“It’s not the mountain we conquer, but ourselves…”
เคยได้ยินคำกล่าวนี้กันมั้ยคะ? ที่บอกว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ยอดเขาหรอกที่เราเอาชนะ แต่เป็นใจเราเองมากกว่า
ทริปนี้แหละที่จขกท.จะพาทุกคนไปเอาชนะใจตัวเองกันค่ะ
รู้จักกับภูเขาไฟรินจานีกันสักนิดก่อนเดินทางนะคะ ภูเขาไฟรินจานี หรือราชินีแห่งเกาะลอมบอก (Lombok) ตั้งอยู่บนเกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศอินโดนีเซีย มีความสูงถึง 3,726 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถ้าอยากรู้ว่ามันสูงขนาดไหนจขกท.ก็ขออนุญาตเทียบกับยอดเขาที่ว่าสูงที่สุดในประเทศไทยเราอย่าง ดอยอินทนนท์ ยังมีความสูงที่ 2,565 เมตรเองค่ะ
บริษัทนำเที่ยว + ไกด์
รอบนี้เราใช้บริษัทนำเที่ยวชื่อ Rudytrekker ค่ะ (ตามไปที่เว็บ www.rudytrekker.com) เหตุผลที่ใช้ก็เพราะได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนอีกที และพอใช้บริการก็ประทับใจจนต้องขอบอกต่อเลยค่ะ เราทำการขอข้อมูล จองและจ่ายมัดจำตั้งแต่อยู่ที่ไทย แล้วก็ไปจ่ายอีกครึ่งที่นู่น เจ้าของชื่อคุณRudy ค่ะ แกน่ารักเป็นกันเองมาก ประทับใจตั้งแต่ห้องพักวันแรก ความสะอาด อาหาร อุปกรณ์ เต้นท์ ทุกอย่างสะอาดใหม่น่าใช้มาก และที่ประทับใจยิ่งกว่าคือหลักความคิดอนุรักษ์สถานที่เที่ยวของที่นี่ค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟังเรื่องนี้อีกทีระหว่างลงรูปนะคะ ไกด์ของเรารอบนี้ชื่อ James ค่ะ นางพูดภาษาอังกฤษปร๋อ คุยสนุก ใจดี แถมยังเป็นพ่อครัวเก่า เรียกได้ว่ารอบนี้ที่ไป ไม่มีมื้อไหนที่เราอดอยาก เพราะได้อานิสงส์พ่อครัวเก่าคนนี้ทำแต่ของอร่อยให้ทานทุกมื้อ
การเดินทาง
อาจจะเป็นวิธีที่เหนื่อยสักหน่อย แต่จขกท.ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ - บาหลี (ประมาณ 5 ชม.) โดยสายการบินแอร์ เอเชีย หลังจากนั้นก็ต่อเครื่องภายในประเทศ Garuda Indonesia (1 ชม.) เพื่อมาลงที่ Praya Lombok Airport หลังจากนั้นก็นั่งรถยนต์จากบริษัททัวร์ที่มารับที่สนามบิน ต่อไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้าน Seneru ค่ะ เราจะพักกันที่นี่และเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันแรกเราออกเดินทางกันตั้งแต่ประมาณ 6.30 น. โดยต้องนั่งรถยนต์จาก Seneru Village ไปยังจุดเริ่มต้นที่เรียกว่า Sembalun Village ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงมาก ใครเมารถจุดนี้ก็เตรียมยาดมกันไว้เผื่อก็ดีนะคะ

นั่งรถไปเรื่อยๆพอใกล้จะถึงไกด์ก็จะชี้ให้เราดูราชินีรินจานี ที่ตั้งตระหง่านสวยงาม จนทำให้เราต้องแอบฉุกคิดกับตัวเองว่า จะไหวมั้ยน้าาา

ถึงบริเวณจุดเริ่มต้นของเราก่อนอื่นก็ต้องไปลงทะเบียนขึ้นเขา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้ tag เท่ๆมาผูกกระเป๋าเราเอาไว้ เป็นอันจบพิธี ก่อนท่ีจะไปเริ่มต้นเดิน ในรอบนี้จขกท.โชคดีมากที่ได้เป็นกรุ๊ป private ของพวกเราเอง เนื่องจากไม่มีคนอื่นๆมา join (ทางบริษัทฯแจ้งว่าลูกค้าส่วนใหญ่ออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อวานซะเยอะ) รอบนี้เลยมีแต่พวกเรา 3 คน พร้อมกับไกด์อีก 1 คน และลูกหาบอีก 3 คนค่ะ
ลูกหาบกำลังจัดเตรียมของ
ตรงจุดนี้ จขกท.ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเพราะว่ามัวแต่จัดการเรื่องของใช้ บวกกับแอบไปเข้าห้องน้ำค่ะ 555 บอกเลยว่าจุดตรงนี้ จะเป็นจุดสุดท้ายที่คุณจะได้เข้าห้องน้ำที่เป็นชักโครก เพราะหลังจากนั้นจะต้องเดินป่าตลอดทั้งวัน ซึ่งแน่นอน จะถ่ายหนัก-เบาก็ต้องหลังพุ่มไม้นะคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำธุระกันให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางนะคะ
ตอนเริ่มเดินออกจากหมู่บ้านหันไปเจอเจ้าวัวตัวนี้มันยืนมองอยู่ ตลกดีจนถึงกับต้องหันไปถ่ายสักแชะ
โอ้โห... แค่เริ่มต้นเราก็รู้สึกได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติ จากแรกๆตอนมาถึงที่ฟ้าครึ้มๆ อยู่ดีๆฟ้าก็เป็นใจให้กับการเดินทางเรามาก ช่วงแรกๆจะไม่มีอะไรค่ะ เหมือนเดินอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนา ผ่านไปเรื่อยๆ จะมีเข้าป่าเดินขึ้นนิดหน่อย ก็จะมาเจอจุดพักที่ 1 (Pos1 Pemantuan) ที่ความสูง 1,300 เมตร

จขกท.เดินมาแค่นี้ก็เริ่มบ่นหนักค่ะ เพื่อนเลยอาสาช่วยแบกเป้ซ้อนกัน 2 ใบ เนื่องจากเราต้องแบกของเอง ใครจะไประวังเรื่องน้ำหนักหน่อยนะคะ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาไป ไม่งั้นอาจจะต้องเสียค่าลูกหาบเพิ่มถ้าแบกไม่ไหวจริงๆ

เม้ามอยกับ ไกด์เจมส์ คุยกับนางได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องภูเขายันเรื่องศาสนา
หันมองกลับไปเห็นวิวเมืองที่เดินจากมา

ตอนนี้ยังสนุกค่ะ เจอป่าเจอเขา เจอวัว โอ๊ย! สนุก ยังไม่รู้ฤทธิ์ความเหนื่อยล้า
หลังจากนั้นก็จะมาถึงจุดพักที่ 2 (Pos2 Tengengean) ที่ความสูง 1,500 เมตร ถึงตรงนี้อากาศเริ่มเย็นๆขึ้นมานิดหน่อย จุดนี้คือจุดที่เราแวะทานข้าวเที่ยงกัน เจมส์พ่อครัวของเราก็จัดแจงเริ่มทำอาหารกับลูกหาบ ให้เรานั่งพักหายเหนื่อย โดยทุกมื้อก็จะมีชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ บริการตลอดค่ะ มื้อนี้เริ่มต้นที่สลัดผัก ไข่ต้มเพิ่มพลัง แล้วก็ต่อด้วยหมี่โกเรงหรือผัดบะหมี่นั่งเอง โอ๊ย...อิ่มเอม

นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ นอนพักอาบแดดกัน มีกลุ่มพี่ๆลูกหาบที่ต้องขอพูดชื่นชมสักนิดในความถึก เพราะแบกของน่าจะหลักสิบโล เดินได้เป็นวันๆ เดินเร็วเหมือนไม่มีเหนื่อย แถมยังใส่รองเท้าแตะ! ไอ่เราอุตส่าห์ถอย trekking shoes มาเพื่อการนี้ ยังลื่นเอา ล้มเอา บ่นเอา ลูกหาบเรานี่ไม่มีบ่น บางกลุ่มก็คึก บ้าพลัง วิ่งร้องเพลง เหมือนไม่เหนื่อยเลย ปรบมือรัวๆ
ภาพลูกหาบตอนที่จุดพัก1ค่ะ
เดินๆอยู่ฝนก็ตกมาซะงั้น... ช่วยดับร้อนได้ดีมากๆ หลังจากนี้จะเป็นจุดที่เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ เพราะว่าหลังจากนี้จะเป็นการเดินขึ้นเขาล้วนๆ และเพื่อเป็นการทำเวลาที่เราจะไปถึงจุดตั้งแคมป์ Sembalun Crater Rim ให้ทันก่อนมืด เราก็ต้องเดินตากฝนกันค่ะ

ช่วงเดินขึ้นเขานี่เราเริ่มมีการใช้ trekking poles ซึ่งทางบริษัทฯทัวร์ให้เรายืมค่ะ แต่ต้องแบกเองกันน้าา ซึ่งเจ้าไม้เดินป่าเนี่ย ช่วยเราได้เยอะในการเดินขึ้นเขา-ลงเขาค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงจุดตั้งแคมป์ของเราวันนี้ค่ะ วันแรกก็ทำเอาเกือบตายหลังจากการเดินมาตลอดทั้งวันเต็มๆตากแดด ตากฝน มาถึงเกือบ 7-8 ชั่วโมง ตั้งแต่เริ่มเดินมาจนถึงจุดนี้ พูดคำว่า “โอย ไม่ไหวแล้ว” มาไม่รู้กี่ครั้งตลอดทั้งทาง จนเพื่อนต้องหันไปบอกไกด์ว่า “ดีจังที่เธอฟังภาษาไทยไม่ออก ไม่รู้วันนี้พูดคำว่าไม่ไหวแล้วมากี่รอบ” 5555 ถึงตรงนี้แม้จะเริ่มมืด แต่เราก็เห็นยอดเขารินจานีอยู่ไม่ไกล กับวิวของหมู่บ้าน Sembalun ที่เราเดินจากมา สวยอลังการจนยืนมองอยู่นานโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ

จริงๆถ้าฟ้าเปิดกว่านี้ เราจะเห็นวิวของทะเลสาบ Segara Anak อยู่ด้านหลัง แต่เนื่องจากฝนตกทำให้หมอกเยอะ ไม่เป็นไร เรามาลุ้นกันใหม่วันรุ่งขึ้นค่ะ
พาไปพิชิตใจตัวเองที่ภูเขาไฟ Rinjani ราชินีแห่งเกาะลอมบอก
ทริปนี้แหละที่จขกท.จะพาทุกคนไปเอาชนะใจตัวเองกันค่ะ
รู้จักกับภูเขาไฟรินจานีกันสักนิดก่อนเดินทางนะคะ ภูเขาไฟรินจานี หรือราชินีแห่งเกาะลอมบอก (Lombok) ตั้งอยู่บนเกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศอินโดนีเซีย มีความสูงถึง 3,726 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถ้าอยากรู้ว่ามันสูงขนาดไหนจขกท.ก็ขออนุญาตเทียบกับยอดเขาที่ว่าสูงที่สุดในประเทศไทยเราอย่าง ดอยอินทนนท์ ยังมีความสูงที่ 2,565 เมตรเองค่ะ
บริษัทนำเที่ยว + ไกด์
รอบนี้เราใช้บริษัทนำเที่ยวชื่อ Rudytrekker ค่ะ (ตามไปที่เว็บ www.rudytrekker.com) เหตุผลที่ใช้ก็เพราะได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนอีกที และพอใช้บริการก็ประทับใจจนต้องขอบอกต่อเลยค่ะ เราทำการขอข้อมูล จองและจ่ายมัดจำตั้งแต่อยู่ที่ไทย แล้วก็ไปจ่ายอีกครึ่งที่นู่น เจ้าของชื่อคุณRudy ค่ะ แกน่ารักเป็นกันเองมาก ประทับใจตั้งแต่ห้องพักวันแรก ความสะอาด อาหาร อุปกรณ์ เต้นท์ ทุกอย่างสะอาดใหม่น่าใช้มาก และที่ประทับใจยิ่งกว่าคือหลักความคิดอนุรักษ์สถานที่เที่ยวของที่นี่ค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟังเรื่องนี้อีกทีระหว่างลงรูปนะคะ ไกด์ของเรารอบนี้ชื่อ James ค่ะ นางพูดภาษาอังกฤษปร๋อ คุยสนุก ใจดี แถมยังเป็นพ่อครัวเก่า เรียกได้ว่ารอบนี้ที่ไป ไม่มีมื้อไหนที่เราอดอยาก เพราะได้อานิสงส์พ่อครัวเก่าคนนี้ทำแต่ของอร่อยให้ทานทุกมื้อ
การเดินทาง
อาจจะเป็นวิธีที่เหนื่อยสักหน่อย แต่จขกท.ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ - บาหลี (ประมาณ 5 ชม.) โดยสายการบินแอร์ เอเชีย หลังจากนั้นก็ต่อเครื่องภายในประเทศ Garuda Indonesia (1 ชม.) เพื่อมาลงที่ Praya Lombok Airport หลังจากนั้นก็นั่งรถยนต์จากบริษัททัวร์ที่มารับที่สนามบิน ต่อไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้าน Seneru ค่ะ เราจะพักกันที่นี่และเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันแรกเราออกเดินทางกันตั้งแต่ประมาณ 6.30 น. โดยต้องนั่งรถยนต์จาก Seneru Village ไปยังจุดเริ่มต้นที่เรียกว่า Sembalun Village ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงมาก ใครเมารถจุดนี้ก็เตรียมยาดมกันไว้เผื่อก็ดีนะคะ
นั่งรถไปเรื่อยๆพอใกล้จะถึงไกด์ก็จะชี้ให้เราดูราชินีรินจานี ที่ตั้งตระหง่านสวยงาม จนทำให้เราต้องแอบฉุกคิดกับตัวเองว่า จะไหวมั้ยน้าาา
ถึงบริเวณจุดเริ่มต้นของเราก่อนอื่นก็ต้องไปลงทะเบียนขึ้นเขา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้ tag เท่ๆมาผูกกระเป๋าเราเอาไว้ เป็นอันจบพิธี ก่อนท่ีจะไปเริ่มต้นเดิน ในรอบนี้จขกท.โชคดีมากที่ได้เป็นกรุ๊ป private ของพวกเราเอง เนื่องจากไม่มีคนอื่นๆมา join (ทางบริษัทฯแจ้งว่าลูกค้าส่วนใหญ่ออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อวานซะเยอะ) รอบนี้เลยมีแต่พวกเรา 3 คน พร้อมกับไกด์อีก 1 คน และลูกหาบอีก 3 คนค่ะ
ลูกหาบกำลังจัดเตรียมของ
ตรงจุดนี้ จขกท.ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะเพราะว่ามัวแต่จัดการเรื่องของใช้ บวกกับแอบไปเข้าห้องน้ำค่ะ 555 บอกเลยว่าจุดตรงนี้ จะเป็นจุดสุดท้ายที่คุณจะได้เข้าห้องน้ำที่เป็นชักโครก เพราะหลังจากนั้นจะต้องเดินป่าตลอดทั้งวัน ซึ่งแน่นอน จะถ่ายหนัก-เบาก็ต้องหลังพุ่มไม้นะคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำธุระกันให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางนะคะ
ตอนเริ่มเดินออกจากหมู่บ้านหันไปเจอเจ้าวัวตัวนี้มันยืนมองอยู่ ตลกดีจนถึงกับต้องหันไปถ่ายสักแชะ
โอ้โห... แค่เริ่มต้นเราก็รู้สึกได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติ จากแรกๆตอนมาถึงที่ฟ้าครึ้มๆ อยู่ดีๆฟ้าก็เป็นใจให้กับการเดินทางเรามาก ช่วงแรกๆจะไม่มีอะไรค่ะ เหมือนเดินอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนา ผ่านไปเรื่อยๆ จะมีเข้าป่าเดินขึ้นนิดหน่อย ก็จะมาเจอจุดพักที่ 1 (Pos1 Pemantuan) ที่ความสูง 1,300 เมตร
จขกท.เดินมาแค่นี้ก็เริ่มบ่นหนักค่ะ เพื่อนเลยอาสาช่วยแบกเป้ซ้อนกัน 2 ใบ เนื่องจากเราต้องแบกของเอง ใครจะไประวังเรื่องน้ำหนักหน่อยนะคะ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาไป ไม่งั้นอาจจะต้องเสียค่าลูกหาบเพิ่มถ้าแบกไม่ไหวจริงๆ
เม้ามอยกับ ไกด์เจมส์ คุยกับนางได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องภูเขายันเรื่องศาสนา
หันมองกลับไปเห็นวิวเมืองที่เดินจากมา
ตอนนี้ยังสนุกค่ะ เจอป่าเจอเขา เจอวัว โอ๊ย! สนุก ยังไม่รู้ฤทธิ์ความเหนื่อยล้า
หลังจากนั้นก็จะมาถึงจุดพักที่ 2 (Pos2 Tengengean) ที่ความสูง 1,500 เมตร ถึงตรงนี้อากาศเริ่มเย็นๆขึ้นมานิดหน่อย จุดนี้คือจุดที่เราแวะทานข้าวเที่ยงกัน เจมส์พ่อครัวของเราก็จัดแจงเริ่มทำอาหารกับลูกหาบ ให้เรานั่งพักหายเหนื่อย โดยทุกมื้อก็จะมีชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ บริการตลอดค่ะ มื้อนี้เริ่มต้นที่สลัดผัก ไข่ต้มเพิ่มพลัง แล้วก็ต่อด้วยหมี่โกเรงหรือผัดบะหมี่นั่งเอง โอ๊ย...อิ่มเอม
นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ นอนพักอาบแดดกัน มีกลุ่มพี่ๆลูกหาบที่ต้องขอพูดชื่นชมสักนิดในความถึก เพราะแบกของน่าจะหลักสิบโล เดินได้เป็นวันๆ เดินเร็วเหมือนไม่มีเหนื่อย แถมยังใส่รองเท้าแตะ! ไอ่เราอุตส่าห์ถอย trekking shoes มาเพื่อการนี้ ยังลื่นเอา ล้มเอา บ่นเอา ลูกหาบเรานี่ไม่มีบ่น บางกลุ่มก็คึก บ้าพลัง วิ่งร้องเพลง เหมือนไม่เหนื่อยเลย ปรบมือรัวๆ
ภาพลูกหาบตอนที่จุดพัก1ค่ะ
เดินๆอยู่ฝนก็ตกมาซะงั้น... ช่วยดับร้อนได้ดีมากๆ หลังจากนี้จะเป็นจุดที่เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ เพราะว่าหลังจากนี้จะเป็นการเดินขึ้นเขาล้วนๆ และเพื่อเป็นการทำเวลาที่เราจะไปถึงจุดตั้งแคมป์ Sembalun Crater Rim ให้ทันก่อนมืด เราก็ต้องเดินตากฝนกันค่ะ
ช่วงเดินขึ้นเขานี่เราเริ่มมีการใช้ trekking poles ซึ่งทางบริษัทฯทัวร์ให้เรายืมค่ะ แต่ต้องแบกเองกันน้าา ซึ่งเจ้าไม้เดินป่าเนี่ย ช่วยเราได้เยอะในการเดินขึ้นเขา-ลงเขาค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงจุดตั้งแคมป์ของเราวันนี้ค่ะ วันแรกก็ทำเอาเกือบตายหลังจากการเดินมาตลอดทั้งวันเต็มๆตากแดด ตากฝน มาถึงเกือบ 7-8 ชั่วโมง ตั้งแต่เริ่มเดินมาจนถึงจุดนี้ พูดคำว่า “โอย ไม่ไหวแล้ว” มาไม่รู้กี่ครั้งตลอดทั้งทาง จนเพื่อนต้องหันไปบอกไกด์ว่า “ดีจังที่เธอฟังภาษาไทยไม่ออก ไม่รู้วันนี้พูดคำว่าไม่ไหวแล้วมากี่รอบ” 5555 ถึงตรงนี้แม้จะเริ่มมืด แต่เราก็เห็นยอดเขารินจานีอยู่ไม่ไกล กับวิวของหมู่บ้าน Sembalun ที่เราเดินจากมา สวยอลังการจนยืนมองอยู่นานโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ
จริงๆถ้าฟ้าเปิดกว่านี้ เราจะเห็นวิวของทะเลสาบ Segara Anak อยู่ด้านหลัง แต่เนื่องจากฝนตกทำให้หมอกเยอะ ไม่เป็นไร เรามาลุ้นกันใหม่วันรุ่งขึ้นค่ะ