เมื่อผมโดนตำรวจจับกุม ณ เยอรมัน "Ich wurde von der Polizei festgenommen"

สวัสดีครับ อันนี้ยืมไอดีพี่ที่รู้จักมา แชร์ประสบการณ์ที่เจอมา
ผมเป็นนักเรียนที่เพิ่งมาเรียนต่อที่เยอรมัน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ปีนี้ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
เมื่อตอนกลางวัน วันศุกร์ หลังเลิกเรียนที่มหาลัย ผมก็ได้ปั่นจักรยานไปกินข้าวกลางวันและซื้อของในห้างแถวนั้น ตามปกติซึ่งก็ไม่มีอะไร
หลังจากนั้นผมก็จะไปธนาคารเพื่อกดเงินจากตู้ ATM แถวธนาคารก็มีราวล็อกจักรยาน ผมก็กำลังจะล็อกจักรยาน อยู่ๆ ก็มีป้าพุ่งเข้ามาแล้ว ตะโกนเสียงดังเป็นภาษาเยอรมันว่า “นี่เป็นจักรยานของฉัน แกไปเอามาจากไหน” พร้อมกับจะดึงจักรยานไปจากผม
ด้วยความตกใจเลยยังไม่ได้ตอบ แต่ก็ได้ดึงจักรยานกลับมา
แล้วป้าแกก็ถามอีกว่า “นี่เป็นจักรยานของฉัน แกไปเอามาจากไหน”
ผมก็เลยบอกไปว่า “ไม่ใช่แหละ นี่มันจักรยานผม ผมซื้อมาจากงานขายจักรยานในเมือง”
ป้าแกก็ดึงจักรยานและถามซ้ำอีกหลายรอบว่า “แกไปซื้อมาจากไหน ที่ไหน เมื่อไหร่” แล้วป้าแกก็ตะโกนเรียกคนแถวนั้น จังหวะนั้นก็เริ่มมีคนเข้ามามุงแล้ว
จากที่กำลังตกใจก็เริ่มตั้งสติได้แล้ว อยู่ตรงนี้อาจจะเป็นลานโล่ง เดี๋ยวอาจจะมีคนมาล้วงกระเป๋าเอาของไป ตามสไตล์ทริกของคนยุโรป ให้เบี่ยงเบนความสนใจ แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านในเคสนึงว่า
จะมีคนมาอ้างว่า เราเอาของของเขาไป แล้วก็จะมีพลเมืองดีมาเสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ยให้เรายอมจ่ายเงินให้ เรื่องจะได้จบๆ ถ้าไม่ได้ก็เรียกตำรวจ ซึ่งก็เป็นพวกเดียวกัน (ตำรวจปลอม)
จากนั้นผมก็ดึงจักรยานมาจากเสาที่ล็อกแล้วเดินมาตรงลาน ตอนนั้นก็มีคนมาล้อมประมาณ 15-20 คน (น่าจะเป็นคนตุรกี เหมือนจะรู้จักกัน เห็นทักทายกับคนที่เดินผ่านไปมาหลายคนมาก)
ป้าแกก็ยังถามต่อ “แกไปซื้อมาจากไหน ที่ไหน เมื่อไหร่” ผมก็ตอบคำตอบเดิม
พร้อมกับสวนป้าแกไปว่า “ป้ามีหลักฐานเปล่าว่า นี่เป็นจักรยานของป้า ผมมีหลักฐานว่า ผมซื้อจักรยานนี้มา”
ป้าแกก็ตอบว่า “ตอนนี้ไม่มี แต่มีหลักฐานอยู่ที่บ้าน ถ้าแกไม่ยอมบอกว่า เอาจักรยานนี้มาจากไหน ฉันจะโทรเรียกตำรวจแล้ว”
ตอนนั้นคิดเลยว่า แม่มเข้าโครงเรื่องทุกอย่างเลย แล้วป้าก็เดินออกจากวงไปโทรศัพท์ ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายเข้ามาจับจักรยานแทน พร้อมก็บอกว่า “เดี๋ยวตำรวจก็มาแล้ว ไม่ต้องโกรธ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่มีปัญหาไร”
พร้อมกับมีผู้หญิงที่เข้ามาเสนอตัวช่วยว่า มีเรื่องอะไร จังหวะนั้นผมไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร เชื่อใจตัวเองดีที่สุด เลยหยิบกุญแจแล้วพยายามจะล็อกจักรยานกับราวแถวนั้นไว้ก่อน
ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนจะไม่ยอม แต่สุดท้ายผมก็ดึงแล้วล็อกกับราวไว้ แล้วเดินออกมาจากวง พร้อมกับโทรศัพท์หา พี่ น้อง เพื่อน มีกี่เบอร์ก็โทรหมด ที่เรียนอยู่ในมหาลัยให้รีบมาช่วยเป็นพวกหน่อย จากนั้นเดินเข้ามาหลบอยู่ในร้านขายผัก ก็ยังมีคนตามคอยดู
สักประมาณ 3 นาที ก็มีตำรวจมา 2 คน  ตำรวจหัวหน้าบอกว่าออกไปคุยกันข้างนอก ตอนนั้นผมก็เลยบอกว่า
“ไม่ ตำรวจจริงเปล่า ผมต้องการดูบัตรประจำตัวก่อน” (อันนี้ไม่ได้จะกวนตีน แค่ต้องการความแน่ใจ ว่าเป็นตำรวจจริง)
ตำรวจหัวหน้าพูดว่าพูดพร้อมกับชี้ป้าย Polizei (แปลว่า ตำรวจ) บนเสื้อเกราะ “นี่เครื่องแบบตำรวจ นี่เสื้อเกราะ นี่ปืน นี่หมวกมีตราตำรวจ เห็นไหม”
ผมก็ยังยืนยันว่า จะขอดูบัตรก่อน ตำรวจหัวหน้าเลย หยิบกระเป๋าเงิน แล้วเปิดบัตรประจำตัวให้ดู แล้วก็พูดว่า “นี่บัตรประจำตัวผม โอเคนะ งั้นผมขอดู Passport คุณหน่อย”
ผมเลยตอบว่า “ไม่มี อยู่บ้าน ไม่ได้พกมา” (ตอนนั้นตกใจ เสียงดังไปหน่อย ไม่ได้พกมาจริงๆ ไม่ได้กวนตีน)
ตำรวจหนุ่มเลยเดินเข้า แล้วกดหัวผมลง แล้วเอามือไขว้หลัง พร้อมกับพี่ตำรวจหัวหน้า หยิบกุญแจมือมาใส่ แบบในหนังฝรั่ง แล้วก็หิ้วปีกผมออกไปนอกร้านไปที่จอดจักรยานไว้ พร้อมกับพูดอย่างสุภาพ ขอกุญแจไขจักรยานหน่อย ตอนนั้นสังเกตเห็นรถตู้ Benz ตำรวจแล้ว เลยแน่ใจใจว่า เป็นตำรวจจริง เลยยอมให้ แล้วตำรวจคนหนึ่งก็ไขแล้ว ลากจักรยานไปที่รถ เดินไปพร้อมกันกับป้า ตำรวจก็ให้ขึ้นไปนั่งเบาะหลังบนรถ แล้วก็กางโต๊ะ แล้วก็เริ่มถามว่า ซื้อจักรยานมาจากไหน
ผมก็ตอบไปอย่างเดิมว่า “ซื้อมาจากงานจักรยานมือสอง ตรงใกล้ที่ว่าการอำเภอตรงนี้เอง” พร้อมกับพยายามชี้
แล้วน้องแพรก็โทรมาหา ตำรวจบอก “ห้ามรับโทรศัพท์” แต่ผมบอกว่า นี่เพื่อนผม ผมไม่สนก็รับสาย แล้วแค่ว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน
แล้วพี่พีทที่ผมโทรเรียกมา ก็โทรมาอีกทีว่า
พี่พีท “เออ อยู่ไหนวะ นี่พี่มาถึงแล้ว”
ผม “พี่เห็นรถตำรวจหน้าร้าน Subway ไหม ผมอยู่ในนั้นแหละ”
พี่พีท “เออ เห็นแล้ว”
แล้วพี่พีทก็เดินมาที่รถ พร้อมกับอธิยายเรื่องราวให้ฟัง ว่า ป้าแกบอกว่านี่เป็นจักรยานของลูกชายแก ที่ถูกขโมยไป เป็นไปได้สองอย่าง คือ ผมเป็นโจร กับ ผมซื้อของโจร แล้วเดี๋ยวจะไขกุญแจให้ผม แล้วบอกให้ผมใจเย็น แล้วตำรวจหัวหน้าก็ไขกุญแจมือให้ พร้อมกับขึ้นมาสอบถามเรื่องต่อ
ตำรวจ “ซื้อมาเมื่อไหร่ ซื้องานตรงนี้นะ ไม่ได้ซื้อมาจากในอินเตอร์เน็ต”
ผม “เมื่อวันเสาร์ ประมาณ สอง ถึง สาม อาทิตย์ ก่อน”
ตำรวจ “ในงานขายจักรยานมือสองตรงนี้ใช่ไหม แล้วซื้อจักรยานราคาเท่าไหร่”
ผม “ใช่ ซื้อมา 55 Euro”
ตอนนี้ฟาง เพื่อนที่เรียนที่มหาลัยก็เพิ่งปั่นจักรยานมาถึง
ตำรวจก็ถามต่อ “แล้วมีใบเสร็จไหมว่า ซื้อมาจากงานนี้จริงๆ”
ผม “ไม่มี ผมทิ้งไปแล้ว ประมาณอาทิตย์ก่อน แต่ผมมีรูปว่า ผมซื้อมาจากงานนี้จริงๆ” พร้อมกับเปิดรูปในมือถือให้ดู ในรูปก็มีจักรยาน พร้อมป้ายแปะ รหัสที่ลงทะเบียนขายจักรยาน กับ ราคา  

(ถ้าใครเป็นเซียนจักรยาน รบกวนช่วยประเมินราคาหน่อยนะครับ)
ตำรวจก็บอก “โอเค เราเข้าใจว่า มันเป็นงานใหญ่ มีจักรยานมาขายเยอะ คุณก็ไม่รู้ว่าจักรยานเป็นของใครมาก่อน ผมจะเอาเลขรหัสลงทะเบียนขายจักรยานไปตามต่อ เพราะ ทุกคนที่เอามาขายต้องลงทะเบียนว่าเป็นใคร คุณแค่โชคร้ายหน่อย งั้นผมขอดู Passport หน่อย”
ผม “ไม่มี อยู่ที่บ้านจริงๆ ไม่ได้เอามาด้วย แต่ผมมีรูป Passport กับวีซ่า อยู่ในมือถือ” เลยเปิดให้ตำรวจดู
ตำรวจก็หยิบสมุดโน้ต ขึ้นมาจด ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ตอนนี้ มาจากเมืองไหน เบอร์โทร พร้อมกับขอถามอีกรอบ แล้วก็จดคำให้การของผมลงไป พร้อมกับถามว่าเห็นหน้าคนขายไหม (ผมไม่เห็น)
ตัดกลับมาที่ป้าบ้าง ระหว่างนั้นผมก็จับใจความฟังของป้าได้ว่า “เป็นจักรยานลูกชาย ถูกขโมยไปแถวนี้ เมื่อประมาณ ปี ถึง ปีครึ่ง ที่ผ่าน ซื้อมา 1000 กว่า Euro”
ตำรวจก็เลยบอกว่า “งั้นเราจะเก็บจักรยานนี้เป็นของกลางไว้ก่อน ป้าก็ต้องไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ว่า นี่เป็นจักรยานของคุณ เพราะทางนี้เขามีรูปว่า ซื้อมาจากงานนี้จริง ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ใช่คันนี้ ป้าก็เอาจักรยานกลับไป แล้วถ้าจับโจรได้ ผมก็ได้เงินค่าจักรยานคืน 55 Euro (ตรงนี้ผมไม่แน่ใจ เห็นฟางบอกมา) วินๆ ทั้งคู่” แล้วป้าก็ให้ข้อมูลส่วนตัวของป้าแกเหมือนกัน พร้อมกับบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาหลังฐานไปให้ แล้วป้าก็แยกย้าย ก่อนกลับก็มาขอจับมือ แล้วบอก “ขอโทษนะ” (คิดในใจกันตรงกันว่า แม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม)
แล้วน้องแพรก็เพิ่งตามมาตอนที่งานเกือบจบ
ตำรวจหัวหน้าก็หันมาพูดกับผมต่อ “ผมต้องขอไปที่บ้าน เพื่อดูขอ Passport ตัวจริง ไม่ใช่แค่รูปถ่ายแบบนี้ เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่ง แล้วถ้ายังไงผมอาจจะต้องเชิญมาให้ปากคำอีก” ผมก็โอเค แล้วก็บอกฟางให้ไปเจอที่บ้าน
แล้วพี่พีทกับน้องแพรก็ขึ้นรถตู้ตำรวจกลับบ้านพร้อมกับผม พร้อมกับเอาจักรยานขึ้นรถด้วย (นั่งไม่ค่อยสบาย ร้อน) ส่วนฟางปั่นไปเจอกันที่บ้านพร้อมกับพี่เปียที่ตามมาทีหลัง
พอมาถึงบ้าน ตำรวจก็เปิดประตูให้ลง แล้วผมก็เข้าบ้านไปหยิบ Passport แล้วน้องๆ พี่ๆ ก็ยืนคุยกับตำรวจข้างหน้าบ้าน พอผมลงมาก็ให้ Passport ไป แล้วตำรวจก็ขอไปดู แล้วน้องแพรก็ยื่นนามบัตรตำรวจให้ แล้วบอกว่า เขาขอรูปนั้นให้ช่วยส่ง Email ให้เขาด้วย
สุดท้ายตำรวจก็บอกว่า ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะติดต่อกับไปอีกที
แล้วตำรวจหัวหน้าก็บอกว่า “นี่ คือ เครื่องแบบตำรวจเยอรมันเรา (พร้อมกับจับเสื้อเกราะ ชี้ที่ Polizei) คราวหน้าเห็นแบบนี้ก็คือตำรวจนะ ไม่ต้องถามขอดูบัตรประจำตัวก็ได้” แล้วก็จับมือแยกย้าย

สุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ที่รีบมาช่วย เกิดเรื่องไม่ใช่แบบนี้อาจจะเลวร้ายกว่านี้
ขอขอบคุณพี่พีท ที่โทรปุ๊บรีบมาช่วย ทันที
ขอขอบคุณฟาง ที่โทรปุ๊บก็รีบปั่นจักรยานมาจากมหาลัยทันที
ขอขอบคุณน้องแพร ที่ตามมาช่วย พร้อมกับถามข้อมูลมาจากเพื่อนคนเยอรมัน
ขอขอบคุณพี่เปีย ยังทิ้งแล็ปตามมาบ้าน
ขอขอบคุณพี่เอม ที่โทรไปไม่รับโทรศัพท์ เพราะ นอนกลางวันอยู่

ความเห็นจากพี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ที่นี่มาก่อน ได้คราวๆ ว่า
•    โคตรซวย
•    ยังมีหน้าไปถามหาบัตรประจำตัวเขานะ พี่เห็นปืนก็ยอมแล้ว
•    พี่อยู่มา 5 ปี ยังไม่เคยโดนเท่านี้แหละ เคยแต่ไปนั่งในรถตำรวจในฐานะผู้เสียหาย
•    จะเปรี้ยวไปไหน
•    และโคตรซวย โอกาสที่จะเจอนี่น้อยมาก
•    ไปทำบุญด้วยนะ นี่ขนาดชงไม่ตรงยังขนาดนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่