"There is no such thing as coincidence , I say . It's synchronicity ." - Raven Kaldera
Quote หรือประโยคคำพูดที่ท่านได้อ่านแล้วด้านบนนั้น มีคำศัพท์คำนึงที่สกิดให้ผมต้องเปิดกูลเกิ้ลเพื่อที่จะหาคำแปล คำที่กล่าวถึงคือคำว่า "synchronicity" ซึ่งหลังจากได้ลองหาข้อมูลต่างๆจากเว็บที่ต่างกันแล้วนั้นศัพท์คำนี้หมายความว่า (ขอแปลมาเป็นข้อๆนะครับ)
1. the coincidental occurrence of events and especially psychic events (as similar thoughts in widely separated persons or a mental image of an unexpected event before it happens) that seem related but are not explained by conventional mechanisms of causality..... อ่านต่อได้ที่:
https://www.gotoknow.org/posts/89862 ขออนุญาติกร๊อปมาจากเว็บนะครับ
2."synchronicity" to describe "temporally coincident occurrences of acausal events." ส่วนอันนี้เป็นคำบรรยายจาก wikipedia อ่านต่อได้ที่
https://en.wikipedia.org/wiki/Synchronicity
3.ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ เหตุการณ์ที่เหมือนกันทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่กลายเป็นว่าเกิดขึ้นร่วมกันอย่างบังเอิญ อ่านต่อเรื่องเหลือเชื่อต่างๆได้ที่
http://www.dek-d.com/board/view/2344368/
4.(ข้อนี้สำหรับคำอธิบาย)
http://padeedub.blogspot.com/2011/02/synchronicity.html
หลังจากที่พอได้เปิดอ่านคำแปล และ เปิดอ่านคำอธิบายจากเว็บต่างๆแล้วนั้น (ยังไม่ได้ไปเสาะหาความจริงนะครับว่าเหตุการณ์ที่นำมาอธิบายนั้นถูกจริงรึเปล่า)ขณะที่อ่านไปก็ตะลึงกับเรื่องที่อ่านไป เห้ยเรื่องแบบนี้มันมีจริงด้วยหรอว่ะ ไม่ใช่เป็นเพราะความบังเอิญหรอ แต่พอได้มานั่งคิดๆดู ก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองที่เกี่ยวข้องกับศัพท์คำว่า "synchronicity" นี้เหมือนกัน ขอเล่าเหตุการณ์เป็นข้อๆไปนะครับ ซึ่งแต่ล่ะเหตุการณ์นั้นแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ
1.ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของช่วงมัธยม ตัวผมเองมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่งมาครับ พอเรียนครบตามกำหนดระยะเวลาที่จะไปก่อนกลับก็ถือโอกาสเที่ยวเมืองจีนต่อซะเลย และในวันหนึ่งขณะฝนนั้นเริ่มหยุดตก ผมได้ออกจากโฮสเทลที่พักไปเดินเล่น ถ่ายรูปแถว the Bund เซี่ยงไฮ้ เดินตั้งแต่ต้นสายที่ท่านประท่านเหมายืนอยู่ไปถึงปลายสุดอีกทางหนึ่ง เมื่อใกล้จะสุดทางแล้วก็กะจะวกกลับเพื่อไปหาอะไรทานหลังจากเดินเล่นเสร็จ ขณะที่กำลังจะกลับก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่งเกาะกลุ่ม ถ่ายรูปและคุยกัน ผมก็หันไปมองและผมก็พบว่าคนไทยกลุ่มนั้น มีคนที่ผมรู้จักอยู่ด้วย คนคนนั้นไม่ใช่ใครที่คนคนก็คือ คุณครูที่โรงเรียนของผมเอง ผมเห็น ผมรีบดิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่ได้คุยกับชาติเดียวกันมาเนิ่นนานหลายวัน เลยมีการทักทาย ถ่ายรูปกัน และกลุ่มที่ครูไปด้วยนั้นก็มีครูผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ผมมักจะเจอที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆแต่ ไม่เคยรู้จัก ก็ได้มาเป็นตากล้องถ่ายรูปให้กับผมในวันนั้น ทุกอย่างก็จบและบอกลากันไป แต่แล้วเรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านั้นสิครับเพราะตอนเปิดเทอมผมพบว่า...........................ครูที่เป็นตากล้องนั้นได้มาเป็นครูประจำชั้นของผม สำหรับผมเรื่องนี้แปลกมาก 555 คิดแล้วก็ยังตลก ขออีกสักเรื่องล่ะกันนะครับ
2.เชื่อมโยงกับเรื่องแรกเลยครับ ตอนที่ผมได้ไปเที่ยวที่เสียมเรียบ หลังจากได้เดินเที่ยวในนครวัดออกมาในตอนกลางวันก็ถึงเวลาต้องออกหาอาหารครับ ผมก็เลยบอกลุกขับต็กๆของผม ให้ส่งพวกผมไปหาอะไรกินหน่อย บอกไปว่าอยากกินอะไร Local ลุงแกก็เลยจัดไปส่งร้าน Local อยู่ใกล้เพียง 3 นาทีถึงเป็นเพลิงหลังใหญ่ มีพนังงานใส่ชุดประจำชาติ มั้ง รอต้อนรับอยู่ คือจะบอกว่าของบนโต๊ะนั้นพร้อมมาก อยู่บนผ้าปูโต๊ะอีกที เมนูอังกฤษด้วย Local มากเลยตรับลุง นอกเรื่องไปไกล 555 หลังจากสั่งอาหารขณะนั่งรออาหารอยู่นั้น ก็หันไปเจอกับชาวจีน พ่อ แม่ ลูก นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ จำเหตุการณ์ไม่ได้แล้วว่าเริ่มคุยกันได้อย่างไร ในระหว่างที่รออาหารก็คุยโน้นนี้นั้นกันไป คุยกันติดใจถึงขนานแลก WECHAT กัน เค้าก็ยื่นสมุดมาให้ผมเขียน wechat ผม เข้าก็ตกใจที่ผมเขียนมือซ้ายข้างเดียวกันกับเขาอีก เรื่องทุกอย่างก็จบกันไปด้วยด้วย ผมได้มิตรภาพใหม่มา แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ เค้าก็ทักแชทผมมาสิ่งแรกที่ที่ทักมาไม่ใช่ หนี เหา แต่อย่างใด แต่เป็นว่า เรามีเพื่อนที่รู้จักคนเดียวกัน ใน wechat !!!!! ผมก็ตกใจก็เลยถามไปถามก็เลยรู้ว่า ชายจีน คนที่กล่าวถึงนั้นผมได้พบกับเขาตอนพักอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ และรู้จักครอบครัวชาวจีนตอนไปเที่ยวเหมือนกัน !!!!! จบ
ขอสรุปเลยล่ะกันนะครับ
เรื่องแบบนี้บนโลกใบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่จริงๆนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงมีเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเรียกเหตุการณ์ที่มันจงใจจะเกิดแบบนี้ว่าอย่าง สำหรับชาวพุทธที่เจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ ก็มักจะเรียกเหตุการณ์เหล่านี้ว่า "ธรรมะจัดสรร" แต่สำหรับฝรั่งแล้วเหตุการณ์แบบนี้เรียกว่า "synchronicity"
แล้วคุณหละมีเหตุการณ์แบบที่แปลกๆเกิดขึ้นกับคุณบ้างรึป่าว ถ้ามีเรามาแชร์กัน บางทีเราอาจจะเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้...............
บนโลกที่ไม่มีคำว่า "บังเอิญ"
Quote หรือประโยคคำพูดที่ท่านได้อ่านแล้วด้านบนนั้น มีคำศัพท์คำนึงที่สกิดให้ผมต้องเปิดกูลเกิ้ลเพื่อที่จะหาคำแปล คำที่กล่าวถึงคือคำว่า "synchronicity" ซึ่งหลังจากได้ลองหาข้อมูลต่างๆจากเว็บที่ต่างกันแล้วนั้นศัพท์คำนี้หมายความว่า (ขอแปลมาเป็นข้อๆนะครับ)
1. the coincidental occurrence of events and especially psychic events (as similar thoughts in widely separated persons or a mental image of an unexpected event before it happens) that seem related but are not explained by conventional mechanisms of causality..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/89862 ขออนุญาติกร๊อปมาจากเว็บนะครับ
2."synchronicity" to describe "temporally coincident occurrences of acausal events." ส่วนอันนี้เป็นคำบรรยายจาก wikipedia อ่านต่อได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Synchronicity
3.ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ เหตุการณ์ที่เหมือนกันทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่กลายเป็นว่าเกิดขึ้นร่วมกันอย่างบังเอิญ อ่านต่อเรื่องเหลือเชื่อต่างๆได้ที่ http://www.dek-d.com/board/view/2344368/
4.(ข้อนี้สำหรับคำอธิบาย)http://padeedub.blogspot.com/2011/02/synchronicity.html
หลังจากที่พอได้เปิดอ่านคำแปล และ เปิดอ่านคำอธิบายจากเว็บต่างๆแล้วนั้น (ยังไม่ได้ไปเสาะหาความจริงนะครับว่าเหตุการณ์ที่นำมาอธิบายนั้นถูกจริงรึเปล่า)ขณะที่อ่านไปก็ตะลึงกับเรื่องที่อ่านไป เห้ยเรื่องแบบนี้มันมีจริงด้วยหรอว่ะ ไม่ใช่เป็นเพราะความบังเอิญหรอ แต่พอได้มานั่งคิดๆดู ก็ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองที่เกี่ยวข้องกับศัพท์คำว่า "synchronicity" นี้เหมือนกัน ขอเล่าเหตุการณ์เป็นข้อๆไปนะครับ ซึ่งแต่ล่ะเหตุการณ์นั้นแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ
1.ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของช่วงมัธยม ตัวผมเองมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่งมาครับ พอเรียนครบตามกำหนดระยะเวลาที่จะไปก่อนกลับก็ถือโอกาสเที่ยวเมืองจีนต่อซะเลย และในวันหนึ่งขณะฝนนั้นเริ่มหยุดตก ผมได้ออกจากโฮสเทลที่พักไปเดินเล่น ถ่ายรูปแถว the Bund เซี่ยงไฮ้ เดินตั้งแต่ต้นสายที่ท่านประท่านเหมายืนอยู่ไปถึงปลายสุดอีกทางหนึ่ง เมื่อใกล้จะสุดทางแล้วก็กะจะวกกลับเพื่อไปหาอะไรทานหลังจากเดินเล่นเสร็จ ขณะที่กำลังจะกลับก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่งเกาะกลุ่ม ถ่ายรูปและคุยกัน ผมก็หันไปมองและผมก็พบว่าคนไทยกลุ่มนั้น มีคนที่ผมรู้จักอยู่ด้วย คนคนนั้นไม่ใช่ใครที่คนคนก็คือ คุณครูที่โรงเรียนของผมเอง ผมเห็น ผมรีบดิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่ได้คุยกับชาติเดียวกันมาเนิ่นนานหลายวัน เลยมีการทักทาย ถ่ายรูปกัน และกลุ่มที่ครูไปด้วยนั้นก็มีครูผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ผมมักจะเจอที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆแต่ ไม่เคยรู้จัก ก็ได้มาเป็นตากล้องถ่ายรูปให้กับผมในวันนั้น ทุกอย่างก็จบและบอกลากันไป แต่แล้วเรื่องมันไม่ได้จบเพียงเท่านั้นสิครับเพราะตอนเปิดเทอมผมพบว่า...........................ครูที่เป็นตากล้องนั้นได้มาเป็นครูประจำชั้นของผม สำหรับผมเรื่องนี้แปลกมาก 555 คิดแล้วก็ยังตลก ขออีกสักเรื่องล่ะกันนะครับ
2.เชื่อมโยงกับเรื่องแรกเลยครับ ตอนที่ผมได้ไปเที่ยวที่เสียมเรียบ หลังจากได้เดินเที่ยวในนครวัดออกมาในตอนกลางวันก็ถึงเวลาต้องออกหาอาหารครับ ผมก็เลยบอกลุกขับต็กๆของผม ให้ส่งพวกผมไปหาอะไรกินหน่อย บอกไปว่าอยากกินอะไร Local ลุงแกก็เลยจัดไปส่งร้าน Local อยู่ใกล้เพียง 3 นาทีถึงเป็นเพลิงหลังใหญ่ มีพนังงานใส่ชุดประจำชาติ มั้ง รอต้อนรับอยู่ คือจะบอกว่าของบนโต๊ะนั้นพร้อมมาก อยู่บนผ้าปูโต๊ะอีกที เมนูอังกฤษด้วย Local มากเลยตรับลุง นอกเรื่องไปไกล 555 หลังจากสั่งอาหารขณะนั่งรออาหารอยู่นั้น ก็หันไปเจอกับชาวจีน พ่อ แม่ ลูก นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ จำเหตุการณ์ไม่ได้แล้วว่าเริ่มคุยกันได้อย่างไร ในระหว่างที่รออาหารก็คุยโน้นนี้นั้นกันไป คุยกันติดใจถึงขนานแลก WECHAT กัน เค้าก็ยื่นสมุดมาให้ผมเขียน wechat ผม เข้าก็ตกใจที่ผมเขียนมือซ้ายข้างเดียวกันกับเขาอีก เรื่องทุกอย่างก็จบกันไปด้วยด้วย ผมได้มิตรภาพใหม่มา แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ เค้าก็ทักแชทผมมาสิ่งแรกที่ที่ทักมาไม่ใช่ หนี เหา แต่อย่างใด แต่เป็นว่า เรามีเพื่อนที่รู้จักคนเดียวกัน ใน wechat !!!!! ผมก็ตกใจก็เลยถามไปถามก็เลยรู้ว่า ชายจีน คนที่กล่าวถึงนั้นผมได้พบกับเขาตอนพักอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ และรู้จักครอบครัวชาวจีนตอนไปเที่ยวเหมือนกัน !!!!! จบ
เรื่องแบบนี้บนโลกใบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่จริงๆนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงมีเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเรียกเหตุการณ์ที่มันจงใจจะเกิดแบบนี้ว่าอย่าง สำหรับชาวพุทธที่เจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อยๆ ก็มักจะเรียกเหตุการณ์เหล่านี้ว่า "ธรรมะจัดสรร" แต่สำหรับฝรั่งแล้วเหตุการณ์แบบนี้เรียกว่า "synchronicity"
แล้วคุณหละมีเหตุการณ์แบบที่แปลกๆเกิดขึ้นกับคุณบ้างรึป่าว ถ้ามีเรามาแชร์กัน บางทีเราอาจจะเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้...............