“อินทนนท์ที่รัก”

กระทู้สนทนา
(กระทู้แรกก็ดองเค็มซะแล้ว)
“ไปดำน้ำกันมั้ย” จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้

           บ่ายวันอาทิตย์ก่อนเข้าพรรษาปีที่แล้ว ผมชวนคุณแฟน “เองๆไปดำน้ำกันมั้ย กระบี่ ภูเก็ต สุราษฯ ไรเงี๊ยะ เองช่วงเข้าพรรษาหยุดกี่วัน” ๓วันทั้งคู่ แต่เจ้าตัวเล็กหยุดเรียน๔ วัน ลางานได้ป่ะล่ะ หึหึ ไม่ได้ก็ต้องได้ก็ใจมันไปแล้ว ฮ่าๆๆ  คุณแฟนพูดขึ้น “แล้วเตงไม่คิดถึงแม่กลางหลวงหรอ”
           นั่น นางพูดแทงใจ ลึกๆผมก็อยากไปอยู่ แต่กลัวนางจะว่า ว่าจะไปซ้ำทำไม พร้อมกับหลับตาพริ้มภาพทุ่งนาขั้นบันไดที่ชุ่มฉ่ำและเขียวขจีก็ลอยมาในมโน ยิ่งช่วงนี้ฝนตกทุกวันซะด้วย ย้อนไปเมื่อ๒ปีก่อนช่วงหยุดวันแม่ เราไปนอนบ้านพักกลางทุ่งนาแม่กลางหลวงกันมา ไม่มีไฟฟ้า พัดลม ทีวี ตู้เย็น ใดๆ แต่ความสุขและความประทับใจมิลืมเลือน เป็นทริปนึงที่ประทับใจมากๆ นาขั้นบันได โอบล้อมด้วยขุนเขาเขียวขจีสบายตามากๆ เหมาะยิ่งนักสำหรับพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ

บ้านแม่กลางหลวงเมื่อ๒ปีก่อน

          และแล้วลมก็เปลี่ยนทิศ ไปสิ แม่กลางหลวงก็แม่กลางหลวง อยากไปนั่งแช่เท้าในน้ำตกกินส้มตำที่น้ำตกแม่กลางอีกครั้ง แล้วเรามีเวลา๔วันเหลือๆนะ ไปไหนกันอีกดี ดูหน้านางก็รู้ครับ มีที่ฮิตๆที่เขาไปกัน แต่ผมยังไม่ได้พานางไป เพราะผมชอบแบบอิงแอบธรรมชาติๆมากกว่า ที่นั่นก็คือ แม่มจ่อน ม่อนแจ่มนั่นเองครับ
         ว่าแล้วก็เปิดเช็คอีเมล อาโกก็แบบคิดถึ๊งคิดถึงเราส่งดีลพิเศษมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน คลิ๊กปุ๊บเข้าปั๊บดีลสุดพิเศษเฉพาะคุณเท่านั้น อาโกขอเสนอที่พักสไตล์เรา ถูกและดีต้องมีสิล่ะ คืนแรกไม่จองครับวอคอินเอาเพราะเคยไปแล้วไม่น่าจะหายาก คืนที่๒ได้แม่สาวัลเลย์ รีสอร์ทมาราคาถูกมาก คืนที่๓ตามสไตล์เช่นเคยครับมาเชียงใหม่ต้องมีถนนคนเดิน๑คืน เราเลือกพัก ลา วิลเลทต้า เน้นที่ๆมีที่จอดรถ,ใกล้ถนนวัวลายและมีอาหารเช้า ที่สำคัญราคาถูกอีกแล้วครับท่าน ต่อมาก็เส้นทางครับ ทริปนี้เราเลือกเส้นเถิ้น ลี้ครับ

ออกจากชลบุรี >เถิ้น ลี้ >น้ำตกแม่กลาง >นอนนาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง >สักการะพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ >พักแม่สาวัลเลย์ รีสอร์ท >ชมวิวสวยที่ม่อนแจ่ม >อิ่มอร่อยสุขภาพดีที่สวนสลัดโอ้กะจู๋ผักไฮโดรโปนิค >พักชิวๆ ลา วิลเลทต้า >เดินเล่นถนนคนเดิน >รวมของฝากตลาดทุ่งเกวียน >โกโฮม

           และแล้วก็มาถึงวัน วันที่เธอต้องไป ^^ ตั้งใจกะว่าจะล้อหมุนตี๓ครึ่ง แต่ก็หมุนจริงที่ตี๔เลทตามเคยเรา เติมอี๒๐เต็มถัง ไปๆๆ ลุยกันเลย Let’s go to ChaingMai เส้นทางเถิน ลี้ ขึ้นเขา-ลงเขา เลี้ยวลดคดเคี้ยวพอประมาณได้เวียนหัว โชคดีเจ้าตัวเล็กหลับถูกจังหวะพอดีเลยรอดตัวไป ทริปก่อนไปปายเอาซะเต็มรถ(อาเจียน)แอบเซงเลย พอวิ่งหลุดเขาผ่านหมู่บ้านมาสักพักก็ถึงละครับ ดอยอินทนนท์ที่รัก คิดถึงเธอจัง


แวะน้ำตกแม่กลางก่อนเลยครับที่แรกเกือบบ่ายโมง ทานส้มตำนั่งแช่เท้าในน้ำตกชิวๆหนึ่งในใจเรา แต่แล้วต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยครับ น้ำป่าสีชานมไหลแรงมากครับนั่งแช่เท้าคงไม่ได้สินะ เลยรับประทานอาหารร้านตรงที่เราจอดรถหน้าร้านเขาพอดีครับ เป็นที่นั่งริมน้ำตก มีหลายร้านเหมือนกันครับ วัดดวงร้านนี้ละกัน สั่งอาหารมาสี่ซ้าห้าอย่าง เอิ่ม ไม่ขอบรรยายแล้วกันครับนั่งมองหน้าคุณแฟนร่วมชะตากรรม น้ำตาจิไหล รสชาติและที่สำคัญวัตถุดิบไม่ผ่านครับ เช็คบิลออกมาราคาแทบหงายท้อง นี่ตูอยู่กทม.ป่าวนิ แพงเฟ่อร์ หุๆ ทานเสร็จก็ได้เวลาเดินย่อยครับเดินเที่ยวน้ำตกแม่กลางกัน จ่ายค่าเข้าชมขึ้นไปจุดชมน้ำตก น้ำแรงมากละอองน้ำที่ตกลงมาลอยฟุ้งๆประกอบกับที่ฝนพึ่งหยุดตก มันชุ่มฉ่ำสดชื่นมากมายครับ และเรี่ยวแรงพวกเรายังเหลือเยอะครับ เลยหาทางลุยขึ้นไปชมด้านบนน้ำตกกับเจ้าตัวเล็ก๒คน แม่เจ้าตัวเล็กเห็นทางขึ้นก็ถอดใจแล้ว มันไม่ค่อยเหมือนทางขึ้นเท่าไหร่ เป็นบันไดพังๆขาดๆ ก็เดินกันขึ้นไป๒คน ยอมรับว่าทางน่ากลัวมากจริงๆไม่มีราวจับ เดินเลาะๆเหวบันไดหักๆพังๆขึ้นไป สัก๓-๔ร้อยเมตร พอเถอะ เกิดรักชีวิตขึ้นมา เราคนเดียวไม่เท่าไหร่ ต้องดึงๆแบกๆเจ้าตัวเล็กไปด้วย ถ้าพลาดคือตกเขาอ่ะครับ เพราะงั้นใส่เกียร์ถอยด่วนเลยฮ้ะ จากนั้นเราก็ร่ำลาน้ำตกแม่กลางกัน

ไปต่อเลยครับมุ่งสู่บ้านแม่กลางหลวงนาขั้นบันไดโอบกอดด้วยขุนเขา อุดมด้วยโอโซนของเรา ไปๆๆ ขับเลยทางเข้าหมู่บ้านมาเล็กน้อยครับ จำทางไม่ได้ซะงั้น ทางลงเข้าหมู่บ้านชันและแคบเอาเรื่องเหมือนกันครับ เข้าหมู่บ้านมาก็ตามหาที่พักคืนนี้กัน มุ่งหน้าไปที่เดิมก่อนครับ คีรีมายา

เข้าไปด้อมๆมองๆไม่เจอใครอยู่ที่บ้านรับแขกจุดชมวิว ฝนตกปรอยๆ บรรยากาศเย็นสบายดีมากๆ เดินดูนิดนึงแล้วกัน กางร่มด้วยฮ้ะ  มีบ้านพักสร้างขึ้นใหม่หลายหลังเลย ทำให้บรรยากาศและมนต์เสน่ห์เปลี่ยนไปครับ ถ้ามีบ้านพักเพิ่มมากกว่านี้ ผมว่าคงหมดความน่าสนใจไปเยอะเลยครับ ภาพรวมดูเปลี่ยนไปเยอะ แค่๒ปีเอง ดูทำกันเป็นธุรกิจไปแล้วครับ ทั้งบ้านพักร้านค้า ความป็นกันเอง แบบคนพื้นเพจางหายลงไปทุกที เดินได้สักพักไม่พบผู้ใดให้ถามหาห้องพัก จึงโทรสิครับ โทรถามปรากฎว่าเต็มครับ ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชามาก เอาล่ะไม่เป็นไรเปลี่ยนบรรยากาศ มาพักแถบร้านค้าริมน้ำข้างหน้าหมู่บ้านบ้าง เป็นที่พักเชิงอนุรักษ์บ้านแม่กลางหลวงครับ




         ได้ห้องพัก+อากาศสดชื่นเย็นสบาย ขนข้าวขนของเข้าห้องเสร็จนอนสิครับรออะไร งีบแพ้บ ไม่มีทีวี ตู้เย็นก็ไม่เห็นป็นไร แค่มีคุณแฟนและลูกน้อยก็สุขขีครับ ตื่นมาช่วงบ่ายแก่ๆก็เดินเล่นสำรวจรอบที่พักเล็กน้อยครับ และเพราะฝนตกปรอยๆตลอดเหมาะแก่การนอนเป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่นั่งๆนอนๆ เด็กนอนกลิ้งเล่นเกมส์ พักผ่อนกันตามอัธยาศัยครับ ตกเย็นก็เดินมาหาข้าวทานร้านอาหารของชาวบ้านหน้าหมู่บ้านครับ ครั้งที่สองแล้วครับร้านนี้ สั่งเลย ซาโยเต้ผัดน้ำมัน ,ยำแหนม และต้มมาม่าใส่ผักใส่หมูของเจ้าตัวเล็ก สรุปต้มมาม่าร้อนๆของเจ้าตัวเล็กน่าทานสุดครับ เข้ากลับบรรยากาศเย็นๆฝนปรอยๆซดน้ำซุป แซบหลาย ฮ่าๆๆ อาหารที่นี่โอเคครับวัตถุดิบและรสชาติได้ครับ แอบมองโต๊ะข้างๆสั่งหมู่กระทะกินกัน๓คน พ่อแม่ลูกสาว แอบอิจฉาตาร้อน เพราะต้องต่อคิวรอครับเขามาก่อนเราครับ เลยรออาหารนานนิดนึง


      อิ่มท้องแล้วก็เดินกางร่มกลับครับฝนโปรยตลอดถึงห้องก็อาบน้ำนอนครับ แต่ แต่มีเรื่องไม่คลาดฝันครับ น้ำจากก๊อกน้ำและฝักบัวอาบน้ำกลายเป็นน้ำสีชานมไปแล้วครับ สีนี่มาเต็มเลยครับเข้มข้นได้ที่ งานเข้าอาบไม่ได้สิครับ น้ำมาจากลำธารด้านนอกชัดเลย ธรรมชาติจริงๆ คุณแฟนขอให้ไปซื้อน้ำขวดมาให้อาบและล้างหน้าแทนครับ ช่างไม่รู้จักซะเลย นี่แหละน้ำแร่ธรรมชาติสุดๆ ไม่ต้องไปหาโคลนที่ไหนมาพอก ผมก็เลยจัดเลยครับ ปกติชอบดื่มชานมอยู่แล้ว อาบน้ำชานมจะเป็นไร ได้เรื่องเหมือนกัน กลับมาบ้านสิวขึ้นนิดหน่อยครับ หน้าบาง ฮ่าๆๆ อาบน้ำกันเสร็จก็เข้านอนครับ เย็นสบายกว่าแอร์ที่บ้านเราอีก ตกดึกก็เกิดศึกชิงผ้าห่มตามเคยครับ เราจะติดผ้านวมสำหรับเจ้าตัวเล็กมาตลอด คุณแฟนก็เนียนๆมานอนกอดเจ้าตัวเล็กแล้วก็ไปเบียดแย่งผ้าห่มเด็กครับ ผมก็เลยจัดให้ห่มคู่ไป ซ้อนอีก๒-๓ชั้น ผมเอาผืนบางๆผืนนึงพอ ชอบเย็นๆครับ แต่ก็ต้องแอบเอาเสื้อแขนยาวมาใส่อีกชั้นนึง ตื่นเช้ามาก็ได้ยินเสียงฝนโปรยอีก มีหมอกลงต่ำพอสมควรครับ ล้างหน้าแปรงฟันนั่งรอฝนซาสักพัก ก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่น ทำตัวสโลไลฟ์กันครับ เดินเที่ยวกางร่มไปเรื่อยๆในหมู่บ้านและทุ่งนา




ไปที่บ่อปูขน มาคราวนี้ไม่เจอแล้วครับ ไม่รู้เขาเลิกเลี้ยงไปหรือยัง และก็เดินมาเจอร้านกาแฟในฝันครับ ร้านอุ่มเอิบร้านกาแฟกลางทุ่งนาบ้านแม่กลางหลวง ได้บรรยากาศดีมากๆครับ นั่งชิวเลยครับ สั่งมาม่า๒ถ้วยทานกับเจ้าตัวเล็กคนละถ้วยรองท้อง แอบอยากกินตั้งแต่เย็นเมื่อวานที่เจ้าตัวเล็กสั่งกิน ต่อด้วยชานม ชาเขียว และบลูเบอร์รี่ชีสเค้กครับ บอกเลยอร่อยทุกอย่าง+บรรยากาศนั่งชิวติดลำธาร ล้อมรอบด้วยทุ่งนาและขุนเขาชุ่มฉ่ำเขียวขจี สวรรค์ชัดๆ จบแล้วครับไม่อยากไปไหนแล้ว ฮ่าๆๆ  เจ้าของร้าน๒หนุ่มละอ่อนน้อยติ๊ดดีครับมาเปิดร้านที่นี่บอกเสาร์อาทิตย์นอนที่ร้านนี่ด้วย แอบเห็นมีกางเต็นท์ไว้ในร้าน ติ๊ดดีครับแอบอิจฉาเล็กๆ อยากจะกระซิบว่า ถ้าเลิกติ๊ดจะปิดร้านเมื่อไหร่ โทรบอกพี่ทีนะ พี่จะมาเปิดแทนเอง นั่งนานเลยครับหมดไปหลายแก้ว ถ่ายรูปติ๊ดๆไปด้วย ที่ร้านนี้ไม่มีคลื่นโทรศัพท์ครับแต่มีWiFi จิบชาจนเมาชาได้ที่แล้วก็เดินกลับห้องครับ  จัดเก็บข้าวของอาบน้ำคืนห้อง และบอกลาบ้านแม่กลางหลวงครับ



ไปต่อกันเลยที่พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ขับขึ้นดอยคลานไปเรื่อยๆ หมอกลงหนามากๆครับ จนเกือบจะไม่ไหวเกือบกลับรถไม่ไปละ คิดว่าถ้าไปอีกนิดยังไม่ถึงคงไม่ไปละอันตรายเกิน แต่ขับคลานมาสักพักก็ถึงทางเลี้ยวเข้าพอดี เฮ้ ถึงแล้ว แต่หมอกหนาและน้ำค้างลงจัดมากครับ คว้าหมวกคนละใบ+ร่มไปด้วย ลุยๆๆ มาแล้วต้องลุยครับ เราก็ค่อยๆเดินกันขึ้นไปถ่ายรูปสวนต้นไม้ดอกไม้สวยมากครับ คุณแฟนก็เซลฟี่ช่วยตัวเองไปตลอดทาง และเราก็ขึ้นไปสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง๒องค์ ประทับใจบรรยากาศดีมากๆครับ อากาศสดชื่นเย็นสบาย สายหมอกปกคลุมไปทั่ว เหมือนเดินอยู่สวิสเซอร์แลนด์ ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น เก็บโอโซนเข้าปอดกันจนฉ่ำใจแล้วก็ไปต่อกันครับ





แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  บันทึกนักเดินทาง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่