ขอออกตัวก่อนครับว่าเพิ่งเข้ามาห้องศาสนาครั้งแรก 30++ คือ อยากได้ความเห็นของท่านๆ ที่ 30++ หน่ะครับ
(เสียวอมยิ้มหายจุง ห้องนี้ยิ่งมีชื่อเป็นห้องดูดอมยิ้มพอๆ กับห้องการเมือง หิหิ)
ขอท้าวความก่อน ที่บ้านเป็นคนวัดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าครับ ตอนนี้ถึงคิวพ่อ
ตอนนี้พ่อหกสิบต้นๆ ลูก สามสิบต้นๆ
อธิบายงานของพวกก่อน(คำว่าพวก ผมหมายถึงพ่อนะ แฮ่ะๆ) งานยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
งานที่ทำทุกวันไม่เว้นเสาร์ อาทิตย์ (แหง๋หล่ะ รวมถึงไม่เว้นวันหยุดประเพณีและพิธีศาสนาด้วย)
พวกตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งไปวัด เตรียมรถวัด(รถตู้เก่าๆ) ขับออกจากวัดมารอพระแถวหมู่บ้าน เมื่อก่อนไม่มีรถตู้วัด ก็กระบะส่วนตัวนี่แหล่ะ เปลี่ยนกระบะไปสองคัน กว่าวัดจะมีเงินบุญพอซื้อรถตู้วัด
ถึงตรงนี้ พูดถึงพระก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พระต้องเดินออกมาจากป่า แล้วเดินตามถนนใหญ่จนถึงหมู่บ้าน ไกลโคดๆ ผมเคยบวชมาเดือนกว่าสึกมาเดินเท้าปล่าวได้ทั่วเลย เริ่มเดินด้วยหินลูกลังคมๆ จากป่าประมาณกิโลนึง เดินตามถนนใหญ่อีกสองโล (ด่านนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะมีเศษแก้ว ตะปู ลวดเหล็ก กระจายเป็นหย่อมๆ พระใหม่โดนตำเลือดสาดประจำ) เดินจนถึงหมู่บ้าน จากนั้นเดินต่อในหมู่บ้านซึ่งถ้าช่วงฤดูฝน กิ่งไม้หักโค่นขวางทางไปมา พระก็จะพากันเก็บออกข้างทางเพราะซักตีห้าครึ่งญาติโยมก็เริ่มไปตลาดกันละ จะได้ไม่กีดทางสัญจร จากนั้นบิณฑบาตร วนในหมู่บ้าน(หมู่บ้านใหญ่พอสมควร น่าจะสีกิโลได้) ขากลับวัดต้องนั่งรถตู้วัดแถวหน้าหมู่บ้าน เพราะสว่างแล้ว รถที่ถนนใหญ่เยอะ วิ่งเร็วและอันตราย รวมเดินบิณฑบาตรวันละประมาณ 7 กิโล วันไหนไม่ออกบิณฑบาตร จะอดฉันข้าว พระใหม่จะผอมก็ตอนนี้แหล่ะฮ่าๆ เพราะฉันแค่วันละมื้อ ทุกอย่างรวมในบาตรลูกเดียว เก็บเอง ล้างเองตามเสต็ปสายพระป่า วันไหนอดฉันก็ต้องอาศัยน้ำปาณะลูปท้องทั้งวันเหอๆ
--------------------------------------------------------
จากนั้นก็ขับรถตามแถวพระเพื่อไปถ่ายอาหารที่ญาติโยมใส่บาตร พอบาตรเต็ม พ่อก็จะถ่ายอาหารจากบาตรใส่ในถัง แล้วแบกถังไปใส่ถังใหญ่ในรถตู้ กิจกรรมนี้เรียกว่ารับบาตร (หนักไปสำหรับคนแก่นะ เพราะพระ 6 -10 รูป แต่ถ้าไม่ไป พระก็ลำบาก มีคนช่วยบ้าง ถ้าวันไหนป่วย หรือติดธุระด่วน ก็ไหว้วานคนวัดอื่นๆ ได้บ้าง (แต่บ่อยๆ ไม่ได้ เพราะเค้าต้องทำมาหากิน ไม่สะดวก บลาๆๆ) วันที่ไม่ได้ไปรับบาตรพระ เช่น วันป่วย นอนซม, วันรับปริญญาลูก (แหง๋หล่ะ ชาตินึงสองครั้ง), งานศพ ยาย, งานเข้าค่ายลูกเสือ(พวกเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาส ชนบทมาก) งานแต่งลูก, หมดละวันหยุด
หลังจากรับบาตร ก็มานำสวดมนต์เช้า เจ็ดโมงครึ่งถึงบ้านอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
วันศุกร์ เสาร์ และวันพระ
ทำเหมือนข้างบน แต่เพิ่มเย็น คือรอรับคนวัดที่ไม่มีรถไปวัด (สมาชิก แก๊งค์วัด) คนที่มีรถก็จะขับไปเอง จากนั้นพวกก็นำสวด กลับบ้านสองสามทุ่ม
วันพิเศษ(แม่มทุกเดือน) วันศาสนา วันประเพณี วันพ่อ วันแม่ วันสวดมนต์ข้ามปี วันสงกรานต์ ทอดผ้าป่า กฐิน (ดีนะ วัดป่าไม่มีงานวัด)
พวกจัดแจง เตรียมงานล่วงหน้า ชาวบ้านก็ช่วยกันคนละไม้ละมือ แล้วพวกก็อยู่ตรวจเช็ค ปรับแก้ อยู่จนชาวบ้านกลับหมด ถึงกลับ ช่วงสงกรานต์นี่หนัก หลายวัน แทบไม่ได้นอน ทั้งวันรดน้ำดำหัว วันสรงน้ำเจดีกระดูกบรรพบุรุษ เตรียมงาน ดำเนินงาน เป็นโฆษก นำสวด ข้าวปลาไม่ได้กิน ยันค่ำมืด วันพิเศษพวกนี้จะมีสวดมนต์ยาวยันเที่ยงคืน เช้าตีสี่ครึ่งออกรับบาตรอีกละ
เข้าวัด 7 วันต่อสัปดาห์ ยี่สิบกว่าปี ยังพอเห็นช่องว่างไม๊ นั่นแน่ วันเสาร์กลางวัน และวันอาทิตย์ที่ไม่ได้เป็นวันพิเศษใช่ม๊า มันคือช่วงที่โหดสุดละ เพราะพวกจะพาพระและญาติโยมขับรถตู้ตระเวร คาระวะ วัดอื่นๆ ในสายหลวงปู่มั่นทั่วอีสาน หลายร้อยกิโล วนวัดนั้น วัดนี้ทั้งปี นอกจากช่วงเข้าพรรษานะ ตอนเด็กๆ ผมไปด้วยประจำ เป็นการไปแบบเดียวที่จะได้ไปเที่ยวกันกับครอบครัว ทะเลหน่ะเหลอ ฝันไปเถอะเพื่อน มีแต่พระป่า ไม่มีพระทะเล จนเข้ามหาลัย ออกจากบ้าน ถึงได้ไปทะเลกับเพื่อนบ้างตอนรับน้อง
หลังจากเข้ามหาลัย ยันทำงาน เดี๋ยวนี้ถ้ากลับบ้านวันหยุดยาวหน่ะเหลอ อย่าฝันว่าจะได้เที่ยวพร้อมหน้ากันยาวๆ แบบบ้านอื่น พวกติดธุระวัดตลอด จะเจอก็ไปเจอกันที่วัดโน่น
ตอนนี้พวกแก่แล้ว ก็มีโรคตามประสา เซ็ตเบาหวานอ่อนๆ หนักสุดตอนนี้คือมือ แขนชา หมอบอกเกี่ยวกับเส้นอะไรซักอย่าง ต้องผ่าตัด แต่พวกไม่ยอม กลัวไปรับบาตรไม่ได้ ตอนนี้ก็พันผ้า ทายา กำมือไม่ค่อยได้ ยิ่งตอนเช้าๆ ปวดหนักๆ เข้าก็ไปให้หมอฉีดยา โดนหมอบ่นๆๆ แล้วก็ไม่ผ่าเหมือนเดิม
เหตุการณ์ปีนี้ สายรายงาน(แม่) ช่วงสงกรานต์วันสุดท้าย พวกนำสวด กิจกรรมสรงน้ำเจดีย์บรรพบุรุษ แล้วก็เสต็ปเดิม คืออยู่คนสุดท้าย พวกกลับหมดแล้ว ระหว่าเดินออกมาจากป่าช้า เกิดหน้ามืด คลานคลำต้นไม้ออกมา ถึงปากทางก็นอนแผ่ โทรตามแม่ขอยาดม ถ้าแม่ไปไม่ทันนะ เส็ดไปแล้ว
คำถาม สามสิบบวก ทำยังไงให้พวกเลิกดี แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการขวางทางบุญ พวกเคยว่ามาละ กลัวพระลำบาก ไม่กลัวตัวเองลำบาก พวกบอกเป็นสายบู๊ สู้ไม่ถอย เหอๆ เคยคิดจะยุให้พวกบวชตลอดชีวิต แต่ใครจะทำแทนหล่ะ ตูใช่ไม๊เนี่ย
สงสารก็สงสาร ภูมิใจก็ภูมิใจ เซ็งก็เซ็ง
ร่ายมาซะยาว เริ่มตะหงิดๆละ เหมือนตอนคนพูดในงานศพเลย ยังไงผลบุญก็คงทำให้พวกอายุ วัณโณ สุขัง พลัง
อีกทีก็นึกไปถึงพวกไอซิส ที่หลอกคนไประเบิดพลีชีพ บอกว่าตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ให้รับใช้ศาสนาก่อน อืมม
ลูกคนวัดขอระบาย 30++
(เสียวอมยิ้มหายจุง ห้องนี้ยิ่งมีชื่อเป็นห้องดูดอมยิ้มพอๆ กับห้องการเมือง หิหิ)
ขอท้าวความก่อน ที่บ้านเป็นคนวัดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าครับ ตอนนี้ถึงคิวพ่อ
ตอนนี้พ่อหกสิบต้นๆ ลูก สามสิบต้นๆ
อธิบายงานของพวกก่อน(คำว่าพวก ผมหมายถึงพ่อนะ แฮ่ะๆ) งานยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
งานที่ทำทุกวันไม่เว้นเสาร์ อาทิตย์ (แหง๋หล่ะ รวมถึงไม่เว้นวันหยุดประเพณีและพิธีศาสนาด้วย)
พวกตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งไปวัด เตรียมรถวัด(รถตู้เก่าๆ) ขับออกจากวัดมารอพระแถวหมู่บ้าน เมื่อก่อนไม่มีรถตู้วัด ก็กระบะส่วนตัวนี่แหล่ะ เปลี่ยนกระบะไปสองคัน กว่าวัดจะมีเงินบุญพอซื้อรถตู้วัด
ถึงตรงนี้ พูดถึงพระก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
--------------------------------------------------------
จากนั้นก็ขับรถตามแถวพระเพื่อไปถ่ายอาหารที่ญาติโยมใส่บาตร พอบาตรเต็ม พ่อก็จะถ่ายอาหารจากบาตรใส่ในถัง แล้วแบกถังไปใส่ถังใหญ่ในรถตู้ กิจกรรมนี้เรียกว่ารับบาตร (หนักไปสำหรับคนแก่นะ เพราะพระ 6 -10 รูป แต่ถ้าไม่ไป พระก็ลำบาก มีคนช่วยบ้าง ถ้าวันไหนป่วย หรือติดธุระด่วน ก็ไหว้วานคนวัดอื่นๆ ได้บ้าง (แต่บ่อยๆ ไม่ได้ เพราะเค้าต้องทำมาหากิน ไม่สะดวก บลาๆๆ) วันที่ไม่ได้ไปรับบาตรพระ เช่น วันป่วย นอนซม, วันรับปริญญาลูก (แหง๋หล่ะ ชาตินึงสองครั้ง), งานศพ ยาย, งานเข้าค่ายลูกเสือ(พวกเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาส ชนบทมาก) งานแต่งลูก, หมดละวันหยุด
หลังจากรับบาตร ก็มานำสวดมนต์เช้า เจ็ดโมงครึ่งถึงบ้านอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
วันศุกร์ เสาร์ และวันพระ
ทำเหมือนข้างบน แต่เพิ่มเย็น คือรอรับคนวัดที่ไม่มีรถไปวัด (สมาชิก แก๊งค์วัด) คนที่มีรถก็จะขับไปเอง จากนั้นพวกก็นำสวด กลับบ้านสองสามทุ่ม
วันพิเศษ(แม่มทุกเดือน) วันศาสนา วันประเพณี วันพ่อ วันแม่ วันสวดมนต์ข้ามปี วันสงกรานต์ ทอดผ้าป่า กฐิน (ดีนะ วัดป่าไม่มีงานวัด)
พวกจัดแจง เตรียมงานล่วงหน้า ชาวบ้านก็ช่วยกันคนละไม้ละมือ แล้วพวกก็อยู่ตรวจเช็ค ปรับแก้ อยู่จนชาวบ้านกลับหมด ถึงกลับ ช่วงสงกรานต์นี่หนัก หลายวัน แทบไม่ได้นอน ทั้งวันรดน้ำดำหัว วันสรงน้ำเจดีกระดูกบรรพบุรุษ เตรียมงาน ดำเนินงาน เป็นโฆษก นำสวด ข้าวปลาไม่ได้กิน ยันค่ำมืด วันพิเศษพวกนี้จะมีสวดมนต์ยาวยันเที่ยงคืน เช้าตีสี่ครึ่งออกรับบาตรอีกละ
เข้าวัด 7 วันต่อสัปดาห์ ยี่สิบกว่าปี ยังพอเห็นช่องว่างไม๊ นั่นแน่ วันเสาร์กลางวัน และวันอาทิตย์ที่ไม่ได้เป็นวันพิเศษใช่ม๊า มันคือช่วงที่โหดสุดละ เพราะพวกจะพาพระและญาติโยมขับรถตู้ตระเวร คาระวะ วัดอื่นๆ ในสายหลวงปู่มั่นทั่วอีสาน หลายร้อยกิโล วนวัดนั้น วัดนี้ทั้งปี นอกจากช่วงเข้าพรรษานะ ตอนเด็กๆ ผมไปด้วยประจำ เป็นการไปแบบเดียวที่จะได้ไปเที่ยวกันกับครอบครัว ทะเลหน่ะเหลอ ฝันไปเถอะเพื่อน มีแต่พระป่า ไม่มีพระทะเล จนเข้ามหาลัย ออกจากบ้าน ถึงได้ไปทะเลกับเพื่อนบ้างตอนรับน้อง
หลังจากเข้ามหาลัย ยันทำงาน เดี๋ยวนี้ถ้ากลับบ้านวันหยุดยาวหน่ะเหลอ อย่าฝันว่าจะได้เที่ยวพร้อมหน้ากันยาวๆ แบบบ้านอื่น พวกติดธุระวัดตลอด จะเจอก็ไปเจอกันที่วัดโน่น
ตอนนี้พวกแก่แล้ว ก็มีโรคตามประสา เซ็ตเบาหวานอ่อนๆ หนักสุดตอนนี้คือมือ แขนชา หมอบอกเกี่ยวกับเส้นอะไรซักอย่าง ต้องผ่าตัด แต่พวกไม่ยอม กลัวไปรับบาตรไม่ได้ ตอนนี้ก็พันผ้า ทายา กำมือไม่ค่อยได้ ยิ่งตอนเช้าๆ ปวดหนักๆ เข้าก็ไปให้หมอฉีดยา โดนหมอบ่นๆๆ แล้วก็ไม่ผ่าเหมือนเดิม
เหตุการณ์ปีนี้ สายรายงาน(แม่) ช่วงสงกรานต์วันสุดท้าย พวกนำสวด กิจกรรมสรงน้ำเจดีย์บรรพบุรุษ แล้วก็เสต็ปเดิม คืออยู่คนสุดท้าย พวกกลับหมดแล้ว ระหว่าเดินออกมาจากป่าช้า เกิดหน้ามืด คลานคลำต้นไม้ออกมา ถึงปากทางก็นอนแผ่ โทรตามแม่ขอยาดม ถ้าแม่ไปไม่ทันนะ เส็ดไปแล้ว
คำถาม สามสิบบวก ทำยังไงให้พวกเลิกดี แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการขวางทางบุญ พวกเคยว่ามาละ กลัวพระลำบาก ไม่กลัวตัวเองลำบาก พวกบอกเป็นสายบู๊ สู้ไม่ถอย เหอๆ เคยคิดจะยุให้พวกบวชตลอดชีวิต แต่ใครจะทำแทนหล่ะ ตูใช่ไม๊เนี่ย
สงสารก็สงสาร ภูมิใจก็ภูมิใจ เซ็งก็เซ็ง
ร่ายมาซะยาว เริ่มตะหงิดๆละ เหมือนตอนคนพูดในงานศพเลย ยังไงผลบุญก็คงทำให้พวกอายุ วัณโณ สุขัง พลัง
อีกทีก็นึกไปถึงพวกไอซิส ที่หลอกคนไประเบิดพลีชีพ บอกว่าตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ให้รับใช้ศาสนาก่อน อืมม