สวัสดีครับก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็น และจะขอรับไว้เพื่อเป็นแนวทางต่อไปนะครับ
ขออนุญาตแนะนำกระทู้ก่อนหน้านะครับ
http://pantip.com/topic/34992875
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35043127
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 2
ในครั้งนี้ ผมจะขอชวนสนทนาเรื่องพลังงานที่มองเห็นแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอยู่จริงครับ
พลังงานที่เรามองไม่เห็นแต่ก็ทุกคนก็ยอมรับว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง และยังนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆได้ เพื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจได้บ้างว่า ถ้าชีวิตและโลกหลังความตายนั้นมีอยู่จริงการศึกษาเรื่องเหล่านี้ก็น่าจะมีประโยชน์กับตัวเราบ้างนะครับเพราะชีวิตใหม่หลังความตายของกายเนื้อนั้นก็เป็นชีวิตเราเช่นกัน
แรงดันน้ำที่ดันน้ำประปาขึ้นชั้น2บ้านเราหรือตึกสูงๆ เราไม่เห็นแรงดันน้ำนั้นแต่ก็รู้ว่ามีอยู่ด้วยการคิดว่า ถ้าไม่มีแรงดันน้ำๆจะขึ้นชั้นบนได้อย่างไร ยังมีพลังงานจากคลื่นมือถือ พลังลม พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นต้น พลังงานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นตัวเชื้อโรคต่างๆเราก็มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ยังมีคนศึกษาจนสามรถสร้างเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์เพื่อใช้ในการศึกษาวงจรชีวิตเชื้อโรคเหล่านั้น ผลของการศึกษาคือเราผลิตยารักษาผู้ป่วยได้ นี่คือประโยชน์ ของการศึกษาในสิ่งที่มองไม่เห็น
พลังงานที่มองไม่เห็นหลายอย่างเราสร้างเครื่องมือขึ้นมาเพื่อการศึกษาได้แล้วถ้าเป็นเรื่องราวที่มองไม่เห็นละเช่น เวลาที่ท่านผู้พิพากษาท่านตัดสินคดี ซึ่งจะว่าไปแล้วเกือบจะทุกคดีเลยก็ว่าได้ที่ท่านไม่เห็น เรื่องราวของคดีกับตาตัวเอง เช่นการลงมือฆ่าคนตาย หรือขโมยของคือไม่เห็นกับตาตัวเองว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือนั้นลงมืออย่างไร และเมื่อไม่เห็นกับตาตัวเองแล้วท่านผู้พิพากษาท่านใช้วิธีใดในการตัดสินว่าเป็นเรื่องจริงหรือถูกใส่ร้าย
เครื่องมือของท่าผู้พิพากษาก็คือท่านก็ใช้หลักการ อนุมาน คือการคาดคะเนตามเหตุผล ก็อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ก็คือการหาพยานหลักฐานเหตุจูงใจและอื่นๆที่ยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาก็เพียงจะบอกว่ากับเรื่องราวที่เราไม่เห็นกับตาตัวเองนั้น การอนุมาน การหาหลักฐานพยานที่ถูกต้องมาประกอบก็น่าจะช่วยให้เรารู้ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรื่องผีมีจริงหรือคนเราตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ก็เช่นกัน ถ้ามีผู้อาวุโสที่เป็นคนดีหรือเพื่อนเรามาพูดกับเราเคยเห็นผี และไม่มีเหตุผลใดที่จะโกหกเราด้วย นี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพยานที่ดีและเครื่องมือที่ดี เพราะเห็นผีได้ด้วย เสียดายที่เครื่องมือนี้ยังไม่สมบูรณ์พอคือเห็นผีได้แต่บอกเราไม่ได้ว่า ผีเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำกรรมอันใดไว้แม้ไม่ตกนรก แต่ก็ไม่มีความสุขอยู่ในสวรรค์ ต้องเป็นผีเร่ร่อนคล้ายกับผู้เร่ร่อนที่เรามักเห็นในที่ต่างๆ คำตอบที่จะช่วยอธิบายที่มาที่ไปรวมทั้งกรรมของผีเหล่านั้น ก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีบันทึกอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฎก แล้วจะค่อยๆนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
แล้วถ้าถามว่าเราจะสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไมก็ควรจะสนใจนะก็เพราะว่าจะช้าจะเร็วเราก็ต้องตายกลายเป็นผีเช่นกันก็ต้องไปอยู่ในโลกหลังความตายเช่นกัน เราก็น่าจะได้ศึกษาไว้บ้างมิใช่หรือ เหมือนกับว่าเรารู้ว่าวันหน้าเราต้องไปอยู่ต่างประเทศ เราก็ควรจะได้ศึกษาประเทศที่เราจะต้องไปอยู่เพื่อการเตรียมตัวในเวลาที่เราต้องไปอยู่ในประเทศนั้นหรือไม่ ก็ฝากประเด็นนี้ไว้นะครับประเด็นนี้สำหรับคนที่ไม่ว่าตายแล้วเกิดอีกก็ผ่านไปนะครับ สำหรับคนที่เชื่อก็น่าจะศึกษานะครับเพราะชีวิตใหม่นั้น ก็คืออนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกัน
อีกประเด็นที่จะชวนผู้อ่านคิดก่อนจะไปถึงคำสอนในเรื่องที่เกี่ยวกับผี ก็คือประเด็นที่เกี่ยวกับความยุติธรรมคือถ้าคนเราตายแล้วไม่เกิดอีกคนที่ทำความชั่วแล้วได้อาศัยสิ่งต่างๆ รอดจากการถูกลงโทษในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้วก็จบกันก็ไม่ต้องถูกลงโทษใดๆอีกต่อไป คนที่ทำความดีเกิดมาตายเสียก่อนที่จะได้รับผลแห่งความดีนั้น ตายแล้วก็จบกันแค่นั้น พูดในแง่ของความยุติธรรม ก็ต้องถือว่าเช่นนี้นับว่าไม่ยุติธรรมเลยนะครับ แต่ถ้าตายแล้วเกิดอีกคนทำผิดที่รอดจากการถูกลงโทษในโลกมนุษย์ ก็จะมาถูกลงโทษในนรกแทนเพราะว่า เมื่อมีการกระทำ ย่อมต้องมีผลของการกระทำ ดังนั้นคุณคิดว่าควรจะเป็นอย่างไหนมากกว่ากันครับระหว่างตายแล้วจบกัน ตายแล้วเกิดอีกเพื่อรับผลของการกระทำที่ยังไม่ได้รับในโลกมนุษย์ ทั้งการกระทำทั้งดีและชั่วก็ฝากไว้คิดอีกหนึ่งประเด็นนะครับ
หลายเรื่องที่เราพากันสงสัยแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง แต่เรื่องคนเราตายแล้วเกิดอีกได้หรือไม่นั้น แน่นอนว่าทุกคนต้องได้พิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน เพราะคนเราต้องตายกันทุกคน ถึงวันนั้นตัวเราเองก็จะได้พิสูจน์กันละครับว่าตายแล้วจบกัน หรือว่าตายแล้วเกิดอีก ก็ดีนะครับที่เราพิสูจน์เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเราเอง อยู่ที่ว่าระหว่างที่เรารอวันนั้นถ้าเราออกแนวไม่เชื่อเราก็อาจจะไม่ศึกษาเรื่องเหล่านี้ แต่เราก็ทำความดีทำบุญกุศลคือทำแล้วสบายใจไม่ได้คิดว่าจะส่งผลไปถึงชาติหน้า
แต่ถ้าเกิดว่าไม่เป็นอย่างที่เราเชื่อ คือตายแล้วไม่จบกัน แต่ยังสามารถเกิดขึ้นมาได้อีกมีกายใหม่ที่เรียกว่ากายทิพย์และเรายังรู้สึกว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็คงจะงงๆอยู่กับชีวิตใหม่และกายทิพย์ที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้เพราะเชื่อมาตลอดว่าตายแล้วไม่เกิดอีกนั่นเอง ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายเพราะทำบุญกุศลมามากพอจะไปมีความสุขในสวรรค์ได้แล้วกลับต้องมานั่งงงๆกับชีวิตใหม่ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้จิตจะไม่นึกถึงบุญกุศลที่ทำมาเลย เราก็จะงงอยู่อย่างนั้นจนกว่าจิตจะละความเห็นผิดนี้ได้ และนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาก็จะได้ไปมีความสุขอยู่ในสวรรค์เช่นกัน ส่วนที่ว่าจะงงอยู่กับชีวิตใหม่นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าสมัยตอนที่เป็นคนนั้นเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเองขนาดไหน ถ้าไม่มากนักก็คงจะปรับตัวเองได้เร็วยิ่งถ้านึกถึงบุญกุศลที่ทำมาก็จะยิ่งไปสวรรค์เร็วขึ้น แต่ถ้าเชื่อว่าตายแล้วไม่เกิดอีกก็คงจะต้อง งง ไปอีกนานเพราะมัวแต่มาคิดอยู่ว่าฉันตายหรือยังไม่ตายกันแน่
แต่ถ้าเราเชื่อซึ่งก็ได้ชื่อว่าเป็น สัมมาทิฐิ ยิ่งถ้าได้ศึกษาเรื่องของกฎแห่งกรรมแล้ว ก็จะยิ่งรู้ว่าขณะที่ใกล้จะเสียชีวิตนั้นจิตต้องนึกถึงบุญกุศลที่ทำมานั้น นั่นจะส่งผลให้มีกายทิพย์ที่สวยงาม และมีสถานที่สวยงามให้ได้อยู่ได้อาศัยนั่นก็คือสวรรค์นั่นเอง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเชื่อกับไม่เชื่อนั้นมีย่อมจะมีผลต่างกัน ผู้ที่เชื่อก็จะไม่มาเสียเวลางงกับชีวิตใหม่นั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ มีความสุขได้ทันทีเลย จะเห็นได้ว่าเหตุอันเกิดจากความเชื่อกับไม่เชื่อนั้นจะส่งผลต่างกัน
เรื่องของชีวิตหลังความตาย และโลกหลังความตาย คือนรกหรือสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เรื่องของกฎแห่งกรรม ยิ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นยิ่งกว่าแต่เราก็ยังพอจะอาศัยหลักการ อนุมาน คือการคาดคะเนด้วยเหตุและผลได้ แล้วเราก็ยังมีเครื่องมือที่จะใช้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งก็คือบุคคลที่เคยเห็นผี และที่สำคัญเรามีคำสอนในเรื่องเหล่านี้ที่สมบูรณ์ และก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำความเข้าได้ ถ้าลำพังว่ามีแต่คำสอนแต่ไม่มีพยานบุคคลยืนยันเลยว่ามีการเห็นผี คนทั้งโลกไม่มีใครเห็นผีเลย อย่างนั้นลำพังแค่คำสอนเราก็คงจะเชื่อยากหรืออาจถึงขั้นไม่เชื่อเอาซะเลย แต่นี่เรามีทั้งพยานคือคนเห็นผีที่ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เรื่องของฝรั่งเห็นผีก็มีให้ได้ศึกษากันมากมาย บวกกับคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์ในการศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้นะครับ
ประโยชน์จากการศึกษานั้นก็จะเกิดกับตัวเราเอง และจะเป็นประโยชน์กับสังคมในวงกว้าง เพราะถ้าคนส่วนมากเชื่อว่าคนเราตายแล้วเกิดขึ้นมาได้อีก โอกาสที่บุคคลเหล่านั้นจะต่อยอดความรู้คือรู้จักคิดว่าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วมีชีวิตใหม่แล้วขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิตก็ต้องมีที่อยู่ที่อาศัย ก็จะต้องนึกถึงนรกสวรรค์ เพราะได้รับรู้กันมาตลอดว่านี่คือที่อยู่ชีวิตหลังความตายและเมื่อนึกถึงนรกสวรรค์แล้วก็จะต้องนึกถึง กฎแห่งกรรมขึ้นมาทันที และเมื่อเชื่อในเรื่องเหล่านี้แล้ว ศีลธรรมจะเกิดขึ้นในใจของคนเหล่านี้ สำหรับคนที่เชื่อแต่ยังทำชั่วอยู่ก็มี ซึ่งถ้าเขาเชื่อจริงๆแต่ยังอดทำเรื่องเลวร้ายไม่ได้ก็อาจจะไม่ทำรุ่นแรงนักเพราะยังกลัวผลของการกระทำอยู่บ้าง ส่วนกลุ่มคนที่ถ้าได้รู้ว่าเรื่องเหล่านี้มีจริงอย่างแน่นอน ก็จะไม่กล้าทำชั่วคนกลุ่มนี้ก็คงจะมีจำนวนอยู่ไม่น้อย ก็ได้แต่หวังว่าความรู้ในเรื่องเหล่านี้จะมีประโยชน์กับสังคมในวงกว้างบ้างไม่มากก็น้อย
พลังงานในโลกนี้ที่เรามองกันไม่เห็นมีมากมาย เช่นคลื่นโทรศัพท์หรือพลังงานลมพลังงานแสงอาทิตย์เป็นต้นพลังงานเหล่านี้คนที่ศึกษาก็ศึกษากันทั้งๆที่มองกันไม่เห็นแต่ก็ยังศึกษากันได้ ยังสามารถสร้างเครื่องมือที่นำพลังงานเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์ กับสาธารณชนได้ แล้วผีหรือที่บางคนเรียกว่า วิญญาณ นั้นยังมีคนมองเห็นกันอยู่บ้างดังนั้นเราก็น่าจะพอศึกษากันได้ที่สำคัญเรายังมีคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องมืออย่างดีนะครับ ในตอนหน้าจะนำพุทธพจน์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหลังความตายมาเล่าให้ฟังกันนะครับ
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 3
ขออนุญาตแนะนำกระทู้ก่อนหน้านะครับ
http://pantip.com/topic/34992875
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 1
http://pantip.com/topic/35043127
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 2
ในครั้งนี้ ผมจะขอชวนสนทนาเรื่องพลังงานที่มองเห็นแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอยู่จริงครับ
พลังงานที่เรามองไม่เห็นแต่ก็ทุกคนก็ยอมรับว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง และยังนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆได้ เพื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจได้บ้างว่า ถ้าชีวิตและโลกหลังความตายนั้นมีอยู่จริงการศึกษาเรื่องเหล่านี้ก็น่าจะมีประโยชน์กับตัวเราบ้างนะครับเพราะชีวิตใหม่หลังความตายของกายเนื้อนั้นก็เป็นชีวิตเราเช่นกัน
แรงดันน้ำที่ดันน้ำประปาขึ้นชั้น2บ้านเราหรือตึกสูงๆ เราไม่เห็นแรงดันน้ำนั้นแต่ก็รู้ว่ามีอยู่ด้วยการคิดว่า ถ้าไม่มีแรงดันน้ำๆจะขึ้นชั้นบนได้อย่างไร ยังมีพลังงานจากคลื่นมือถือ พลังลม พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นต้น พลังงานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นตัวเชื้อโรคต่างๆเราก็มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็ยังมีคนศึกษาจนสามรถสร้างเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์เพื่อใช้ในการศึกษาวงจรชีวิตเชื้อโรคเหล่านั้น ผลของการศึกษาคือเราผลิตยารักษาผู้ป่วยได้ นี่คือประโยชน์ ของการศึกษาในสิ่งที่มองไม่เห็น
พลังงานที่มองไม่เห็นหลายอย่างเราสร้างเครื่องมือขึ้นมาเพื่อการศึกษาได้แล้วถ้าเป็นเรื่องราวที่มองไม่เห็นละเช่น เวลาที่ท่านผู้พิพากษาท่านตัดสินคดี ซึ่งจะว่าไปแล้วเกือบจะทุกคดีเลยก็ว่าได้ที่ท่านไม่เห็น เรื่องราวของคดีกับตาตัวเอง เช่นการลงมือฆ่าคนตาย หรือขโมยของคือไม่เห็นกับตาตัวเองว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือนั้นลงมืออย่างไร และเมื่อไม่เห็นกับตาตัวเองแล้วท่านผู้พิพากษาท่านใช้วิธีใดในการตัดสินว่าเป็นเรื่องจริงหรือถูกใส่ร้าย
เครื่องมือของท่าผู้พิพากษาก็คือท่านก็ใช้หลักการ อนุมาน คือการคาดคะเนตามเหตุผล ก็อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ก็คือการหาพยานหลักฐานเหตุจูงใจและอื่นๆที่ยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาก็เพียงจะบอกว่ากับเรื่องราวที่เราไม่เห็นกับตาตัวเองนั้น การอนุมาน การหาหลักฐานพยานที่ถูกต้องมาประกอบก็น่าจะช่วยให้เรารู้ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรื่องผีมีจริงหรือคนเราตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ก็เช่นกัน ถ้ามีผู้อาวุโสที่เป็นคนดีหรือเพื่อนเรามาพูดกับเราเคยเห็นผี และไม่มีเหตุผลใดที่จะโกหกเราด้วย นี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพยานที่ดีและเครื่องมือที่ดี เพราะเห็นผีได้ด้วย เสียดายที่เครื่องมือนี้ยังไม่สมบูรณ์พอคือเห็นผีได้แต่บอกเราไม่ได้ว่า ผีเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำกรรมอันใดไว้แม้ไม่ตกนรก แต่ก็ไม่มีความสุขอยู่ในสวรรค์ ต้องเป็นผีเร่ร่อนคล้ายกับผู้เร่ร่อนที่เรามักเห็นในที่ต่างๆ คำตอบที่จะช่วยอธิบายที่มาที่ไปรวมทั้งกรรมของผีเหล่านั้น ก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีบันทึกอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฎก แล้วจะค่อยๆนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
แล้วถ้าถามว่าเราจะสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไมก็ควรจะสนใจนะก็เพราะว่าจะช้าจะเร็วเราก็ต้องตายกลายเป็นผีเช่นกันก็ต้องไปอยู่ในโลกหลังความตายเช่นกัน เราก็น่าจะได้ศึกษาไว้บ้างมิใช่หรือ เหมือนกับว่าเรารู้ว่าวันหน้าเราต้องไปอยู่ต่างประเทศ เราก็ควรจะได้ศึกษาประเทศที่เราจะต้องไปอยู่เพื่อการเตรียมตัวในเวลาที่เราต้องไปอยู่ในประเทศนั้นหรือไม่ ก็ฝากประเด็นนี้ไว้นะครับประเด็นนี้สำหรับคนที่ไม่ว่าตายแล้วเกิดอีกก็ผ่านไปนะครับ สำหรับคนที่เชื่อก็น่าจะศึกษานะครับเพราะชีวิตใหม่นั้น ก็คืออนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกัน
อีกประเด็นที่จะชวนผู้อ่านคิดก่อนจะไปถึงคำสอนในเรื่องที่เกี่ยวกับผี ก็คือประเด็นที่เกี่ยวกับความยุติธรรมคือถ้าคนเราตายแล้วไม่เกิดอีกคนที่ทำความชั่วแล้วได้อาศัยสิ่งต่างๆ รอดจากการถูกลงโทษในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้วก็จบกันก็ไม่ต้องถูกลงโทษใดๆอีกต่อไป คนที่ทำความดีเกิดมาตายเสียก่อนที่จะได้รับผลแห่งความดีนั้น ตายแล้วก็จบกันแค่นั้น พูดในแง่ของความยุติธรรม ก็ต้องถือว่าเช่นนี้นับว่าไม่ยุติธรรมเลยนะครับ แต่ถ้าตายแล้วเกิดอีกคนทำผิดที่รอดจากการถูกลงโทษในโลกมนุษย์ ก็จะมาถูกลงโทษในนรกแทนเพราะว่า เมื่อมีการกระทำ ย่อมต้องมีผลของการกระทำ ดังนั้นคุณคิดว่าควรจะเป็นอย่างไหนมากกว่ากันครับระหว่างตายแล้วจบกัน ตายแล้วเกิดอีกเพื่อรับผลของการกระทำที่ยังไม่ได้รับในโลกมนุษย์ ทั้งการกระทำทั้งดีและชั่วก็ฝากไว้คิดอีกหนึ่งประเด็นนะครับ
หลายเรื่องที่เราพากันสงสัยแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง แต่เรื่องคนเราตายแล้วเกิดอีกได้หรือไม่นั้น แน่นอนว่าทุกคนต้องได้พิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน เพราะคนเราต้องตายกันทุกคน ถึงวันนั้นตัวเราเองก็จะได้พิสูจน์กันละครับว่าตายแล้วจบกัน หรือว่าตายแล้วเกิดอีก ก็ดีนะครับที่เราพิสูจน์เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเราเอง อยู่ที่ว่าระหว่างที่เรารอวันนั้นถ้าเราออกแนวไม่เชื่อเราก็อาจจะไม่ศึกษาเรื่องเหล่านี้ แต่เราก็ทำความดีทำบุญกุศลคือทำแล้วสบายใจไม่ได้คิดว่าจะส่งผลไปถึงชาติหน้า
แต่ถ้าเกิดว่าไม่เป็นอย่างที่เราเชื่อ คือตายแล้วไม่จบกัน แต่ยังสามารถเกิดขึ้นมาได้อีกมีกายใหม่ที่เรียกว่ากายทิพย์และเรายังรู้สึกว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็คงจะงงๆอยู่กับชีวิตใหม่และกายทิพย์ที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้เพราะเชื่อมาตลอดว่าตายแล้วไม่เกิดอีกนั่นเอง ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายเพราะทำบุญกุศลมามากพอจะไปมีความสุขในสวรรค์ได้แล้วกลับต้องมานั่งงงๆกับชีวิตใหม่ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้จิตจะไม่นึกถึงบุญกุศลที่ทำมาเลย เราก็จะงงอยู่อย่างนั้นจนกว่าจิตจะละความเห็นผิดนี้ได้ และนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาก็จะได้ไปมีความสุขอยู่ในสวรรค์เช่นกัน ส่วนที่ว่าจะงงอยู่กับชีวิตใหม่นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าสมัยตอนที่เป็นคนนั้นเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเองขนาดไหน ถ้าไม่มากนักก็คงจะปรับตัวเองได้เร็วยิ่งถ้านึกถึงบุญกุศลที่ทำมาก็จะยิ่งไปสวรรค์เร็วขึ้น แต่ถ้าเชื่อว่าตายแล้วไม่เกิดอีกก็คงจะต้อง งง ไปอีกนานเพราะมัวแต่มาคิดอยู่ว่าฉันตายหรือยังไม่ตายกันแน่
แต่ถ้าเราเชื่อซึ่งก็ได้ชื่อว่าเป็น สัมมาทิฐิ ยิ่งถ้าได้ศึกษาเรื่องของกฎแห่งกรรมแล้ว ก็จะยิ่งรู้ว่าขณะที่ใกล้จะเสียชีวิตนั้นจิตต้องนึกถึงบุญกุศลที่ทำมานั้น นั่นจะส่งผลให้มีกายทิพย์ที่สวยงาม และมีสถานที่สวยงามให้ได้อยู่ได้อาศัยนั่นก็คือสวรรค์นั่นเอง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเชื่อกับไม่เชื่อนั้นมีย่อมจะมีผลต่างกัน ผู้ที่เชื่อก็จะไม่มาเสียเวลางงกับชีวิตใหม่นั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ มีความสุขได้ทันทีเลย จะเห็นได้ว่าเหตุอันเกิดจากความเชื่อกับไม่เชื่อนั้นจะส่งผลต่างกัน
เรื่องของชีวิตหลังความตาย และโลกหลังความตาย คือนรกหรือสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เรื่องของกฎแห่งกรรม ยิ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นยิ่งกว่าแต่เราก็ยังพอจะอาศัยหลักการ อนุมาน คือการคาดคะเนด้วยเหตุและผลได้ แล้วเราก็ยังมีเครื่องมือที่จะใช้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งก็คือบุคคลที่เคยเห็นผี และที่สำคัญเรามีคำสอนในเรื่องเหล่านี้ที่สมบูรณ์ และก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำความเข้าได้ ถ้าลำพังว่ามีแต่คำสอนแต่ไม่มีพยานบุคคลยืนยันเลยว่ามีการเห็นผี คนทั้งโลกไม่มีใครเห็นผีเลย อย่างนั้นลำพังแค่คำสอนเราก็คงจะเชื่อยากหรืออาจถึงขั้นไม่เชื่อเอาซะเลย แต่นี่เรามีทั้งพยานคือคนเห็นผีที่ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น เรื่องของฝรั่งเห็นผีก็มีให้ได้ศึกษากันมากมาย บวกกับคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์ในการศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้นะครับ
ประโยชน์จากการศึกษานั้นก็จะเกิดกับตัวเราเอง และจะเป็นประโยชน์กับสังคมในวงกว้าง เพราะถ้าคนส่วนมากเชื่อว่าคนเราตายแล้วเกิดขึ้นมาได้อีก โอกาสที่บุคคลเหล่านั้นจะต่อยอดความรู้คือรู้จักคิดว่าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วมีชีวิตใหม่แล้วขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิตก็ต้องมีที่อยู่ที่อาศัย ก็จะต้องนึกถึงนรกสวรรค์ เพราะได้รับรู้กันมาตลอดว่านี่คือที่อยู่ชีวิตหลังความตายและเมื่อนึกถึงนรกสวรรค์แล้วก็จะต้องนึกถึง กฎแห่งกรรมขึ้นมาทันที และเมื่อเชื่อในเรื่องเหล่านี้แล้ว ศีลธรรมจะเกิดขึ้นในใจของคนเหล่านี้ สำหรับคนที่เชื่อแต่ยังทำชั่วอยู่ก็มี ซึ่งถ้าเขาเชื่อจริงๆแต่ยังอดทำเรื่องเลวร้ายไม่ได้ก็อาจจะไม่ทำรุ่นแรงนักเพราะยังกลัวผลของการกระทำอยู่บ้าง ส่วนกลุ่มคนที่ถ้าได้รู้ว่าเรื่องเหล่านี้มีจริงอย่างแน่นอน ก็จะไม่กล้าทำชั่วคนกลุ่มนี้ก็คงจะมีจำนวนอยู่ไม่น้อย ก็ได้แต่หวังว่าความรู้ในเรื่องเหล่านี้จะมีประโยชน์กับสังคมในวงกว้างบ้างไม่มากก็น้อย
พลังงานในโลกนี้ที่เรามองกันไม่เห็นมีมากมาย เช่นคลื่นโทรศัพท์หรือพลังงานลมพลังงานแสงอาทิตย์เป็นต้นพลังงานเหล่านี้คนที่ศึกษาก็ศึกษากันทั้งๆที่มองกันไม่เห็นแต่ก็ยังศึกษากันได้ ยังสามารถสร้างเครื่องมือที่นำพลังงานเหล่านั้นมาเป็นประโยชน์ กับสาธารณชนได้ แล้วผีหรือที่บางคนเรียกว่า วิญญาณ นั้นยังมีคนมองเห็นกันอยู่บ้างดังนั้นเราก็น่าจะพอศึกษากันได้ที่สำคัญเรายังมีคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องมืออย่างดีนะครับ ในตอนหน้าจะนำพุทธพจน์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหลังความตายมาเล่าให้ฟังกันนะครับ