ความรักครั้งแรกของคุณเป็นอย่างไรกันบ้างครับ แต่สำหรับผม...มันยาวนานเหลือเกิน

นานมาแล้ว ในช่วงราวๆปี 40 ปีที่พิษเศรฐกิจรุมเร้าประเทศไทยอย่างหนัก ครอบครัวของเราออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน เป็นร้านอาหารที่ประดับประดาไปด้วยดวงไฟสีนวล ต้นไม้หลากชนิดเรียงรายตามจุดต่างๆของร้านให้บรรยากาศร่มรื่นชวนมอง อีกส่วนหนึ่งเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างภายนอกและภายในเอาไว้ โต๊ะอีกจำนวนหนึ่งถูกวางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบนัก แต่ก็ไม่ได้ระเกะระกะกีดขวางทางเดินแต่อย่างใด เรานั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและสงบเงียบ เราเริ่มสั่งอาหารด้วยเมนูเดิมๆอย่าง กุ้งชุบแป้งทอด ครอบครัวของผมแซวเสมอเมื่อผมสั่ง แต่เด็กๆคนไหนจะไม่ชอบบ้าง

              เมื่อบริกรพยักหน้าขานรับและหันหลังกลับเดินหายลับเข้าไปในครัว ผมจึงขอตัวออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่นที่อยู่ติดกับรั้วฟากหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วก็มีเพียงชิงช้าตัวเดียวที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนักอันเนื่องมาจากการตากแดดตากลม ตากฝนมาแรมปี แต่ก็ยังดีกว่านั่งเล่นกับเจ้าลิงตัวน้อยอีกสองตัว โดยเจ้าตัวเล็กยังไม่ประสีปะสาเท่าไหร่นัก

              ใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้วที่ชิงช้าตัวหนึ่ง ดูเผินๆเหมือนกับเด็กผู้ชาย ผมสั้นสีดำเงาเป็นมันและหยิกเป็นลอนแตกต่างจากเด็กทั่วไป กับกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดขนาดพอดีตัว ผมจำเธอได้ทันทีแม้จะมองจากทิศทางที่ไม่ได้เห็นใบหน้า เช่นเดียวกับที่ร่างกายของผมจะเหยียดเกร็งเสมอและสีสันบนใบหน้าจะแตกต่างไปจากเดิม

              ผมเดินตรงไปยังชิงช้าตัวนั้นด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆแบบเดียวกับที่ตัวละครหลักในนวนิยายพบกับใครก็ตามที่ทำให้เขาหยุดคิดถึงเธออีกต่อไปไม่ได้

              เราสบตากันเพียงเศษเสี้ยววินาที แต่สำหรับผมมันยาวนานเกินกว่าชีวิตตราบจนทุกวันนี้

              เธอหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ก้มลงมองไปยังพื้นดินที่มีเพียงก้อนกรวดสีเทาปูทับพื้นดินเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ส่วนตัวผมน่ะเหรอ ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั่นอีกพักใหญ่ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือหย่อนก้นลงไปอย่างเชื่องช้าในขณะที่มือไม้เริ่มสั่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด

              ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าในใจมีคำใดกำลังส่งเสียงคำรามอยู่อย่างบ้าคลั่ง

              คืนนั้นก็เหมือนทุกคืน เมื่อผมกลับถึงบ้าน จัดการเรื่องส่วนตัวจนเสร็จและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงฟูกขนาดใหญ่ โดยที่นอนอยู่ถัดไปคือเจ้าลิงตัวกลางและแม่

              ผมนอนคิดไปเรื่อยจนนอนไม่หลับอย่างที่เป็นอยู่ทุกคืน วาดฝันอย่างเด็กๆ กับความรู้สึกสับสนในเรื่องความรัก จริงๆจะเรียกว่าแก่แดดก็คงไม่ผิดนัก ฮ่าๆ

              คืนนี้ผมก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือความเข้าใจที่มากขึ้นในธรรมชาติของความรัก การยอมรับในความเปลี่ยนแปลง และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากการกระทำส่วนตัว เมื่อนำมารวมกันจึงได้อีกหนึ่งคำตอบที่จริงๆแล้วก็คงไม่ได้สลักสำคัญไปกว่าการกินอาหารหรือหายใจ

              ความรักไม่มีเหตุผล และเพราะไม่มีเหตุผลมันจึงเป็นความรัก

              หากเกินกว่านี้จะเป็นอะไรนั้นคงต้องอาศัยความเข้าใจและการให้อภัยซึ่งกันและกัน

              ความรักใช้ได้กับทุกอย่างและกับทุกชีวิต แต่สำคัญที่สุดที่เราต้องรู้จักที่จะรักตัวเองก่อน และเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเราที่สามารถเลือกที่จะรัก    
    

              แล้วรักครั้งแรกของคุณเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ?

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่