ถ้าเราทราบค่าไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ จะช่วยให้เราประหยัดไฟมากขึ้นไหมครับ

ผมคิดว่าถ้าเรารู้ค่าไฟ เราจะมีความยับยั้งชั่งใจในการใช้ไฟมากขึ้น
ทุกวันนี้ เราแค่รู้คร่าวๆ จากเดือนก่อนว่าค่าไฟที่เรียกเก็บในอนาคตประมาณเท่าไหร่
พอรู้ว่าแพงกว่าเดือนก่อน ก็ได้แค่บ่นๆ ว่าค่าไฟแพงจัง
เมื่อเราไม่รู้ เหมือนกับเราใช้ไฟได้ไม่อั้นแบบบุฟเฟ่ต์
จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถตรวจสอบค่าไฟได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เราฉุกคิดว่าใช้ไฟเยอะไปแล้วนะ
และหาวิธีประหยัดไฟอื่นๆ ตามมา เช่น ออกไปอ่านหนังสือข้างนอกบ้าน ตั้งเวลาปิดแอร์เร็วขึ้น

-ใกล้ถึงวันตัดรอบ เห็นค่าไฟพุ่งสูง ทำให้เกิดการยับยั้งชั่งใจในการใช้ไฟ
-เวลาเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนี้ ค่าไฟวิ่งเร็วทีละสตางค์ๆ จึงทราบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวไหนกินไฟ เป็นเงินกี่บาท ทำให้ใช้เครื่องไฟฟ้าตัวนั้นน้อยลง หรือเปลี่ยนไปใช้เป็นแบบที่ประหยัดไฟ
-รู้ว่าวิธีที่เราใช้เพื่อประหยัดไฟ เช่น ปิดไฟหน้าบ้านหนึ่งดวง ช่วยประหยัดเงินไปมากน้อยแค่ไหน
-ฯลฯ

มีความคิดที่จะพัฒนาอุปกรณ์ไปติดที่มิเตอร์ไฟ
แล้วมันจะส่งค่าเลขอ่านมาที่มือถือได้ตลอด
ควบคู่ไปกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น
มีฟังค์ชั่นแจ้งเตือนเมื่อค่าไฟเกินจากที่กำหนดค่าไว้
แจ้งเตือนเมื่อค่าไฟวิ่งเร็วกว่าปกติ

ทีนี้จะมีปัญหาตรงที่ จะรู้ได้ไงว่าทางการไฟฟ้าจะมาจดเลขอ่านตอนไหน เวลาไหน
ทำให้ค่าไฟไม่รีเซ็ทเป็น 0 บาท เมื่อขึ้นรอบบิลใหม่
อันนี้อาจจะต้องให้ผู้ใช้กรอกแบบ Manual นิดนึง โดยจะมีแจ้งเตือนเมื่อถึงช่วงวันที่เจ้าหน้ามาจดเลขอ่าน

บางคนอาจบอกว่าแค่เดินมาดูเลขอ่านที่มิเตอร์ก็รู้แล้วว่าค่าไฟเท่าไหร่ ผมว่ามันยุ่งยากนะ ต้องเดินออกมาดู ต้องคำนวณออกมาเป็นบาท ต้องรู้เลขอ่านครั้งก่อน

ขายสักตัวละไม่เกิน 500 บาท พร้อมแอพพลิเคชั่น
ขายเดือนนึงให้ได้สักแค่ 2,000 เครื่อง ปีนึงมีใช้สัก 20,000 ครัวเรือน คงไม่ใช่เรื่องยาก ก็ได้ยอดขายเกือบ 10 ล้านบาท เงินทุนในการพัฒนาไม่เกิน 2 ล้าน กำไรเหนาะๆ 8 ล้านบาท
นักลงทุน, VC, กองทุนไหนสนใจรีบให้เงินด่วน

การตลาดก็ไม่ยาก แค่อิงกระแสรักษ์โลก
บอกช่วยลดการใช้พลังงาน มีทรัพยากรเหลือใช้ไปถึงลูกหลาน
รับรองขายได้ทั่วโลก แต่มิเตอร์ต่างประเทศไม่รู้เหมือนไทยไหม ต้องมาพัฒนากันอีกที
ทีนี้ตลาดในไทยก็แค่ขี้ฟันแล้ว ขยายไปขายทั่วโลก ปีนึงคงขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านชิ้น

สตาร์ทอัพกลุ่มไหนสนใจโปรเจคนี้ เอาไปต่อยอดได้เลย เพราะผมไม่มีปัญญาทำ