6 เคล็ดลับสำหรับการทำ Resume ให้น่าสนใจ



เราต่างรู้กันดีว่า “ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” ในความคิดผม #Resume ก็เช่นเดียวกัน

เพราะ Resume นั้น ก็เหมือน#ใบเบิกทาง #เพื่อเปิดหน้าต่างหัวใจของHR หรืออนาคตหัวหน้าของเราเค้าสนใจจนอยากเชิญเข้าไปพบปะพูดคุยด้วยนั่นเอง

ในฐานะคนที่ต้องคัด Resume เพื่อเชิญมาสัมภาษณ์อยู่ตลอดเวลาของการทำงานเป็น HR เลยอยากเอาเคล็ดลับหรือความลับบางอย่างมาเปิดเผยกัน เผื่อจะได้ช่วยบางท่านที่อาจกำลังมองหางานใหม่อยู่จะได้มี Resume ที่น่าสนใจมากขึ้น !!!

มา เราลองมาดูกัน !!!

1.    นำเสนอความสำเร็จที่ผ่านมาให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้ พูดกันง่ายๆ คือพยายามทำให้เห็นเป็นตัวเลข ลด ละ เลิก วิธีการแบบอธิบายด้วยประโยคยาวๆ เพราะดูแล้วมั่นน่าเชื่อถือกว่า

ยกตัวอย่าง เช่น แทนที่จะเขียนแค่ว่า
“ประสบความสำเร็จในการสร้างแบบฟอร์มในการประเมินผลสัมภาษณ์ใหม่ที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ก็อาจเขียนว่า
“ประสบความสำเร็จในการสร้างแบบฟอร์มในการประเมินผลสัมภาษณ์แบบใหม่ ที่สามารถใช้ในการสรรหาพนักงานเพื่อเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯ ได้ 50 คน ในปี 2558 ซึ่งพนักงานใหม่ทั้ง 50 คนนั้นยังคงทำงานกับบริษัทฯ และมีผลการประเมินในช่วงทดลองงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี”

ดูแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างและน่าเชื่อถือไหมครับ ?

มันมีเหตุผลของมันอยู่นะ กับเรื่องการเอาตัวเลขมาใส่ให้เห็นเพื่อใช้ในการดึงดูดหรือโน้มน้าวใจคน

อริสโตเติล นักปราชญ์ชาวกรีกได้กล่าวเอาไว้ว่า มีอยู่ 3 สิ่งที่จะช่วยในการดึงดูดและโน้มน้าวใจคนได้ และ 3 สิ่งนั้นก็คือ
Ethos คือ ลักษณะพื้นฐานทางสังคมที่เรามี
Pathos คือ ลักษณะที่เกิดจากความสงสาร เวทนา และความมีเมตตา จากผู้ที่เราอยากจะดึงดูดเขา
Logos คือ โลโก้ หรือ รูปแบบที่เป็นสัญลักษณ์ หรือที่สมัยนี้อาจใช้ว่า แบรนด์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คนสามารถจดจำเราได้
และเจ้า Logos นี่แหละ ที่อริสโตเติลบอกไว้ว่ามันมีพลังในการดึงดูดมากที่สุดจากทั้ง 3 อย่าง เพราะมันใช้ทั้งตรรกะทางความคิด หลักฐานและข้อมูลความเป็นจริงที่จับต้องได้

2.    ทำความสนใจของคุณ ให้มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจของคนอื่น

ใน Resume  ไม่มีข้อห้ามในการใส่เรื่องความสนใจของคุณลงไป คุณอาจสนใจเรื่องการชมภาพยนตร์ การท่องเที่ยว การอ่านหนังสือ หรือ อะไรก็แล้วแต่ คุณสามารถใส่มันลงไปใน Resume ของคุณได้ แต่อยากจะแนะนำไว้ให้ซักนิดนึงว่า พยายามเลือกเอาความสนใจที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานที่คุณกำลังจะสมัครอยู่ซักนิดนึง

เหตุผลของข้อนี้ไม่มีอะไรมาก เพราะเรามักจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า โดยธรรมชาติ #มนุษย์มักชอบพอถูกใจกับคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กับเรา

ลองนึกดูสิ เวลาที่เราได้คุยกับคนที่พบกันเป็นครั้งแรก แล้วเกิดมาล่วงรู้ในขณะที่คุยว่า เขาชอบดูกีฬาเหมือนกับที่เราดู มิหนำซ้ำยังชื่นชอบและเชียร์ทีมเดียวกับเราอีกต่างหาก เราจะคุยกับเขาได้มันส์ขนาดไหน

แต่ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย มันก็เป็นการเสี่ยงอยู่ซักนิดถ้าหากเราจะใส่ความสนใจของเราลงไปทั้งหมดโดยไม่คิดให้ดีซะก่อน เพราะบางครั้งเกิดไปอยู่ตรงข้ามกับคนที่เค้ากำลังพิจารณา Resume เราอยู่ มันก็อาจส่งผลในทางตรงกันข้ามเช่นกัน และนี่แหละจึงเป็นเหตุผลที่ผมบอกว่า พยายามอิงกับเรื่องงานที่คุณกำลังสมัครซักนิดนึงจะดีกว่า

3.    เคยได้รับรางวัลอะไรที่น่าสนใจมาบ้าง ใส่ไปใน Resume ได้นะ แล้วอย่าลืมเรื่องการใส่ตัวเลขด้วยล่ะ

การที่สังคมยอมรับในผลงานหรือรางวัลต่างๆ ก็เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในทางหนึ่งเช่นกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือการแสดงถึงความเก่งของเราในทางอ้อมนั่นแหละ

ประเด็นคือถ้ารางวัลอันนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ก็ใส่คำอธิบายไว้ให้เค้าหน่อย เพราะอย่างน้อย HR ก็จะได้ทำความเข้าใจกับมันมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่งคืออย่าลืมเน้นว่ามันเกี่ยวกับงานของเรายังไงด้วยนะ

4.    ความสัมพันธ์ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า Resume

อันนี้อาจมาแนวลับๆ ซักนิด เพราะว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับคนที่อยู่ในบริษัทฯ ที่คุณกำลังจะสมัครงานนั่นแหละ เพราะจะมีใครเล่าที่รู้รายละเอียดเรื่องงาน เรื่องการทำงานในบริษัทฯ และเรื่องทั่วๆ ไปของบริษัทฯ ได้ดีไปกว่าคนที่ทำงานอยู่ที่นั้น

แต่ไม่ได้มาบอกว่าให้ถามกันโต้งๆ หรือใช้เส้นสายในการสมัครงาน (แต่ถ้ามีก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพราะนั่นมันเกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีต่างหาก จริงมั้ย)

ถ้าไม่สามารถไปรู้จักใครได้ล่ะ จะทำยังไง?

ง่ายๆ เลยครับ สมัยนี้ หาในอินเตอร์เนตมีเยอะมาก แล้วพอได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแล้ว ก็ลองเอามาใส่ใน Resume ของเราดูแล้วกันนะครับ
5.    พยายามหาวิธีการเอาตัวเราไป #ผูกกับBigBrand หรือง่ายๆ เลยก็คือ Brand ที่มีชื่อเสียง

ข้อนี้มันเป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ เพราะการที่เราเอา Brand ที่มีชื่อเสียงมาเกี่ยวกับเรา มันก็ทำให้เราดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานให้กับบริษัทฯ นั้นโดยตรง มันก็สามารถใส่เข้าไปได้ ถ้าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ #BigBrand ที่ว่าจริงๆ

ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นนะครับ
“รับผิดชอบในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อสร้างกลยุทธ์ร่วมกัน กับบริษัทฯ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค 4 บริษัทฯ”
อ่านแล้วก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ ธรรมดาทั่วไป

แต่ถ้าปรับใหม่เป็น
“รับผิดชอบเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และร่วมสร้างกลยุทธ์กับบริษัทฯ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค 4 บริษัทฯ ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทฯ P&G, Unilever, Coca – Cola, Pepsi”
อ่านแล้วอาจให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปและเริ่มน่าสนใจขึ้นบ้างใช่มั้ย

แต่ขอเน้นย้ำนะครับ ว่าคุณต้องเคยทำงานกับบริษัทฯ เหล่านั้นมาจริงๆ เพราะถ้าแค่ยกชื่อมาอ้างแล้วไม่เคยได้ทำจริง ตายตอนจบนะครับ

6.    ทำให้ HR ต้องร้องว้าว แล้วอุทานขึ้นมาว่า “ทำไมคนนี้เค้าถึงเพิ่งมาสมัครงานกับบริษัทฯ เราเนี่ย”  (ถ้าหากมันจะโอเวอร์แอคติ้งเกินไป ผมก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้)

จริงๆ แล้วมันก็พอมีวิธีอยู่บ้างเหมือนกันนะครับ อย่างที่เคยบอกไว้ในข้อแรกๆ ว่าคนเรามักจะชอบพอถูกใจกับคนที่มีอะไรเหมือนๆ กัน

ข้อนี้ก็เลยเอาแบบนี้เลยครับ ห้วนๆ คิดซะว่าเราได้ทำงานกับบริษัทฯ นั้นแล้ว เรารู้เรื่องบริษัทฯ นั้นดีอยู่แล้ว เพียงแค่จะเอามาใส่ใน Resume เท่านั้นเอง ส่วนไอ้เรื่องที่ว่าเรารู้อยู่แล้วของบริษัทฯ นั้นคืออะไร ผมจะบอกให้เดี๋ยวนี้แหละ

หลักๆ เลยก็คือพวกเรื่องจำพวกวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ วัฒนธรรมองค์กร ตลอดไปจนถึงคำพูดหรือวลีที่บริษัทฯ ที่คุณกำลังจะสมัครเค้าใช้หรือเค้าพูดกันอยู่บ่อยๆ จะดูได้จากไหนเหรอครับ คงไม่พ้นเว็บไซต์บริษัทฯ ประกาศรับสมัครงาน หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานในบริษัทฯ นั้นนั่นแหละ

และเมื่อคุณได้ประโยคเหล่านั้นมาแล้ว พยายามใช้มันใน Resume ของคุณซะ

เคยได้ยินเรื่อง #กฎของเลข7 มั้ยครับ ?

มันเป็นกฎที่อยู่ในวงการโฆษณาที่บอกว่า ลูกค้ามักจะซื้อสินค้า หลังจากได้เห็นโฆษณาสินค้านั้น 7 ครั้ง เพราะฉะนั้นใช้มันให้ครบ 7 ครั้ง แล้ว HR อาจเชิญคุณไปสัมภาษณ์และรับเข้าทำงานตามที่คุณปรารถนา

เกือบลืมยกตัวอย่าง... ขอโทษครับ

ตัวอย่างเช่นคุณจะสมัครตำแหน่ง Marketing คุณเห็นแล้วล่ะว่าในประกาศรับสมัครงาน บริษัทฯ มักใช้คำว่า Marketed, Advertised และ Promoted

ดังนั้นจากกฎนี้ คุณก็เอาคำเหล่านี้มาใช้ใน Resume คุณซะ แทนคำอื่นที่คุณอาจใช้มันอยู่ เอาให้ครบ 7 ครั้งนะครับ

ทริคเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติม
•    เห็นหลายคนชอบใส่ Objective หรือวัตถุประสงค์ในการสมัครงานใน Resume ส่วนตัวผมว่ามันอาจดูแปลกๆ ไปนิด มันเหมือนเรากำลังบอกบริษัทฯ ว่าเราอยากทำงานเพราะอะไร #ช่วยรับฉันเข้าไปทำงานหน่อยได้ไหม ฟังดูเหมือนเป็นการร้องขอหรือวิงวอนยังไงก็ไม่รู้ เลยอยากมาชวนให้ลองเปลี่ยนใหม่ เป็นการใส่ Executive Summary ไปจะดีกว่าไหม คือบอกไปเลยว่าเรามีดีอะไร บุคลิกลักษณะ นิสัยใจคอเป็นอย่างไร แล้วทำไมบริษัทฯ ถึงต้องรับเราเข้าทำงาน อย่าพลาดจนลืมการใช้กฎของเลข 7 และคำต่างๆ ที่คุณได้มาใส่ไว้ในส่วนนี้ เพราะเวลาที่ HR อ่าน เขาจะได้เห็นว่า คุณเกี่ยวกับบริษัทฯ และงานที่ประกาศรับสมัครอย่างไร
•    เรื่องของ Company Description หรือการอธิบายว่าบริษัทฯ ของคุณทำอะไร เพราะว่าบางที HR ก็ไม่สามารถรู้ได้ถ้าหากคุณใส่มาแค่เพียงชื่อบริษัทฯ บางครั้งมันอาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญไปได้ เพราะจริงๆ แล้วคุณทำงานในบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ที่จะสมัครเป็นอย่างมาก แต่ HR ดันไม่รู้จักและคิดว่าคุณไม่เคยทำในธุรกิจเดียวกับบริษัทฯ ของเขา อันนี้ก็จบเหมือนกัน
•    ศัพท์เทคนิค ชื่อเฉพาะต่างๆ พยายามทำให้เข้าใจมากที่สุดครับ มันก็จะได้ประโยชน์กับตัวคุณนี่แหละ เพราะคนอ่านเมื่ออ่านแล้วจะได้เข้าใจได้เลยว่าคุณมีความรู้ความสามารถทางด้านไหนบ้าง ขออนุญาตเน้นในสิ่งที่เจอกับตัวเองมานิดนึงครับ คือเรื่องสูตรหรือชื่อทางเคมีที่เขียนมาแบบ C3H6O อะไรประมาณเนี้ยครับ คือไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้จริงๆ ถ้าจำเป็นต้องเขียนก็อยากให้ใส่คำอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันครับ
•    การจัดรูปแบบของ Resume เน้นอ่านง่ายสบายตา ไม่แน่นเกินไป ไม่เยอะยัวะเยี้ยครับ ลูกเล่นอาจไม่ต้องมากนักก็ได้ ยกเว้นงานที่อาจต้องเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์นะครับ ถ้าโดยทั่วไปก็เอาแบบอ่านง่ายไว้ก่อนจะดีกว่าครับ

ใครมีเทคนิคเจ๋งๆ อย่างอื่น แชร์กันได้นะครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่