บุปผาอาริกาโตะ
ผู้กำกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค
แม้จะนับเรื่องดราม่าหรือไม่ดราม่า (เรื่องด่าเพจ เหยียดเพศ) ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจขึ้น และเอาจริงๆตัวหนังเองพอสลัดความเป็นบุปผาราตรี (และออสการ์อพาร์ทเมนต์ทิ้ง) ตัวหนังก็แทบไม่เหลืออะไรที่เป็นโครงเรื่องเดิมเลย
อย่างที่ได้เห็นกันไปแล้วในเทรลเลอร์ว่าเก้า สุภัสสรา ธนชาต กับบทโรสที่ให้ความเชื่อมโยงและมีความคลุมเครือกับ “บุปผา ราตรี” อย่างไรก็ต้องไปหาคำตอบกันในหนัง
แต่วิธีการเล่าของ “บุปผา : อาริกาโตะ” คือการตัดเอาเหตุการณ์ “สุดท้าย” มาไว้ที่จุดเริ้มต้นของเรื่องเพื่อให้คนดูหาคำตอบว่า เกิดอะไรและทำไมเรื่องราวทั้งหมดถึงไปจบลงที่ตรงนั้น แต่ข้อเสียประการใหญ่มากของการตัดต่อแบบนี้คือมันเป็นการ “เฉลยตัวคนร้ายตัวจริง” กันตั้งแต่ 2 นาทีแรกของหนังเลยนี่น่ะสิ แถมแรงจูงใจที่ตอนหลังหนังเฉลยก็ดูเป็นความเกลียดชังต่อเพศชายเสียจนรู้สึกว่าหนังพยายามจะเป็นเฟมินิสต์ แต่ก็ตื้นเขินเหลือประมาณ
ช่วงแรกๆคือหนังเล่นกับจังหวะความหน่วงของผีกับคนได้น่ากลัวพอสมควร แต่หลังจากที่เราเริ่มจับทางได้มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอีกต่อไป ส่วนความตลกที่เอาบรรดาเสนาหอย พี่อ้วนในหนังยอร์ช หรือกระทั่งพี่อังเคิล อดิเรก วัฏลีลาก็พาตลกแบบถูๆไถ
ส่วนตัวคิดว่าหนังไม่จำเป็นต้องใส่ “บุปผา ออริจินัล” มาในฉากความฝัน (แบบที่ได้เห็นในตัวอย่างเลยก็ได้) เพราะความเกี่ยวโยงแทบไม่มี ใส่เข้ามาเพื่อมุกตลก (ที่ไม่ตลกเท่าไหร่) ด้วยซ้ำ
ดูพอเพลินๆก็ไม่ได้เสียหาย ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำ
อ้างอิงจาก :
https://www.facebook.com/EntertainmentBite/
[SR] บุปผาอาริกาโตะ – มาแค่ชื่อ [SPOIL ALERT]
บุปผาอาริกาโตะ
ผู้กำกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค
แม้จะนับเรื่องดราม่าหรือไม่ดราม่า (เรื่องด่าเพจ เหยียดเพศ) ก็ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจขึ้น และเอาจริงๆตัวหนังเองพอสลัดความเป็นบุปผาราตรี (และออสการ์อพาร์ทเมนต์ทิ้ง) ตัวหนังก็แทบไม่เหลืออะไรที่เป็นโครงเรื่องเดิมเลย
อย่างที่ได้เห็นกันไปแล้วในเทรลเลอร์ว่าเก้า สุภัสสรา ธนชาต กับบทโรสที่ให้ความเชื่อมโยงและมีความคลุมเครือกับ “บุปผา ราตรี” อย่างไรก็ต้องไปหาคำตอบกันในหนัง
แต่วิธีการเล่าของ “บุปผา : อาริกาโตะ” คือการตัดเอาเหตุการณ์ “สุดท้าย” มาไว้ที่จุดเริ้มต้นของเรื่องเพื่อให้คนดูหาคำตอบว่า เกิดอะไรและทำไมเรื่องราวทั้งหมดถึงไปจบลงที่ตรงนั้น แต่ข้อเสียประการใหญ่มากของการตัดต่อแบบนี้คือมันเป็นการ “เฉลยตัวคนร้ายตัวจริง” กันตั้งแต่ 2 นาทีแรกของหนังเลยนี่น่ะสิ แถมแรงจูงใจที่ตอนหลังหนังเฉลยก็ดูเป็นความเกลียดชังต่อเพศชายเสียจนรู้สึกว่าหนังพยายามจะเป็นเฟมินิสต์ แต่ก็ตื้นเขินเหลือประมาณ
ช่วงแรกๆคือหนังเล่นกับจังหวะความหน่วงของผีกับคนได้น่ากลัวพอสมควร แต่หลังจากที่เราเริ่มจับทางได้มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอีกต่อไป ส่วนความตลกที่เอาบรรดาเสนาหอย พี่อ้วนในหนังยอร์ช หรือกระทั่งพี่อังเคิล อดิเรก วัฏลีลาก็พาตลกแบบถูๆไถ
ส่วนตัวคิดว่าหนังไม่จำเป็นต้องใส่ “บุปผา ออริจินัล” มาในฉากความฝัน (แบบที่ได้เห็นในตัวอย่างเลยก็ได้) เพราะความเกี่ยวโยงแทบไม่มี ใส่เข้ามาเพื่อมุกตลก (ที่ไม่ตลกเท่าไหร่) ด้วยซ้ำ
ดูพอเพลินๆก็ไม่ได้เสียหาย ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำ
อ้างอิงจาก : https://www.facebook.com/EntertainmentBite/