สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเองเคยไปใช้ชีวิตที่ประเทศ Saudi Arabia อาจมากกว่าอายุจขกท. ที่นั่นเห็นอะไรหลายๆอย่างทั้งดีและไม่ดี บอกเลยนะครับหากเราเข้าประเทศนั้น ห้ามนำสัญลักษณ์ทางศาสนาอื่นๆเข้าไปเด็ดขาด แม้แต่สิ่งตีพิมพ์ต่างๆเข้าไป เขาจะเช็คแบบค้นเปิดทีละชิ้นเลยในกระเป๋า หากคุณเป็นเมืองไทยมีวัดมากมาย ที่นั่นจะมีมัสยิสมากมาย และที่สำคัญจะไม่มีศาสนสถานอื่นๆนอกจากมัสยิส เขาห้ามครับ เรื่องการนุ่งสั้นวับแวมแบบประเทศไทยไม่มี จะแต่งสวยยังไงต้องเอาผ้าแพรสีดำคลุมไว้ห้ามเปิดเผยหน้าตาในที่สาธารณะครับ แม้จะมีโทร.ถ่ายภาพได้โปรดรับทราบ การถ่ายภาพอะไรต่างๆพึงระวังหากเจอคนคลั่งศาสนาอาจโดนทุบโทร.หรือกล้องทิ้งครับ สังคมเขาแยกหญิงชายเด็ดขาด ไม่พูดคุยกันในที่สาธารณะครับกรณีหญิงชาย รถโดยสารมีที่นั่งแยกสำหรับหญิง ห้องอาหารมีที่แยกสำหรับครอยครัวไปไหนคนเดียวไม่ได้ต้องไปกับน้องพี่ชายคนในครอบครัว สามี
เรื่องหนึ่งที่เจอคือซาอุดิฯเขาเป็นโรคความดันสูง แต่ไม่ยอมรักษาตัวเอง อายุน้อยกว่าผม ผมเห็นหากไม่กินยาคงตายแน่เพราะอาการแบบแย่คือเป็นอัมพฤกษ์ เขาพร่ำอย่างเดียวพระเจ้ากำลังลงโทษเขา เขาน้อมรับความตาย ผมเลยต้องเข้าปลอบและบอกพระเจ้าประทานยามาให้กินลองกินนะเดี๋ยวจะหาย ก็หว่านล้อมสารพัดทุกวันจนยอมกินยาครับเดี๋ยวนี้หายเดินได้ยังติดต่อกันอยู่ครับ เขาก็พยายามโน้มน้าวหาหนังสือเกี่ยวกับศาสนามาให้อ่านครับเกี่ยวกับศาสนา มีอะไรช่วยเหลือเรียกว่าผมคือคนพิเศษเลย ผมรับไว้และอ่านครับแต่มันคนละแนวครับกับพุทธ เขาเพียรเสนอสิ่งต่างๆอาทิหากเปลื่ยนศาสนาจะพาเข้าหาผจ.และเพิ่มเงินเดือนให้
ผมคิดหากไม่ชี้แจงอะไรเลยคงจะเสียเวลา ผมคนตรงๆเลยบอกเราคบกันคุยกันคุณก็รู้ว่าผมต่างศาสนา เราคบด้วยว่าเพราะต่างคนเห็นว่าเป็นคนดีไม่ได้คบเพราะเราแตกต่างทางศาสนา เรื่องเปลื่ยนศาสนาผมคงทำไม่ได้เพราะผมเองรากฐานมาจากศาสนานี้คนในครอบครัวก็ศาสนานี้การจะเอาพระพุทธรูปที่มีมาแต่ไหนแต่ไรออกไปจากบ้านไม่ให้มีรูปภาพอะไรในบ้านคงเป็นที่สงสัยของคนในครอบครัวแน่นอนครับ แม้เราจะต่างศาสนาแต่ความเป็นเพื่อนเรายังดีราบรื่น ผมต้องขอโทษครับผมเปลื่ยนไม่ได้จริงๆคงไม่โกรธ ผมบอกกับเขาดีๆเขาก็เข้าใจครับไม่มาโน้มน้าวอะไรอีกเลยจริงผมอธิบายมากกว่านี้ ทุกวันนี้ผมยังพูดคุยกันเสมอมาเป็นซาอุดิฯที่ผมคบมานานครับ
การที่คุณเลื่อมใสศาสนานี้ ผมว่าไม่แปลก แต่การจะเลิกนับถือศาสนาพุทธ ก็ไม่แปลกเช่นกันแต่รับทราบคุณนับถือศาสนาอื่นๆคงไม่มีใครว่าครับ แต่หากคุณเลิกนับถือศาสนาที่คุณเอ่ยถึง ผิดครับบาปแม้แต่คิดก็ผิดแล้วศาสนานี้ต้องน้อมรับฟังทุกอย่างห้ามโต้แย้ง เขามีกฎเข้มสุดๆละหมาดวันละห้าครั้ง นี่ก็ไกล้เดือนถือศีลอดคุณทำได้ไหมกินอาหารแม้แต่น้ำก็ไม่ได้หลังตีห้า หรือดึกกว่านั้นกฎนี้จะมี30วันหรือ29วันทุกปี หากจะทำหรือจะเปลื่ยนต้องมั่นใจว่าศรัทธาครับอย่าทำแบบเพราะมีคนชักนำโน้มน้าว ที่นั่นประเทศซาอุดิฯเสียงอาซานจะมีคนเดินตรวจตรามองว่าคนนั้นนับถือศาสนามุสลิมไหมทำไมไม่ไปละหมาด ร้านค้าต้องปิดก่อเสียงอาซานครับ คนเดินตรวจตรามีอำนาจสามารถตบ เฆี่ยนหากเขารู้ว่าคุณคือมุสลิมไม่ไปละหมาดครับ (ไม่บังคับเลย) สิ่งไดๆที่สบายๆจักต้องเข้มงวดกับตัวเองเพื่ออยู่ในกรอบครับ มันยังมีอะไรๆมากกว่านี้นะครับ หากพ่อแม่คุณเสียชีวิตห้ามกราบ ห้ามไหว้กรณีคุณนับถือศาสนานี้ ไปพิธีได้ครับแต่ห้ามทำการไดๆทางศาสนานะครับคุณจักต้องจงรักภักดี พระเจ้าของศาสนานี้เท่านั้น
ที่เขียนมาก็ไม่ได้อะไรให้ตรองอย่าทำแบบว่าเออ เขาฮิตหรือคิดว่าทำชั่วคราว บอกให้นะครับผมน่ะไม่รังเกียจทุกศาสนา เพราะจุดมุ่งหมายของทุกๆศาสนาคือมีมาให้ทุกคนเกรงกลัวบาปอยู่มั่นในความดีครับ แต่ผมเกลียดคนคลั่งศาสนา ที่แยกไม่ออกว่าคลั่งกับศรัทธาต่างกันอย่างไร ให้คอยดูคอมเมนต์ผมจะมีคนคลั่งมาแตกกระทู้เปรียบเปรยอีกเจอมาจยชินครับ ไม่เสียดายหากอยากเปลื่ยนหรือศรัทธาครับ
เรื่องหนึ่งที่เจอคือซาอุดิฯเขาเป็นโรคความดันสูง แต่ไม่ยอมรักษาตัวเอง อายุน้อยกว่าผม ผมเห็นหากไม่กินยาคงตายแน่เพราะอาการแบบแย่คือเป็นอัมพฤกษ์ เขาพร่ำอย่างเดียวพระเจ้ากำลังลงโทษเขา เขาน้อมรับความตาย ผมเลยต้องเข้าปลอบและบอกพระเจ้าประทานยามาให้กินลองกินนะเดี๋ยวจะหาย ก็หว่านล้อมสารพัดทุกวันจนยอมกินยาครับเดี๋ยวนี้หายเดินได้ยังติดต่อกันอยู่ครับ เขาก็พยายามโน้มน้าวหาหนังสือเกี่ยวกับศาสนามาให้อ่านครับเกี่ยวกับศาสนา มีอะไรช่วยเหลือเรียกว่าผมคือคนพิเศษเลย ผมรับไว้และอ่านครับแต่มันคนละแนวครับกับพุทธ เขาเพียรเสนอสิ่งต่างๆอาทิหากเปลื่ยนศาสนาจะพาเข้าหาผจ.และเพิ่มเงินเดือนให้
ผมคิดหากไม่ชี้แจงอะไรเลยคงจะเสียเวลา ผมคนตรงๆเลยบอกเราคบกันคุยกันคุณก็รู้ว่าผมต่างศาสนา เราคบด้วยว่าเพราะต่างคนเห็นว่าเป็นคนดีไม่ได้คบเพราะเราแตกต่างทางศาสนา เรื่องเปลื่ยนศาสนาผมคงทำไม่ได้เพราะผมเองรากฐานมาจากศาสนานี้คนในครอบครัวก็ศาสนานี้การจะเอาพระพุทธรูปที่มีมาแต่ไหนแต่ไรออกไปจากบ้านไม่ให้มีรูปภาพอะไรในบ้านคงเป็นที่สงสัยของคนในครอบครัวแน่นอนครับ แม้เราจะต่างศาสนาแต่ความเป็นเพื่อนเรายังดีราบรื่น ผมต้องขอโทษครับผมเปลื่ยนไม่ได้จริงๆคงไม่โกรธ ผมบอกกับเขาดีๆเขาก็เข้าใจครับไม่มาโน้มน้าวอะไรอีกเลยจริงผมอธิบายมากกว่านี้ ทุกวันนี้ผมยังพูดคุยกันเสมอมาเป็นซาอุดิฯที่ผมคบมานานครับ
การที่คุณเลื่อมใสศาสนานี้ ผมว่าไม่แปลก แต่การจะเลิกนับถือศาสนาพุทธ ก็ไม่แปลกเช่นกันแต่รับทราบคุณนับถือศาสนาอื่นๆคงไม่มีใครว่าครับ แต่หากคุณเลิกนับถือศาสนาที่คุณเอ่ยถึง ผิดครับบาปแม้แต่คิดก็ผิดแล้วศาสนานี้ต้องน้อมรับฟังทุกอย่างห้ามโต้แย้ง เขามีกฎเข้มสุดๆละหมาดวันละห้าครั้ง นี่ก็ไกล้เดือนถือศีลอดคุณทำได้ไหมกินอาหารแม้แต่น้ำก็ไม่ได้หลังตีห้า หรือดึกกว่านั้นกฎนี้จะมี30วันหรือ29วันทุกปี หากจะทำหรือจะเปลื่ยนต้องมั่นใจว่าศรัทธาครับอย่าทำแบบเพราะมีคนชักนำโน้มน้าว ที่นั่นประเทศซาอุดิฯเสียงอาซานจะมีคนเดินตรวจตรามองว่าคนนั้นนับถือศาสนามุสลิมไหมทำไมไม่ไปละหมาด ร้านค้าต้องปิดก่อเสียงอาซานครับ คนเดินตรวจตรามีอำนาจสามารถตบ เฆี่ยนหากเขารู้ว่าคุณคือมุสลิมไม่ไปละหมาดครับ (ไม่บังคับเลย) สิ่งไดๆที่สบายๆจักต้องเข้มงวดกับตัวเองเพื่ออยู่ในกรอบครับ มันยังมีอะไรๆมากกว่านี้นะครับ หากพ่อแม่คุณเสียชีวิตห้ามกราบ ห้ามไหว้กรณีคุณนับถือศาสนานี้ ไปพิธีได้ครับแต่ห้ามทำการไดๆทางศาสนานะครับคุณจักต้องจงรักภักดี พระเจ้าของศาสนานี้เท่านั้น
ที่เขียนมาก็ไม่ได้อะไรให้ตรองอย่าทำแบบว่าเออ เขาฮิตหรือคิดว่าทำชั่วคราว บอกให้นะครับผมน่ะไม่รังเกียจทุกศาสนา เพราะจุดมุ่งหมายของทุกๆศาสนาคือมีมาให้ทุกคนเกรงกลัวบาปอยู่มั่นในความดีครับ แต่ผมเกลียดคนคลั่งศาสนา ที่แยกไม่ออกว่าคลั่งกับศรัทธาต่างกันอย่างไร ให้คอยดูคอมเมนต์ผมจะมีคนคลั่งมาแตกกระทู้เปรียบเปรยอีกเจอมาจยชินครับ ไม่เสียดายหากอยากเปลื่ยนหรือศรัทธาครับ
แสดงความคิดเห็น
ฝันว่ามีปืนจ่อที่ศีรษะ และถูกยิง แต่ก่อนตายอยู่ดีๆก็กล่าว ลาอิลลาอิลาอัลเลาะฮ์ (ขออภัยถ้าสะกดผิดคะ)
จนกระทั่ง3ปีที่แล้วเรามีโอกาสไปทำงานประเทศอาหรับ มีเพื่อนน้อยมากส่วนมากคือเพื่อนร่วมงาน แต่บังเอิญรู้จักเพื่อนชาวอาหรับบ้าง เราทรมานมากกับวัฒนธรรมที่ต่างจากไทยเราร้องไห้อยากกลับบ้าน. เราทำได้ไม่นานเราขอลาออกกลับมาอยู่ไทยเหมือนเดิม ก่อนกลับเราเปิดตู้หัวเตียงที่โรงแรมเจอกุรอ่าน1 เล่ม เราอ่านไม่ออกกลับหัวกลับหางอันไหนด้านบนด้านล่างเราก็ยังแยกไม่ออก. เราเจอผ้าปูละหมาด (เดาเอาเอง) เราเปิดออกดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันเป็นผ้าปูละหมาดอย่างดี สวยมาก ใจเราอยากได้กลับบ้านอยากจะขอซื้อจากโรงแรมคะเพื่อเป็นจองที่ระลึกธรรมดา และอยากได้กุรอานเล่มนั้นเพราะสวยมากเราเปิดผ่านไปเรื่อยๆทั้งที่อ่านไม่ออกแต่เราชอบศิลปะและชอบสะสมของต่างๆจากทั่วโลกคิดเล่นๆว่าจะเอามาเป็นของที่ระลึก เราโทรถามรีเซฟชั่นว่าเราจะขอซื้อ ทางโรงแรมไม่ขาย. แต่สักครู่เมเนเจอโรงแรมเอากุรอ่านพร้อมผ้าปูละหมาดมาให้เราพร้อมกล่าวว่าอันนี้ไม่คิดเงิน ให้ฟรีแต่เค้าเตือนเราว่าหนังสือนี้ศักดิ์สิทธ์นะไม่ใช่ของเล่นๆ เราดีใจมากอารมณ์แบบมาพักโรงแรมแถมได้ของฟรี ถึงแม้ผ้าปูละหมาดจะไม่ใช่แบบดีเท่ากับที่โรงแรมจัดไว้ให้แขกที่มาพัก แต่เราก็พอใจ. เรากลับเมืองไทยคะ
เราไม่คิดอะไรวางกุรอ่านพร้อมผ้าละหมาดบนชั้นวางหนังสือชั้นสูงสุด(เชื่อตามที่พี่แขกแกบอก) ผ่านไปเราติดต่อเพื่อนที่อาหรับส่งlink u tube เกี่ยวกับการเข้ารับอิสลามของฝรั่งทั่วโลก เราก็ดูเพลินๆ เพราะเราชอบภาษาเราว่าภาษาอาหรับแปลกดี เราอ่านซับไตเติ้ลอังกฤษเอา ก็ยังไม่อินเท่าไรจนเรากดลิงค์มั่วๆไปเจอซูเราะห์ (ตอนนั้นไม่รู้เรียกอะไร) เราก็ฟัง ที่ลิ้งค์ยูทูปเขียนว่า last 10 surah อ่านโดย shikh mishery(สะกดผิดขออภัยคะ) เราอินมากเราเลยหยิบกุรอ่านมาเปิดไปหน้าท้ายๆ เดาเอาว่าไหนหน้าหลัง. เราเริ่มจับจุดได้ ว่าจบ1 ท่อน จะหยุดแปปนึง. สักพักเราแทบจำทำนองซูเราะห์ได้ (ลืมบอกคะเราเป็นนักดนตรีด้วย เป็นเด็กติสๆ คิดว่าเพราะดีแปลกดี ลองเสพอารยธรรมทางอาหรับดู) เราเริ่มอินมากขึ้น เริ่มศึกษาภาษาอาหรับเอง สักพักอ่านออกเขียนได้เป็นคำๆแต่ไม่รู้คำศัทธ์เท่าไหร่. แค่รู้ว่าออกเสียงประมาณนี้ เราไปเข้าเรียนวิชาภาษาอาหรับเพราะเคยเซิสดูเค้าบอกว่าคนใช้เยอะมากบนโลกและเป็น1ในภาษาที่ใช้ในสหประชาชาติ เราว่าเก๋ดีเราชอบ. เราเลยมีเพื่อนมุสลิมไทยที่มาเรียนด้วย1 คน. นางน่ารักมากสุภาพเรียบร้อย. ต่างจากเรา นางยินดีชวนเราเข้ามาเที่ยวชมรมมุสลิมในมหาลัย เพราะถึงนางจะเรียนจบแล้วทำงานแล้วแต่ก็กลับไปทำกิจกรรมบ่อยๆ เราก็มีเพื่อนมุสลิมเพิ่มขึ้นเป็นรุ่นน้องผญ. บังเอิญว่าวันที่เราไปเล่นในชมรมเป็นช่วงก่อนวันอีฏ ในชมรมแยกกลุ่มชายหญิงคนละส่วนไม่ปะปน เราขอร่วมฟังกิจกรรมที่น้องๆเตรียม ทุกคนเรียงลำดับพูดเรื่องของนบี (เราเริ่มมีความรู้ขึ้นเล็กน้อยเรื่อยๆ) น้องๆถามว่าทำไมเราสนใจ เราบอกว่าเราชอบเสียงอะซาน แล้วเสียงเราเริ่มสั่นเครือ เราบอกว่าเราซึ้งเวลาที่ได้ยิน แล้วน้ำตาเราเริ่มไหล. เราเห็นน้องบางคนเอาฮิญาบเช็ดน้ำตาตัวเองระหว่างที่เราเล่า และน้องๆก็ถึงเวลาละหมาดก็ละหมาดให้เราดู. และแยกย้ายกลับ เราติดต่อไลน์กับน้องคนนึง นางอยากให้เราไปอบรมแค่เราก็ไม่มีเวลา ประจวบเราได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิมที่ประเทศอาหรับเช่นเคย. เราต้องเตรียมตัวกลับไปทำงานจึงไม่ได้ไปเรียนที่สันติชนสักที รวมถึงเราเริ่มโดนการต่อต้านจากญาติๆที่มองว่าเราแปลกถึงขั้นว่าเราจิตอ่อน และแซวเมื่อเราลองโพกฮิญาบว่าเราจะทนได้ไหม ทุกคนเหมือนตลกเรา เรากลับไปทำงาน .....ลืมเล่าว่าก่อนเราได้งานนี้เราไปสมัครที่สิงคโปร์ เรามองออกไปเจอมัสยิด เราคิดทบทวนที่เราจะอยู่กับสังคมที่บ้านหรือญาติๆอย่างไร เราแกล้งนึกในใจถ้าอัลเลาะฮ์มีจริงช่วยทำให้เราเห็น/รู้สึกว่าท่านมีจิงสิ อย่าให้เราคิดว่าเราจิตอ่อนเชื่อคำชักจูง ทันใดนั้นที่มัสยิดมีฝูงนกบินออกมากว่า10ตัว บินวนรอบมัสยิดอยู่หลายรอบก่อนฝนจะตกลงมาเพียง5 นาทีแล้วหยุด เราน้ำตาไหลทันที เราแอบร้องไห้เบาๆคนเดียวกลัวน้องแซว (เรามากับน้อง) เราเริ่มเชื่องจริงจังแต่ก็ยังคิดว่าเรามโนรึเปล่าคือแค่ฝนตกมันอาจจะประจวบกับเราเพ้อเจ้อ เรายังพยายามต่อต้านเพราะทุกคนไม่เห็นด้วยที่เราจะเปลี่ยนศาสนา แต่ทางบ้านก็ไม่ห้ามแต่ญาติๆก็ไม่ได้สนับสนุน มองว่าเด๋วเรามีเรื่องอื่นสนใจก็หายเพ้อไปเอง
เวลาผ่านไปเราหนุดคิดเรื่องเปลี่ยนศาสนาแต่แค่เอาส่วนดีมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ชีวิตเราดีขึ้น เริ่มลองละหมาดตามแบบที่ยูทูปสอน เราเริ่มไม่ชอบการใส่กางเกงขาสั้น. แต่เราไม่ว่าคนใส่ แต่เราไม่ใส่เราใส่เสื้อมีแขนตลอดเวลาเลิกใส่แขนกุดชีวิตเรามีความสุขขึ้นเหมือนเรารู้สึกว่าเราโตขึ้นภูมิฐานขึ้น เราเลิกใส่ทุกอย่างที่สั้นเหนือเข่า
แต่กระนั้นเราก็ทำได้แค่นั้นเราไม่คิดเปลี่ยนแล้วเพื่อนชาวพุทธอธิบายเรื่องนิพานต่างๆให้เราฟังจนเราคิดว่าทุกศาสนาดีหมดเราเริ่มเลิกหาข้อแตกต่างเพราะตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆก็เที่ยงแท้ถูกต้อง. เราเลิกพยายามให้คนในครอบครัวยอมรับว่าเราจะเป็นมุสลิม และขี้เกียจตอบคำถามด้วย เราก็เนียนเป็นพุทธเหมือนเดิม ทุกคนก็คิดว่าเรากลับสู่โหมดปกติ เราเริ่มฟังซูเราะน้อยลง ห่างไปเรื่อยๆ และคิดเรื่องอื่นๆมากกว่าการตั้งใจจะเปลี่ยนศาสนา
จนในที่สุด
เมื่อคืนก่อนเราฝันว่าตัวเองกำลังจะตาย. แต่ก่อนตายกล่าว ลาอิลาอิลอัลเลาะฮ์ (ถ้าสะกดผิดขออภัย) เราตกใจมาก แต่ก็แอบเข้าข้างตัวเองว่าดูหนังแอคชั่นเยอะไปเลยฝันว่าถูกยิง. แต่ไม่คิดว่าจะกล่าวคำนี้ในฝันก่อนหายใจรวยรินเฮือกสุดท้าย และศพเราถูกส่งกลับไทย. ในฝันเหมือนเราอยู่ต่างแดน. เรางงแต่ก็พยายามคิดว่ามันแค่ความฝัน
เพื่อนๆคิดว่าเรามโนป่ะคะ. หรือจาดความมั่นใจในตัวเอง. เราอาจจะไร้สาระ แต่พอเราตื่นมาวันนั้นเป็นวันที่. 1 ชะบาน ที่เค้าประกาศพอดี รวมทั้งเป็นวันเกิดเรา ขอโทษที่เขียนยาวยืด นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิต คืออยากถามความเห็นเพื่อนๆว่าเราประหลาดหรือจิตอ่อน หรือเราควรยึดตามที่เราเกิด. เกิดเป็นพุทธเราก็สุขดี. แต่ใจเราก็โหยหาอยากเป็นมุสลิมแต่คงต้องฝ่าฟันเยอะเกินไป. รวมทั้งfeedbackจากคนภายนอกที่มองในมุมต่างๆ
ขออภัยถ้าเขียนอะไรผิดบ้าง. เรารู้งูๆปลาๆแต่ทุกอย่างมันมาเองจากจิตใต้สำนึก เรารูว่าบางท่านอาจว่าๆก็แค่ฝัน เราแค่อยากเล่าประสบการณ์นะคะ แต่ถ้าได้ข้อคิดเห็นด้วยก็ดีคะ. ขอบคุณคะ