รู้สึกว่ารุ่นผม เจน y ประมาณ ปี ค.ศ. 80-94 ยังมีอดีตวัยเด็กที่เป็น story สาธารณะร่วมกันค่อนข้างเหนียวแน่น เพราะเมื่อก่อนสื่อมีทางเลือกให้ไม่หลากหลาย
เช่น
-หนังสือเกมการ์ตูน เกมแม็ก Boom C kids ทีวีแม็กกาซีน เดอะทาเลนท์ สมัยเราจะใจจดจ่อรอทุกสัปดาห์ 2 อาทิตย์ครั้งหรือบางออกหัวเดือนละครั้ง ปัจจุบันหาอ่านเอาตาม internet ที่ content เนื้อหาไม่ถูกจำกัดให้รับรู้เท่าที่มี การ์ตูนเรื่องไหนมีคนไปเห็นว่ามันเข้าท่า ต่อให้ไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย ก็จะไปสรรหาแปลอ่านกันตามใจชอบ ใครเก่งภาษายิ่งได้เปรียบในการเข้าถึงข้อมูล มีคนชอบเรื่องเดียวกันกลุ่มเล็กๆ ก็พอแล้ว
-เครื่องเกม ยังเป็นระบบปิด ไม่ออนไลน์ interactive แบบ ragnarok การเล่นเกมมีความเป็นส่วนตัวสูง อย่างดีก็ผลัดกันเล่นกับเพื่อนข้างบ้าน แลกแผ่นเกม ตลับเกมกับเพื่อนที่โรงเรียน แต่เทคโนโลยีเกมปัจจุบันทำให้คนมีตัวตนในโลกเสมือนได้จนอาจนำไปสู่การรู้จักกันในชีวิตจริง
- สื่อบันเทิงทางทีวี เมื่อก่อนเราจะถูกล็อกว่าต้องได้ดูโปรแกรมที่ถูกล็อคไว้ ช่อง 3 เรื่องที่ ดังๆ ช่วงเช้าก็เช่น Zenki ตอนเย็นช่วงเลิกเรียนจะมีแนวๆ ชินจังจิบิมารุโกะก็พอดูได้ ส่วนเสาร์อาทิตย์ต้องรอดูช่อง 9 ดราก้อนบอล ต่อด้วยเซเล่อร์มูน เซนต์เซย่า ดิจิม่อน ฯลฯ ตบท้ายด้วยขบวนการห้าสี เหมือนๆ กันหมด แล้วเช้าวันจันทร์ก็จะมีเรื่องคุย ถ้าใครอดดูก็หลุดโลกไปเลยเพราะไม่มี TV ย้อนหลัง ยิ่งใครพลาดตอนเด็ดหรือตอนอวสาน น่าสงสารมากเพราะจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง ต้องขอให้คนที่ดูแล้วเล่าให้เห็นภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนคนรุ่นใหม่เจน z สามารถหาดูย้อนหลังได้ง่ายมากตามเน็ตไม่ต้องง้อเวลาอีกต่อไป เอาเข้าจริง ความชอบมันแตกกระจายไปเพราะอินเตอร์เน็ตนี่แหละ ไม่สามารถผูกขาดความชอบไว้เหมือนสมัยเจน y ได้ มีอนิเมะพล็อตเรื่องแปลกๆ แหวกแนวให้เลือกเสพย์มากมาย ไม่ค่อยมีใครง้อ content ที่ TV จะนำเสนอเท่าไหร่ คนสามารถท่องโลกกว้างและเลือกสรรหาความชอบเฉพาะของตัวเองได้ตลอดเวลา ส่วนคนเก่าๆ ที่พลาดการ์ตูนในตอนอวสาน ปัจจุบันก็ตามหาดูได้แล้วจะได้ตายตาหลับ
- ดนตรี ก็ไม่ต่างจากสื่ออื่นๆ เท่าไหร่ แต่ก่อนเราจะฮิตเพลงเหมือนๆ กันหมด แบ่งเป็นสองค่ายใหญ่ เอาหล่อ RS เอาเท่ห์ Grammy ใครอยากฉีกแนวหน่อยก็ไปสายเพลงฝรั่ง JPOP ไปเลย เพลงดังๆ มักจะร้องตามกันได้หมด เอามาเปิดในกีฬาสี มีรายการจัดอันดับชาร์ตประจำสัปดาห์ เป็นยุคทองของรายการเพลงและพวกเข้าวงการสายดีเจพิธีกรวัยรุ่น ไม่ว่าจะรายการยามบ่ายเช่น OIC หรือรายการเพลงตอนดึกหลายรายการก่อนปิดสถานี ก็ทำให้เรามีโอกาสที่เราจะได้ฟังเพลงและชม MV ฟรีๆ ดูไปวิพากษ์วิจารณ์นักร้องไป ชอบมั่งด่ามั่ง แม่มก็มีความสุขไปอีกแบบ สุมหัวซื้อกับแกล้มมากินเบียร์ที่ห้องเพื่อนจนดึกดื่นพร้อมกับได้ดูรายการพวกนี้เป็นเพื่อนจบจบปิดสถานีก็เก็บขวดเป็นโมเมนต์ที่คลาสสิคจริงๆ
ส่วนการขอเพลงทางวิทยุก็ลุ้นและตื่นเต้นสัสๆ ปัจจุบัน บรรยากาศความขลังแบบนี้เสื่อมลงไปแล้ว ใครอยากดูอยากฟังอะไร หาได้ตามยูทูบ เอาเวลาที่คุณสะดวกละกัน ไม่ต้องสุมหัวกับเพื่อนรอดูรายการเหมือนๆ กัน แยกไปอยู่คนละทิศทาง คนละเวลา มีมือถือที่เล่นเน็ตได้ ก็ได้ฟังเพลงดู MV เหมือนๆ กันแล้ว
มีกระทู้หนึ่งพูดเกี่ยวกับสังคมและเทคโนโลยี ผมชอบคห. หนึ่ง เขาบอกว่า เทคโนโลยีมีส่วนทำให้ความคิดและพฤติกรรมคนเปลี่ยน อย่างรุ่นพ่อแม่ผมจะรอบคอบในการพิมพ์ เพราะพิมพ์ดีดผิดคำหนึ่งมันแก้ยาก พอมีคอมก็ทำให้เราใส่ใจตรงนี้น้อยลง อาจกล่าวได้ว่าคุณค่าการได้มาต่างๆ ของคนสมัยก่อนรวมถึงรุ่นเจน y ตอนเด็ก คือการอดทน การรอคอย การมีส่วนร่วมกัน (เช่นเด็กทุกคนรอดูตอนอวสานดราก้อนบอลพร้อมเพรียงกัน แต่ปัจจุบันถาม 100 คน ความสนใจการ์ตูนก็คงไปคนละทาง) ซึ่งมันทำให้เกิดความรู้สึกเชิงผูกพันโรแมนติคกับสิ่งที่ใจเฝ้าจดจ่อรอคอย แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังชอบเทคโนโลยีปัจจุบันมากกว่าสมัยก่อนอินเตอร์เน็ตเร็วๆ แรงๆ แบบนี้นะครับ เพราะมันทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้น
ใครมีความหลังอยากแชร์อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็พูดคุยกันได้ครับ
แชร์ความเห็น สื่อบันเทิงของคนเจน y ยุคเครื่องเกมบอยไปถึง PS1 ดูช่อง 9 การ์ตูน ต่างจากคนเจน z ปัจจุบันอย่างไรบ้าง
เช่น
-หนังสือเกมการ์ตูน เกมแม็ก Boom C kids ทีวีแม็กกาซีน เดอะทาเลนท์ สมัยเราจะใจจดจ่อรอทุกสัปดาห์ 2 อาทิตย์ครั้งหรือบางออกหัวเดือนละครั้ง ปัจจุบันหาอ่านเอาตาม internet ที่ content เนื้อหาไม่ถูกจำกัดให้รับรู้เท่าที่มี การ์ตูนเรื่องไหนมีคนไปเห็นว่ามันเข้าท่า ต่อให้ไม่มีลิขสิทธิ์ในไทย ก็จะไปสรรหาแปลอ่านกันตามใจชอบ ใครเก่งภาษายิ่งได้เปรียบในการเข้าถึงข้อมูล มีคนชอบเรื่องเดียวกันกลุ่มเล็กๆ ก็พอแล้ว
-เครื่องเกม ยังเป็นระบบปิด ไม่ออนไลน์ interactive แบบ ragnarok การเล่นเกมมีความเป็นส่วนตัวสูง อย่างดีก็ผลัดกันเล่นกับเพื่อนข้างบ้าน แลกแผ่นเกม ตลับเกมกับเพื่อนที่โรงเรียน แต่เทคโนโลยีเกมปัจจุบันทำให้คนมีตัวตนในโลกเสมือนได้จนอาจนำไปสู่การรู้จักกันในชีวิตจริง
- สื่อบันเทิงทางทีวี เมื่อก่อนเราจะถูกล็อกว่าต้องได้ดูโปรแกรมที่ถูกล็อคไว้ ช่อง 3 เรื่องที่ ดังๆ ช่วงเช้าก็เช่น Zenki ตอนเย็นช่วงเลิกเรียนจะมีแนวๆ ชินจังจิบิมารุโกะก็พอดูได้ ส่วนเสาร์อาทิตย์ต้องรอดูช่อง 9 ดราก้อนบอล ต่อด้วยเซเล่อร์มูน เซนต์เซย่า ดิจิม่อน ฯลฯ ตบท้ายด้วยขบวนการห้าสี เหมือนๆ กันหมด แล้วเช้าวันจันทร์ก็จะมีเรื่องคุย ถ้าใครอดดูก็หลุดโลกไปเลยเพราะไม่มี TV ย้อนหลัง ยิ่งใครพลาดตอนเด็ดหรือตอนอวสาน น่าสงสารมากเพราะจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง ต้องขอให้คนที่ดูแล้วเล่าให้เห็นภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนคนรุ่นใหม่เจน z สามารถหาดูย้อนหลังได้ง่ายมากตามเน็ตไม่ต้องง้อเวลาอีกต่อไป เอาเข้าจริง ความชอบมันแตกกระจายไปเพราะอินเตอร์เน็ตนี่แหละ ไม่สามารถผูกขาดความชอบไว้เหมือนสมัยเจน y ได้ มีอนิเมะพล็อตเรื่องแปลกๆ แหวกแนวให้เลือกเสพย์มากมาย ไม่ค่อยมีใครง้อ content ที่ TV จะนำเสนอเท่าไหร่ คนสามารถท่องโลกกว้างและเลือกสรรหาความชอบเฉพาะของตัวเองได้ตลอดเวลา ส่วนคนเก่าๆ ที่พลาดการ์ตูนในตอนอวสาน ปัจจุบันก็ตามหาดูได้แล้วจะได้ตายตาหลับ
- ดนตรี ก็ไม่ต่างจากสื่ออื่นๆ เท่าไหร่ แต่ก่อนเราจะฮิตเพลงเหมือนๆ กันหมด แบ่งเป็นสองค่ายใหญ่ เอาหล่อ RS เอาเท่ห์ Grammy ใครอยากฉีกแนวหน่อยก็ไปสายเพลงฝรั่ง JPOP ไปเลย เพลงดังๆ มักจะร้องตามกันได้หมด เอามาเปิดในกีฬาสี มีรายการจัดอันดับชาร์ตประจำสัปดาห์ เป็นยุคทองของรายการเพลงและพวกเข้าวงการสายดีเจพิธีกรวัยรุ่น ไม่ว่าจะรายการยามบ่ายเช่น OIC หรือรายการเพลงตอนดึกหลายรายการก่อนปิดสถานี ก็ทำให้เรามีโอกาสที่เราจะได้ฟังเพลงและชม MV ฟรีๆ ดูไปวิพากษ์วิจารณ์นักร้องไป ชอบมั่งด่ามั่ง แม่มก็มีความสุขไปอีกแบบ สุมหัวซื้อกับแกล้มมากินเบียร์ที่ห้องเพื่อนจนดึกดื่นพร้อมกับได้ดูรายการพวกนี้เป็นเพื่อนจบจบปิดสถานีก็เก็บขวดเป็นโมเมนต์ที่คลาสสิคจริงๆ
ส่วนการขอเพลงทางวิทยุก็ลุ้นและตื่นเต้นสัสๆ ปัจจุบัน บรรยากาศความขลังแบบนี้เสื่อมลงไปแล้ว ใครอยากดูอยากฟังอะไร หาได้ตามยูทูบ เอาเวลาที่คุณสะดวกละกัน ไม่ต้องสุมหัวกับเพื่อนรอดูรายการเหมือนๆ กัน แยกไปอยู่คนละทิศทาง คนละเวลา มีมือถือที่เล่นเน็ตได้ ก็ได้ฟังเพลงดู MV เหมือนๆ กันแล้ว
มีกระทู้หนึ่งพูดเกี่ยวกับสังคมและเทคโนโลยี ผมชอบคห. หนึ่ง เขาบอกว่า เทคโนโลยีมีส่วนทำให้ความคิดและพฤติกรรมคนเปลี่ยน อย่างรุ่นพ่อแม่ผมจะรอบคอบในการพิมพ์ เพราะพิมพ์ดีดผิดคำหนึ่งมันแก้ยาก พอมีคอมก็ทำให้เราใส่ใจตรงนี้น้อยลง อาจกล่าวได้ว่าคุณค่าการได้มาต่างๆ ของคนสมัยก่อนรวมถึงรุ่นเจน y ตอนเด็ก คือการอดทน การรอคอย การมีส่วนร่วมกัน (เช่นเด็กทุกคนรอดูตอนอวสานดราก้อนบอลพร้อมเพรียงกัน แต่ปัจจุบันถาม 100 คน ความสนใจการ์ตูนก็คงไปคนละทาง) ซึ่งมันทำให้เกิดความรู้สึกเชิงผูกพันโรแมนติคกับสิ่งที่ใจเฝ้าจดจ่อรอคอย แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังชอบเทคโนโลยีปัจจุบันมากกว่าสมัยก่อนอินเตอร์เน็ตเร็วๆ แรงๆ แบบนี้นะครับ เพราะมันทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้น
ใครมีความหลังอยากแชร์อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็พูดคุยกันได้ครับ