"แคท" ตีกลับแผนเจรจาพันธมิตร "ทรู"
ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2559
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) หรือแคท ที่มีพลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน ไม่เห็นชอบแผนการเจรจาพันธมิตรธุรกิจกับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เนื่องจากแผนธุรกิจไม่ชัดเจน จึงได้ให้กลับไปจัดทำแผนธุรกิจใหม่ แล้วนำมาเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับรายละเอียดของการเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มทรูนั้น กลุ่มทรูกับแคทได้ตกลงทำสัญญาการทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2554 และจนถึงปัจจุบัน จากเดิมกลุ่มทรูรับความจุโครงข่ายโทรคมนาคมไปในสัดส่วน 80% แต่ต่อมาได้เจรจาเพิ่มความจุโครงข่ายอีก 15% แต่ในส่วนที่เพิ่มนั้น ทรูไม่ยินยอมที่จะชำระเงินให้กับแคท แต่ได้ยื่นเงื่อนไขการชำระเงินแบ่งเป็นชำระเงินสดลักษณะผ่อนชำระ และ แลกเปลี่ยนความจุโครงข่าย 4จีให้แคทไปทำการตลาดโทรศัพท์มือถือเฉพาะแบรนด์ “มาย” เท่านั้น ห้ามนำไปขายส่งหรือให้รายอื่นเช่าต่อ
ดังนั้นบอร์ดแคทจึงไม่สามารถรับเงื่อนไขดังกล่าวได้
เพราะไม่มีความชัดว่าทรูจะยินยอมในการชำระค่าโครงข่ายจริง ขณะเดียวกันการนำความจุโครงข่าย 4จีมาให้แคท เพื่อให้บริการมือถือ 4จีนั้น ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบว่า แคทมีศักยภาพที่จะทำการตลาดโทรศัพท์มือถือแข่งกับเอกชนหรือไม่ เพราะความจุโครงข่าย 4จี ที่ทรูจะให้นั้นแคทไม่สามารถนำไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เช่าได้
ทั้งนี้ ตามแผนธุรกิจเดิมของแคทนั้น จะต้องมีโครงข่าย 4จี เพื่อให้เอกชนรายอื่นมาเช่าใช้ จากปัจจุบันมีเฉพาะโครงข่าย 3จีเท่านั้น ซึ่งการมีโครงข่าย 4จีนั้น ต้องรอการเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท โทเทิล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค สำเร็จก่อน ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นของคณะกรรมการมาตรา 43 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยให้เอกชนร่วมการงาน พ.ศ. 2556 แล้ว รอเสนอกระทรวงไอซีที เพื่อนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 (หน้า 9)
"แคท" ตีกลับแผนเจรจาพันธมิตร "ทรู"
"แคท" ตีกลับแผนเจรจาพันธมิตร "ทรู"
ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2559
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) หรือแคท ที่มีพลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน ไม่เห็นชอบแผนการเจรจาพันธมิตรธุรกิจกับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เนื่องจากแผนธุรกิจไม่ชัดเจน จึงได้ให้กลับไปจัดทำแผนธุรกิจใหม่ แล้วนำมาเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับรายละเอียดของการเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มทรูนั้น กลุ่มทรูกับแคทได้ตกลงทำสัญญาการทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2554 และจนถึงปัจจุบัน จากเดิมกลุ่มทรูรับความจุโครงข่ายโทรคมนาคมไปในสัดส่วน 80% แต่ต่อมาได้เจรจาเพิ่มความจุโครงข่ายอีก 15% แต่ในส่วนที่เพิ่มนั้น ทรูไม่ยินยอมที่จะชำระเงินให้กับแคท แต่ได้ยื่นเงื่อนไขการชำระเงินแบ่งเป็นชำระเงินสดลักษณะผ่อนชำระ และ แลกเปลี่ยนความจุโครงข่าย 4จีให้แคทไปทำการตลาดโทรศัพท์มือถือเฉพาะแบรนด์ “มาย” เท่านั้น ห้ามนำไปขายส่งหรือให้รายอื่นเช่าต่อ
ดังนั้นบอร์ดแคทจึงไม่สามารถรับเงื่อนไขดังกล่าวได้ เพราะไม่มีความชัดว่าทรูจะยินยอมในการชำระค่าโครงข่ายจริง ขณะเดียวกันการนำความจุโครงข่าย 4จีมาให้แคท เพื่อให้บริการมือถือ 4จีนั้น ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบว่า แคทมีศักยภาพที่จะทำการตลาดโทรศัพท์มือถือแข่งกับเอกชนหรือไม่ เพราะความจุโครงข่าย 4จี ที่ทรูจะให้นั้นแคทไม่สามารถนำไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เช่าได้
ทั้งนี้ ตามแผนธุรกิจเดิมของแคทนั้น จะต้องมีโครงข่าย 4จี เพื่อให้เอกชนรายอื่นมาเช่าใช้ จากปัจจุบันมีเฉพาะโครงข่าย 3จีเท่านั้น ซึ่งการมีโครงข่าย 4จีนั้น ต้องรอการเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท โทเทิล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค สำเร็จก่อน ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นของคณะกรรมการมาตรา 43 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยให้เอกชนร่วมการงาน พ.ศ. 2556 แล้ว รอเสนอกระทรวงไอซีที เพื่อนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 (หน้า 9)