สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
สวัสดีค่ะ วันนี้ มาแจมด้วยเพลง ทางเหนือ ของวง ไม้เมือง ชื่อเพลงดอกไม้แห้งกับความทรงจำ
เพลงนี้ ทำเอมวีเอง เพื่อส่งเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อน ในโซเชี่ยลคนหนึ่ง ที่พบกันในเวป บ้านราษฏร์
หลังจากเวป ถูกปิด ต่างคนต่างแยกย้าย ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
แต่ความเป็นเพื่อน ยังไม่เคยเลือนไปจากความรู้สึก
เราเกิดปีเดียวกัน แต่ห่างกันแค่ หนึ่งวัน ทุกปี ก่อนวันเกิด ของตัวเอง จึงคิดถึง เพื่อนคนนี้อยู่เสมอ
มิตรภาพ ที่ไม่เคยพบตัวตนจริง แต่ หาก ความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ มีให้กันเสมอ ... และตลอดไป ค่ะ
.................ดอกไม้แห้งกับความทรงจำ..............

ต่างยื่นมือกุมอุ่นละมุนเอื้อ
กอปรด้วยเยื่อใยมิตรสนิทสาน
เมื่อแรกรู้สู่ถ้อยเรียงร้อยกานท์
คำเรียกขาน..เพื่อนกัน..ฉันและนาย
นับเวลานานปีมิสบหน้า
สัมผัสเพียงอักษราภาษาสาย
สัมพันธ์ก่อทอเส้นเป็นลวดลาย
เขียนบรรยายร่ายสวย อวยไมตรี
ถ่ายทอดคำนำสารแม้นอ่านถึง
ใจซึ่งซึ้งตรึงย้ำทุกคำที่
เฝ้าถามหาว่าห่วงทั้งปวงมี
พร้อมหวังดี จากเธอ ..เสมอมา
ดอกไม้ขาวพราวช่อขอมอบเพื่อน
เปรียบเสมือนความหมายให้รู้ว่า
มิตรภาพยาวนานย้ำสัญญา
มิโรยรา แห้งหาย ..จากใจเรา...
.............nana_tjj..............
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพลงนี้ ทำเอมวีเอง เพื่อส่งเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อน ในโซเชี่ยลคนหนึ่ง ที่พบกันในเวป บ้านราษฏร์
หลังจากเวป ถูกปิด ต่างคนต่างแยกย้าย ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
แต่ความเป็นเพื่อน ยังไม่เคยเลือนไปจากความรู้สึก
เราเกิดปีเดียวกัน แต่ห่างกันแค่ หนึ่งวัน ทุกปี ก่อนวันเกิด ของตัวเอง จึงคิดถึง เพื่อนคนนี้อยู่เสมอ
มิตรภาพ ที่ไม่เคยพบตัวตนจริง แต่ หาก ความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ มีให้กันเสมอ ... และตลอดไป ค่ะ
.................ดอกไม้แห้งกับความทรงจำ..............

ต่างยื่นมือกุมอุ่นละมุนเอื้อ
กอปรด้วยเยื่อใยมิตรสนิทสาน
เมื่อแรกรู้สู่ถ้อยเรียงร้อยกานท์
คำเรียกขาน..เพื่อนกัน..ฉันและนาย
นับเวลานานปีมิสบหน้า
สัมผัสเพียงอักษราภาษาสาย
สัมพันธ์ก่อทอเส้นเป็นลวดลาย
เขียนบรรยายร่ายสวย อวยไมตรี
ถ่ายทอดคำนำสารแม้นอ่านถึง
ใจซึ่งซึ้งตรึงย้ำทุกคำที่
เฝ้าถามหาว่าห่วงทั้งปวงมี
พร้อมหวังดี จากเธอ ..เสมอมา
ดอกไม้ขาวพราวช่อขอมอบเพื่อน
เปรียบเสมือนความหมายให้รู้ว่า
มิตรภาพยาวนานย้ำสัญญา
มิโรยรา แห้งหาย ..จากใจเรา...
.............nana_tjj..............
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 13
copy เค้ามา 😁😁

"เวลาฟังลูกน้องพูด แล้วหัวหน้าไม่ใส่ใจ
หัวหน้าก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินว่าเรื่องนั้นๆ ดีหรือไม่ดี
ลูกน้องเป็นคนได้ใกล้ชิดกับงานมากกว่า
เป็นคนที่นำสิ่งดีๆ มานำเสนอ ต้องชื่นชมพวกเค้า”
..
นี่คือคำพูดของผู้บริหารต้นแบบอย่างคุณ MATSUSHITA
ผู้ก่อตั้ง PANASONIC แนวคิดที่หัวหน้าควรใช้กับลูกน้อง
.
ปกติคุณ MATSUSHITA จะชอบตั้งคำถามกับลูกน้องคนสนิท
ทั้งปัญหาสังคม หรือปัญหาทั่วไปอยู่บ่อยๆ บางครั้งมีปรึกษาปัญหาคนในบริษัทด้วย แต่ไม่ว่าลูกน้องคนสนิทจะตอบว่าอย่างไร
คุณ MATSUSHITA ไม่เคยกล่าวประโยคว่า
.
“คำตอบแบบนี้มันช่างน่าเบื่อ”
“ผมก็คิดไว้แบบนั้นล่ะ” เลยสักครั้ง
.
กลับกันคุณ MATSUSHITA จะตอบกลับว่า
“เธอนี่มีแนวคิดที่ดีนะ” “เป็นความคิดเห็นที่ดี”
“ความคิดแบบนั้นก็ใช้ได้นะ” “พูดคุยกับเธอแล้วสนุกดีนะ”
เป็นการตอบกลับที่ให้ความสนอกสนใจกับลูกน้องในทุกๆ ครั้ง
.
ตอนที่ลูกน้องเข้ามารายงาน แม้คุณ MATSUSHITA จะยุ่งเพียงใด
ก็ไม่เคยไล่ลูกน้องออกไป แต่รับฟังทุกครั้งที่ลูกน้องเข้ามารายงานหรือปรึกษา
.
ปกติแล้วคุณ MATSUSHITA มีนิสัยชอบกล่าวชื่นชมคนรอบข้าง
ด้วยความจริงใจ เมื่อลูกน้องได้รับคำชมก็จะรู้สึกมีความสุข และปักใจเอาไว้ว่า
"ถ้ามีข้อมูลอะไรอีก จะกล้าเอาเข้าไปรายงานคุณ MATSUSHITA"
ถ้าเจ้านายแสดงท่าทีว่าพร้อมที่จะรับฟังลูกน้อง
ลูกน้องก็จะเชื่อใจและกล้าเผชิญหน้าเข้าหาเจ้านาย
สำหรับลูกน้อง การเข้าไปรายงานเจ้านายหรือหัวหน้า
บางครั้งถือเป็นช่วงเวลาตึงเครียด
ถ้าเขาเข้าหาเจ้านายหรือหัวหน้าเพื่อรายงานหรือนำเสนอแล้ว
ได้รับคำพูดเหล่านี้กลับมา
“เรื่องที่เธอพูดมันน่าเบื่อ”
“เรื่องนั้นน่ะ เมื่อก่อนเคยทำแล้วไร้ประโยชน์”
“เรื่องนั้นน่ะหรอ ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องพูดให้ฉันฟังอีก”
ต่อให้เป็นลูกน้องคนไหน มีความอดทนเท่าใด
เจอเจ้านายหรือหัวหน้าแบบนี้ ก็อาจจะไม่กล้าเข้าไปรายงานอีกต่อไปเลย...
ฝากเอาไว้ให้คิดนะครับ
ตั้งใจฟังอย่างจริงใจ และกล้าชื่นชม
คำสอนในการผูกใจลูกน้อง ของคุณ MATSUSHITA
Boom JapanSalaryman
(ผู้เขียนหนังสือ Bestseller : JapanSalaryman
เป็นได้มากกว่ามนุษย์เงินเดือน- หนังสือที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทุกคน)
credit เรื่องราวจาก http://toyokeizai.net/articles/-/107740
************************
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ JapanSalaryman
http://www.japansalaryman.com
นึกถึงตอนจบใหม่ๆผมได้เข้าทำงานเป็น brand manager สินค้าต่างชาติ group นึง
ด้วยความเป็นเด็กใหม่ แต่มีลูกน้องอายุมากกว่าหลายท่านแรกๆก็กดดันมาก
แต่ด้วยความน่าเอ็นดูของผม 😛😛 เลยรอดมาได้เกือบๆ 2 ปีฮะ จนเปลี่ยน feel
เพราะเป็นเด็กผมเลยเปิดรับฟังความคิดมาก
แต่พอผ่านมาหลายปีจนมาถึงตอนนี้ สันดานเสีย ปากเสีย น่าตื้บมากกก ไม่รู้ติดมาจากที่ไหน แหะๆ 😄😄
รักนะ!! ❤️❤️❤️

"เวลาฟังลูกน้องพูด แล้วหัวหน้าไม่ใส่ใจ
หัวหน้าก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินว่าเรื่องนั้นๆ ดีหรือไม่ดี
ลูกน้องเป็นคนได้ใกล้ชิดกับงานมากกว่า
เป็นคนที่นำสิ่งดีๆ มานำเสนอ ต้องชื่นชมพวกเค้า”
..
นี่คือคำพูดของผู้บริหารต้นแบบอย่างคุณ MATSUSHITA
ผู้ก่อตั้ง PANASONIC แนวคิดที่หัวหน้าควรใช้กับลูกน้อง
.
ปกติคุณ MATSUSHITA จะชอบตั้งคำถามกับลูกน้องคนสนิท
ทั้งปัญหาสังคม หรือปัญหาทั่วไปอยู่บ่อยๆ บางครั้งมีปรึกษาปัญหาคนในบริษัทด้วย แต่ไม่ว่าลูกน้องคนสนิทจะตอบว่าอย่างไร
คุณ MATSUSHITA ไม่เคยกล่าวประโยคว่า
.
“คำตอบแบบนี้มันช่างน่าเบื่อ”
“ผมก็คิดไว้แบบนั้นล่ะ” เลยสักครั้ง
.
กลับกันคุณ MATSUSHITA จะตอบกลับว่า
“เธอนี่มีแนวคิดที่ดีนะ” “เป็นความคิดเห็นที่ดี”
“ความคิดแบบนั้นก็ใช้ได้นะ” “พูดคุยกับเธอแล้วสนุกดีนะ”
เป็นการตอบกลับที่ให้ความสนอกสนใจกับลูกน้องในทุกๆ ครั้ง
.
ตอนที่ลูกน้องเข้ามารายงาน แม้คุณ MATSUSHITA จะยุ่งเพียงใด
ก็ไม่เคยไล่ลูกน้องออกไป แต่รับฟังทุกครั้งที่ลูกน้องเข้ามารายงานหรือปรึกษา
.
ปกติแล้วคุณ MATSUSHITA มีนิสัยชอบกล่าวชื่นชมคนรอบข้าง
ด้วยความจริงใจ เมื่อลูกน้องได้รับคำชมก็จะรู้สึกมีความสุข และปักใจเอาไว้ว่า
"ถ้ามีข้อมูลอะไรอีก จะกล้าเอาเข้าไปรายงานคุณ MATSUSHITA"
ถ้าเจ้านายแสดงท่าทีว่าพร้อมที่จะรับฟังลูกน้อง
ลูกน้องก็จะเชื่อใจและกล้าเผชิญหน้าเข้าหาเจ้านาย
สำหรับลูกน้อง การเข้าไปรายงานเจ้านายหรือหัวหน้า
บางครั้งถือเป็นช่วงเวลาตึงเครียด
ถ้าเขาเข้าหาเจ้านายหรือหัวหน้าเพื่อรายงานหรือนำเสนอแล้ว
ได้รับคำพูดเหล่านี้กลับมา
“เรื่องที่เธอพูดมันน่าเบื่อ”
“เรื่องนั้นน่ะ เมื่อก่อนเคยทำแล้วไร้ประโยชน์”
“เรื่องนั้นน่ะหรอ ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องพูดให้ฉันฟังอีก”
ต่อให้เป็นลูกน้องคนไหน มีความอดทนเท่าใด
เจอเจ้านายหรือหัวหน้าแบบนี้ ก็อาจจะไม่กล้าเข้าไปรายงานอีกต่อไปเลย...
ฝากเอาไว้ให้คิดนะครับ
ตั้งใจฟังอย่างจริงใจ และกล้าชื่นชม
คำสอนในการผูกใจลูกน้อง ของคุณ MATSUSHITA
Boom JapanSalaryman
(ผู้เขียนหนังสือ Bestseller : JapanSalaryman
เป็นได้มากกว่ามนุษย์เงินเดือน- หนังสือที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนทุกคน)
credit เรื่องราวจาก http://toyokeizai.net/articles/-/107740
************************
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ JapanSalaryman
http://www.japansalaryman.com
นึกถึงตอนจบใหม่ๆผมได้เข้าทำงานเป็น brand manager สินค้าต่างชาติ group นึง
ด้วยความเป็นเด็กใหม่ แต่มีลูกน้องอายุมากกว่าหลายท่านแรกๆก็กดดันมาก
แต่ด้วยความน่าเอ็นดูของผม 😛😛 เลยรอดมาได้เกือบๆ 2 ปีฮะ จนเปลี่ยน feel
เพราะเป็นเด็กผมเลยเปิดรับฟังความคิดมาก
แต่พอผ่านมาหลายปีจนมาถึงตอนนี้ สันดานเสีย ปากเสีย น่าตื้บมากกก ไม่รู้ติดมาจากที่ไหน แหะๆ 😄😄
รักนะ!! ❤️❤️❤️

แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 4/5/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เมื่อก่อนสมัยเด็กๆ มีรองเท้าเกี๊ยะสีแดงอยู่คู่นึง เวลาเดินนี่ต้องเดินดีๆ ไม่งั้นหัวทิ่มได้ ตอนนี้หายไปแล้ว
เกี๊ยะ หรือ รองเท้าไม้ มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม แต่เชื่อกันว่าเกี๊ยะจากไหหลำเป็นบรรพบุรุษของเกี๊ยะญี่ปุ่น
เรียกกันว่ารองเท้าไม้เหวินชาง เป็นรองเท้าไม้ที่มีมีลักษณะคล้ายม้านั่งเล็กๆ เหมาะสมกับการใส่เดินลุยดินโคลนหรือในวันที่ฝนตก
สมัยนั้นไม้ที่นิยมนำมาทำคือไม้ Chinaberry เป็นไม้เนื้ออ่อนน้ำหนักเบาแต่ทนทาน
เมื่อมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เกี๊ยะไม้จากจีนก็ได้เข้าสู่ญี่ปุ่น เกาหลี และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเกี๊ยะที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
แถบนี้ต้องยกให้เกี๊ยะของญี่ปุ่น ในขณะที่เกี๊ยะแบบประเทศอื่นๆนั้นดูเหมือนจะหมดความนิยมลงไปมาก
สำหรับตำนานของเกี๊ยะก็มีเรื่องเล่าดังนี้ค่ะ
ในยุคชุนชิวหรือยุคสงครามระหว่างรัฐ (770 ปีก่อน ค.ศ. – 453 ปี ก่อน ค.ศ.) ในยามนั้นกษัตริย์อ่อนแอ แว่นแคว้นต่างๆ ของจีนต่าง
รบราฆ่าฟันกันเองเพื่อชิงความเป็นใหญ่
ในเวลานั้นแคว้นจิ้นที่มีจิ้นเซี่ยนกงปกครองนั้นมีอำนาจมากที่สุด ส่งกองทัพบุกเข้ายึดแคว้นใกล้เคียงได้หลายแคว้น
จนครั้งหนึ่งจิ้นเซี่ยนกงได้สาวงามนามว่า ลี่จี มาจากแคว้นหนึ่งที่พิชิตได้
จิ้นเซี่ยงกงหลงใหลนางลี่จีเป็นอันมากและมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน นางลี่จีต้องการให้บุตรของนางได้เป็นเจ้าแคว้น
จีงวางแผนกำจัดบุตรคนอื่นๆ ของจิ้นเซี่ยนกง โดยใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา ทำให้บุตรคนอื่นๆ ทั้งตายบ้าง แยกย้ายกันหลบหนีบ้าง
การใส่ร้ายป้ายสีนี่มีในทุกตำนานจริงๆ ค่ะ
ฉงเอ่อ บุตรชายคนหนึ่งที่หลบหนีไปนั้นต้องตกระกำลำบาก ขาดแคลนเสบียงอาหารจนต้องไปเก็บใบไม้ใบหญ้ามาต้มกิน
จนฉงเอ่อที่เริ่มท้อใจได้รำพันถึงชะตากรรมของตนอย่างหมดกำลังใจ
ในยามนั้น มีลูกน้องคนหนึ่งชื่อ จี้สี่ติ้ว ได้เชือดเนื้อที่ต้นแขนของตน ปรุงเป็นน้ำแกงให้เจ้านาย ซึ่งฉงเอ่อก็กินจนหมด
และเมื่อรู้ว่าเนื้อนั้นเป็นเนื้อของจี้สี่ติ้วก็ตกใจและซาบซึ้งในความภักดีของอีกฝ่ายเป็นอันมาก
สิบเก้าปีต่อมา ฉงเอ่อได้กลับคืนสู่อำนาจ ขึ้นเป็นเจ้าครองแคว้นนาม จิ้นเหวินกง และได้ปูนบำเหน็จให้ผู้มีความชอบทั้งหลาย
โดยเฉพาะเหล่าบริวารที่เคยติดตามเมื่อครั้งที่ตนยังลี้ภัย ทว่าจี้สี่ติ้วกลับไม่ยอมอยู่รับบำเหน็จเป็นขุนนางเพราะต้องการใช้ชีวิตสันโดษ
จึงพามารดาหนีขึ้นภูเขา
จิ้นเหวินกงส่งกองทหารไปเชิญแต่หาไม่พบ เหล่าขุนนางจึงเสนออุบายให้จุดไฟเผาป่ารอบภูเขาสามด้าน
เพื่อให้จี้สี่ติ้วหนีออกมาทางด้านที่ไม่มีไฟไหม้ ทว่าไฟกลับลามไปเร็วเกินคาด จนไหม้ไปทั้งภูเขา
หลังไฟมอด จิ้นเหวินกงสั่งให้ทหารออกค้นหาและพบร่างของจี้สี่ติ้วและมารดาเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นหลิว
โดยมีตัวอักษรจารึกด้วยเลือดไว้ที่ต้นไม้ว่า
“ที่ข้าพเจ้าตัดเนื้อของตนให้นายท่านกิน ก็ด้วยหวังให้นายท่านมีกำลังเรี่ยวแรง เพื่อวันหน้าท่านจะได้เป็นเจ้าแคว้นที่ทรงคุณธรรม
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว การตายใต้ต้นหลิวดีกว่าการได้เป็นขุนนางมากนัก หากข้าพเจ้ายังคงอยู่ในใจของท่าน ก็ขอให้ท่านหมั่นตรวจสอบ
ตัวตนของท่านให้อยู่ในความถูกต้อง การที่ข้าพเจ้าต้องตายในครั้งนี้หาได้เสียใจไม่ ขอเพียงนายท่านเป็นประมุขที่ดี ทรงคุณธรรม
ปกครองประชาให้อยู่เย็นเป็นสุข ก็เพียงพอแล้ว”
จิ้นเหวินกงถึงกับหลั่งน้ำตา และมีบัญชาให้ทำศพของจี้สี่ติ้วกับมารดาอย่างดีที่สุด พร้อมทั้งสั่งให้ประชาชนห้ามจุดไฟทำอาหาร
ในวันครบรอบวันตายของจี้สี่ติ้ว จนกลายธรรมเนียมวันอาหารเย็น (วันหานซื่อ) เนื่องจากในวันนี้อาหารที่รับประทานจะปรุงโดยไม่ใช้ไฟ
นอกจากนี้ จิ้นเหวินกงยังให้คนตัดต้นหลิวที่พบศพของจี้สี่ติ้ว มาทำรองเท้า เพื่อให้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรองเท้าไม้กระทบพื้น
ท่านจะได้ระลึกถึงความดีและคำขอสุดท้ายของจี้สี่ติ้วตลอดไป
จิ้นเหวินกงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประมุขของแคว้นผู้ทรงคุณธรรม ในยุคของท่านประชาชนแคว้นจิ้นล้วนมีความสุขบ้านเมืองรุ่งเรือง
นับได้ว่า จิ้นเหวินกงมิได้ลืมเลือนคำขอสุดท้ายของจี้สี่ติ้ว ผู้ภักดีและนี่ก็คือเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังรองเท้าไม้ที่เรียกว่า “เกี๊ยะ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...........................................................
คนเรามีช่วงชีวิตที่จำกัด หากทำสิ่งดีไว้ เมื่อไม่อยู่หรือจากไป ก็ทิ้งแต่สิ่งดีงามให้ผู้อื่นระลึกถึง
จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ
https://www.youtube.com/watch?v=xNw8fz_Rx_k