ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 1 : เหินฟ้าสู่อู่อารยธรรมอันยิ่งใหญ่
http://pantip.com/topic/35102691
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 2 : พระราชวังต้องห้ามในม่านพญามังกร
http://pantip.com/topic/35103309
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 3 : กำแพงแห่งมนุษยชาติ
http://pantip.com/topic/35106096
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนจบ : ปักกิ่งแบบจับฉ่ายรวมมิตร รังนก วัดลามะ สวนดอกไม้ ย่านเฉียนเหมิน และโอนิซึกะที่ฮ่องกง
http://pantip.com/topic/35122578/
" ณ อี้เหอหยวน
ในฤดูร้อน
มีดอกไม้บานสะพรั่ง
ในฤดูหนาว
น้ำในทะเลสาบจะแข็งขาวโพลน
ดูงดงามราวกับอุทยานแห่งเซียน"
ผมเคยถามตัวเองเสมอว่าจะเดินทางไกลแสนไกลไปเพื่ออะไร ทนลำบากดั้นด้น เตรียมตัว เตรียมข้อมูล พบเจอกับปัญหามากมายที่ต้องแก้ เพียงเพื่อจะไปพบเจอสิ่งใหม่ ได้ท่องเที่ยวไปยังที่แปลกตา เท่านั้นหรือ
สำหรับผมมันมากกว่านั้น การได้เห็นสิ่งที่เคยฝันอยากเห็นมาชั่วชีวิต ได้เห็นปราสาทนครวัดตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาเกือบไหลเมื่อยามยืนอยู่เบื้องหน้าหอไอเฟล ได้เข้าไปอยู่ในสนามกีฬาโคลอสเซียม เห็นเมืองโบราณกู่เฉิง มันยิ่งใหญ่ เหมือนเราเป็นมดตัวเล็ก ๆ เป็นคนเล็ก ๆ คนหนึ่งบนโลกใบนี้
ผมเป็นคนอ่านเยอะ ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์ยุโรป ประวัติศาสตร์ไทย เดินทางท่องเที่ยวผ่านตัวอักษรมาก่อน การได้ไปเห็นของจริงเสมือนการประจักษ์แจ้งทางประสาทสัมผัส ได้พบเจอสถานที่ในฝันด้วยตา ได้ลูบสัมผัส กำแพง ปราสาท ทำให้สถานที่ในประวัติศาสตร์ที่เราฝันถึงมาแสนนาน ที่เราเคยอ่านในนวนิยาย แต่ในวันนี้กลับมาปรากฎตรงหน้าเรา ตัวอักษรในหนังสือเหมือนออกมาโลดแล่นตรงหน้า ได้เดินดูเครื่องเรือนเก่า งานไม้สมัยโบราณในตำหนัก ได้ปืนขึ้นบนหอสูง ได้เดินลัดเลาะกำแพง ได้เข้าไปสู่พระราชวังอันโอ่อ่าและกว้างใหญ่ นับเป็นประสบการณ์พิเศษยิ่งในชีวิต อาจพูดได้ว่า แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว
และชีวิตคนเราจะมีอะไรให้ยึดติดอีกหนอ นอกจากสิ่งที่งดงามและทรงคุณค่าเหล่านี้
พระราชวังฤดูร้อน (อี้เหอหยวน) เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งช่วยอธิบายคำพูดเหล่านี้ของผมได้ดี
ถ้าพระราชวังต้องห้าม (กู้กง) เป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง เป็นตัวแทนแห่งความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ชิง พระราชวังฤดูร้อน หรืออี้เหอหยวน ก็เป็นสิ่งประดับประดา ส่งเสริมให้ราชวงศ์ชิงงดงามเจิดจรัส แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของราชวงศ์นี้ด้วย
อี้เหอหยวน หรือ อี๋เหอ-ยฺเหวียน ( Gardens of Nurtured Harmony) เป็นพระราชวังอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนตั้งอยู่ห่างจากพระราชวังต้องห้ามไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร
อี๋เหอ-ยฺเหวียนมีพื้นที่ประมาณ 2.9 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเนินเขาสูง 60 เมตร มีพระตำหนักอยู่บนเนิน และทะเลสาบคุนหมิง มีเนื้อที่ประมาณ 2.2 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 3 ใน 4ของพื้นที่ทั้งหมด โดยทะเลสาบนี้เกิดจากการใช้แรงงานคน ขุดดินขึ้นไปถมเป็นเนินเขา สำหรับสร้างพระตำหนัก
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชวังฤดูร้อน
ความพิเศษของที่นี่อยู่ที่
- ทะเลสาบคุนหมิงที่มีเนื้อที่ใหญ่โต เหมือนทะเลสาบจริงมาก ๆ ตอนผมมาเห็นยังไม่เชื่อสายตาว่านี่คือทะเลสาบที่ขุดขึ้นโดยมนุษย์ เพราะมันใหญ่โตและสวยงาม เช่นเดียวกับที่ธรรมชาติสร้าง
ย้อนคิดไปว่าจักรพรรพิเฉียนหลงให้คนขุดทะเลสาบใหญ่ขนาดนี้ จะเปลืองแรงงานคน สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา มากขนาดไหน
- นอกจากสร้างทะเลแล้ว ยังสร้างภูเขาด้วยดินที่ขุดได้จากทะเลสาบ เอาไปถมเป็นภูเขาลูกย่อม ๆ สูง 60 เมตร ชื่อว่าเขาว่านโซ่วซาน และมีเจดีย์สูงแปดเหลี่ยมอยู่บนยอดเขา เวลาขึ้นไปที่เจดีย์แปดเหลี่ยมนี้ แล้วมองลงมายังทะเลสาบเบื้องล่าง จะเป็นทัศนียภาพที่งดงามมาก นอกจากนี้บนภูเขายังมีตำหนัก พลับพลา และเก๋งจีนอันงดงาม
เครดิตภาพ
https://en.wikipedia.org/wiki/Summer_Palace#/media/File:Yi_He_Yuan_-_A._Holdrinet.jpg
- เนื่องจากสร้างมานานเกือบพันปี จึงมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงใช้เป็นสถานที่กักบริเวณฮ่องเต้กวางสู ซึ่งเป็นฮ่องเต้แต่เพียงในนาม อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่พระนางซูสีไทเฮา ปัจจุบันตำหนักของฮ่องเต้กวางสูก็ยังคงอยู่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เห็นแล้วก็เป็นที่สมเพชเวทนา ว่าฮ่องแต้ซึ่งแท้จริงจะต้องมีราชอำนาจทั่วทั้งดินแดนจงหยวน ต้องมาถูกกักอยู่ในตำหนักเล็ก ๆ แคบ ๆ มีเพียงมเหสีสองคนเท่านั้น ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนปรนิบัติพัดวีจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้แต่บ้านพักของลิเลียนยิง ขันทีผู้เป็นมือขวาของพระนางซูสีไทเฮา ยังสร้างไว้หรูหรากว่า (ฮ่องเต้กวางสูจบชีวิตเพราะยาพิษจากพระนางซูสีไทเฮา)
- มีสิ่งก่อสร้างที่พิศดารพันลึกมากมาย
เจดีย์แปดเหลี่ยม บนยอดเขา
วัดที่ใช้สวดมนต์ของพระนางซูสีไทเฮา
ตำหนักที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่า ไม่แพ้พระราชวังต้องห้าม โดยเฉพาะตำหนักที่ประทับของพระนางซูสีไทเฮาเอง มีชื่อว่า Hall of Lotus Fragrance มีความหมายว่าหงส์ที่อยู่เหนือมังกร ซึ่งหมายถึงอำนาจของพระนางเองที่อยู่เหนือฮ่องเต้
ระเบียงที่เลียบไปตามทะเลสาบ ระเบียงนี้มีความยาวกว่า 728 เมตร ยาวที่สุดในโลก ภาพระเบียงคู่กับใบสนที่อยู่ริมทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไม่พลาดมุมนี้
เรือหินที่สร้างอยู่ริมทะเล ซึ่งใช้งบประมาณในการสร้างเรือรบมาสร้าง จนเป็นเหตุให้จีนแพ้สงคราม โดยเรือนี้พระนางใช้ประโยชน์เป็นเพียงที่จิบกาแฟชมทะเลสาบ
โรงงิ้ว เป็นวิหารบรอนซ์ทั้งหลัง ไว้สำหรับพระนางซูสีไทเฮาชมการแสดงงิ้วที่ทรงโปรดปราน
พระราชวังฤดูร้อนเป็นสถานที่เชื่อมดินจรดฟ้า เป็นราชวังพักตากอากาศที่งดงามหมดจด ใครได้มาพำนักอยู่หรือเพียงได้มาทัศนาก็จะเพลิดเพลินจำเริญใจ อยากอยู่อาศัยไปนาน ๆ
อี้เหอหยวนในฤดูหนาว หิมะพราวไปทั้งปราสาท
เครดิตภาพจาก
http://scenery.cultural-china.com/chinaWH/upload/%7BEDE78664-3E16-41D6-B422-5AF2C2ABDD87%7D.jpg
นอกจากพระราชวังฤดูร้อนแล้ว ยังมีพระราชวังอีกแห่งที่ผมอยากจะกล่าวถึง คือ "พระราชวังฤดูร้อนหลังเดิม" หรือ หยวนหมิงหยวน เป็น พระราชวังฤดูร้อนอีกแห่งที่สร้างขึ้นมาในยุคสมัยใกล้เคียงกับอี้เหอหยวน คือตั้งแต่สมัยราชวง์หมิง คือตั้งแต่ปี 1707 สมัยจักรพรรดิ์คางซี ตกแต่งปรับปรุงเพิ่มมาเรื่อย ๆ จนงดงามยิ่งใหญ่ มีคำกล่าวว่าสวยงามพอ ๆ กับพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส แต่มีความปรานีตงดงามกว่า เพราะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมจีนกับพระราชวังแบบยุโรป
เครดิตภาพจาก
http://www.thehistoryblog.com/wp-content/uploads/2013/04/Haiyantang-fountain.jpg
หยวนหมิงหยวน ตั้งอยู่บริเวณชานกรุงปักกิ่ง ห่างจากพระราชวังต้องห้ามไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร ในบริเวณใกล้เคียงกับอี้เหอหยวน หยวนหมิงหยวนงดงามดุจอุทยานแห่งสวรรค์ สถาปัตยกรรมในพระราชวังล้วนวิจิตร ว่ากันว่าสวยงามยิ่งกว่าสถานที่ทุกแห่งในโลก
ในยุคเฟื่องฟูที่สุดของสวนแห่งนี้ พื้นที่อุทยานกว้างใหญ่ราว 3,500,000 ตรม. ประกอบด้วย 3 อุทยานคือ ฉางชุนหยวน ฉี่ชุนหยวน และหยวนหมิงหยวน สวนในวังที่งดงามกว้างใหญ่ที่สุด จนได้ชื่อว่า ‘สวนแห่งสวนทั้งหมื่น’
และยังเป็นแหล่งรวมของสวนที่มีศิลปะการตกแต่งต่างๆกันกว่า 100 แบบ ซึ่งต่อให้จิตรกรฝีมือเอกก็ยากที่ถ่ายทอดความงามเหล่านั้นออกมาได้
ภายในอุทยานแบ่งเป็นเขตต่างๆทั้งที่เป็นพระราชวัง ตำหนักนางใน วัด อุทยาน ทะเลสาบ ฯลฯ โดยมีเขตทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งของกลุ่มสถาปัตยกรรมหลัก ที่ซึ่งจักรพรรดิเคยเสด็จมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด นับตั้งแต่ จักรพรรดิหย่งเจิ้ง เฉียนหลง เจียชิ่ง เต้ากวง และเสียนเฟิง 5 รัชกาล และเป็นที่ตั้งของอุทยานหยวนหมิงหยวน ซึ่งปัจจุบันไม่หลงเหลือสิ่งปลูกสร้างใดใดอยู่เลย
เครดิตข้อมูลจาก www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=9470000070949
หยวนหมิงหยวนเป็นเพชรเม็ดงาม เป็นเทพีแห่งอุทยาน เป็นอันดับหนึ่ง ที่สร้างความสำราญพระราชหฤทัยแก่องค์จักรพรรดิในยามบ้านเมืองสงบสุข และคือตัวแทนของความงามสมบูรณ์แบบ ความโอ่อ่ามั่งคั่ง และสัญลักษณ์ของความฟุ้งเฟ้อในคราเดียวกัน
ภาพจำลองหยวนหมิงหยวนจากจิตนาการ โดยอาศัยข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เครดิตภาพจาก
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ab/Looting_of_the_Yuan_Ming_Yuan_by_Anglo_French_forces_in_1860.jpg
แต่มาเป็นเคราะห์กรรม ในระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ระหว่างอังกฤษ - ฝรั่งเศส (ปีค.ศ.1860 วันที่ 6 ตุลาคม) พระราชวังหยวนหมิงหยวนถูกเผาทำลายราบคาบ จากกองทัพห่าซาตานผสมอังกฤษฝรั่งเศส ได้เผาทำลายพระราชวังแห่งนี้ ถึง 3 วัน 3 คืน และกวาดเอาทรัพย์สมบัติที่มีค่าทั้งหมดไปด้วย เพราะตอบโต้ที่จีนฆ่าเชลยชาวยุโรป (ซึ่งมารุกรานจีนก่อน) มีคำร่ำลือกันว่าเพลิงที่เกิดจากการเผาทำลายพระราชวังหยวนหมิงหยวนนั้น สามารถมองเห็นได้ไกลถึงเจ็ดแปดสิบกิโลเมตร ถึงขนาดฮ่องเต้เสียนเฟิง ที่ทรงลี้ภัยจากสงครามไปอยู่ที่พระราชวังฤดูร้อนเฉิงเต๋อที่ห่างออกไปหกสิบกิโลเมตร ยังทรงมองเห็นเพลิงที่เกิดจากการเผาไหม้
เครดิตภาพจาก
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ab/Looting_of_the_Yuan_Ming_Yuan_by_Anglo_French_forces_in_1860.jpg
ในที่สุดผลจากการเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวนนี้ ทำให้ราชสำนักจีนต้องยอมรับทุกเงื่อนไขของจีน ยอมทำสัญญาอัปยศ ยอมรับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของอังกฤษ-ฝรั่งเศสโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะไม่เช่นนั้น อังกฤษ-ฝรั่งเศสขู่จะเผาพระราชวังต้องห้าม เดชะบุญที่ไม่เกิดขึ้น ไม่งั้นคงจะไม่มีพระราชวังอันงดงามให้เราชม
สาเหตุของสงครามระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศสนี้ เพราะแต่เดิมอังกฤษ-ฝรั่งเศสขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมากมายมหาศาล เพราะรับเอาชาของจีนเป็นสินค้าเข้า ต่อมาจึงคิดปรับดุลการค้าโดยการส่งฝิ่นเข้ามาขาย ให้คนจีนบ้าง จนคนจีนติดฝิ่นกันงอมแงม บ้านเมืองระส่ำระส่ายเพราะฝิ่น จีนจึงเริ่มห้ามการนำเข้าฝิ่น อังกฤษ-ฝรั่งเศส ไม่พอใจ หาเรื่องทำสงคราม และบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าเพิ่มขึ้นนอกจากกวางโจว จึงเกิดเป็นสงคราามฝิ่นขึ้น
นี่คือความเลวทรามต่ำช้าของประเทศผู้ล่าอาณานิคม
ผลจากการเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวนนี้ทำให้จักรพรรดิเสียนฟงทรงโทมนัสเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าพระองค์เศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ทรงเสด็จสวรรคต
การเผาพระราชวังต้องห้ามหลังเดิมนี้ นับว่าเป็นโศษนาฎกรรม เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่มนุษย์กระทำต่อโบราณสถานที่เป็นสมบัติสำคัญของมนุษยชาติ เป็นเรื่องทีควรประนาม เป็นเรื่องเฉพาะผีห่าซาตาน คนที่เลวที่สุดเท่านั้นจึงจะทำได้ กระทำเพียงเพราะต้องการเพียงผลประโยชน์ เงินและอำนาจ
ปัจจุบันจึงเหลือเพียงอี้เหอหยวนเท่านั้นที่ให้เราได้ชื่นชมความงดงาม
[CR] ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 4 : อี้เหอหยวน ความงามที่แม้แต่เทพยดายังต้องเหลียวมอง
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 2 : พระราชวังต้องห้ามในม่านพญามังกร http://pantip.com/topic/35103309
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนที่ 3 : กำแพงแห่งมนุษยชาติ http://pantip.com/topic/35106096
ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง ตอนจบ : ปักกิ่งแบบจับฉ่ายรวมมิตร รังนก วัดลามะ สวนดอกไม้ ย่านเฉียนเหมิน และโอนิซึกะที่ฮ่องกง http://pantip.com/topic/35122578/
" ณ อี้เหอหยวน
ในฤดูร้อน
มีดอกไม้บานสะพรั่ง
ในฤดูหนาว
น้ำในทะเลสาบจะแข็งขาวโพลน
ดูงดงามราวกับอุทยานแห่งเซียน"
ผมเคยถามตัวเองเสมอว่าจะเดินทางไกลแสนไกลไปเพื่ออะไร ทนลำบากดั้นด้น เตรียมตัว เตรียมข้อมูล พบเจอกับปัญหามากมายที่ต้องแก้ เพียงเพื่อจะไปพบเจอสิ่งใหม่ ได้ท่องเที่ยวไปยังที่แปลกตา เท่านั้นหรือ
สำหรับผมมันมากกว่านั้น การได้เห็นสิ่งที่เคยฝันอยากเห็นมาชั่วชีวิต ได้เห็นปราสาทนครวัดตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาเกือบไหลเมื่อยามยืนอยู่เบื้องหน้าหอไอเฟล ได้เข้าไปอยู่ในสนามกีฬาโคลอสเซียม เห็นเมืองโบราณกู่เฉิง มันยิ่งใหญ่ เหมือนเราเป็นมดตัวเล็ก ๆ เป็นคนเล็ก ๆ คนหนึ่งบนโลกใบนี้
ผมเป็นคนอ่านเยอะ ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์ยุโรป ประวัติศาสตร์ไทย เดินทางท่องเที่ยวผ่านตัวอักษรมาก่อน การได้ไปเห็นของจริงเสมือนการประจักษ์แจ้งทางประสาทสัมผัส ได้พบเจอสถานที่ในฝันด้วยตา ได้ลูบสัมผัส กำแพง ปราสาท ทำให้สถานที่ในประวัติศาสตร์ที่เราฝันถึงมาแสนนาน ที่เราเคยอ่านในนวนิยาย แต่ในวันนี้กลับมาปรากฎตรงหน้าเรา ตัวอักษรในหนังสือเหมือนออกมาโลดแล่นตรงหน้า ได้เดินดูเครื่องเรือนเก่า งานไม้สมัยโบราณในตำหนัก ได้ปืนขึ้นบนหอสูง ได้เดินลัดเลาะกำแพง ได้เข้าไปสู่พระราชวังอันโอ่อ่าและกว้างใหญ่ นับเป็นประสบการณ์พิเศษยิ่งในชีวิต อาจพูดได้ว่า แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว
และชีวิตคนเราจะมีอะไรให้ยึดติดอีกหนอ นอกจากสิ่งที่งดงามและทรงคุณค่าเหล่านี้
พระราชวังฤดูร้อน (อี้เหอหยวน) เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งช่วยอธิบายคำพูดเหล่านี้ของผมได้ดี
ถ้าพระราชวังต้องห้าม (กู้กง) เป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง เป็นตัวแทนแห่งความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ชิง พระราชวังฤดูร้อน หรืออี้เหอหยวน ก็เป็นสิ่งประดับประดา ส่งเสริมให้ราชวงศ์ชิงงดงามเจิดจรัส แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของราชวงศ์นี้ด้วย
อี้เหอหยวน หรือ อี๋เหอ-ยฺเหวียน ( Gardens of Nurtured Harmony) เป็นพระราชวังอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนตั้งอยู่ห่างจากพระราชวังต้องห้ามไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร
อี๋เหอ-ยฺเหวียนมีพื้นที่ประมาณ 2.9 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเนินเขาสูง 60 เมตร มีพระตำหนักอยู่บนเนิน และทะเลสาบคุนหมิง มีเนื้อที่ประมาณ 2.2 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 3 ใน 4ของพื้นที่ทั้งหมด โดยทะเลสาบนี้เกิดจากการใช้แรงงานคน ขุดดินขึ้นไปถมเป็นเนินเขา สำหรับสร้างพระตำหนัก
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://th.wikipedia.org/wiki/พระราชวังฤดูร้อน
ความพิเศษของที่นี่อยู่ที่
- ทะเลสาบคุนหมิงที่มีเนื้อที่ใหญ่โต เหมือนทะเลสาบจริงมาก ๆ ตอนผมมาเห็นยังไม่เชื่อสายตาว่านี่คือทะเลสาบที่ขุดขึ้นโดยมนุษย์ เพราะมันใหญ่โตและสวยงาม เช่นเดียวกับที่ธรรมชาติสร้าง
ย้อนคิดไปว่าจักรพรรพิเฉียนหลงให้คนขุดทะเลสาบใหญ่ขนาดนี้ จะเปลืองแรงงานคน สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา มากขนาดไหน
- นอกจากสร้างทะเลแล้ว ยังสร้างภูเขาด้วยดินที่ขุดได้จากทะเลสาบ เอาไปถมเป็นภูเขาลูกย่อม ๆ สูง 60 เมตร ชื่อว่าเขาว่านโซ่วซาน และมีเจดีย์สูงแปดเหลี่ยมอยู่บนยอดเขา เวลาขึ้นไปที่เจดีย์แปดเหลี่ยมนี้ แล้วมองลงมายังทะเลสาบเบื้องล่าง จะเป็นทัศนียภาพที่งดงามมาก นอกจากนี้บนภูเขายังมีตำหนัก พลับพลา และเก๋งจีนอันงดงาม
เครดิตภาพ https://en.wikipedia.org/wiki/Summer_Palace#/media/File:Yi_He_Yuan_-_A._Holdrinet.jpg
- เนื่องจากสร้างมานานเกือบพันปี จึงมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงใช้เป็นสถานที่กักบริเวณฮ่องเต้กวางสู ซึ่งเป็นฮ่องเต้แต่เพียงในนาม อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่พระนางซูสีไทเฮา ปัจจุบันตำหนักของฮ่องเต้กวางสูก็ยังคงอยู่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เห็นแล้วก็เป็นที่สมเพชเวทนา ว่าฮ่องแต้ซึ่งแท้จริงจะต้องมีราชอำนาจทั่วทั้งดินแดนจงหยวน ต้องมาถูกกักอยู่ในตำหนักเล็ก ๆ แคบ ๆ มีเพียงมเหสีสองคนเท่านั้น ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนปรนิบัติพัดวีจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้แต่บ้านพักของลิเลียนยิง ขันทีผู้เป็นมือขวาของพระนางซูสีไทเฮา ยังสร้างไว้หรูหรากว่า (ฮ่องเต้กวางสูจบชีวิตเพราะยาพิษจากพระนางซูสีไทเฮา)
- มีสิ่งก่อสร้างที่พิศดารพันลึกมากมาย
เจดีย์แปดเหลี่ยม บนยอดเขา
วัดที่ใช้สวดมนต์ของพระนางซูสีไทเฮา
ตำหนักที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่า ไม่แพ้พระราชวังต้องห้าม โดยเฉพาะตำหนักที่ประทับของพระนางซูสีไทเฮาเอง มีชื่อว่า Hall of Lotus Fragrance มีความหมายว่าหงส์ที่อยู่เหนือมังกร ซึ่งหมายถึงอำนาจของพระนางเองที่อยู่เหนือฮ่องเต้
ระเบียงที่เลียบไปตามทะเลสาบ ระเบียงนี้มีความยาวกว่า 728 เมตร ยาวที่สุดในโลก ภาพระเบียงคู่กับใบสนที่อยู่ริมทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไม่พลาดมุมนี้
เรือหินที่สร้างอยู่ริมทะเล ซึ่งใช้งบประมาณในการสร้างเรือรบมาสร้าง จนเป็นเหตุให้จีนแพ้สงคราม โดยเรือนี้พระนางใช้ประโยชน์เป็นเพียงที่จิบกาแฟชมทะเลสาบ
โรงงิ้ว เป็นวิหารบรอนซ์ทั้งหลัง ไว้สำหรับพระนางซูสีไทเฮาชมการแสดงงิ้วที่ทรงโปรดปราน
พระราชวังฤดูร้อนเป็นสถานที่เชื่อมดินจรดฟ้า เป็นราชวังพักตากอากาศที่งดงามหมดจด ใครได้มาพำนักอยู่หรือเพียงได้มาทัศนาก็จะเพลิดเพลินจำเริญใจ อยากอยู่อาศัยไปนาน ๆ
อี้เหอหยวนในฤดูหนาว หิมะพราวไปทั้งปราสาท
เครดิตภาพจาก http://scenery.cultural-china.com/chinaWH/upload/%7BEDE78664-3E16-41D6-B422-5AF2C2ABDD87%7D.jpg
นอกจากพระราชวังฤดูร้อนแล้ว ยังมีพระราชวังอีกแห่งที่ผมอยากจะกล่าวถึง คือ "พระราชวังฤดูร้อนหลังเดิม" หรือ หยวนหมิงหยวน เป็น พระราชวังฤดูร้อนอีกแห่งที่สร้างขึ้นมาในยุคสมัยใกล้เคียงกับอี้เหอหยวน คือตั้งแต่สมัยราชวง์หมิง คือตั้งแต่ปี 1707 สมัยจักรพรรดิ์คางซี ตกแต่งปรับปรุงเพิ่มมาเรื่อย ๆ จนงดงามยิ่งใหญ่ มีคำกล่าวว่าสวยงามพอ ๆ กับพระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส แต่มีความปรานีตงดงามกว่า เพราะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมจีนกับพระราชวังแบบยุโรป
เครดิตภาพจาก http://www.thehistoryblog.com/wp-content/uploads/2013/04/Haiyantang-fountain.jpg
หยวนหมิงหยวน ตั้งอยู่บริเวณชานกรุงปักกิ่ง ห่างจากพระราชวังต้องห้ามไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร ในบริเวณใกล้เคียงกับอี้เหอหยวน หยวนหมิงหยวนงดงามดุจอุทยานแห่งสวรรค์ สถาปัตยกรรมในพระราชวังล้วนวิจิตร ว่ากันว่าสวยงามยิ่งกว่าสถานที่ทุกแห่งในโลก
ในยุคเฟื่องฟูที่สุดของสวนแห่งนี้ พื้นที่อุทยานกว้างใหญ่ราว 3,500,000 ตรม. ประกอบด้วย 3 อุทยานคือ ฉางชุนหยวน ฉี่ชุนหยวน และหยวนหมิงหยวน สวนในวังที่งดงามกว้างใหญ่ที่สุด จนได้ชื่อว่า ‘สวนแห่งสวนทั้งหมื่น’
และยังเป็นแหล่งรวมของสวนที่มีศิลปะการตกแต่งต่างๆกันกว่า 100 แบบ ซึ่งต่อให้จิตรกรฝีมือเอกก็ยากที่ถ่ายทอดความงามเหล่านั้นออกมาได้
ภายในอุทยานแบ่งเป็นเขตต่างๆทั้งที่เป็นพระราชวัง ตำหนักนางใน วัด อุทยาน ทะเลสาบ ฯลฯ โดยมีเขตทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งของกลุ่มสถาปัตยกรรมหลัก ที่ซึ่งจักรพรรดิเคยเสด็จมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด นับตั้งแต่ จักรพรรดิหย่งเจิ้ง เฉียนหลง เจียชิ่ง เต้ากวง และเสียนเฟิง 5 รัชกาล และเป็นที่ตั้งของอุทยานหยวนหมิงหยวน ซึ่งปัจจุบันไม่หลงเหลือสิ่งปลูกสร้างใดใดอยู่เลย
เครดิตข้อมูลจาก www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=9470000070949
หยวนหมิงหยวนเป็นเพชรเม็ดงาม เป็นเทพีแห่งอุทยาน เป็นอันดับหนึ่ง ที่สร้างความสำราญพระราชหฤทัยแก่องค์จักรพรรดิในยามบ้านเมืองสงบสุข และคือตัวแทนของความงามสมบูรณ์แบบ ความโอ่อ่ามั่งคั่ง และสัญลักษณ์ของความฟุ้งเฟ้อในคราเดียวกัน
ภาพจำลองหยวนหมิงหยวนจากจิตนาการ โดยอาศัยข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เครดิตภาพจาก https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ab/Looting_of_the_Yuan_Ming_Yuan_by_Anglo_French_forces_in_1860.jpg
แต่มาเป็นเคราะห์กรรม ในระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ระหว่างอังกฤษ - ฝรั่งเศส (ปีค.ศ.1860 วันที่ 6 ตุลาคม) พระราชวังหยวนหมิงหยวนถูกเผาทำลายราบคาบ จากกองทัพห่าซาตานผสมอังกฤษฝรั่งเศส ได้เผาทำลายพระราชวังแห่งนี้ ถึง 3 วัน 3 คืน และกวาดเอาทรัพย์สมบัติที่มีค่าทั้งหมดไปด้วย เพราะตอบโต้ที่จีนฆ่าเชลยชาวยุโรป (ซึ่งมารุกรานจีนก่อน) มีคำร่ำลือกันว่าเพลิงที่เกิดจากการเผาทำลายพระราชวังหยวนหมิงหยวนนั้น สามารถมองเห็นได้ไกลถึงเจ็ดแปดสิบกิโลเมตร ถึงขนาดฮ่องเต้เสียนเฟิง ที่ทรงลี้ภัยจากสงครามไปอยู่ที่พระราชวังฤดูร้อนเฉิงเต๋อที่ห่างออกไปหกสิบกิโลเมตร ยังทรงมองเห็นเพลิงที่เกิดจากการเผาไหม้
เครดิตภาพจาก https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ab/Looting_of_the_Yuan_Ming_Yuan_by_Anglo_French_forces_in_1860.jpg
ในที่สุดผลจากการเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวนนี้ ทำให้ราชสำนักจีนต้องยอมรับทุกเงื่อนไขของจีน ยอมทำสัญญาอัปยศ ยอมรับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของอังกฤษ-ฝรั่งเศสโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะไม่เช่นนั้น อังกฤษ-ฝรั่งเศสขู่จะเผาพระราชวังต้องห้าม เดชะบุญที่ไม่เกิดขึ้น ไม่งั้นคงจะไม่มีพระราชวังอันงดงามให้เราชม
สาเหตุของสงครามระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศสนี้ เพราะแต่เดิมอังกฤษ-ฝรั่งเศสขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมากมายมหาศาล เพราะรับเอาชาของจีนเป็นสินค้าเข้า ต่อมาจึงคิดปรับดุลการค้าโดยการส่งฝิ่นเข้ามาขาย ให้คนจีนบ้าง จนคนจีนติดฝิ่นกันงอมแงม บ้านเมืองระส่ำระส่ายเพราะฝิ่น จีนจึงเริ่มห้ามการนำเข้าฝิ่น อังกฤษ-ฝรั่งเศส ไม่พอใจ หาเรื่องทำสงคราม และบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าเพิ่มขึ้นนอกจากกวางโจว จึงเกิดเป็นสงคราามฝิ่นขึ้น
นี่คือความเลวทรามต่ำช้าของประเทศผู้ล่าอาณานิคม
ผลจากการเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวนนี้ทำให้จักรพรรดิเสียนฟงทรงโทมนัสเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าพระองค์เศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ทรงเสด็จสวรรคต
การเผาพระราชวังต้องห้ามหลังเดิมนี้ นับว่าเป็นโศษนาฎกรรม เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่มนุษย์กระทำต่อโบราณสถานที่เป็นสมบัติสำคัญของมนุษยชาติ เป็นเรื่องทีควรประนาม เป็นเรื่องเฉพาะผีห่าซาตาน คนที่เลวที่สุดเท่านั้นจึงจะทำได้ กระทำเพียงเพราะต้องการเพียงผลประโยชน์ เงินและอำนาจ
ปัจจุบันจึงเหลือเพียงอี้เหอหยวนเท่านั้นที่ให้เราได้ชื่นชมความงดงาม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น