สักครั้งหนึ่งในฮ่องกง..........ฮ่องกงอีกแล้วหรอ ?????

เนื่องด้วยผมมีโอกาสได้ไปฮ่องกงมา จึงอยากสรุป ความเป็นฮ่องกงในความคิดเห็นส่วนตัวของผมดู (เท่าที่นึกได้นะครับ)ผิดพลาดหรือบิดเบือนประการใด ต้องขออภัยมา ณ กระทู้นี่ด้วย แย้งหรือขัดได้นะครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ

1.รู้สึกว่าอากาศที่ฮ่องกงนั้นดีมากและเหมาะแก่การเดินด้วยเท้าเป็นอย่างยิ่ง แต่อาทิตย์ก่อนที่ไปมานั้นรู้สึกโชคดีสุดๆเลยครับ หมอกลงจัดเกือบทุกวัน เวลาไปเที่ยวบางสถานที่ก็เลยรู้สึกผิดหวังเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ยกตัวอย่างสถานที่ไปแล้วไม่เห็นอะไรนอกจากหมอก และหมอก เช่น The Peak หรือ Big buddha

2.เคยคิดว่าฮ่องกงเคยอยู่ภายใต้การดูแลของอังกฤษมา ทุกคนคงจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้กันเป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลยครับ ยังมีคนอีกบางกลุ่มที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษ

3.ในวันหยุดนั้นเราจะเห็นแม่บ้านและแนนนี้ ชาวฟิลิปปินส์และอินโด มักจะรวมกลุ่มกันมาสร้างอาณาจักรกล่องกระดาษกันตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ทำกิจกรรมร่วมกันเช่น ทาเล็บ แต่งหน้า เต้น ปิคนิก ตามสะพานลอย ซอกตึก ใต้ตึกแบงค์ HSBC และอื่นๆอีกมากมาย

4.ไม่อยากพกเงินสดแนะนำบัตร ปา ตาด ธง (octopus) เลยครับใช้ได้เกือบทุกที่ที่มีสัญลักษณ์บัตร ไม่ว่าจะเป็น MTR รถเมล์ ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์ สะดวกมาก

5.Free Wi-Fi มีเกือบทุกที่เลยครับ  ไม่ว่าจะเป็นบนรถเมล์(บางสาย) ห้าง ร้านอาหาร ที่สาธารณะ บางทีก็ใช้ได้ตลอด บางทีก็จำกัดเวลาครับ ผมไม่ติดโซเซียลมากก็เลยอยู่ได้โดยไม่ซื้อซิม

6.อยากรู้ว่าร้านอาหารไหนดังนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ดูได้จากแถวหน้าร้าน  ร้านไหนดังมากแถวก็ยาวมากตาม แต่ใช้ว่าร้านดังจะถูกปากเราเสมอไปนะครับ อยู่ที่ลิ้นสัมผัสเราด้วย

7.พนักงานร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะหน้าตาบูดบึ้ง ซึ่งส่วนใหญ่ที่ไปมานั้นก็เจอแนวๆนี้เกือบทุกร้าน อยู่ๆไปเราก็จะชินเอง

8.พนังงานร้านอาหารมักจะจ้องเก็บจานเราตลอดเวลา (ไม่รู้จะรีบไปไหน บางทียังกินไม่เสร็จพี่แกเดินมาเก็บแล้ว ต้องกราบพี่แกเพื่อขอกินต่อ 555)

9.บางร้านคุณจะถูกคิดค่าน้ำชาโดยไม่รู้ตัว ตอนผมเข้าครั้งแรกก็คิดในใจ เออร้านนี้ดีแหะ มีน้ำชาบริการฟรี แต่ที่ไหนได้เค้าคิดตังค์ดูได้ในใบเสร็จ แต่ไม่เป็นไร ราคาบางร้านมันไม่แพงมาก แต่บางร้านเช่น cystal jade ที่สนามบินนั้น น้ำชานั้น 8 ดอล แต่ก็พอเข้าใจนะครับว่าไม่ได้คิดค่าเซอร์วิชชาร์จ

10.บางร้านนั้นพอนั่งจะมีบริการเสิร์ฟน้ำร้อนด้วย แต่ให้มาแบบแค่ครึ่งแก้ว ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไหมถึงงกน้ำขนาดนั้น ไม่ใส่มาให้เต็มๆเลยหล่ะครับ แต่ก็ไม่คิดไรมากเพราะบนโต๊ะนั้นยังมีกาน้ำชาอยู่ ที่เหลือน่าจะให้มาเติมเองแน่เลย ก็เลยจัดการเติมชาตามลงไป แต่แล้วก็พบความจริงหลังจากส่องโต๊ะข้างๆที่เข้ามาทีหลังเขาทำก็เลยนั่งบรรลุตั้งแต่นั้นเลยครับว่าน้ำร้อนที่เขาให้มาตอนแรกนั้นให้มาไว้จุ่มลวกช้อนกับตะเกียบ แกว่งๆแล้วแล้วเทน้ำร้อนนั้นทิ้ง แต่ผมก็ดื่มน้ำแก้วแรกไปแล้วไง ก็ภาวนาว่าน้ำร้อนนั้นไม่น่าจะมีเชื้อโรคอะไร

11. ราคาอาหารนั้นบางทีไม่ต้องตกใจนะครับเพราะเมื่อเทียบกับปริมาณและวัตถุดิบแล้วก็สมเหตุสมผลอยู่ครับ แต่ผมไปครั้งแรกก็อยากลองหลายอย่าง แล้วมื้อนั้นก็ไปกินร้านที่ค่อนข้างไปทางภัตาคาร ก็เลยนึงว่าราคาแพงกว่าร้านปกติหน่อย แต่ปริมาณคงจะเท่ากัน แต่ที่ไหนได้ครับ โอ้โหจานที่เสิร์ฟมานี้ผมกินได้ 3 วันเลยนะครับเนี้ย แต่ก็อย่างว่า ไปกินคนเดียวก็พยายามยัดลงไปให้หมด เพราะเสียดาย...........ตังค์

12. อยากจะบอกว่า บะหมี่เกี๊ยวอร่อยมาก Wanton Mee (บะหมี + เกี๊ยวกุ้ง) กุ้งเน้นๆเลยครับ ติดใจสุดๆ

13.สำหรับติ๋มซำนั้นผมเฉยๆมากครับ หรือว่าผมไปกินร้านไม่อร่อยเอง ผมไปกินร้าน Dim Dim Sum

14.แนะนำซื้อตั๋ว นองปิง ล่วงหน้าหน่อยนะครับ ถ้าไม่อยากเจอแถวนรก ที่คุณจะต้องรอในแถว ทั้งในขาขึ้นและลง ประมาณชั่วโมงหนึ่ง แต่มี FRee WiFi ให้เล่นไปพลางๆ ดูพวกที่ซื้อตั๋วไปก่อนเดินเชิดๆ ไปขึ้นก่อนหน้าคุณ เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ

15.ใครพอมีเวลา และไม่อยากรอขึ้นกระเช้า แนะนำเลยครับอีกวิธี  Hiking ขึ้น นองปิงครับ ทางงดงาม เห็นวิวกระเช้า เห็นเครื่องบินขึ้นลง เห็นวิวทิวเขาป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นชิวๆ  ที่กล่าวมานั้นคือเรื่องจริงครับ แต่มันต้องมาพร้อมกับใจจริงๆ เพราะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งครับรวมถ่ายรูปและแวะพัก แล้ว ที่ต้องไปพร้อมใจเพราะทางชันและใช้กำลังมากในการขึ้นลงเขา พอไปถึงนองปิงนี้เหงื่อท่วมตัวเลยครับ แต่อยากแนะนำวิธีนี้มากเพราะทางเดินดีและวิวสวยจริงๆ ใครไปคนเดียวไม่ต้องกลัวเหงานะครับ เราเดินไปพร้อมกระเช้าครับ ระหว่างทางก็เงยหน้ามองกระเช้า คนในกระเช้าจะโบกมือสมน้ำหน้าให้เราไปพลางๆ  เราก็โบกมือลากระเช้าอันแสนสบายไปพลางๆ 5555

16.ไป นองปิง แล้วอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านเรา เพราะที่เจอๆมาคนไทยทั้งนั้นเลย

17. ถ้าใครอยากได้ตุ๊กตา Disney แนะนำให้ซื้อสนามบินดีกว่าครับไม่ต้องลำบากหิ้ว และถูกกว่า ผมเจ็บใจมากเมื่อเห็นราคา

18. อยากรู้ว่า SaSa และ Bonjour (ร้านขายเครื่องสำอางและน้ำหอม ขวัญใจสาวไทย ได้ข่าวราคาถูก)เยอะขนาดไหนให้เทียบกับเซเว่นบ้านเราแล้วคูณ 2 ครับ   อยากเล่าเหตุการณ์การเข้าของผมให้ฟัง ผมเข้าไปกะจะไปหาน้ำหอมมาฉีดสักหน่อย รู้สึกมานี้แล้วอยากมีกลิ่นออร่าบ้าง ก็เลยไปดูน้ำหอมที่ Bonjour ระหว่างเลือกก็มีพนังงานชายเดินมาแนะนำ ขณะยืนเลือกก็อยากรู้ราคาที่ติดข้างกล่อง ก็เลยจะดึงกล่องออกมาจากดงขวดทดลองที่เรียงบังอยู่ แต่ด้วยกล่องมันไปติดอะไรสักอย่างตอนดึงก็เลยไปเกี่ยวขวดน้ำหอมทดลองที่เรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานหล่น ตอนนั้นคิดในใจได้มาแล้วไงกรู ขวดนึง 5555 ขณะขวดกำลังหล่นก็ใช้ท่าร่ายรำเพื่อประคับประคองให้ขวดตกลงสู่พื้นนิ่มนวลที่สุด สุดท้าย ท่าร่ายรำนั้นก็ได้ผลครับ ขาไปเกี่ยวขวดไว้ได้ ขวดก็เลยลงจอดบนพื้นอย่างนิ่มนวล พนังงานชายที่ยืนแนะนำอยู่เมื่อกี้ถึงกับทำตาโต ตะลึงไปกับท่าของผม ไม่ใช่ล่ะตะลึงกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปตังหาก 555 พอขวดถึงพื้น ผมก็รีบไปเก็บขวดขึ้นมาดู พนังงานชายก็รีบคว้าขวดจากมือไปดูผลงานว่า ผมจะได้ขวดกลับบ้านรึป่าว ระหว่างนั้นพนังงานหญิงในร้านก็มาช่วยสำรวจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกแรงว่าควรเก็บตังค์กี่ดอลดี      ต้องขอบคุณท่าร่ายรำของผมที่ทำให้ขวดแค่เป็นรอย ขีดเดียวเฉย ๆ โล่งอกไป แต่สุดท้ายผมก็จบลงโดยการซื้อน้ำหอมกลับมาขวดนึงเพื่อแก้เขินครับ

19. tsim sha tsui แขกเรียกแขกให้ซื้อของแขก จำพวกของแบรนเนมเยอะมากครับ แต่ส่วนใหญ่เรียกแต่ แหม่มผมทอง เป็นส่วนใหญ่

20. ค่ารถไฟใต้ดินสำหรับผมแล้วมันแพง เวลาข้ามเกาะเลยใช้แต่เรือข้ามฝาก วิวสวยกว่าและราคาถูกกว่าแต่มีไปแค่ central กับ Wam Chai เท่านั้น

21.แนะนำนั่ง รถลาง(Tram)บนเกาะ Hong Kong ดูครับได้ feel Vintage สุดๆ แถมราคาถูก ผ่านสถานที่สำคัญบนเกาะ Hong Kong หลายที่เลย

22.อ่านแบบนี้แค่รับรู้ แต่ถ้าไปจะได้ทั้งรับรู้และสัมผัส ลองไปดูแล้วจะรู้ครับ

ใครมีเรื่อง ประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับฮ่องกง มาแชร์กันได้ครับ ผมอยากฟังเรื่องของผู้ไปสัมผัสมาแล้วบ้าง รอฟังอยู่นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่