม่ได้ซื้อ และถ้าอยากจะได้ตั๋วโดยที่ยังไม่ได้ซื้อจริงๆ โดยทั่วไปจะต้องทำผ่านเอเยนต์ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอันตัวปิ๊งนี้มีงบน้อย เอเยนต์ไม่มีทางได้กินเงินเด็กดำๆคนนี้แน่นอน ปิ๊งได้ปรึกษาเพื่อนปิ๊งคนหนึ่ง ไอแจมเป็นเพื่อนสมัยประถมก่อนที่ปิ๊งจะย้ายไปอยู่สิงคโปร์ค่ะ และมันก็พึ่งเดินทางไปเที่ยวมา มันเลยให้เว็บมาหนึ่งเว็บ ซึ่งเป็นเว็บที่สามารถออกตั๋วให้เราได้โดยที่เรายังไม่ได้จอง (แต่ตอนนี้ลิ้งค์หาย เดี๋ยวไปตามหาก่อนค่ะ) เราไม่จำเป็นจะต้องหาสายการบิน หรือเที่ยวบินที่เราต้องการ แต่ประเทศที่ไป-กลับ และวันที่เดินทางควรจะตรงกับการเดินทางของเราค่ะ
2. อีกหนึ่งอย่างที่เราต้องใช้คือหลักฐานการยืนยันที่พักค่ะ มีสองประเภทคือการไปพักอยู่กับคนรู้จัก กับการจองที่พักเอง อันนี้ปิ๊งแนะนำให้ทำเหมือนเราจะไปพักตามโรงแรม/หอพักต่างๆค่ะ เพราะการที่จะระบุว่าต้องการไปพักกับคนรู้จัก ฝ่ายคนนั้นๆจะต้องกรอกเอกสารแล้วส่งทางจดหมายมาที่สถานทูตนั้นๆค่ะ มันจะยุ่งยากกว่าหลายเท่า ส่วนการยืนยันที่พักของปิ๊งทั้งหมดมาจาก booking.com ค่ะเพราะอย่างที่บอกไป เราสามารถยกเลิกการจองของเว็บนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ จอง-ปริ๊น-แคนเซิล จนครบทุกเมืองค่ะ
3. ค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่านักท่องเที่ยวนั้นมีราคาเดียวค่ะ ไม่ว่าจะทำ 20 วัน หรือ90 วัน เพราะฉะนั้น… เผื่อไว้หน่อยเถอะค่ะ ไม่งั้นจะเจอบทเรียนที่ราคาแพงแบบที่ปิ๊งเจอ (ฮือ….)
4. สถานทูตที่เราต้องไปทำวีซ่าคือสถานทูตของประเทศที่เราอยู่นานที่สุด ไม่สำคัญว่าเป็นประเทศลำดับที่เท่าไหร่ค่ะ ตามแปลนของปิ๊ง ประเทศที่ปิ๊งอยู่นานที่สุดคือเยอรมันค่ะ แต่วันที่เร็วที่สุดที่ทางสถานทูตเยอรมันมีเวลานัดว่างคือสิ้นเดือนเมษายนค่ะ ซึ่งปิ๊งรู้แน่นอนว่าถ้ารอ ราคาทุกๆอย่างจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน
แอบห่วงเล็กๆว่าจะทำวีซ่าทันไหม เพราะยิ่งรอนาน ตั๋วยิ่งแพง แต่วีซ่านักท่องเที่ยวใช้เวลาเร็วมากค่ะ 3 วันก็ได้รับโทรศัพท์บอกให้ไปรับได้เลย
พร่ำอะไรยาวจังอ่า มีแต่เรื่องน่าเบื่อๆ ข้ามได้นะคะ อนุญาต 5555
เจอกันตอนหน้าค่ะ