ตอนนี้เราอึดอัดกับชีวิตคู่มากเลย เราอยู่ด้วยกันมาเกือบ 8 ปีแล้ว ยังไม่มีลูกค่ะ เมื่อเข้าปีที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่เราเริ่มตั้งตัวได้ เริ่มสร้างฐานะ ก็เริ่มมีเรื่องราวค่ะ
อันดับแรกเลย บ้าน.... บ้านนี่แม่กับพี่สาวเขามาช่วยดูสุดท้ายตัดสินใจ(แม่กับพี่สาวตัดสินใจให้) ซื้อทาวเฮาส์ชั้นเดียว แต่แทนที่จะเป็นชื่อเรากับสามี..กับเป็นชื่อพี่สาวกับสามี เราก็อ่ะ ไม่เป็นไร จบไปไม่ถามเหตุผลด้วย
อันดับ2 สามีบอกอยากทำประกันชีวิต เราก็คิดเออ ก็ดีเป็นหลักประกันชีวิต เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุก็มีค่ารักษา หรือเสียชีวิตก็ยังเหลือเป็นทุนให้กับคนที่อยู่ ก็ต่างคนต่างทำกัน สุดท้ายในส่วนของผู้รับผลประโยชน์ เราใส่ชื่อ1.สามี 2.น้องสาว3น้องชาย ส่วนสามี ใส่ชื่อ1.พี่ชาย 2.แม่ 3.พี่สาว อันนี้ให้เหตุผลว่า พี่ชายยังตั้งตัวไม่ได้ ส่วนแม่ถ้าเขา (สามี)ไม่อยู่เงินส่วนนี้ก็จะเป็นทุนให้แม่ไว้ดูแลตัวเอง เราก็ถามว่าแล้วเราหละ สามีบอกว่า เดี๋ยวพี่ชายก็คงแบ่งให้ ...คือมันใช่ม๊ย
อันดับ3 ซื้อรถ ตอนอยุ่บ้านก็ตกลงกันดี ว่าเป็นชื่อเราสองคน วันออกรถชวนพี่สาวไปด้วย...สุดท้ายตอนทำสัญญาเช่าซื้อเป็นชื่อสามีกับพี่สาว ...ด้วยเหตุผลถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหรือมีปัญหาระหว่างส่งค่างวด จะได้ไม่ต้องเดือนร้อนเราบริษัทรถจะได้ไม่ต้องตามที่เรา ...คือเราจดทะเบียนสมรสกับด้วยแล้วเราจะรอดป่ะหล่ะ
อันดับ 4 ซื้อที่ ...สามีอยากได้ที่สัก 100 ตรว. พอดีมีคนแบ่งขายราคาไม่แพง 350,000 บาท เราว่ายังพร้อม สุดท้ายสามีก็แอบไปวางเงินดาวน์ 150,000 บาท เรามารู้ตอนหลังเอาสัญญามาให้ดูเป็นชื่อสามี ...เหตุผลจะได้ไม่เป็นภาระเรา... จะไม่เป็นภาระยังไง ก็ทุกอย่างมันก็เป็นน้ำพักน้ำแรกของเราทั้งสองคน
อันดับ 5 เราตกลงจะออมเงินกัน เนื่องจากเงินเดือนเรา เป็นค่าผ่อนบ้านกับค่าผ่อนรถ และชำระหนี้ กยศ. ของเรา ที่เหลือค่ากินอยู่สามีรับผิดชอบ เพระฉนั้น เงินออมก็ต้องเป็นส่วนของสามีซึ่งเขาค้าขาย มีเงินเข้าทุกวัน ฝากเราเก็บวันละ 300 บาท ทุกวัน พอได้ 2 เดือนเราก็เลยไปเปิดบัญชี (เป็นชื่อเรา) ฝากต่อมาอีก 2 เดือน พอเริ่มเห็นเป็นเงินก้อน กลัวเราให้น้องยืม บอกว่าให้เอาเงินจำนวนนี้ไปเปิดเป็นบัญชีร่วม 2 คน ...เหตุผล มันเป็นเงินเก็บของเราสองคน
ล่าสุด ... เหมือนจะสั่งเสีย ถามเราว่าถ้าเราเป็นอะไรจากไปก่อนจะให้ทำยังไง เราว่าพี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ จะมีครอบครัวใหม่ก็ไม่ว่า ฝากดูแลน้องด้วยยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน (เหมือนจะโลกสวย) ส่วนสามีบอกว่า ...ถ้าพี่เป็นอะไร สัญญานะว่าต้องแบ่งทรัพย์สินเป็นสามส่วน (หมายความว่า ต้องขายบ้าน รถ ที่ดิน) แล้วแบ่งเงิน ..ส่วนที่ 1 ให้แม่ถ้าแม่ไม่อยู่ให้พี่ชาย (ห่วงมาก..) ส่วนสอง ทำบุญให้เขา ส่วนที่3 เป็นของเรา ...คือเราต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ...เริ่มใหม่เหรอ เขาว่า งั้นก็ไม่ต้องขายบ้านที่เหลือแบ่งให้ยุทธติธรรม
เขาให้เงินแม่ทุกเดือนเดือนละ 3,000 บาท เราก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะหน้าที่ลูกดูแลแม่ ...ในขณะที่เราไม่มีพ่อแม่ให้เลี้ยงดู จะมีก็แต่น้องมักมาขอเงิน ค่านมหลานเขาก็ว่าเราเลี้ยงน้องไม่โต แต่เราคิดว่าเราทำงานหาเงินได้ เราก็น่าจะส่งเสียให้น้องบ้างซึ่งก็ตกเดือนละ 1,000 บาท สุดท้ายกลายเป็นว่าเราต้องแอบให้น้อง ... เขาจะไม่ให้เราส่งเสียครอบครัวที่เราเติบโตมาเลย อ้างแต่ ว่า "เธอมีครอบครัวแล้วนะ จะห่วงแต่น้องไม่ได้" ทีตัวเองหล่ะ เราว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คงได้แยกย้ายทางใครทางมัน แต่กันนั่นแหละ สามีก็จะเป็นพ่อหม้ายมีบ้าน รถ ที่ดิน เงินสดอีกนิดหน่อย ส่วนเราก็จะเป็นแม่หม้ายที่มีแต่ตัว เขาอาจจะแบ่งเงินให้มาตั้งตัวอีกนิดหน่อยมั้ง
เราคิดมากหรือสามีเห็นแก่ตัว
อันดับแรกเลย บ้าน.... บ้านนี่แม่กับพี่สาวเขามาช่วยดูสุดท้ายตัดสินใจ(แม่กับพี่สาวตัดสินใจให้) ซื้อทาวเฮาส์ชั้นเดียว แต่แทนที่จะเป็นชื่อเรากับสามี..กับเป็นชื่อพี่สาวกับสามี เราก็อ่ะ ไม่เป็นไร จบไปไม่ถามเหตุผลด้วย
อันดับ2 สามีบอกอยากทำประกันชีวิต เราก็คิดเออ ก็ดีเป็นหลักประกันชีวิต เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุก็มีค่ารักษา หรือเสียชีวิตก็ยังเหลือเป็นทุนให้กับคนที่อยู่ ก็ต่างคนต่างทำกัน สุดท้ายในส่วนของผู้รับผลประโยชน์ เราใส่ชื่อ1.สามี 2.น้องสาว3น้องชาย ส่วนสามี ใส่ชื่อ1.พี่ชาย 2.แม่ 3.พี่สาว อันนี้ให้เหตุผลว่า พี่ชายยังตั้งตัวไม่ได้ ส่วนแม่ถ้าเขา (สามี)ไม่อยู่เงินส่วนนี้ก็จะเป็นทุนให้แม่ไว้ดูแลตัวเอง เราก็ถามว่าแล้วเราหละ สามีบอกว่า เดี๋ยวพี่ชายก็คงแบ่งให้ ...คือมันใช่ม๊ย
อันดับ3 ซื้อรถ ตอนอยุ่บ้านก็ตกลงกันดี ว่าเป็นชื่อเราสองคน วันออกรถชวนพี่สาวไปด้วย...สุดท้ายตอนทำสัญญาเช่าซื้อเป็นชื่อสามีกับพี่สาว ...ด้วยเหตุผลถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหรือมีปัญหาระหว่างส่งค่างวด จะได้ไม่ต้องเดือนร้อนเราบริษัทรถจะได้ไม่ต้องตามที่เรา ...คือเราจดทะเบียนสมรสกับด้วยแล้วเราจะรอดป่ะหล่ะ
อันดับ 4 ซื้อที่ ...สามีอยากได้ที่สัก 100 ตรว. พอดีมีคนแบ่งขายราคาไม่แพง 350,000 บาท เราว่ายังพร้อม สุดท้ายสามีก็แอบไปวางเงินดาวน์ 150,000 บาท เรามารู้ตอนหลังเอาสัญญามาให้ดูเป็นชื่อสามี ...เหตุผลจะได้ไม่เป็นภาระเรา... จะไม่เป็นภาระยังไง ก็ทุกอย่างมันก็เป็นน้ำพักน้ำแรกของเราทั้งสองคน
อันดับ 5 เราตกลงจะออมเงินกัน เนื่องจากเงินเดือนเรา เป็นค่าผ่อนบ้านกับค่าผ่อนรถ และชำระหนี้ กยศ. ของเรา ที่เหลือค่ากินอยู่สามีรับผิดชอบ เพระฉนั้น เงินออมก็ต้องเป็นส่วนของสามีซึ่งเขาค้าขาย มีเงินเข้าทุกวัน ฝากเราเก็บวันละ 300 บาท ทุกวัน พอได้ 2 เดือนเราก็เลยไปเปิดบัญชี (เป็นชื่อเรา) ฝากต่อมาอีก 2 เดือน พอเริ่มเห็นเป็นเงินก้อน กลัวเราให้น้องยืม บอกว่าให้เอาเงินจำนวนนี้ไปเปิดเป็นบัญชีร่วม 2 คน ...เหตุผล มันเป็นเงินเก็บของเราสองคน
ล่าสุด ... เหมือนจะสั่งเสีย ถามเราว่าถ้าเราเป็นอะไรจากไปก่อนจะให้ทำยังไง เราว่าพี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ จะมีครอบครัวใหม่ก็ไม่ว่า ฝากดูแลน้องด้วยยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน (เหมือนจะโลกสวย) ส่วนสามีบอกว่า ...ถ้าพี่เป็นอะไร สัญญานะว่าต้องแบ่งทรัพย์สินเป็นสามส่วน (หมายความว่า ต้องขายบ้าน รถ ที่ดิน) แล้วแบ่งเงิน ..ส่วนที่ 1 ให้แม่ถ้าแม่ไม่อยู่ให้พี่ชาย (ห่วงมาก..) ส่วนสอง ทำบุญให้เขา ส่วนที่3 เป็นของเรา ...คือเราต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ...เริ่มใหม่เหรอ เขาว่า งั้นก็ไม่ต้องขายบ้านที่เหลือแบ่งให้ยุทธติธรรม
เขาให้เงินแม่ทุกเดือนเดือนละ 3,000 บาท เราก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะหน้าที่ลูกดูแลแม่ ...ในขณะที่เราไม่มีพ่อแม่ให้เลี้ยงดู จะมีก็แต่น้องมักมาขอเงิน ค่านมหลานเขาก็ว่าเราเลี้ยงน้องไม่โต แต่เราคิดว่าเราทำงานหาเงินได้ เราก็น่าจะส่งเสียให้น้องบ้างซึ่งก็ตกเดือนละ 1,000 บาท สุดท้ายกลายเป็นว่าเราต้องแอบให้น้อง ... เขาจะไม่ให้เราส่งเสียครอบครัวที่เราเติบโตมาเลย อ้างแต่ ว่า "เธอมีครอบครัวแล้วนะ จะห่วงแต่น้องไม่ได้" ทีตัวเองหล่ะ เราว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คงได้แยกย้ายทางใครทางมัน แต่กันนั่นแหละ สามีก็จะเป็นพ่อหม้ายมีบ้าน รถ ที่ดิน เงินสดอีกนิดหน่อย ส่วนเราก็จะเป็นแม่หม้ายที่มีแต่ตัว เขาอาจจะแบ่งเงินให้มาตั้งตัวอีกนิดหน่อยมั้ง