ฟื้นฝอยหาตะเข็บ : อดีตบ่งบอกปัจจุบัน ปัจจุบันสู่อนาคตอันรุ่งริ่ง

กระทู้คำถาม
นายวิชา  มหาคุณ  พูดเสียงดังฟังชัดว่า  
หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49   นายมีชัย  ฤชุพันธุ์  โทรหา  ชวนมาเป็น ป.ป.ช.

แค่นี้ใช่ไหม ?

ลอง ๆ คิดต่ออีกสักนิดดีไหมครับ



แค่โทรชวน  และรับคำชวน  เท่านั้นหรือ ?
มีการพูดคุยอะไรกันกว่านั้นไหม ?

เมื่อดูจากพฤติกรรม  ไม่ว่าของนายวิชา  ไม่ว่าของ ป.ป.ช. (ชุดนั้นที่หมดวาระไป 5 คน)
เมื่อดูการทำหน้าที่ขององค์กรอื่น ๆ  อย่างศาลรัฐธรรมนูญ  กสม.  กกต.  ฯลฯ   ในห้วงที่ผ่านมา

ก็จะเป็นเรื่องยืนยันได้ว่า   ควรต้องมีการ "พูดคุย" อะไรกันแน่ ๆ
ไม่ใช่แค่ชวนมาเป็นเท่านั้น

พูดคุยอะไรกัน   คงไม่ต้องสาธยาย




เชื่อมโยงถึงปัจจุบัน
ยกตัวอย่างองค์กรอย่าง กกต. ชุดปัจจุบัน   ที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่งเมื่อปลายปี 2556

ดูพฤติกรรมของ กกต. ที่ไม่รู้มาอีท่าไหน  แต่ละเรื่องที่ทำที่แสดงออกมา  เหมือนไม่ใช่คนเป็นงาน

อย่างล่าสุด   ใช้คำว่า "อคติ"  ที่ทำได้-ทำไม่ได้ในเรื่องประชามติ
ได้ยินแล้วปวดหล่อ

ใครก็รู้  อคตินั้น  มีทั้งอคติเพราะรักเพราะชอบ  มีทั้งอคติเพราะชังเพราะลำเอียง  ทีมั้งอคติเพราะกลัว
แต่ กกต. ไม่รู้

คำว่าอคติ  จะตีความทางกฎหมายอย่างไร   อย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นอคติ
เอาอะไรวัด ?

จะใช้วิธีวัดแบบว่า  ถ้าเป็น กปปส. ว่า  ไม่ถือเป็นอคิต
แต่หาก นปช. ว่า อคติแน่ ๆ   อย่างนั้นหรือ ?



ตัว กกต. อย่างนายสมชัย   ที่เอาลูกชายมาทำงานใน กกต.
รับเงินเดือน ๆ ละ 25,000 บาท  ยังทำได้
แล้วจะไปตีความเรื่องอคติของคนอื่นในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร ?





คิดเรื่อยเปื่อยไปเล่น ๆ  ประสาหน้าตาดี
แต่มากกว่านี้ไม่ดีแน่

จบ
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่