สวัสดีค่ะ นี่คือการเดินทางมาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สองของเรา ซึ่งต่างออกไปจากครั้งแรกมาก เพราะมาครั้งแรกคือ มาเที่ยว แต่ครั้งนี้มาเป็น"ยุวทูต"ระยะสั้นค่ะ[2เดือน] ซึ่งปกติจะอยู่ที่ Higashikawa, Hokkaido มาเรียนภาษาและวัฒนธรรมต่างๆ และการวางแผนการเดินทางไปซัปโปโรก็เกิดขึ้นอย่างงงๆ โดยตัดสินใจกันว่าจะไปกัน 3 คน ซึ่งความจริงก็ไม่เชิงเด็ก ม.ปลายซะทีเดียว เพราะว่าสองคนในสามคนกำลังขึ้นปีหนึ่งค่ะ
ปล.ทริปนี้เป็นทริปที่ถามทางจากคนญี่ปุ่นตลอดค่ะ เนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทาง บวกกับทำการบ้านมาไม่ค่อยแม่น 5555555
ถ้าพูดถึงสกีลภาษาญี่ปุ่นก็พอได้นิดหน่อยค่ะ เพราะอีกสองคนเป็นเด็ก ศิลป์-ยุ่น ส่วนเราก็ใช้สกีลที่ร่ำเรียนมาเกือบ 2 เดือนที่นี่ ._____.
คืนก่อนเดินทาง พวกเราจึงได้ทำแผนการเดินทางคร่าวๆเอาไว้ ในที่ๆอยากไปในเวลาอันน้อยนิด [1วัน] และแผนของพวกเราก็ออกมาเป็นแบบนี้
- Shiroi Koibito
- Nakajima Koen
- Nijo Market
- Sapporo Factory
- Sapporo Beer
- Odori Park
- Sapporo Clock Tower
- Former Hokkaido Goverment Office
ขอเกริ่นก่อนว่าเมืองที่อยู่ปกติค่อนข้างจะเป็นชนบท ดังนั้นการเดินทางของพวกเราจึงต้อง..
- ขึ้นรถเมย์จาก Higashikawa 06:45----> Asahikawa 07:30 เพราะรถที่จะไปซัปโปโรมันไม่มีในเมืองที่พวกเราอยู่
- ขึ้นรถบัสจาก Asahikawa 08:00 ----> Sapporo 10:30
ได้บัสเที่ยว 8โมงเพราะว่ามาที่สถานีช้าค่ะ บัสรอบ 07:30 เลยเต็มแล้ว
ตั๋วที่นั่งไปซัปโปโรเป็นตั๋วสีส้มๆ ไม่ระบุเวลา สามารถไปรอบไหนก็ได้ ราคา 3350¥(ไป-กลับ)ซึ่งซื้อมาก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ถ้าซื้อที่สถานีจะราคาแพงกว่าประมาน 500¥
ออกเดินทางกันเลยดีกว่า ฮึ๊บ!
บัสมาถึงซัปโปโรตรงเวลา รถจอดที่สถานี JR กลางเมือง ซึ่งเป้าหมายที่ต่อไปคือ Shiro koibito (โรงงานช็อคโกแลตชื่อดังในซัปโปโร)
ซึ่งพวกเราต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานนี "miyanosawa" มาดูแผนผังรถไฟใต้ดินกันก่อนดีกว่า
สำหรับการซื้อบัตรรถไฟใต้ดิน เราซื้อแบบทั้งวัน ถูกและคุ้มมาก 520¥ สามารถใช้ได้ทั้งวัน
ปล.ถ้ามีเด็กมาด้วยสามารถซื้อตั๋วเด็กได้ ราคาจะถูกลงไปครึ่งนึงเลยค่ะตั๋วของเราหน้าตาอย่างงี้
นั่งมาจนถึง miyanosawa ซึ่งเป็นปลายสถานีพอดี พอออกจากรถปั๊บก็ตามป้ายไปเรื่อยๆเลยค่ะ (ป้ายสีน้ำเงินอันล่างสุด)
พอออกมาปุ๊ปก็จะมองเห็นโรงงานช็อกโกแลตอยู่ด้านขวามือ
ค่าเข้าชม 600¥ บาท ข้างในก็เป็นโรงงานช็อกโกแลตทั่วๆไป สามารถมองเห็นขั้นตอนการผลิต แต่การตกแต่งสถานที่สวยมากค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่จน 12:30 แล้วก็ย้ายไปที่สวน "Maruyama Park" ซึ่งอันนี้ไม่มีอยู่ในแผนที่วางไว้ เห็นว่ารถไฟผ่านอยุ่แล้วเลยแวะลงเลย ที่โรงงานมีคัพค้กและขนมหวานให้ซื้อทั้งแบบกินที่นั่นและ take out พวกเราเลือกแบบแทคเอ้าท์ค่ะ แล้วก็คิดว่าจะนั่งกินกันชิวๆ ชมดอกซากุระกันในสวน ภาพหลังออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินก็เป็นประมานนี้ค่ะ คนเยอะกว่าที่คิดมาก เพราะใกล้ๆสวนนี้มีสวนสัตว์และที่เที่ยวเยอะพอสมควร
แต่ปรากฏว่า พอไปถึง.. สภาพต่างจากที่คิดไว้มาก เพราะไปตรงกับเทศกาลฮานะมิ (เทศกาลชมดอกไม้ของตนญี่ปุ่นนั่นเอง) ที่สวนเลยมีคนเยอะมาก ส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาปิกนิคกัน กลิ่นย่างบาร์บิคิวหอมคุ้งมาก กว่าจะหาที่นั่งพักกินขนมได้ก็นานพอตัวเลย แต่ดอกซากุระก็บานสวยมากตามคาดค่ะ
เค้กโยเกิร์ตอันนี้ซื้อมา 442¥ จัดว่าอร่อยอยู่ สำหรับคนที่ไม่ชอบหวานมาก รถออกเปรี้ยวสตอเบอร์รี่นิดๆ
พอกินขนมเสร็จก็ย้ายไปที่ Nijo Market ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Odori Park(ที่เป็นที่ตั้งของTV tower) ระหว่างที่กำลังจะไปขึ้นรถไฟใต้ดินก็เจอพี่สาวสวยคนนึงแจก Redbull รส sakura ขวดสวยมาก สวนรถชาตินี่ก็แล้วแต่คนชอบจริงๆ เพราะเพื่อนสองคนไม่ชอบ แต่เรามองว่าเฉยๆนะ
Nijo Market
เป็นตลาดปลาเล็กๆ แต่ของที่นั่นสดมาก แถมราคาก็จะถูกกว่าที่อื่น พวกเราจึงเลือกมากินข้าวกลางวันกันที่นี่
พวกเราเดินเข้าร้านธรรมดาๆบนถนนเส้นนั้น แล้วก็สั่งอาหาร ลุงเจ้าของร้านใจดีมากเลยค่ะ
นี่คือเมนูที่เราสั่งเป็นเซตปู อาหารก็มีตามรูป แล้วก็สั่งปลาดิบแยก(แซลมอน) ในรูปมองเห็นแค่เซี้ยวเดียวเท่านั้น น่าสงสารแซลมอนจริงๆ TT ราคาอาหารทั้งหมดคือ 2080¥ สำหรับที่นี่ก็จัดว่าไม่แพงมาก เพราะกินแทบอ้วกเลย มันเยอะมากๆ
พอกินกันอื่มก็ใจกล้า โบกแท็กซี่ไปที่ "Sapporo Factory" ปกติที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องแท็กซี่แพงมหาโหด แต่พวกเราก็คิดกันไว้ว่าคงไม่เกิน 1000¥.. แต่ประหลาดใจมากค่ะ เพราะไปถึงนู่นแค่ 670¥ มิตเตอร์ไม่ขึ้นเลยค่ะ กดตอนแรกเท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย นั่งงงกันทั้งสามคนเลย 5555555
ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆข้างใน ข้างนอกก็เป็นอาคารอิฐแดง แล้วก็มีส่วนช้อปปิ้งด้วย แต่ส่วนตัวขึ้นว่าเฉยๆ
ไปตรงกับงานโชว์เรื่องหินยนต์ในอนิเมะพอดี เลยไปเดินชมเล่นๆกัน 5555555
แล้วก็ออกเดินทางต่อไปที่ Sapporo Beer Factory ด้วยการ 'เดินเท้า' บอกเลยว่าถามหลายคนมาก แต่ก็หลงค่ะ เพราะเดินมาแล้วเจอถ้ารถไฟเลยไปต่อกันไม่ถูก จนเจอลุงคนนึงขี้จักรยานมา เลยดักถามคุณลุงเลยค่ะ คุณลุงเขาเลยบอกว่า ให้ตามมาเดี๋ยวเขาพาไป แล้วลุงก็ชวนพวกเราคุยตลอดการเดิน ความจริงมันก็ไม่ได้ไกลจากที่ๆเราหลงเท่าไหร่เลย แค่มุมใต้ทางรถไฟแล้วเดินไปนิดหน่อยเท่านั้น พอถึงจุดหมายคุณลุงก็ขี้จักรยานไปต่อค่ะ ลุงใจดีมากๆ
Sapporo Beer Factory
ถ้ามองภายนอกที่นี้สวยมากค่ะ ต้องซากุระก็กำลังบานเต็มไปหมด สถานที่ก็สวยมาก
แต่เนื่องจากเวลาเริ่มเหลือน้อยเลยเข้าไปดูได้ไม่นานเท่าที่ควร แต่เป็นที่ๆควรมามากในซัปโปโร
พาร์ดถักจากนี้พีคมากค่ะ เพราะในความจริงเราจะไปที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่รุ้ทางเลยไปถามคู่สามีภรรยาคู่นึง คุยไปคุยมาเขาก็บอกว่า เดี๋ยวขับรถไปส่งให้ 5555555555555 เลยติดรถเขาไปทั้งสามคน ไปลงสวนโอโดริที่อยู่กลางเมือง ระหว่างทางเขาก็ถามว่ามากจากไหน บลาๆ ทริปนี้ทำให้ได้รู้ว่าคนญี่ปุ่นใจดีมากจริงๆ เพราะทุกคนให้ความช่วยเหลือในเรื่องเส้นทางอย่าไม่แสดงความรำคาญเลย แถมบางคนยังอาสาไปส่ง, ช่วยนำทางอีกด้วย
พวกเราลงรถที่สวนโอโดริ แล้วเดินต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นตึกสีแดงๆ สวยมากค่ะ อยากมีเวลาเดินดูตรงนี้นานๆ แต่ไม่ทันจริงๆเลยอยู่ได้แปปเดียว
และก็มาถึงที่สุดท้ายในทริปก็คือ "Sapporo Clock Tower" ซึ่งเป็นเหมือนบ้านทรงโบราณ ข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์เล่าความเป็นมาของนาฬิกา แต่ว่าเราไม่ได้เข้าไปดูข้างใน
หลังจากดูหอนาฬิกาเสร็จก็วิ่ง 4*100 ไปที่ขึ้นรถเลย เพราะต้องไปถึงรถก่อนเวลาประมานครึ่งชั่วโมง ซึ่งพวกเราก็ไปถึงอย่างทันเวลามากค่ะ พอถึงบัสปั๊ปก็ขึ้นรถกลับเลย ตอน 17:30
- Sapporo 17:30 ----> Asahikawa 19:40
แล้วนั่งรถเมย์กลับเมืองหอพัก โดยค่ารถไป-กลับเมืองที่เราอยู่ประมาณ 1140¥
นี่เป็นทริปที่พิเศษมากสำหรับเรา เพราะมีหายอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ แแต่มันก็เป็นอะไรที่ผิดคาดหลายๆอย่าง เหนื่อยสุดๆแต่ก็สุดมากเหมือนกัน ต้องขอบคุณสภาพอากาสที่เป็นใจในการท่องเที่ยวจริงๆ
ทริปของเราเป็นทริปง่ายๆชิวๆแบบไม่ค่อยได้เตรียมตัว ด้วยราคาไม่เกิน 10000¥ ดังนี้
- เปลืองสุดไปกับค่าเดินทางไปซํปโปโร รวมประมาน 4500¥
- ค่ากิน 2500¥
- ค่าขนส่งสาธารณะ 1000¥
- เบ็ตเตล็ดเผื่อคนซื้อนู่นนี่ 2000¥
ปล.รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง CANON700D
[CR] เมื่อฉันไป ONE DAY TRIP ที่ Sapporo, Hokkaido [ฉบับเด็ก ม.ปลาย]
สวัสดีค่ะ นี่คือการเดินทางมาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สองของเรา ซึ่งต่างออกไปจากครั้งแรกมาก เพราะมาครั้งแรกคือ มาเที่ยว แต่ครั้งนี้มาเป็น"ยุวทูต"ระยะสั้นค่ะ[2เดือน] ซึ่งปกติจะอยู่ที่ Higashikawa, Hokkaido มาเรียนภาษาและวัฒนธรรมต่างๆ และการวางแผนการเดินทางไปซัปโปโรก็เกิดขึ้นอย่างงงๆ โดยตัดสินใจกันว่าจะไปกัน 3 คน ซึ่งความจริงก็ไม่เชิงเด็ก ม.ปลายซะทีเดียว เพราะว่าสองคนในสามคนกำลังขึ้นปีหนึ่งค่ะ
ปล.ทริปนี้เป็นทริปที่ถามทางจากคนญี่ปุ่นตลอดค่ะ เนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทาง บวกกับทำการบ้านมาไม่ค่อยแม่น 5555555
ถ้าพูดถึงสกีลภาษาญี่ปุ่นก็พอได้นิดหน่อยค่ะ เพราะอีกสองคนเป็นเด็ก ศิลป์-ยุ่น ส่วนเราก็ใช้สกีลที่ร่ำเรียนมาเกือบ 2 เดือนที่นี่ ._____.
คืนก่อนเดินทาง พวกเราจึงได้ทำแผนการเดินทางคร่าวๆเอาไว้ ในที่ๆอยากไปในเวลาอันน้อยนิด [1วัน] และแผนของพวกเราก็ออกมาเป็นแบบนี้
- Shiroi Koibito
- Nakajima Koen
- Nijo Market
- Sapporo Factory
- Sapporo Beer
- Odori Park
- Sapporo Clock Tower
- Former Hokkaido Goverment Office
ขอเกริ่นก่อนว่าเมืองที่อยู่ปกติค่อนข้างจะเป็นชนบท ดังนั้นการเดินทางของพวกเราจึงต้อง..
- ขึ้นรถเมย์จาก Higashikawa 06:45----> Asahikawa 07:30 เพราะรถที่จะไปซัปโปโรมันไม่มีในเมืองที่พวกเราอยู่
- ขึ้นรถบัสจาก Asahikawa 08:00 ----> Sapporo 10:30
ได้บัสเที่ยว 8โมงเพราะว่ามาที่สถานีช้าค่ะ บัสรอบ 07:30 เลยเต็มแล้ว
ตั๋วที่นั่งไปซัปโปโรเป็นตั๋วสีส้มๆ ไม่ระบุเวลา สามารถไปรอบไหนก็ได้ ราคา 3350¥(ไป-กลับ)ซึ่งซื้อมาก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ถ้าซื้อที่สถานีจะราคาแพงกว่าประมาน 500¥
ออกเดินทางกันเลยดีกว่า ฮึ๊บ!
บัสมาถึงซัปโปโรตรงเวลา รถจอดที่สถานี JR กลางเมือง ซึ่งเป้าหมายที่ต่อไปคือ Shiro koibito (โรงงานช็อคโกแลตชื่อดังในซัปโปโร)
ซึ่งพวกเราต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานนี "miyanosawa" มาดูแผนผังรถไฟใต้ดินกันก่อนดีกว่า
สำหรับการซื้อบัตรรถไฟใต้ดิน เราซื้อแบบทั้งวัน ถูกและคุ้มมาก 520¥ สามารถใช้ได้ทั้งวัน
ปล.ถ้ามีเด็กมาด้วยสามารถซื้อตั๋วเด็กได้ ราคาจะถูกลงไปครึ่งนึงเลยค่ะตั๋วของเราหน้าตาอย่างงี้
นั่งมาจนถึง miyanosawa ซึ่งเป็นปลายสถานีพอดี พอออกจากรถปั๊บก็ตามป้ายไปเรื่อยๆเลยค่ะ (ป้ายสีน้ำเงินอันล่างสุด)
พอออกมาปุ๊ปก็จะมองเห็นโรงงานช็อกโกแลตอยู่ด้านขวามือ
ค่าเข้าชม 600¥ บาท ข้างในก็เป็นโรงงานช็อกโกแลตทั่วๆไป สามารถมองเห็นขั้นตอนการผลิต แต่การตกแต่งสถานที่สวยมากค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่จน 12:30 แล้วก็ย้ายไปที่สวน "Maruyama Park" ซึ่งอันนี้ไม่มีอยู่ในแผนที่วางไว้ เห็นว่ารถไฟผ่านอยุ่แล้วเลยแวะลงเลย ที่โรงงานมีคัพค้กและขนมหวานให้ซื้อทั้งแบบกินที่นั่นและ take out พวกเราเลือกแบบแทคเอ้าท์ค่ะ แล้วก็คิดว่าจะนั่งกินกันชิวๆ ชมดอกซากุระกันในสวน ภาพหลังออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินก็เป็นประมานนี้ค่ะ คนเยอะกว่าที่คิดมาก เพราะใกล้ๆสวนนี้มีสวนสัตว์และที่เที่ยวเยอะพอสมควร
แต่ปรากฏว่า พอไปถึง.. สภาพต่างจากที่คิดไว้มาก เพราะไปตรงกับเทศกาลฮานะมิ (เทศกาลชมดอกไม้ของตนญี่ปุ่นนั่นเอง) ที่สวนเลยมีคนเยอะมาก ส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาปิกนิคกัน กลิ่นย่างบาร์บิคิวหอมคุ้งมาก กว่าจะหาที่นั่งพักกินขนมได้ก็นานพอตัวเลย แต่ดอกซากุระก็บานสวยมากตามคาดค่ะ
เค้กโยเกิร์ตอันนี้ซื้อมา 442¥ จัดว่าอร่อยอยู่ สำหรับคนที่ไม่ชอบหวานมาก รถออกเปรี้ยวสตอเบอร์รี่นิดๆ
พอกินขนมเสร็จก็ย้ายไปที่ Nijo Market ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Odori Park(ที่เป็นที่ตั้งของTV tower) ระหว่างที่กำลังจะไปขึ้นรถไฟใต้ดินก็เจอพี่สาวสวยคนนึงแจก Redbull รส sakura ขวดสวยมาก สวนรถชาตินี่ก็แล้วแต่คนชอบจริงๆ เพราะเพื่อนสองคนไม่ชอบ แต่เรามองว่าเฉยๆนะ
Nijo Market
เป็นตลาดปลาเล็กๆ แต่ของที่นั่นสดมาก แถมราคาก็จะถูกกว่าที่อื่น พวกเราจึงเลือกมากินข้าวกลางวันกันที่นี่
พวกเราเดินเข้าร้านธรรมดาๆบนถนนเส้นนั้น แล้วก็สั่งอาหาร ลุงเจ้าของร้านใจดีมากเลยค่ะ
นี่คือเมนูที่เราสั่งเป็นเซตปู อาหารก็มีตามรูป แล้วก็สั่งปลาดิบแยก(แซลมอน) ในรูปมองเห็นแค่เซี้ยวเดียวเท่านั้น น่าสงสารแซลมอนจริงๆ TT ราคาอาหารทั้งหมดคือ 2080¥ สำหรับที่นี่ก็จัดว่าไม่แพงมาก เพราะกินแทบอ้วกเลย มันเยอะมากๆ
พอกินกันอื่มก็ใจกล้า โบกแท็กซี่ไปที่ "Sapporo Factory" ปกติที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องแท็กซี่แพงมหาโหด แต่พวกเราก็คิดกันไว้ว่าคงไม่เกิน 1000¥.. แต่ประหลาดใจมากค่ะ เพราะไปถึงนู่นแค่ 670¥ มิตเตอร์ไม่ขึ้นเลยค่ะ กดตอนแรกเท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย นั่งงงกันทั้งสามคนเลย 5555555
ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆข้างใน ข้างนอกก็เป็นอาคารอิฐแดง แล้วก็มีส่วนช้อปปิ้งด้วย แต่ส่วนตัวขึ้นว่าเฉยๆ
ไปตรงกับงานโชว์เรื่องหินยนต์ในอนิเมะพอดี เลยไปเดินชมเล่นๆกัน 5555555
แล้วก็ออกเดินทางต่อไปที่ Sapporo Beer Factory ด้วยการ 'เดินเท้า' บอกเลยว่าถามหลายคนมาก แต่ก็หลงค่ะ เพราะเดินมาแล้วเจอถ้ารถไฟเลยไปต่อกันไม่ถูก จนเจอลุงคนนึงขี้จักรยานมา เลยดักถามคุณลุงเลยค่ะ คุณลุงเขาเลยบอกว่า ให้ตามมาเดี๋ยวเขาพาไป แล้วลุงก็ชวนพวกเราคุยตลอดการเดิน ความจริงมันก็ไม่ได้ไกลจากที่ๆเราหลงเท่าไหร่เลย แค่มุมใต้ทางรถไฟแล้วเดินไปนิดหน่อยเท่านั้น พอถึงจุดหมายคุณลุงก็ขี้จักรยานไปต่อค่ะ ลุงใจดีมากๆ
Sapporo Beer Factory
ถ้ามองภายนอกที่นี้สวยมากค่ะ ต้องซากุระก็กำลังบานเต็มไปหมด สถานที่ก็สวยมาก
แต่เนื่องจากเวลาเริ่มเหลือน้อยเลยเข้าไปดูได้ไม่นานเท่าที่ควร แต่เป็นที่ๆควรมามากในซัปโปโร
พาร์ดถักจากนี้พีคมากค่ะ เพราะในความจริงเราจะไปที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่รุ้ทางเลยไปถามคู่สามีภรรยาคู่นึง คุยไปคุยมาเขาก็บอกว่า เดี๋ยวขับรถไปส่งให้ 5555555555555 เลยติดรถเขาไปทั้งสามคน ไปลงสวนโอโดริที่อยู่กลางเมือง ระหว่างทางเขาก็ถามว่ามากจากไหน บลาๆ ทริปนี้ทำให้ได้รู้ว่าคนญี่ปุ่นใจดีมากจริงๆ เพราะทุกคนให้ความช่วยเหลือในเรื่องเส้นทางอย่าไม่แสดงความรำคาญเลย แถมบางคนยังอาสาไปส่ง, ช่วยนำทางอีกด้วย
พวกเราลงรถที่สวนโอโดริ แล้วเดินต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นตึกสีแดงๆ สวยมากค่ะ อยากมีเวลาเดินดูตรงนี้นานๆ แต่ไม่ทันจริงๆเลยอยู่ได้แปปเดียว
และก็มาถึงที่สุดท้ายในทริปก็คือ "Sapporo Clock Tower" ซึ่งเป็นเหมือนบ้านทรงโบราณ ข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์เล่าความเป็นมาของนาฬิกา แต่ว่าเราไม่ได้เข้าไปดูข้างใน
หลังจากดูหอนาฬิกาเสร็จก็วิ่ง 4*100 ไปที่ขึ้นรถเลย เพราะต้องไปถึงรถก่อนเวลาประมานครึ่งชั่วโมง ซึ่งพวกเราก็ไปถึงอย่างทันเวลามากค่ะ พอถึงบัสปั๊ปก็ขึ้นรถกลับเลย ตอน 17:30
- Sapporo 17:30 ----> Asahikawa 19:40
แล้วนั่งรถเมย์กลับเมืองหอพัก โดยค่ารถไป-กลับเมืองที่เราอยู่ประมาณ 1140¥
นี่เป็นทริปที่พิเศษมากสำหรับเรา เพราะมีหายอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ แแต่มันก็เป็นอะไรที่ผิดคาดหลายๆอย่าง เหนื่อยสุดๆแต่ก็สุดมากเหมือนกัน ต้องขอบคุณสภาพอากาสที่เป็นใจในการท่องเที่ยวจริงๆ
ทริปของเราเป็นทริปง่ายๆชิวๆแบบไม่ค่อยได้เตรียมตัว ด้วยราคาไม่เกิน 10000¥ ดังนี้
- เปลืองสุดไปกับค่าเดินทางไปซํปโปโร รวมประมาน 4500¥
- ค่ากิน 2500¥
- ค่าขนส่งสาธารณะ 1000¥
- เบ็ตเตล็ดเผื่อคนซื้อนู่นนี่ 2000¥
ปล.รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง CANON700D
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น