[มีสปอยเล็กน้อย]เปรียบเทียบ BvS กับ Civil war แบบเป็นกลาง(คิดเอาเอง)สุดๆ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่านี่เป็นกระทู้รีวิวหนังกระทู้แรกนะครับ ผมไม่ได้เป็นติ่งหรือแฟนบอยของค่ายไหนเป็นพิเศษ ทั้งMarvelหรือDCก็ตาม เพราะฉะนั้น ผมเขียนกระทู้นี้ในฐานะของคนที่ดูหนังและในฐานะคนกลางครับ

       หลังจากที่เมื่อวานผมได้ไปดูCivil Warมา ก็อดที่จะนึกถึงหนังที่คล้ายกันมากแถมเพิ่งฉายไล่เลี่ยกันอย่าง Batman V Superman(BvS) ไม่ได้ ทั้งเนื้อเรื่องที่Heroสู้กัน แถมพ่วงด้วยเรื่องการเมืองอย่างการที่รัฐบาลหวาดกลัวเหล่าผู้ที่มีพลังเหนือมนุษย์ และการที่มีผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เหล่าฮีโร่สู้กันด้วย

       แต่ว่า จากการเปรียบเทียบเสียงของคนที่ดูทั้งสองเรื่อง เรื่องนึงคะแนนเฉลี่ยเอนไปในทางที่ดีถึงดีมาก ขณะที่อีกเรื่องคะแนนค่อนข้างหลากหลาย แถมถูกสับซะเละเป็นส่วนมาก ทั้งสองเรื่องมันแตกต่างกันขนาดนั้นจริงๆหรือ

       การเล่าเรื่อง

      ฝั่งBvS นั้นกำกับโดยZack Snyderที่กำกับ Man of Steelซึ่งคะแนนวิจารณ์ออกมาไปในทางที่ดีประมาณนึง เพราะฉะนั้นแล้ว เขาก็ไม่ลังเลที่จะเอาวิธีเล่าเรื่องMan of Steelมาใส่ในBvSด้วย โดยวิธีเล่าเรื่องของMan of Steelนั้นจะค่อนข้างกระโดดไปมา ซึ่งเหมือนสไตล์การเล่าเรื่องของคริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับDark knightทั้งสามภาค ซึ่งนั่งแท่นที่ปรึกษาในภาคนี้ด้วย อีกทั้งหนังของค่ายนี้ทั้ง5เรื่องที่ผ่านมานั้น จะเล่าเรื่องแบบไม่ชัดเจนมากนักซึ่งทำให้คนดูต้องคิดต่อและเชื่อมโยงเองในหลายๆจุด ทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าถึงสิ่งที่ผู้กำกับต้องการสื่อ

      ของCivil Warนั้นจะเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงมากกว่า เข้าใจง่ายกว่าอีกเรื่องมาก แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะธีมหนัง ซึ่งหนังของMarvelนั้นจะไม่มืดมนเท่าหนังของDC รวมถึงหนังของมาเวลนั้นจะค่อนข้างบอกที่มาที่ไปของเหตุการณ์และการกระทำของตัวละครด้วย ทำให้คนที่ดูหนังของมาเวลนั้นไม่ค่อยมีข้อสงสัยในเรื่องๆต่างๆที่เกิดขึ้นในหนัง

     ทีนี้ลองมาดูการเล่าเรื่องในภาพรวมกันบ้าง

     ทางMarvelนั้น เริ่มออกสตารท์การทำหนังของตัวเองก่อนอีกค่ายมาหลายปีมาก ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือ Civil warนั้น เป็นตอนแรกของซีรีย์ในSeasonที่3 ซึ่งเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนสุดท้ายของSeasonที่2เลย (ถึงแม้จะไม่ขนาดที่ว่าเมื่อตอนจบSeasonที่แล้วชวนให้ลงแดงอย่างทีวีซีรีย์หลายๆเรื่องก็ตาม ) ทำให้ที่มาหลายๆอย่างในหนังถูกปูเรื่องมาเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาโดยคิดว่า คนที่มาดูนั้นต้องดูหนังเรื่องก่อนหน้ามาแล้ว ทำให้คะแนนทั้งรีวิว ทั้งวิจารณ์ออกมาดี เพราะคนดูแล้วเข้าใจ คำถามไม่เยอะมาก (อาจจะยกเว้นคุณแฟนของหลายๆคนที่ไม่ชอบหนังฮีโร่แต่ถูกลากไปดู - -) การเล่าเรื่องของหนังมาเวลในแต่ละเรื่องนั้น จะขมวดปมส่วนมากของหนังให้จบในเรื่องนั้นๆเลย ส่วนที่เอาไปต่อในเรื่องอื่นนั้นจะอยู่ในEnd Creditหรือไม่ก็เป็นเพียงเหตุการณ์กับตัวละครในหนังก่อนหน้าที่ฉายไปแล้วเท่านั้น ในจุดนี้จะเห็นว่า Marvelทำหนังได้เน้นเซฟพอควร

     ในขณะที่ทางDCนั้น หลังจากปล่อยให้อีกค่ายออกหน้าทิ้งห่างไปหลายปี ในขณะนั้นก็ได้มีการปล่อยหนังเดี่ยวสองฮีโร่ที่ดังที่สุดของค่ายคือ Batman (ตรงนี้ผมจะถือว่า พี่แบทของโนแลน กับ พี่แบทของแซ็ก เป็นคนๆเดียวกัน แต่แบทแมนของโนแลนคงผ่านเหตการณ์อะไรหลายๆอย่างมา เลยทำให้เขากลายเป็นแบทแมนของแซ็กในBvS) กับ Superman ออกมาทดลองตลาดแล้วได้ผลนิดหน่อย ทางDCเลยเดินรอยตามมาเวลซึ่งทำหนังฮีโร่สำเร็จจนติดตลาดเป็นซีรีย์จอเงินยาวๆ แต่ว่าDCเลือกการเล่าเรื่ององค์รวมของซีรีย์จอเงินที่ต่างออกไปจากอีกค่าย โดยที่ ถ้ามาเวลเล่าเรื่ององค์รวมแบบปล่อยหนังเดี่ยวฮีโร่ทีละคนเป็นเส้นตรง 1,2,3,4 แล้วไปรวมตัวปิดซีซั่นที่ตอนสุดท้ายคือThe Avengerนั้น     ทางDCเลือกที่จะเอาฮีโร่ทุกคนปรากฎตัวในตอนที่3(ถึงบางคนจะมาแปปเดียวก็เถอะ) หนังเดี่ยวอีกเรื่อง แล้วรวมตัวกันเลยในJustice League part1 ค่อยไปแยกมีหนังเดี่ยว และกลับมารวมอีกครั้งในpart2 พอถึงจุดนี้จะทำให้เข้าใจว่า ทางDCต้องการทำให้แตกต่างจากmarvel โดยที่มองหนังทุกเรื่องที่กำลังจะทำนั้นเป็นซีรีย์เรื่องยาวเรื่องเดียว ไม่ทำให้จบเป็นตอนๆเหมือนMarvel และBvSนั้น ก็เป็นแค่ตอนที่2หรือ3ของซีรีย์เท่านั้น ทำให้ไม่แปลกที่จะทิ้งปมที่ยังไม่คลี่คลาย(และไม่เข้าใจ)ไว้เยอะมาก (หวังว่ามันจะเฉลยในตอนถัดๆไปนะ)


   จากที่เขียนไปนั้น สำหรับผมแล้ว คิดว่าหนังทั้งสองเรื่องนั้นเปรียบเทียบกันยาก เพราะมันต่างกันเกินไป ไม่ว่าจะแนวทางการเล่าเรื่อง หรือองค์ประกอบ ธีม และอื่นๆอีกมากมาย แต่ทั้งสองเรื่องก็สนุกในแบบของมันเอง หนังMarvelจะเข้าใจง่ายกว่า ส่วนหนังDCคุณต้องทำการบ้านก่อนมาดูพอควรทีเดียวแล้วมันจะสนุก แต่ยังไงก็ตาม อย่าเพิ่งเชื่อผมหรือรีวิวอื่นๆครับ

ไป พิสูจน์ด้วยตาท่านเอง เลยครับ

///แก้ไข คะแนนman of steel แล้ว