ดิฉันใช้บริการกับคลีนิคนี้มานานหลายปีไม่ว่าจะที่ไทย และสาขาที่เวียดนาม จนล่าสุดได้ซื้อยาควบคุมความมันบนใบหน้า ISOCAP 10 ที่วุฒิศักดิ์คลีนิค สาขาเซ็นทรัลเฟสติเวล หาดใหญ่ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2016 มาจำนวน 60 เม็ด
โดยปกติทางคลีนิคได้จ่ายยาโดยบรรจุถุงชองยา ซองละ 7 เม็ด เป็นการตัดแบ่งจากแผงบรรจุยาปกติ ซึ่งทางคลีนิคไม่ได้การระบุวันหมดอายุไว้ที่ซองจ่ายยา (ที่เอะใจเพราะได้ใช้บริการคลีนิคผิวหนังอีกแห่งด้วย ซึ่งเค้าระบุวันหมดอายุของยาไว้ตรงหน้าซอง)
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 เมษาที่ผ่านมา (หลังจากซื้อมาได้ประมาณ 2 เดือน) สังเกตเห็นวันหมดอายุของคือเดือนมีนาที่ผ่านมา "EXP.March 2016” ซึ่งเห็นจากบรรจุภัฑณ์บางเม็ดที่มีบอกไว้ที่บางส่วนของแผงยา และมันไม่ได้มีบอกไว้ทุกเม็ดด้วยสิ !!! เพราะว่ามันตัดมาจากแผงใหญ่ เพื่อนๆที่เคยทานยาประเภทนี้น่าจะนึกออก.... เลยลองเปิดซองยาที่เหลือสำหรับบางเม็ดที่มีวันหมดอายุอยู่ปรากฏว่าเป็นเดือน "มีนาคม 2016” ทุกซอง แล้วที่ดิฉันกินไปแล้วว่า 30 เม็ดล่ะ ??? ถ้าพูดกันตามตรงมันคงมากกว่านั้น เพราะอย่างที่บอกค่ะว่าดิฉันใช้บริการของที่นี่มาตลอดระยะเวลาหลายปี ทั้งยา เคยมีลงคอร์สทำหน้า และอีกมากมายก่อนหน้านี้ แล้วที่ผ่านมาคือยาหมดอายุด้วยหรือไม่ ???? โชคดีที่วันก่อนไม่ได้ตัดสินใจฉีดโบท็อคกับฟีเลอร์ที่นั่นเพราะเพื่อนห้ามไว้ก่อน ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรที่หมดอายุมาฉีดให้เราหรือเปล่า
ยาจำนวน 60 เม็ด กินได้อย่างน้อยหรือ 60 วัน ถ้านับจากวันที่ซื้อคือ 26 กุมภา ทางคลีนิคได้จำหน่ายยาที่มีระยะเวลา 2 วันก่อนที่ยา
จะหมดอายุ แล้วถ้าไม่บังเอิญเห็นวันหมดอายุ ดิฉันคงไม่รู้เลยว่ากินยาที่เป็นอันตรายหรือด้อยคุณภาพไป เกิดคำถามขึ้นมามากมาย ว่าคลีนิคที่ที่มีชื่อเสียงอันดังต้นๆของประเทศ ไม่มีการตรวจสอบวันหมดอายุของยาที่จ่ายให้กับผู้ใช้บริการหรอ ??? ถ้าเกิดมันเป็นยาที่อันตรายกับชีวิตล่ะ?? คุ้มกันไหมกับแค่เพราะความสะเพร่า และการทำงานที่ห่วยแตกแบบนี้
ในวันที่ 28 กุมภาที่ผ่านมา สามีดิฉันได้ลองติดต่อกับทางเฟสบุคของวุฒิศักดิ์ได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วบอกว่าจะให้ทางสาขาเซ็นทรัลเฟส หาดใหญ่ติดต่อกลับจนผ่านไปเป็นสัปดาห์ ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย ทางคลีนิคบอกทางเฟสบุคว่ายาที่หมดอายุสามารถกินได้ แค่ประสิทธิภาพลดลง +++ ฟังแล้วรู้สึกดีแท้ ว่าดิฉันคงไม่ตาย หรือกระเพาะไม่ทะลุไปซะก่อน !
จนเมื่อวานได้ให้สามีได้กลับไปหาดใหญ่เลยให้ติดต่อที่สาขาดู (ปกติเราอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ) พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนยาให้เท่ากับจำนวนยาที่ดิฉันเหลือ คือ 30 เม็ด เพื่อเป็นการรับผิดชอบ พอดิฉันรู้แบบนั้นยิ่งทำให้โมโห ว่านี่คือการรับผิดชอบใช่ไหม??
กินยาหมดอายุไปก็ช่างมันสินะ (งั้นสิ ?) แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนเจอกรีเดียวกันนี้ เอิ่ม ....
ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งมากกกกกก... ตอนแรกก็ไม่ได้บอกพนักงานไปว่าจริงๆแล้วเราส่งเรื่องไปที่ สคบ.แล้วด้วย สามีเลยแวะไปอีกรอบ ถามว่าทำได้แค่นี้ใช่ไหม?? พนักงานเลยบอกว่าจะส่งเรื่องไปสอบถามให้ ว่าจะชดใช้ยาทั้งหมดให้ 60 เม็ดหรือไม่ ?? (ซาบซึ้งอีกแระ หึหึ) นั่นมันคือเบื้องต้นที่คลีนิคต้องทำไม่ใช่หรอ?? ยาที่กินไปแล้วที่หมดอายุก็ปล่อยไปงั้นสินะ เอาจิงๆก็ไม่ได้อยากได้ยาฟรีมากขนาดนั้น แต่ดูการแก้ปัญหาแล้วไม่ Make sense เลยป่ะ จนได้คำตอบว่ายินดีจะชดเชยให้ทั้งหมด 60 เม็ด นี่เค้าเรียกกว่าการรับผิดชอบสินะ !! ( ดิฉันมองว่ามันยังไม่ใช่ )
บทสรุป คือคลีนิคต่อสายให้คุณหมอ (พญ.ศิรินทิพย์ ) บอกว่ากิน “ยาหมดอายุ ไม่อันตราย" แค่ประสิทธิภาพลดลงพร้อมยาที่บอกว่าเป็นการรับผิดชอบ และนี่คือบทสรุปของการรับผิดชอบขอบคลีนิคที่จ่ายยาหมดอายุให้แกผู้ใช้บริการ ของคลีนิคที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย กับผู้บริโภคตาดำๆซึ่งคิดว่าคงอีกหลายๆคนที่ไม่รู้ตัวว่าใช้เวชภัณฑ์ที่หมดอายุจากคลีนิคแห่งนี้อยู่ !!!!!!
หลายคนอาจจะคิดว่าจะเอาอะไรนักหนา เค้าก็ชดเชยยาให้แล้ว แต่สำหรับดิฉันถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก หากวันนึงโรงพยาบาลรักษาแล้วคนไข้ตายเนื่องจาก หมอ พยาบาล รักษาด้วยยาหมดอายุโดยที่ผู้ป่วยและญาตไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าได้รับการรักษาที่แย่ การทำงานที่ห่วย ไม่มีคุณภาพ จากสถานพยาบาล ที่ไม่มีการตรวจสอบเวชภัณฑ์ให้ดีก่อนให้บริการ หรือแค่ให้ถือว่าเพราะความซวย ++
ดิฉันได้ให้ทางคลีนิคส่งข้อมูลทางอีเมล์มายืนยันว่ายานั้นไม่มีอันตรายจริงๆ ไม่ได้คิดว่าคุณหมอโกหกหรอกนะคะ แต่จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกับคำว่า “ยาหมดอายุ” และจะรอดูทาง สคบ. ผู้ที่ให้ความคุ้มครองผู้บริโภคตาดำๆอย่างเรา
หวังว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นประโชน์เล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ใช้บริการคลีนิคนี้ หรือที่อื่นๆก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนรับประทานได้ก็จะดีค่ะ เพราะไม่มีใครมารับผิดชอบชีวิตเรา นอกจากตัวเราเองค่ะ
ระวัง !! วุฒิศักดิ์คลีนิค จ่ายยาหมดอายุให้กับผู้ใช้บริการ
โดยปกติทางคลีนิคได้จ่ายยาโดยบรรจุถุงชองยา ซองละ 7 เม็ด เป็นการตัดแบ่งจากแผงบรรจุยาปกติ ซึ่งทางคลีนิคไม่ได้การระบุวันหมดอายุไว้ที่ซองจ่ายยา (ที่เอะใจเพราะได้ใช้บริการคลีนิคผิวหนังอีกแห่งด้วย ซึ่งเค้าระบุวันหมดอายุของยาไว้ตรงหน้าซอง)
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 เมษาที่ผ่านมา (หลังจากซื้อมาได้ประมาณ 2 เดือน) สังเกตเห็นวันหมดอายุของคือเดือนมีนาที่ผ่านมา "EXP.March 2016” ซึ่งเห็นจากบรรจุภัฑณ์บางเม็ดที่มีบอกไว้ที่บางส่วนของแผงยา และมันไม่ได้มีบอกไว้ทุกเม็ดด้วยสิ !!! เพราะว่ามันตัดมาจากแผงใหญ่ เพื่อนๆที่เคยทานยาประเภทนี้น่าจะนึกออก.... เลยลองเปิดซองยาที่เหลือสำหรับบางเม็ดที่มีวันหมดอายุอยู่ปรากฏว่าเป็นเดือน "มีนาคม 2016” ทุกซอง แล้วที่ดิฉันกินไปแล้วว่า 30 เม็ดล่ะ ??? ถ้าพูดกันตามตรงมันคงมากกว่านั้น เพราะอย่างที่บอกค่ะว่าดิฉันใช้บริการของที่นี่มาตลอดระยะเวลาหลายปี ทั้งยา เคยมีลงคอร์สทำหน้า และอีกมากมายก่อนหน้านี้ แล้วที่ผ่านมาคือยาหมดอายุด้วยหรือไม่ ???? โชคดีที่วันก่อนไม่ได้ตัดสินใจฉีดโบท็อคกับฟีเลอร์ที่นั่นเพราะเพื่อนห้ามไว้ก่อน ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรที่หมดอายุมาฉีดให้เราหรือเปล่า
ยาจำนวน 60 เม็ด กินได้อย่างน้อยหรือ 60 วัน ถ้านับจากวันที่ซื้อคือ 26 กุมภา ทางคลีนิคได้จำหน่ายยาที่มีระยะเวลา 2 วันก่อนที่ยา
จะหมดอายุ แล้วถ้าไม่บังเอิญเห็นวันหมดอายุ ดิฉันคงไม่รู้เลยว่ากินยาที่เป็นอันตรายหรือด้อยคุณภาพไป เกิดคำถามขึ้นมามากมาย ว่าคลีนิคที่ที่มีชื่อเสียงอันดังต้นๆของประเทศ ไม่มีการตรวจสอบวันหมดอายุของยาที่จ่ายให้กับผู้ใช้บริการหรอ ??? ถ้าเกิดมันเป็นยาที่อันตรายกับชีวิตล่ะ?? คุ้มกันไหมกับแค่เพราะความสะเพร่า และการทำงานที่ห่วยแตกแบบนี้
ในวันที่ 28 กุมภาที่ผ่านมา สามีดิฉันได้ลองติดต่อกับทางเฟสบุคของวุฒิศักดิ์ได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วบอกว่าจะให้ทางสาขาเซ็นทรัลเฟส หาดใหญ่ติดต่อกลับจนผ่านไปเป็นสัปดาห์ ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย ทางคลีนิคบอกทางเฟสบุคว่ายาที่หมดอายุสามารถกินได้ แค่ประสิทธิภาพลดลง +++ ฟังแล้วรู้สึกดีแท้ ว่าดิฉันคงไม่ตาย หรือกระเพาะไม่ทะลุไปซะก่อน !
จนเมื่อวานได้ให้สามีได้กลับไปหาดใหญ่เลยให้ติดต่อที่สาขาดู (ปกติเราอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ) พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนยาให้เท่ากับจำนวนยาที่ดิฉันเหลือ คือ 30 เม็ด เพื่อเป็นการรับผิดชอบ พอดิฉันรู้แบบนั้นยิ่งทำให้โมโห ว่านี่คือการรับผิดชอบใช่ไหม??
กินยาหมดอายุไปก็ช่างมันสินะ (งั้นสิ ?) แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนเจอกรีเดียวกันนี้ เอิ่ม ....
ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งมากกกกกก... ตอนแรกก็ไม่ได้บอกพนักงานไปว่าจริงๆแล้วเราส่งเรื่องไปที่ สคบ.แล้วด้วย สามีเลยแวะไปอีกรอบ ถามว่าทำได้แค่นี้ใช่ไหม?? พนักงานเลยบอกว่าจะส่งเรื่องไปสอบถามให้ ว่าจะชดใช้ยาทั้งหมดให้ 60 เม็ดหรือไม่ ?? (ซาบซึ้งอีกแระ หึหึ) นั่นมันคือเบื้องต้นที่คลีนิคต้องทำไม่ใช่หรอ?? ยาที่กินไปแล้วที่หมดอายุก็ปล่อยไปงั้นสินะ เอาจิงๆก็ไม่ได้อยากได้ยาฟรีมากขนาดนั้น แต่ดูการแก้ปัญหาแล้วไม่ Make sense เลยป่ะ จนได้คำตอบว่ายินดีจะชดเชยให้ทั้งหมด 60 เม็ด นี่เค้าเรียกกว่าการรับผิดชอบสินะ !! ( ดิฉันมองว่ามันยังไม่ใช่ )
บทสรุป คือคลีนิคต่อสายให้คุณหมอ (พญ.ศิรินทิพย์ ) บอกว่ากิน “ยาหมดอายุ ไม่อันตราย" แค่ประสิทธิภาพลดลงพร้อมยาที่บอกว่าเป็นการรับผิดชอบ และนี่คือบทสรุปของการรับผิดชอบขอบคลีนิคที่จ่ายยาหมดอายุให้แกผู้ใช้บริการ ของคลีนิคที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไทย กับผู้บริโภคตาดำๆซึ่งคิดว่าคงอีกหลายๆคนที่ไม่รู้ตัวว่าใช้เวชภัณฑ์ที่หมดอายุจากคลีนิคแห่งนี้อยู่ !!!!!!
หลายคนอาจจะคิดว่าจะเอาอะไรนักหนา เค้าก็ชดเชยยาให้แล้ว แต่สำหรับดิฉันถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก หากวันนึงโรงพยาบาลรักษาแล้วคนไข้ตายเนื่องจาก หมอ พยาบาล รักษาด้วยยาหมดอายุโดยที่ผู้ป่วยและญาตไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าได้รับการรักษาที่แย่ การทำงานที่ห่วย ไม่มีคุณภาพ จากสถานพยาบาล ที่ไม่มีการตรวจสอบเวชภัณฑ์ให้ดีก่อนให้บริการ หรือแค่ให้ถือว่าเพราะความซวย ++
ดิฉันได้ให้ทางคลีนิคส่งข้อมูลทางอีเมล์มายืนยันว่ายานั้นไม่มีอันตรายจริงๆ ไม่ได้คิดว่าคุณหมอโกหกหรอกนะคะ แต่จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกับคำว่า “ยาหมดอายุ” และจะรอดูทาง สคบ. ผู้ที่ให้ความคุ้มครองผู้บริโภคตาดำๆอย่างเรา
หวังว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นประโชน์เล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ใช้บริการคลีนิคนี้ หรือที่อื่นๆก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนรับประทานได้ก็จะดีค่ะ เพราะไม่มีใครมารับผิดชอบชีวิตเรา นอกจากตัวเราเองค่ะ