กระทู้นี้เป็นรีวิวการไปยุโรปและการเดินทางข้ามทวีปครั้งแรกของ จขกท. นะคะ ผิดพลาดหรือ จขกท. เข้าใจผิดตรงไหนรบกวนชี้แนะด้วยค่ะ
ทุกทริปของเราเริ่มต้นด้วยการต้องได้ตั๋วถูกก่อนเสมอค่ะ และตอนที่จองตั๋วนั้นก็ไม่มีเพื่อนคนไหนพร้อมกับเรา เลยเป็นเหตุให้ต้องไปเที่ยวคนเดียวเสมอ 5555 เราถือคติว่าเมื่อตั๋วมาเงินเก็บและแพลนต่างๆก็จะตามมาเอง จากราคา multicity ที่เราได้ 508$ อาจจะไม่ได้ถูกมากนะคะถ้าเทียบกับ route ปารีสหรืออิตาลี เอาเป็นว่าถ้าเจอราคาที่เพื่อนๆพอใจแล้วก็จัดไปแล้วค่ะ
อันนี้เป็น plan ที่นำไปยื่นขอวีซ่า ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากข้อมูลในพันทิปค่ะ บางข้อมูลก็อัพเดทจากที่ไปมาแล้ว ระยะเวลาการเดินทางตั้งแต่วันที่ 6 เมษา ถึงกรุงเทพ 17 เมษา วันที่ได้เที่ยวจริงๆ 9 วันค่ะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตามภาพเลยค่ะ
ค่าอาหารโดยเฉลี่ยในเยอรมันและออสเตรียตกประมาณวันละ 20 ยูโรค่ะ ปกติเราจะกินแบบธรรมดาฟาสฟู้ดมื้อนึง แล้วก็กินในร้านอาหารมื้อนึงค่ะ
พอข้ามประเทศไปเชคและฮังการี ค่าอาหารถูกลงเยอะเลย
จากแพลนข้างบนเราอยู่ฮังการีนานสุดค่ะ ก็ต้องไปทำวีซ่าที่สถานทูตฮังการีซึ่งตั้งอยู่ที่ตึก Park Venture BTS เพลินจิต ค่าใช้จ่าย 60 ยูโร ย้ำว่าต้องจ่ายเป็นเงินยูโรเท่านั้นนะคะ เราสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดการทำวีซ่าและนัดหมายได้ที่เว็บไซต์สถานทูตเลยค่ะ
http://www.mfa.gov.hu/kulkepviselet/TH/th/
ขอบอกว่าสถานทูตฮังการีเจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ อาจจะเป็นเพราะคนยังไม่ค่อยเยอะ และเป็นประเทศที่คนไม่ค่อยฮิตไปอยู่กันนานๆเหมือนเยอรมันซักเท่าไหร่
จากนั้นก็หาซิมที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทั้ง 4 ประเทศ เราสั่งจาก ebay มานะคะ ชื่อซิม meteor เป็นของประเทศ Ireland เราสามารถเติมเงินผ่านเว็บไซต์
แล้วพอไปถึงยุโรปก็ส่งข้อความสมัครแพ็คเกจ EU roaming 1GB 14.99 Euro ข้อเสียคือเรารู้สึกว่าพอเปิดเป็น roaming แล้วเครื่องค่อนข้างกินแบต
ต้องพก power bank ทุกวัน
มาเริ่มต้นวันเดินทางกันเลยค่ะเราเริ่มต้นสุวรรณภูมิ-โฮจิมินห์โดยเวียดนามแอร์ไลน์ค่ะ พอมาถึงโฮจิมินห์ต้องผ่าน immigration แล้วไปรับกระเป๋าออกมาก่อนนะคะ
ภายในสนามบินโฮจิมินห์ Tan Son Nhat International Airport ไม่ใหญ่มากค่ะ เราต้องรอ 6 ชั่วโมงเลยไปฝากท้องกับร้านอาหารชั้นบนก่อน จากในรูปขึ้นไปบนชั้นเหมือนเป็นชั้นลอยนะคะ เฝออร่อยมากๆ ราคาไม่แพงด้วยไม่เหมือนสนามบินบ้านเรา TT
พอ counter เปิดเราก็จัดการเช็คอินเลยค่ะ แนะนำว่าให้ทำ web check in ไปให้เรียบร้อยนะคะเพราะแถว baggage drop สั้นมากๆ แปบเดียวก็ได้ boarding pass มาแล้วไปนั่งรอที่ gate ได้เลยค่ะ
7 Apr 16
เนื่องจากเรามาไฟล์ทกลางคืนเลยไม่ค่อยมีรูปบนเครื่องมารีวิวขอตัดมาที่มิวนิคเลยนะคะ เครื่อง landing ตรงเวลาเลยค่ะ พอลงมาในสนามบินงงมาก เรานึกว่าสนามบินเค้าจะใหญ่โตกว่านี้ ไปถึงมี immigration 4 ช่องค่ะ เป็นช่องสำหรับ Non-EU citizen 2 ช่อง จนท.ก็ซักเราเยอะหน่อยพร้อมขอดูใบ booking โรงแรมที่ฮังการีเพราะเราใช้วีซ่าฮังการีค่ะ แล้วก็ผ่านมาได้ด้วยดี โล่งใจมากๆ ณ จุดนี้
จากสนามบินเราเข้าเมืองได้ด้วย S1 หรือ S8 ค่ะ ไปกดตู้ซื้อ The Airport-City-Day-Ticket 12.4€ ใช้ได้กับทุกโซนในเมืองมิวนิคค่ะ
Marienplatz to see Rathaus-Glockenspiel at 11.00 AM
ดูจบแล้วเราก็เดินไปที่ Residenz Munchen เราซื้อตั๋ว Combination Ticket Residence Museum/ Treasury ราคา 11 Euro
ใน Treasury นี่มีอะไรให้ดูเยอะมากกกกกกกกกกกก
Residence Museum
Olympia park อันนี้ตั้งใจไปดู Sakura ค่ะ
8 Apr 16
จาก Munchen hauptbahnhof เราจองตั๋วรถไฟไป Salzburg ล่วงหน้ามาจากเว็บ DB-Bahn เลยปริ๊นตัวมาจากไทยแล้วใช้ขึ้นรถได้เลยค่ะ พอขึ้นไปซักพักจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วพร้อมเอกสารที่จะใช้ verify ตัวเราซึ่งเราต้องกรอกตอนจองในเว็บนะคะ เราใช้บัตรเครดิต verify ค่ะ
มาถึงสถานี Salzburg ฝนตกเลย อากาศแย่มาก TT จากรูปเป็นด้านหน้าของสถานีรถไฟนะคะ สถานีรถบัสจะอยู่ด้านขวามือของรูป เราจะไปขึ้นบัสเพื่อไป Hallstatt กันตรงนี้ค่ะ
Hellbrunn Palace
เจอ Hohensalburg แล้ว เราชอบหนังเรื่อง The sound of music มากกกกกกกก เลยอินกับเมืองนี้เป็นพิเศษ
รูปนี้ฝนตกเลยต้องใช้กล้องมือถือถ่าย
Dom zu Salzburg - Salzburg Cathedral
Mirabell Park
9 Apr 16
Salzburg to Hallstatt การเดินทางวันนี้เราจะใช้ทั้งรถบัส (สาย 150) รถไฟ เรือ ต้อง strong จริงๆ ค่ะ 5555
ระหว่างทางบนรถบัส สวยมากๆเลย อยากจะลงไปอยู่ซักสองสามชั่วโมง ไว้คราวหน้าจะมาเก็บแน่ๆ
รอเรือ
พอมาถึงแล้วสวยลืมเหนื่อยเลย
ห้องพักที่แพงที่สุดในทริปของเราค่ะ Gusthof Simony (50 Euro) สามารถเมลไปจองกับโรงแรมโดยตรงได้เลยค่ะ
แล้วปริ๊นเมลนั้นออกมาเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นวีซ่า
วิวหลังห้องตอนเช้า ฟิน
10 Apr 16
Hallstatt to Cesky Krumlov เราจองบริการ CK shuttle bus มาจากเมืองไทยค่ะ ราคา 30 € แพงหน่อยแต่ถือว่าซื้อความสะดวกค่ะ รถจะไปส่งถึงหน้าโรงแรมในเมือง Cesky Krumlov เลย สำหรับเมืองนี้ขอรีวิวโรงแรมหน่อยนะคะ เพราะว่าถูกและดีมาก คือเป็นห้องคู่ราคา 20€ มีห้องน้ำในตัว OMG!! จะถูกอะไรปานนั้น ชื่อว่าโรงแรม Pension Tenis - Centrum แต่โรงแรมนี้ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองเก่านะคะ เพราะเราไม่อยากลากกระเป๋าบนแผ่นหิน (แต่สุดท้ายไปเจอที่ปรากอยู่ดี TT) เดินเอื่อยๆเรื่อยๆ 10 นาทีจากโรงแรมก็ไปถึงเขตเมืองเก่าแล้วค่ะ สำหรับเราคือดีงามมากกกกกกก...
พี่หมีที่กำแพง Cesky Krumlov Castle
11 Apr 16
เนื่องจากโรงแรมที่เราพักใกล้ป้ายรถบัส Špičák มากกว่าเราเลยจองรถบัส Student agency ให้มารับที่ป้ายนี้นะคะ (ขอยืมรูปมาจากอากู๋)
ตอนแรกเรางงมาก เพราะฝั่งเมืองเก่าก็มีป้ายรถเมล์ ถามใครก็ไม่มีคนสนใจชะนีเอเชียหัวดำ เลยเสี่ยงรอตรงนี้แหละ แต่พอใกล้ๆถึงเวลารถมาก็มีคนมารอรถเยอะอยู่นะคะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงหลับๆตื่นๆแปบนึงก็มาถึงปรากค่ะ เมืองในฝันของหลายๆคน เราขอลงรูปควบกับวันที่ 12 Apr เลยนะคะ
First time in hostel (Female dorm) ห้องพักที่เราประทับใจมาก คือไม่ได้ส่วนตัวเหมือนห้องเดี่ยว แต่สะอาดและห้องน้ำก็กว้างมากกกก ชอบตรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวกโดยที่เสื้อผ้าไม่เปียกนี่แหละ
Charles bridge
Prague castle
St. Vitus Cathedral
บ้านน่ารักๆ ใน Golden lane
View from Letenske sady
Sunset
ถ่ายมาด้วยความอิจฉา 5555
จากการเที่ยวสาธารณรัฐเชค 3 วันคือเราไม่ชอบเลยอ่ะ คนที่นี่ดุเกินไป พอเข้าไปถามหลายๆคนเดินหนีไปเลย มันทำให้เราใจฝ่อมาก 5555 สุดท้ายต้องถามคนที่ดูเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน คิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศนี้ T^T
คืนวันที่ 12 Apr 16 คือดีใจมากจะได้ไปจากเมืองนี้แล้ว 555 คืนนี้เราจะนั่ง night train จาก Praha Hlavni Nadrazi ด้วยความที่รถไฟออกเกือบเที่ยงคืน จะฝากกระเป๋าไว้ที่ hostel เค้าก็ปิดแค่ 1 ทุ่มเราเลยเช็คเอาท์ออกแต่เช้าแล้วลากกระเป๋ามาฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ในสถานีรถไฟค่ะ ราคาช่องใหญ่ 200 Kc. ต่อ 24 ชั่วโมง
รถไฟมาถึงแล้วคันนี้ที่จะเป็นที่นอนเราค่ะ sleeping car, double bed, 45 € เราสามารถจองล่วงหน้าได้ 2 เดือนจากเว็บไซต์ www.cd.cz/eshop/default.aspx จองเสร็จแล้วปริ๊นตั๋วมาขึ้นรถได้เลยค่ะ
ข้างในห้องเรานะคะ โชคดีมีฝรั่งเค้าจองมาคนเดียวแต่เกิดเปลี่ยนใจอยากไปนอนกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนเค้าอยู่ห้องเดียวกับเราพอดี เราเลยส้มหล่นได้นอนคนเดียวสบายเลยจ้า ภายในห้องมีคีย์การ์ดล็อค มีอ่างล้างหน้า ปลั๊กไฟ ไม้แขวนเสื้อ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ที่ห้องน้ำมีห้องอาบน้ำด้วยนะคือดีมากเลยอ่ะ อยากได้รถไฟแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง
ก่อนนอนพี่เจ้าหน้าที่รถไฟก็จะถามเราว่าพรุ่งนี้เช้ารับชาหรือกาแฟ เห้ย ดีอ่ะ ปลื้ม
จำนวนตัวหนังสือเต็มพอดี พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ Budapest นะคะ
[CR] ยุโรปตะวันออก เที่ยวเกือบง่าย ไปเองคนเดียวก็ได้ พร้อมแผนการเดินทางและค่าใช้จ่าย
ทุกทริปของเราเริ่มต้นด้วยการต้องได้ตั๋วถูกก่อนเสมอค่ะ และตอนที่จองตั๋วนั้นก็ไม่มีเพื่อนคนไหนพร้อมกับเรา เลยเป็นเหตุให้ต้องไปเที่ยวคนเดียวเสมอ 5555 เราถือคติว่าเมื่อตั๋วมาเงินเก็บและแพลนต่างๆก็จะตามมาเอง จากราคา multicity ที่เราได้ 508$ อาจจะไม่ได้ถูกมากนะคะถ้าเทียบกับ route ปารีสหรืออิตาลี เอาเป็นว่าถ้าเจอราคาที่เพื่อนๆพอใจแล้วก็จัดไปแล้วค่ะ
อันนี้เป็น plan ที่นำไปยื่นขอวีซ่า ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากข้อมูลในพันทิปค่ะ บางข้อมูลก็อัพเดทจากที่ไปมาแล้ว ระยะเวลาการเดินทางตั้งแต่วันที่ 6 เมษา ถึงกรุงเทพ 17 เมษา วันที่ได้เที่ยวจริงๆ 9 วันค่ะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตามภาพเลยค่ะ
ค่าอาหารโดยเฉลี่ยในเยอรมันและออสเตรียตกประมาณวันละ 20 ยูโรค่ะ ปกติเราจะกินแบบธรรมดาฟาสฟู้ดมื้อนึง แล้วก็กินในร้านอาหารมื้อนึงค่ะ
พอข้ามประเทศไปเชคและฮังการี ค่าอาหารถูกลงเยอะเลย
จากแพลนข้างบนเราอยู่ฮังการีนานสุดค่ะ ก็ต้องไปทำวีซ่าที่สถานทูตฮังการีซึ่งตั้งอยู่ที่ตึก Park Venture BTS เพลินจิต ค่าใช้จ่าย 60 ยูโร ย้ำว่าต้องจ่ายเป็นเงินยูโรเท่านั้นนะคะ เราสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดการทำวีซ่าและนัดหมายได้ที่เว็บไซต์สถานทูตเลยค่ะ http://www.mfa.gov.hu/kulkepviselet/TH/th/
ขอบอกว่าสถานทูตฮังการีเจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ อาจจะเป็นเพราะคนยังไม่ค่อยเยอะ และเป็นประเทศที่คนไม่ค่อยฮิตไปอยู่กันนานๆเหมือนเยอรมันซักเท่าไหร่
จากนั้นก็หาซิมที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทั้ง 4 ประเทศ เราสั่งจาก ebay มานะคะ ชื่อซิม meteor เป็นของประเทศ Ireland เราสามารถเติมเงินผ่านเว็บไซต์
แล้วพอไปถึงยุโรปก็ส่งข้อความสมัครแพ็คเกจ EU roaming 1GB 14.99 Euro ข้อเสียคือเรารู้สึกว่าพอเปิดเป็น roaming แล้วเครื่องค่อนข้างกินแบต
ต้องพก power bank ทุกวัน
มาเริ่มต้นวันเดินทางกันเลยค่ะเราเริ่มต้นสุวรรณภูมิ-โฮจิมินห์โดยเวียดนามแอร์ไลน์ค่ะ พอมาถึงโฮจิมินห์ต้องผ่าน immigration แล้วไปรับกระเป๋าออกมาก่อนนะคะ
ภายในสนามบินโฮจิมินห์ Tan Son Nhat International Airport ไม่ใหญ่มากค่ะ เราต้องรอ 6 ชั่วโมงเลยไปฝากท้องกับร้านอาหารชั้นบนก่อน จากในรูปขึ้นไปบนชั้นเหมือนเป็นชั้นลอยนะคะ เฝออร่อยมากๆ ราคาไม่แพงด้วยไม่เหมือนสนามบินบ้านเรา TT
พอ counter เปิดเราก็จัดการเช็คอินเลยค่ะ แนะนำว่าให้ทำ web check in ไปให้เรียบร้อยนะคะเพราะแถว baggage drop สั้นมากๆ แปบเดียวก็ได้ boarding pass มาแล้วไปนั่งรอที่ gate ได้เลยค่ะ
7 Apr 16
เนื่องจากเรามาไฟล์ทกลางคืนเลยไม่ค่อยมีรูปบนเครื่องมารีวิวขอตัดมาที่มิวนิคเลยนะคะ เครื่อง landing ตรงเวลาเลยค่ะ พอลงมาในสนามบินงงมาก เรานึกว่าสนามบินเค้าจะใหญ่โตกว่านี้ ไปถึงมี immigration 4 ช่องค่ะ เป็นช่องสำหรับ Non-EU citizen 2 ช่อง จนท.ก็ซักเราเยอะหน่อยพร้อมขอดูใบ booking โรงแรมที่ฮังการีเพราะเราใช้วีซ่าฮังการีค่ะ แล้วก็ผ่านมาได้ด้วยดี โล่งใจมากๆ ณ จุดนี้
จากสนามบินเราเข้าเมืองได้ด้วย S1 หรือ S8 ค่ะ ไปกดตู้ซื้อ The Airport-City-Day-Ticket 12.4€ ใช้ได้กับทุกโซนในเมืองมิวนิคค่ะ
Marienplatz to see Rathaus-Glockenspiel at 11.00 AM
ดูจบแล้วเราก็เดินไปที่ Residenz Munchen เราซื้อตั๋ว Combination Ticket Residence Museum/ Treasury ราคา 11 Euro
ใน Treasury นี่มีอะไรให้ดูเยอะมากกกกกกกกกกกก
Residence Museum
Olympia park อันนี้ตั้งใจไปดู Sakura ค่ะ
8 Apr 16
จาก Munchen hauptbahnhof เราจองตั๋วรถไฟไป Salzburg ล่วงหน้ามาจากเว็บ DB-Bahn เลยปริ๊นตัวมาจากไทยแล้วใช้ขึ้นรถได้เลยค่ะ พอขึ้นไปซักพักจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วพร้อมเอกสารที่จะใช้ verify ตัวเราซึ่งเราต้องกรอกตอนจองในเว็บนะคะ เราใช้บัตรเครดิต verify ค่ะ
มาถึงสถานี Salzburg ฝนตกเลย อากาศแย่มาก TT จากรูปเป็นด้านหน้าของสถานีรถไฟนะคะ สถานีรถบัสจะอยู่ด้านขวามือของรูป เราจะไปขึ้นบัสเพื่อไป Hallstatt กันตรงนี้ค่ะ
Hellbrunn Palace
เจอ Hohensalburg แล้ว เราชอบหนังเรื่อง The sound of music มากกกกกกกก เลยอินกับเมืองนี้เป็นพิเศษ
รูปนี้ฝนตกเลยต้องใช้กล้องมือถือถ่าย
Dom zu Salzburg - Salzburg Cathedral
Mirabell Park
9 Apr 16
Salzburg to Hallstatt การเดินทางวันนี้เราจะใช้ทั้งรถบัส (สาย 150) รถไฟ เรือ ต้อง strong จริงๆ ค่ะ 5555
ระหว่างทางบนรถบัส สวยมากๆเลย อยากจะลงไปอยู่ซักสองสามชั่วโมง ไว้คราวหน้าจะมาเก็บแน่ๆ
รอเรือ
พอมาถึงแล้วสวยลืมเหนื่อยเลย
ห้องพักที่แพงที่สุดในทริปของเราค่ะ Gusthof Simony (50 Euro) สามารถเมลไปจองกับโรงแรมโดยตรงได้เลยค่ะ
แล้วปริ๊นเมลนั้นออกมาเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นวีซ่า
วิวหลังห้องตอนเช้า ฟิน
10 Apr 16
Hallstatt to Cesky Krumlov เราจองบริการ CK shuttle bus มาจากเมืองไทยค่ะ ราคา 30 € แพงหน่อยแต่ถือว่าซื้อความสะดวกค่ะ รถจะไปส่งถึงหน้าโรงแรมในเมือง Cesky Krumlov เลย สำหรับเมืองนี้ขอรีวิวโรงแรมหน่อยนะคะ เพราะว่าถูกและดีมาก คือเป็นห้องคู่ราคา 20€ มีห้องน้ำในตัว OMG!! จะถูกอะไรปานนั้น ชื่อว่าโรงแรม Pension Tenis - Centrum แต่โรงแรมนี้ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองเก่านะคะ เพราะเราไม่อยากลากกระเป๋าบนแผ่นหิน (แต่สุดท้ายไปเจอที่ปรากอยู่ดี TT) เดินเอื่อยๆเรื่อยๆ 10 นาทีจากโรงแรมก็ไปถึงเขตเมืองเก่าแล้วค่ะ สำหรับเราคือดีงามมากกกกกกก...
พี่หมีที่กำแพง Cesky Krumlov Castle
11 Apr 16
เนื่องจากโรงแรมที่เราพักใกล้ป้ายรถบัส Špičák มากกว่าเราเลยจองรถบัส Student agency ให้มารับที่ป้ายนี้นะคะ (ขอยืมรูปมาจากอากู๋)
ตอนแรกเรางงมาก เพราะฝั่งเมืองเก่าก็มีป้ายรถเมล์ ถามใครก็ไม่มีคนสนใจชะนีเอเชียหัวดำ เลยเสี่ยงรอตรงนี้แหละ แต่พอใกล้ๆถึงเวลารถมาก็มีคนมารอรถเยอะอยู่นะคะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงหลับๆตื่นๆแปบนึงก็มาถึงปรากค่ะ เมืองในฝันของหลายๆคน เราขอลงรูปควบกับวันที่ 12 Apr เลยนะคะ
First time in hostel (Female dorm) ห้องพักที่เราประทับใจมาก คือไม่ได้ส่วนตัวเหมือนห้องเดี่ยว แต่สะอาดและห้องน้ำก็กว้างมากกกก ชอบตรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวกโดยที่เสื้อผ้าไม่เปียกนี่แหละ
Charles bridge
Prague castle
St. Vitus Cathedral
บ้านน่ารักๆ ใน Golden lane
View from Letenske sady
Sunset
ถ่ายมาด้วยความอิจฉา 5555
จากการเที่ยวสาธารณรัฐเชค 3 วันคือเราไม่ชอบเลยอ่ะ คนที่นี่ดุเกินไป พอเข้าไปถามหลายๆคนเดินหนีไปเลย มันทำให้เราใจฝ่อมาก 5555 สุดท้ายต้องถามคนที่ดูเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน คิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศนี้ T^T
คืนวันที่ 12 Apr 16 คือดีใจมากจะได้ไปจากเมืองนี้แล้ว 555 คืนนี้เราจะนั่ง night train จาก Praha Hlavni Nadrazi ด้วยความที่รถไฟออกเกือบเที่ยงคืน จะฝากกระเป๋าไว้ที่ hostel เค้าก็ปิดแค่ 1 ทุ่มเราเลยเช็คเอาท์ออกแต่เช้าแล้วลากกระเป๋ามาฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ในสถานีรถไฟค่ะ ราคาช่องใหญ่ 200 Kc. ต่อ 24 ชั่วโมง
รถไฟมาถึงแล้วคันนี้ที่จะเป็นที่นอนเราค่ะ sleeping car, double bed, 45 € เราสามารถจองล่วงหน้าได้ 2 เดือนจากเว็บไซต์ www.cd.cz/eshop/default.aspx จองเสร็จแล้วปริ๊นตั๋วมาขึ้นรถได้เลยค่ะ
ข้างในห้องเรานะคะ โชคดีมีฝรั่งเค้าจองมาคนเดียวแต่เกิดเปลี่ยนใจอยากไปนอนกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนเค้าอยู่ห้องเดียวกับเราพอดี เราเลยส้มหล่นได้นอนคนเดียวสบายเลยจ้า ภายในห้องมีคีย์การ์ดล็อค มีอ่างล้างหน้า ปลั๊กไฟ ไม้แขวนเสื้อ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ที่ห้องน้ำมีห้องอาบน้ำด้วยนะคือดีมากเลยอ่ะ อยากได้รถไฟแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง
ก่อนนอนพี่เจ้าหน้าที่รถไฟก็จะถามเราว่าพรุ่งนี้เช้ารับชาหรือกาแฟ เห้ย ดีอ่ะ ปลื้ม
จำนวนตัวหนังสือเต็มพอดี พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ Budapest นะคะ