จับตาประมูล 4จี คลื่น 900 รอบใหม่ ใครจะคว้าชัยหลัง คสช.ขี่ม้าขาว ม.44 หย่าศึก

กระทู้ข่าว


จับตาประมูล 4จี คลื่น 900 รอบใหม่ ใครจะคว้าชัยหลัง คสช.ขี่ม้าขาว ม.44 หย่าศึก
ทีมข่าวเศรษฐกิจ มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

          ดูเหมือนปัญหาคาราคาซังของการประมูล 4จี คลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ที่ค้างคามาตั้งแต่การประมูลครั้งก่อน เมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ไปสู่การกำหนดวันประมูลรอบใหม่ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้นั้นก็เป็นไปได้ด้วยดี

          หากย้อนกลับไปดูแล้ว หนทางการจัดสรรใบอนุญาตในครั้งนี้ไม่ใช่การหาทางออกด้วยวิธีปกติ เพราะต้องไปพึ่งกฎหมายพิเศษสูงสุดหนึ่งเดียวของประเทศในเวลานี้ คือ มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557

          ปมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องย้อนไปถึง เมื่อครั้งการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์สิ้นสุดลง เต็งหนึ่ง และเจ้าของคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ รายเดิม อย่าง กลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส พลาดท่าแพ้การประมูลครั้งประวัติศาสตร์ ที่ราคาสูงชนิดทุบสถิติโลก โดยมียอดเงินรวมกันทั้ง 2 ใบอนุญาต ที่ 151,952 ล้านบาท

          ด้วยผลลัพธ์ของการประมูลนี้ ส่งผลให้ลูกค้าที่ใช้งานในระบบ 2จี ของเอไอเอส เวลานั้นที่มีเหลืออยู่ราว 11 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น ลูกค้าที่ค้างการใช้งานโดยตรงบนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ราว 1 ล้านเลขหมาย และคนที่ใช้งาน 2จี บนคลื่นความถี่ย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ ที่ต้องเชื่อมโยงข้ามโครงข่าย (โรมมิ่ง) ใช้งานโครงข่ายบนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ อีกราว 10 ล้านเลขหมาย ก็อาจเกิดปัญหาได้ เนื่องจากหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดไว้นั้น ระบุว่า ผู้ให้บริการรายเดิมต้องยุติการให้บริการทันทีเมื่อมีผู้ที่ชนะการประมูลรายใหม่ได้รับใบอนุญาตไปใช้งาน ซึ่งภายหลังเอไอเอสได้ฟ้องศาลปกครอง และศาลปกครองก็มีคำสั่งคุ้มครอง แต่ให้ถึงเพียงวันที่ 14 เมษายนเท่านั้น

          ไม่เพียงแต่ปัญหา 2จี เท่านั้น แต่ด้วยราคาประมูลที่สูง ทำให้ 1 ในผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ที่ชนะมาในราคา 75,654 ล้านบาท ก็จำต้องทิ้งใบอนุญาต เพราะไม่มีสถาบันการเงินใดออกหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ให้ ส่งผลให้คลื่นความถี่ต้องถูกนำมาจัดสรรใหม่

          ขณะที่การออกเกณฑ์การประมูลรอบใหม่นั้น บอร์ด กสทช. ให้ตัดสิทธิกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกจากการประมูลรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเห็นว่าทรูเป็นผู้ชนะในการประมูลรอบก่อน ซึ่งตามหลักเกณฑ์รอบก่อนได้ระบุห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใดคว้าไปทั้ง 2 ใบอนุญาต เพราะเกรงว่าจะเป็นการผูกขาดตลาด ซึ่งเหตุผลที่ว่ามานี้ทางทรูไม่ยอม โดยได้ติดต่ออย่างไม่เป็นทางการไปยัง กสทช. ระบุว่าจะฟ้องร้อง เพราะถือว่าเป็นการประมูลคนละครั้งกัน ซึ่งหากทรูฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะกระทบต่อการประมูลรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้

          กสทช.คุมสถานการณ์ไม่อยู่
          ด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงเป็นการยากที่จะกลับมาใช้แนวทางการประมูลด้วยวิธีปกติ และหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช. ก็คุมสถานการณ์ไม่อยู่ ต้องไปพึ่งผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศอย่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แทน โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมพิจารณา ในข้อกฎหมายทั้งหมด

          จนท้ายสุดต้องนำมาตรา 44 มาใช้ เพื่อออกหลักเกณฑ์การประมูลรอบใหม่ ซึ่งมีราคาตั้งต้นการประมูลที่ 75,654 ล้านบาท และขยายระยะเวลาคุ้มครองการใช้งานของลูกค้า 2จี เอไอเอส จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พร้อมด้วยการให้เอไอเอส และทรูมาลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ต่อกัน

          โดยเนื้อหาในร่างเอ็มโอยูที่หลุดมาก่อนหน้านี้ มีใจความความสำคัญ คือ 1.ให้ กสทช.เป็นผู้พิจารณาให้สิทธิเรื่องคงสิทธิเลขหมาย (ย้ายค่ายเบอร์เดิม) ระหว่างลูกค้าเอไอเอส และทรู 2.ในระหว่างที่ประกาศ คสช. คุ้มครองการใช้งานของลูกค้า 2จี ของเอไอเอส ให้ เอไอเอส ต้องใช้โครงข่ายบนคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ของทรู

          นอกจากนี้ยังมีข่าวหลุดออกมาว่า อาจจะมีเอไอเอสเข้าประมูลเพียงเจ้าเดียว เพราะการบังคับให้เอไอเอสจ่ายค่าเช่าโครงข่ายคลื่น 900 ให้ทรูก็เพื่อให้สมประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะทรูได้ค่าโครงข่ายจากเอไอเอส ขณะที่เอไอเอสก็เบาใจได้ว่าจะไม่มีใครเป็นเสี้ยน ดังนั้นหากจะคิดว่าเป็นการสมยอมก็น่าจะเป็นได้

          ม.44 ป้องฟ้องล้มประมูล
          นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า "การที่ขอให้ คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกประกาศเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์รอบใหม่ ด้วยประกาศ คสช. แทนประกาศ กสทช. เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันเหตุแทรกซ้อน เช่น กรณีที่อาจมีผู้ไปฟ้องร้องให้ระงับการประมูล ทำให้การประมูลช้าลง เพราะคงไม่มีใครคิดที่จะฟ้องร้องตัวกฎหมายที่ออกจาก คสช. โดยตรงในเวลานี้"

          พูดได้ว่ามาตรา 44 ใช้แก้ได้สารพัดปัญหา ไม่เฉพาะแค่ป้องกันเหตุแทรกซ้อนเท่านั้น แต่ยังเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประมูลเดิม คือแก้ไขให้ทรูสามารถเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ได้ เพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเป็นการกดดันให้ ผู้ประกอบการรายอื่นต้องเข้าประมูลเพื่อไม่ให้ทรูได้รับใบอนุญาตไป, การลดขั้นตอนเตรียมการจัดการประมูล โดยตัดเรื่องการ รับฟังความคิดเห็นสาธารณะออกไป เพื่อให้เปิดประมูลได้เร็วขึ้น จากเดิม 24 มิถุนายน เป็น 27 พฤษภาคม ทำให้รัฐได้เงินเร็ว ประชาชน ก็ได้ใช้งานเร็วขึ้นเช่นกัน

          ยุติปัญหา 2 จี ซิมดับ
          นอกจากนี้ มาตรา 44 ยังเข้ามาช่วย ไม่ให้เกิดปัญหา 2จี ซิมดับ เพราะได้ขยายระยะเวลาจนถึง 30 มิถุนายน หรือจนกว่าผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์รายใหม่ ได้รับใบอนุญาตไป

          เลขาธิการ กสทช. กล่าวด้วยว่า การยุติปัญหาความขัดแย้งในครั้งนี้ คสช. และ กสทช. ยังเห็นร่วมกันโดยให้ผู้ที่เป็นคู่ขัดแย้ง ในครั้งนี้ มาลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ เอ็มโอยู ว่าหลังจากนี้จะไม่มีการฟ้องร้องกัน ขวางการประมูล หรือฟ้องร้องเรื่องการเยียวยาคุ้มครองการใช้งานของลูกค้า 2จี ซึ่งตามร่างเอ็มโอยู ที่มีผู้นำไปเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ถือว่ายังเป็นฉบับไม่สมบูรณ์ เนื่องจากทางเอไอเอส และทรู ได้ปรับแก้คาดจะ ลงนามได้ในเร็วๆ นี้

          เอไอเอสขอบคุณคสช.
          นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ คสช. ที่ช่วยขยายเวลาคุ้มครองลูกค้า 2จี จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน

          ซึ่งที่ผ่านมาเอไอเอสได้ดำเนินการขอขยายเวลาเยียวยาคุ้มครองการใช้งานของลูกค้า 2จีมาตลอด มีการพูดคุยกับ กสทช. อยู่บ่อยครั้ง และยืนยันว่า กสทช. สามารถทำได้ตามกรอบอำนาจที่มี ซึ่งการขอขยายเวลาของเอไอเอส ก็ไม่ได้กระทบสิทธิผู้อื่น เพราะลูกค้าที่ค้างการใช้งานนั้น อยู่ในช่วงคลื่น ของใบอนุญาตที่แจสทิ้งใบอนุญาตไป จึงทำให้คลื่นความถี่ยังไม่ถูกจัดสรรไปให้ใคร ใช้งาน อีกทั้งไม่กระทบกับช่วงคลื่นความถี่ ในใบอนุญาตที่ทรูรับไปเช่นกัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด กสทช. จึงไม่ดำเนินการให้

          แม้ คสช. จะช่วยยืดระยะเวลาให้บริการคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ออกไป แต่หลังจากนี้เอไอเอสจะยังเดินหน้าเชิญชวนให้ลูกค้าในระบบ 2จี ทั้งหมดย้ายไปใช้งาน ในระบบ 3จี หรือ 4จี ต่อไป โดยได้ติดต่อ หาลูกค้าทั้งหมดเพื่อจัดส่งซิมการ์ด และโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ถึงบ้าน และลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อวางโครงข่าย 3จี บนคลื่นความถี่ย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ ให้มีรัศมีการให้บริการครอบคลุมเท่ากับคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์

          ไม่เสียใจประมูลรอบก่อนแพ้
          นายสมชัยบอกว่าสนใจทุกคลื่นความถี่ที่จะนำมาจัดประมูล รวมถึงคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ในรอบใหม่ก็เช่นกัน แต่ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าจะเข้าประมูลแน่ เนื่องจากต้องขออนุมัติจากบอร์ดก่อน โดยเบื้องต้นจะใช้แผนเดิมที่เสนอตอนเข้าประมูลครั้งก่อนแต่อาจมีการปรับรายละเอียดเพิ่มเติมในบางส่วนเท่านั้น

          "การที่เอไอเอสไม่ชนะการประมูลในรอบที่ผ่านมานั้น ผมพูดเลยว่าไม่ใช่เรื่องผิดพลาด เพราะราคาที่ชนะการประมูลกันครั้งก่อนสูงกว่าราคาที่เอไอเอสสำรวจมาว่าคุ้มค่าต่อการทำธุรกิจ (ไม่เกิน 75,000 ล้านบาท) แต่การที่เอไอเอสสนใจประมูลครั้งต่อไป เพราะสถานการณ์ตลาดวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว" นายสมชัยกล่าว

          ทั้งหมดเป็นการสะท้อนว่า งานนี้ดูเหมือน คสช. จะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาหย่าศึก 4จี จริงๆ เพราะหากไม่ได้ มาตรา 44 เข้ามาช่วย ก็มีความเป็นไปได้ว่าคลื่นอาจจะยังไม่ถูกนำมาประมูลให้ประชาชน ใช้กัน เพราะติดขัดปัญหาฟ้องร้องกันก็เป็นได้ ส่วนคลื่นความถี่ย่านอื่นๆ ที่จะนำมาประมูลในอนาคต จะวุ่นวายแบบนี้อีก หรือไม่คงต้องติดตามดู....


Infographic การจัดประมูลคลื่น 900 MHz (ภาพประกอบจาก Website กสทช)

แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 8)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่