ก่อนอื่นขอเท้าความไปนิดนะคะ เนื่องจากทางกลุ่มเพื่อนๆ เรา สิบกว่าคน ตั้งใจจะไปทริปโฮมสเตย์ กินปูดูดาว บุฟเฟ่ต์อาหารทะเล ไม่อั้น หัวละ 1,500.- กัน ตกลงปลงใจกันเรียบร้อยก็เริ่มโทรจอง ลิสต์รายชื่อมา สักสองสามแห่ง แต่สุดท้าย เต็มทุกที่เลยจ้า สิบกว่าที่ ที่เค้าว่าน่าไปลอง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว (วันแรงงาน เดือน พ.ค.) !!
ไม่เป็นไร เรายังคงอิน กับคำว่าไม่อั้น เลยมุ่งหน้า หาโฮมสเตย์ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนไปเจอ ที่หนึ่ง ในแหลมสิงห์ เราแอดไลน์ไป คุยกับเจ้าของบ้าน พี่เขาก็ใจดีอธิบาย ราวกับโฮมสเตย์เปิดใหม่ เปิดรอต้อนรับลูกค้า ส่งรูปภาพบ้านที่พัก อาหารการกิน กิจกรรมต่างๆ ที่มี (ตกหมึก พายเรือ บลาๆๆ) รวมถึงรางวัล ที่บ้านเขาได้รับรางวัลมา ให้เราดูอย่างตั้งอกตั้งใจ
เราเห็นพ้องต้องกัน ในชั่วโมงนั้นเลย ดั่งโดนมนต์สะกด คุยกันชี้แจงรายละเอียด พร้อมกับโอนเงินมัดจำไป 50% ประมาณ หมื่นกว่าบาท เมื่อกลางเดือน มี.ค.
ผ่านไปได้ สามอาทิตย์ เห็นจะได้ เจ้าของบ้านก็โทรเข้ามา เพื่อเสนออาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งมื้อ แลกกับ ให้เราย้ายไปนอนที่โรงแรม อะไรสักอย่าง ไม่ได้ตั้งใจฟังนัก เพราะมันไม่ใช่ประเด็น เนื่องจากเราต้องการพักผ่อนที่บ้านติดริมทะเล .. เราเลยไม่รับข้อเสนอนั้น ทางพี่เจ้าของบ้าน ก็โอเคแล้วแต่เรา แต่รับรู้ได้ว่านางคงไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะกรุ๊ปเรา เล็กกว่า กรุ๊ปใหม่ที่จะเข้ามาพัก ประมาณ 2 คน ซึ่งถ้าได้อยู่ที่บ้านพักติดทะเล ก็จะพอดี แต่ในขณะที่ กรุ๊ปเรา อาจจะหลวมๆ ไปนิด สัก 2 คน !!!!!
พอใกล้ถึงวันที่เราต้องเดินทาง เราเลยไลน์ไปคอนเฟิร์มจำนวนคนที่จะเข้าพัก พร้อมกับ สรุปยอดค่าใช้จ่ายที่เหลือ โน่นนี่นั่น ให้นางอีกครั้ง .... นางอ่านแล้วตอบกลับมาแค่ว่า "ตามนั้นครับ" ..... คือเจ้าของบ้าน คนเดียวกับที่โทรไปคุยรายละเอียดวันนั้นหรือเปล่านะ ??? หรือพี่เค้าคงยุ่งๆ อาจจะไม่สะดวกตอบไลน์เท่าไหร่มั้ง (เราคิดในใจ) แต่ไม่เป็นไร ช่างเค้าเถอะ !!!
พอวันของเรามาถึง ถนนเส้นที่จะไปมีการก่อสร้างทำให้รถติดมาก .. เสียงผู้หญิงที่โฮมสเตย์โทรมาหาเรา คอนเฟิร์มเข้าพัก เมื่อตอน 11.30 น. เราแจ้งไปว่า ไปแน่นอน แต่ตอนนี้รถติดมาก อีกร้อยกว่าโล คงถึง นางก็อ่อค่ะ แค่จะโทรบอกว่า ที่นี่ฝนตกหนักมาก ถ้ามาไม่ถูก ก็โทรมานะคะ ... โอ้โห ใจดีจังเลย มีโทรมาแสดงความใส่ใจ (เราคิด)
แต่เมื่อไปถึง ............ สิ่งที่เราเห็น คือสภาพแวดล้อมที่พักเหมือนเป็นอู่ต่อเรือเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง มีกองไม้หักๆ วางระเกะระกะ คล้ายบ้านไม้ถูกไฟไหม้ เหลือแต่ซากไม้ กับน้ำเปียกๆ หลังไฟถูกดับลง เราไม่แน่ใจเลยโทรไปถามอีกครั้ง ว่าใช่ตรงนี้หรือเปล่า เสียงผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมา ชัดเจนว่า "ใช่ค่ะ บ้านพักพี่ เป็นห้องกระจก เรียงติดกันสี่ห้อง ตรงปากทางเข้าเลยค่ะ" แล้วไหนทะเล ไหนที่บอกว่า สาดน้ำจากชั้นสองลงมาก็ถึงทะเลเลย ไหนบ้านพักริมทะเลของชั้น !!!!!
ทันใดนั้นเอง เรากับเพื่อนๆ ไม่รีรอ เดินตรงเข้าไปข้างใน สภาพที่เห็นมันไม่เหมือนในรูปเลย บ้านที่เคยใช้เป็นห้องพัก กลับพัง ทิ้งร้าง ราวกับโดนพายุโหมกระหน่ำ เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงหัวเราะ ของเพื่อนร่วมชายคา กำลังสนุกสนานกันอยู่ในบ้าน ที่เรามัดจำไว้เป็นหมื่น จองล่วงหน้าไว้เป็นเดือนๆ แล้วเจ้าของบ้านที่เดินไป เดินมา แบบไม่สนใจ ผู้เข้ามาใหม่อย่างเรา จนเราต้องบอกเด็กในบ้าน ว่าไปตามเจ้าของบ้านมาคุยด้วยหน่อย ว่าคืออะไร ยังไง ??
เจ้าของบ้าน เดินมา บอกกับเราว่า ได้ให้คนกลุ่มนี้ ขึ้นไปข้างบนแล้ว เพราะทางกรุ๊ปเราไม่ต้องการใช้ห้องน้ำรวม .. เฮ้ยย ใช่หรอ ?? แล้วยังบอกอีกว่า ขอดูไลน์หน่อย ว่าพิมพ์คุยกันว่ายังไง ประมาณจะเอาหลักฐานมายืนยัน พี่คนหนึ่งเลยเดินเข้ามาบอกว่า เราไม่เคยคุยกันเรื่องห้องน้ำรวม เราคุยแค่ว่าเราต้องการบ้านพักติดทะเล เท่านั้น
แล้วเจ้าของบ้าน ก็เลยพูดว่า "โอเค ถ้าพี่ต้องการจะอยู่บ้านนี้ ผมก็จะได้ให้แขกย้ายออก"
(ห๊ะ !!!!! คือเราผิด ??? เราไปแย่งที่พักแขกเขาหรอ งงมาก จุดนี้ ???)
พี่อีกคน เลยบอกว่า "เราไม่ได้จะอยู่บ้านนี้ แต่เราจองมาเป็นบ้านติดทะเล" (ซึ่งมีหลังเดียว คือหลังนี้ที่ติดทะเล)
คือแบบว่า ถ้าคุณมีที่ติดทะเล หลังอื่น ก็โอเค เพราะเดินสำรวจแล้ว ไม่มีหลังไหนติดทะเลเลย
เราก็ยืนกราน จะอยู่หลังนี้ สุดท้าย นางก็ต้องให้แขกกรุ๊ปนั้น ย้ายออก แต่ระหว่างนั้น เรากลับถูกมองเหมือนเป็นคนผิด เป็นกลุ่มเจ้าปัญหา ซึ่ง งง มาก เพราะมี ลูกน้อง เดินมาพูดถึงกลุ่มเราด้วยน้ำเสียงว่า "เอาอะไรอีก" เฮ้ยย มันใช่หรอ ??? ... แต่ช่างเถอะ เราก็ไม่สนใจนะ ถ้าเราย้ายไปนอนที่อื่น มันก็เย็นมากแล้ว และกรุ๊ปเราก็ไปกันหลายคน เกรงว่าจะหาที่พักยาก เพราะก่อนจะโวย เราโทรเช็คแล้วเต็มหมด !!!
สุดท้าย .. เราก็ต้องทนนอนที่นี่ไป กินปู กุ้งไม่อั้น สมใจ แต่ไม่มีกิจกรรมอะไรเสริมเพิ่มเติม เนื่องจากฝนตก หรือ อาจจะไม่มีให้แต่แรก ก็ไม่รู้นะ ไม่กล้าถาม เพราะเจ้าของบ้าน หันหลังให้เราตลอด เดินผ่านก็ไม่ทักทาย ไม่มียิ้มให้ จนเช้าวันรุ่งขึ้น ที่เรากำลังจะกลับ เราก็เห็น พี่เจ้าของบ้าน นั่งหันหลังให้แขกผู้มาเยือนอย่างสงบใจ ทั้งๆ ที่เรา ก็ไปยืนถ่ายรูปหน้าบ้านเขาด้วยนะ ... มีเพียงแต่ลูกน้องที่เดินออกมาสวัสดี ........
... จบการรีวิว โฮมสเตย์ ณ แหลมสิงห์ เพียงเท่านี้ ส่วนที่พักนี้ เราคงไม่คิดจะไปเหยียบอีก ต่อให้ปรับปรุงแค่ไหนก็ตาม !!!!!
เพียงเพราะเชื่อในรูปภาพมากไป ไม่ได้สนใจรีวิว ซึ่งปกติ จะเช็คก่อนตลอด เวลาจะไปพัก ไปกินอาหารที่ไหน แต่ไม่รู้ทำไม ถึงมาพลาดกับที่นี่ได้
ขอให้เรื่องนี้เป็นรีวิวอุทาหรณ์ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่อย่างเราล่ะกันนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
พอแล้วกับคำว่า "โฮมสเตย์" ครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย ณ แหลมสิงห์ จันทบุรี
ไม่เป็นไร เรายังคงอิน กับคำว่าไม่อั้น เลยมุ่งหน้า หาโฮมสเตย์ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนไปเจอ ที่หนึ่ง ในแหลมสิงห์ เราแอดไลน์ไป คุยกับเจ้าของบ้าน พี่เขาก็ใจดีอธิบาย ราวกับโฮมสเตย์เปิดใหม่ เปิดรอต้อนรับลูกค้า ส่งรูปภาพบ้านที่พัก อาหารการกิน กิจกรรมต่างๆ ที่มี (ตกหมึก พายเรือ บลาๆๆ) รวมถึงรางวัล ที่บ้านเขาได้รับรางวัลมา ให้เราดูอย่างตั้งอกตั้งใจ
เราเห็นพ้องต้องกัน ในชั่วโมงนั้นเลย ดั่งโดนมนต์สะกด คุยกันชี้แจงรายละเอียด พร้อมกับโอนเงินมัดจำไป 50% ประมาณ หมื่นกว่าบาท เมื่อกลางเดือน มี.ค.
ผ่านไปได้ สามอาทิตย์ เห็นจะได้ เจ้าของบ้านก็โทรเข้ามา เพื่อเสนออาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งมื้อ แลกกับ ให้เราย้ายไปนอนที่โรงแรม อะไรสักอย่าง ไม่ได้ตั้งใจฟังนัก เพราะมันไม่ใช่ประเด็น เนื่องจากเราต้องการพักผ่อนที่บ้านติดริมทะเล .. เราเลยไม่รับข้อเสนอนั้น ทางพี่เจ้าของบ้าน ก็โอเคแล้วแต่เรา แต่รับรู้ได้ว่านางคงไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะกรุ๊ปเรา เล็กกว่า กรุ๊ปใหม่ที่จะเข้ามาพัก ประมาณ 2 คน ซึ่งถ้าได้อยู่ที่บ้านพักติดทะเล ก็จะพอดี แต่ในขณะที่ กรุ๊ปเรา อาจจะหลวมๆ ไปนิด สัก 2 คน !!!!!
พอใกล้ถึงวันที่เราต้องเดินทาง เราเลยไลน์ไปคอนเฟิร์มจำนวนคนที่จะเข้าพัก พร้อมกับ สรุปยอดค่าใช้จ่ายที่เหลือ โน่นนี่นั่น ให้นางอีกครั้ง .... นางอ่านแล้วตอบกลับมาแค่ว่า "ตามนั้นครับ" ..... คือเจ้าของบ้าน คนเดียวกับที่โทรไปคุยรายละเอียดวันนั้นหรือเปล่านะ ??? หรือพี่เค้าคงยุ่งๆ อาจจะไม่สะดวกตอบไลน์เท่าไหร่มั้ง (เราคิดในใจ) แต่ไม่เป็นไร ช่างเค้าเถอะ !!!
พอวันของเรามาถึง ถนนเส้นที่จะไปมีการก่อสร้างทำให้รถติดมาก .. เสียงผู้หญิงที่โฮมสเตย์โทรมาหาเรา คอนเฟิร์มเข้าพัก เมื่อตอน 11.30 น. เราแจ้งไปว่า ไปแน่นอน แต่ตอนนี้รถติดมาก อีกร้อยกว่าโล คงถึง นางก็อ่อค่ะ แค่จะโทรบอกว่า ที่นี่ฝนตกหนักมาก ถ้ามาไม่ถูก ก็โทรมานะคะ ... โอ้โห ใจดีจังเลย มีโทรมาแสดงความใส่ใจ (เราคิด)
แต่เมื่อไปถึง ............ สิ่งที่เราเห็น คือสภาพแวดล้อมที่พักเหมือนเป็นอู่ต่อเรือเก่าๆ ถูกทิ้งร้าง มีกองไม้หักๆ วางระเกะระกะ คล้ายบ้านไม้ถูกไฟไหม้ เหลือแต่ซากไม้ กับน้ำเปียกๆ หลังไฟถูกดับลง เราไม่แน่ใจเลยโทรไปถามอีกครั้ง ว่าใช่ตรงนี้หรือเปล่า เสียงผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมา ชัดเจนว่า "ใช่ค่ะ บ้านพักพี่ เป็นห้องกระจก เรียงติดกันสี่ห้อง ตรงปากทางเข้าเลยค่ะ" แล้วไหนทะเล ไหนที่บอกว่า สาดน้ำจากชั้นสองลงมาก็ถึงทะเลเลย ไหนบ้านพักริมทะเลของชั้น !!!!!
ทันใดนั้นเอง เรากับเพื่อนๆ ไม่รีรอ เดินตรงเข้าไปข้างใน สภาพที่เห็นมันไม่เหมือนในรูปเลย บ้านที่เคยใช้เป็นห้องพัก กลับพัง ทิ้งร้าง ราวกับโดนพายุโหมกระหน่ำ เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงหัวเราะ ของเพื่อนร่วมชายคา กำลังสนุกสนานกันอยู่ในบ้าน ที่เรามัดจำไว้เป็นหมื่น จองล่วงหน้าไว้เป็นเดือนๆ แล้วเจ้าของบ้านที่เดินไป เดินมา แบบไม่สนใจ ผู้เข้ามาใหม่อย่างเรา จนเราต้องบอกเด็กในบ้าน ว่าไปตามเจ้าของบ้านมาคุยด้วยหน่อย ว่าคืออะไร ยังไง ??
เจ้าของบ้าน เดินมา บอกกับเราว่า ได้ให้คนกลุ่มนี้ ขึ้นไปข้างบนแล้ว เพราะทางกรุ๊ปเราไม่ต้องการใช้ห้องน้ำรวม .. เฮ้ยย ใช่หรอ ?? แล้วยังบอกอีกว่า ขอดูไลน์หน่อย ว่าพิมพ์คุยกันว่ายังไง ประมาณจะเอาหลักฐานมายืนยัน พี่คนหนึ่งเลยเดินเข้ามาบอกว่า เราไม่เคยคุยกันเรื่องห้องน้ำรวม เราคุยแค่ว่าเราต้องการบ้านพักติดทะเล เท่านั้น
แล้วเจ้าของบ้าน ก็เลยพูดว่า "โอเค ถ้าพี่ต้องการจะอยู่บ้านนี้ ผมก็จะได้ให้แขกย้ายออก"
(ห๊ะ !!!!! คือเราผิด ??? เราไปแย่งที่พักแขกเขาหรอ งงมาก จุดนี้ ???)
พี่อีกคน เลยบอกว่า "เราไม่ได้จะอยู่บ้านนี้ แต่เราจองมาเป็นบ้านติดทะเล" (ซึ่งมีหลังเดียว คือหลังนี้ที่ติดทะเล)
คือแบบว่า ถ้าคุณมีที่ติดทะเล หลังอื่น ก็โอเค เพราะเดินสำรวจแล้ว ไม่มีหลังไหนติดทะเลเลย
เราก็ยืนกราน จะอยู่หลังนี้ สุดท้าย นางก็ต้องให้แขกกรุ๊ปนั้น ย้ายออก แต่ระหว่างนั้น เรากลับถูกมองเหมือนเป็นคนผิด เป็นกลุ่มเจ้าปัญหา ซึ่ง งง มาก เพราะมี ลูกน้อง เดินมาพูดถึงกลุ่มเราด้วยน้ำเสียงว่า "เอาอะไรอีก" เฮ้ยย มันใช่หรอ ??? ... แต่ช่างเถอะ เราก็ไม่สนใจนะ ถ้าเราย้ายไปนอนที่อื่น มันก็เย็นมากแล้ว และกรุ๊ปเราก็ไปกันหลายคน เกรงว่าจะหาที่พักยาก เพราะก่อนจะโวย เราโทรเช็คแล้วเต็มหมด !!!
สุดท้าย .. เราก็ต้องทนนอนที่นี่ไป กินปู กุ้งไม่อั้น สมใจ แต่ไม่มีกิจกรรมอะไรเสริมเพิ่มเติม เนื่องจากฝนตก หรือ อาจจะไม่มีให้แต่แรก ก็ไม่รู้นะ ไม่กล้าถาม เพราะเจ้าของบ้าน หันหลังให้เราตลอด เดินผ่านก็ไม่ทักทาย ไม่มียิ้มให้ จนเช้าวันรุ่งขึ้น ที่เรากำลังจะกลับ เราก็เห็น พี่เจ้าของบ้าน นั่งหันหลังให้แขกผู้มาเยือนอย่างสงบใจ ทั้งๆ ที่เรา ก็ไปยืนถ่ายรูปหน้าบ้านเขาด้วยนะ ... มีเพียงแต่ลูกน้องที่เดินออกมาสวัสดี ........
... จบการรีวิว โฮมสเตย์ ณ แหลมสิงห์ เพียงเท่านี้ ส่วนที่พักนี้ เราคงไม่คิดจะไปเหยียบอีก ต่อให้ปรับปรุงแค่ไหนก็ตาม !!!!!
เพียงเพราะเชื่อในรูปภาพมากไป ไม่ได้สนใจรีวิว ซึ่งปกติ จะเช็คก่อนตลอด เวลาจะไปพัก ไปกินอาหารที่ไหน แต่ไม่รู้ทำไม ถึงมาพลาดกับที่นี่ได้
ขอให้เรื่องนี้เป็นรีวิวอุทาหรณ์ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่อย่างเราล่ะกันนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ