เรื่องราวเกิดราวประมาณปี 29มั้งนะ เพราะกะเอาว่าตัวเองอายุประมาณ6-7 ขวบ นั่งเหม่อลอย เกราะลูกกรงประตูหน้าบ้านที่มีแสงพระอาทิตย์กำลังตกดินสีแดงๆสาดส่องเข้ามาพร้อมด้วยเสียงจากสถานีวิทิยุด้วยเพลง พุทธธัง ธัมมัง คัจฉามิ เสียงเดียวจากlindนี้
https://www.youtube.com/watch?v=mGliBiKNEp8 บ้านก็อยู่ที่หมู่บ้านเสรีเท่าที่จำได้ ใกล้ๆกับทางรถไฟ เป็นบ้านเช่าเค้า อยู่หลังสุดท้ายของซอย มองไปไกลๆเดินไปได้จะเป็นทางรถไฟ ที่ปัจจุบันเป็นถนนพระราม9 ตัดใหม่
ตัดมาตอนโตอีกหน่อยบ้านนี้ แม่เราเค้าไปทำงานที่สิงคโปรเป็นลูกจ้าง(คนงานเย็บผ้าด้วยจักรซิงคเกอร555) เจ้าของบ้านที่ไม่ใช่แม่เราแต่เราอาศัยอยู่กับเค้า ก็ย้ายบ้านมาปลูกเองอยู่เองในส่วนที่ดิน สนง ศัพท์สินพระมหากษัตริย์ซอยรามคำแหง 39 สมัยนั้นเท่าที่นึกได้ก็มีเพลงดังๆอย่างอิทธิ พลางกูล หนุ่ยอำพล อะไรแนวๆนั้นเยอะแยะมาให้ได้ยินตอนสมัยเด็กๆ เราก็โดนคนเลี้ยงเตะบ้าง 555 กินข้าวกับต้มจับฉ่ายทุกวันจนกลายเป็นเกลียดต้มจับฉ่ายมาถึงทุกวันนี้ คือผอมจนคอยาวอะจำได้เพราะเพื่อนบ้านทักเยอะ อยากกินขนมข้าวเหนียวถั่วดำ ทำได้แค่แคะกระปุกที่เราหยอดจากเงินที่เหลือค่าขนมไป รร เอามาหยอดวันละ 2 บาท แล้วก็แคะมาซื้อตรงร้านใกล้บ้าน จำไม่ได้ว่าตอนนั้นถุงละ 2 หรือ 3 บาท จำได้แต่ว่าเวลาอยากกินจะแคะกระปุกแล้ววิ่งไปซื้อ ขอเล่าต่อ คนเลี้ยงก็เอาที่นอนที่แม่ซื้อให้เอาไปนอนกันเอง ส่วนเรานอนเสื่อ แล้วเค้าเป็นร่างทรงด้วยสิ 555 เพราเวลาเค้าพูดอะไรแม่เราจะเชื่อเค้ามาก!!! เวลาแม่กลับมาทีเราจำได้เลย ดีใจมากกกกกก พอแม่มาถึงจะมีของเล่นจากสิงคโปรมาให้เรา พาเราไปหาเพื่อนแม่หรือว่าญาติที่หนองคายหนองขบวนรถไฟตู้นอน เราจำได้หมด พอถึงเวลากลับมาถึงกรุงเทพแม่จะต้องบินกลับไปทำงาน เราร้องให้แทบเป็นสายเลือดเวลาแม่จะขึ้นแท็กซี่ไป เพราะแม่จะมาแค่ปีละครั้ง จะต้องมีคนคอยมาลากเราออกจากแม่ตลอด และพอทำสำเร็จเราจะต้องคอยยืนมองท้องฟ้าที่มีเครื่องบินๆผ่านบริเวณบ้าน ว่าต้องเป็นแม่เราแน่ๆที่กำลังบินไป เป็นอย่างนี้ปีละครั้งทุกๆปีตลอดช่วงเวลาที่เราเด็ก ที่เราต้องทรมานรอแม่มา รอร้องไห้ที่เวลาแม่ต้องจากไป
เราเป็นลูกครึ่ง พ่อเรา จะรับเราไปอยู่เยอรมันตอนเราเกิดมาแล้วเรารู้เพราะแม่เราบอกทำเอกสารรอไว้ให้ ทำเอกสารไว้เสร็จ อยู่ๆพ่อเราก็ตาย เลยจบข่าว ทุกวันนี้ passport รูปเราตอนแบเบาะ ภาษาเยอะมัน ยังกองอยู่ในกองเอกสาร ให้เรามองแล้วน้ำตาตกมาถึงทุกวันนี้ เราก็ได้แค่รอมีตังค์ อยากจะไปไหว้หลุมศพพ่อสักครั้ง ก็ยังไม่รู้เลยว่าอยู๋ตรงไหนของเยอรมัน แต่แค่อยากไป รอมีปัญญาก่อน คนที่จะงงว่าทำไมต้องรอมีปัญญา อยากรู้ว่าทำไม ก็อ่านต่อ ว่าทำไมต้องรอมีตังค์
อยู่มาวันนึง มีลุงคนนึงมารับเราที่ โรงเรียน วัดเทพลีลา พาเราขี้นรถปรากฏว่ามาเจอแม่พร้อมกับพ่อเลี้ยงฝรั่งแฟนแม่คนใหม่ที่เราพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ลุงแกบอกว่าเก็บเสื้อผ้าให้แล้ว ไม่ต้องไปบ้านนั้นแล้ว(บ้านที่เรานอนทุกวัน) เราดีใจมากที่ได้เจอแม่ แต่แม่บ่นปนร้องไห้ตลอดทางขับรถว่า คนที่เลี้ยงเรา(เลี้ยงแบบอดๆๆอยากๆเตะตีเราอย่างเก่งอะ) โกงบ้านหลอกให้แม่มาสร้าง แม่โทษว่าเป็นเพราะเรา_-_” แม่บอกหมดเงินไปเกือบล้านค่าสร้างบ้าน(สมัยนั้น)
ถัดมา เราก็นั่งดื่มโค๊กกระป๋องสบายใจเฉิบอยู๋ที่บ้านเช่าซอยอ่อนนุชแถวๆต้นๆสุขุมวิท บ้านหลังโต เราทำตัวไม่ถูกเลยบ่องตงกับเด็กอายุขนาดนั้นที่พึ่งจะได้เสพความสบายเพราะโดนเขาเตะต่อยถีบมาตลอด 555 รู้สึกสบายจริงๆนะ บ้านสวย มีของกินเต็มตู้เย็น โหย สวรรค์อะ จำได้เลย มีหมา 2 ตัวชื่อดัมมี่ กะ ดุ๊กดิ๊ก แดนสวรรค์เราเลยจริงๆสำหรับเด็ก แต่เวลาแฟนแม่กลับมานั่นคือเวลาที่เราก็จะสงบเสี่งมเจียบตัว เราจะรีบกินให้เสร็จแล้วรีบออกจากโตะกินข้าวไป เพราะเค้าไม่ชอบให้เรามาร่วมโต๊ะกินข้าว เป็นแบบนี้ทุกวัน อยู่บ้านหลังใหญ่แต่เราก็ยังคงนั่งรถหรือเรือ ไปเรียนที่โรงเรียนวัดเทพลีลาอยู่ทุกวันนั้นนะ ถึงจะไกลแค่ไหนเราก็เดินทางไหว ^^
วันนึงแม่เราบอกซื้อบ้านแล้วไม่เช่าเค้าอยู๋ละ พ่อเลี้ยงฝรั่งเราเค้าเป็นระดับ CEO บริษํทชื่อดังเลยละใครอยู๋ในวงการจะร้องอ๋อ แต่ก็ยังเป็นลูกจ้างเค้านะ แกเก่งมากจริงเรื่องนี้ยอมรับ ซื้อบ้านอยู่แถวเสรีไท เราก็ตามไปอยู่ด้วย วันดีคืนดีพ่อเลี้ยงฝรั่งเราเค้าก็ไล่เราไปกินข้าวคนเดียวในครัวเวลามือเย็ฯ เรากินข้าวไปก็ร้องไห้ไป เพราะเวลาอยู๋บ้าน เราจะจับทีวี หรือ สิ่งของอะไรในบ้านไม่ได้เลย แม่เราจะห้ามตลอด เพราะกลัวพ่อเลี้ยงไม่พอใจ
วันนึงแม่เราเค้าส่งเราไปอยู่กับพี่สาว งงละสิพี่สาวมาจากไหนอีก พี่สาวเค้าคือลูกจากแฟนคนแรกของแม่ มีพี่สาว พี่ชาย แล้วก็พี่ชายคน 2 555 เริ่มงงกันใช่มะ
พี่สาวทำงานรับจ้างซักอบรีดอยู๋ในหมู่บ้านแถวๆถนนนวมินทร์ พี่เขยเป็นครูตรงโรงเรียนแถวๆนั้น จริงๆเราก็เล่าข้ามไปอะนะ เมื่อก่อนพี่สาวเรากะพี่เขยเค้าเคยเช่าบ้านสลัมอยู่แถวใกล้ๆหมู๋บ้านสัมมากรตรงสุขาภิบาล 3 เพราะเค้ามีลูกอยู๋ด้วยกันจนหลังๆมาพัฒนาอัพเกรดตัวเองมาอยู๋หมู่บ้านนี้ แม่เราก็โยนเรามาอยู่กับพี่สาวต่างพ่อคนนี้
แกก็ดี เลี้ยงเราไปตามอัฒภาพเพราะตอนนี้เราก็อยู่ ปวช สาขาอิเล็กทรอนิกส์ เรียบร้อยแล้ว วัยกำลังห้าว พูดตรงๆนะ เราทำผิดเราทำถูกในช่วงจังหวะชีวิตนี้ไม่มีใครมาคอยสอนสั่งเราจริงๆ แม่โทรมาตอนนั้นก็คุยแต่กะพี่สาวเราเมาท์เรื่องไรไปเรื่อยเปื่อย พี่สาวเราก็ให้เงินเราไปเรียนที่วิทยาลัยแล้วพอพลาดตอนเย็นๆก็แค่ด่า เราก็ผิดนะ แต่…
วันนึงเราจบปวช เราบอกที่บ้านเรา ว่าเราอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ เพราะเราชอบคอม คือเราชอบจริง (เรา HACK windows3.11 ช่องโหว่ในระบบได้ก่อนที่หนังสือสมัยนั้นจะวางออกขายอีก เพราะคอมพ่อเลี้ยงเราเค้าวางไว้เค้าให้เราเล่น)
ปรากฏว่าพี่สาวเราเค้าบอกไม่ต้องเรียนหรอก Programmer จะทำมาหากินอะไรได้ แม่เราก็เชื่อตามนั้น พร้อมกับบอกว่ากูไม่มีเงินส่งเอ็งเรียน สรุป ผมต้องเอาตัวรอดด้วยการรีบเรียนให้จบสาขามนุษย์ศาสตร์ราม เพราะค่าเทอมถูก และถ้าแพงกว่านี้ทางบ้านจะไม่ส่งให้เรียน พี่สาวเองก็ขู่มาตลอดว่าถ้าพ้น 4 ปี ยังไม่จบจะไม่ให้เงินอะไรอีกแล้ว ให้ดิ้นเอง
สรุปผมจบครับ มนุษย์ศาสตร์ อยากเป็นคอม แต่ไม่ได้เป็น ค่าเทอมจะเรียนยังขอไม่ได้อย่าหวังครับ ที่จะขอคอมพิวเตอร์ได้ “ไปหัดเขียนโปรแกรมในร้านเน็ตไม่ได้หรือทำไมถึงต้องขอเงินมาซื้อคอมใหม่” นี่คือคำที่ผมเจอตอนสมัยเรียนเวลาจะขอตังค์ไปซื้อคอม (ตอนแรกเรียนวิทย์คอมราม แต่ไม่มีคอมเลยย้ายไปมนุษย์ศาสตร์ตอนหลังเพื่อเอาให้จบ)
เคยไหมครับกลับไปบ้านเห็นหมาที่บ้านกินดีกว่าที่หอพักเรา!!! ได้เงินจากพี่สาวสัปดาห์ละ 800 บาท รวมทุกอย่างหมายถึงค่าสบู่ ค่ากิน ค่ารถเมล์ค่าชีต แต่พอกลับไปป้านเวลาแม่เรียกตัว เห็นหมาที่บ้านกินฟุตลอง แต่ตัวเราเองผอมจนคนรอบข้างทักว่าคอยาว แต่แม่ไม่เคยถามซํกคำว่ามีเงินพอใช้หรือไม่ เกิดมาไม่เคยได้ยินคำนี้จากแม่จริงๆครับ ได้ยินแค่ว่า ตรูมีเงินไม่พอเอ็งจะมาขออะไร!!! (แม่เล่นหวยใต้ดินงวดละ 5 พันครับ)
พอจบมา ไม่ร็จะทำอะไรกิน เพราะใจอยากทำงานด้านคอม ผมห่วยเองละครับอันนี้ไม่โทษใคร สรุปไปเป็นเซลล์เพราะจบมนุษย์ศาสตร์และไม่มีคอมหัดงานเขียนโปรแกรม เลยไปเป็นเซลกันตาย เพราะนอนหอพักคนเดียวมาตั้งปี 1 คือไม่มีใครให้อยู่ด้วยมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละครับ แต่ทำงานได้ไม่ดีเป็นเซลได้ไม่ดี เอานี้เรายอมรับจริงๆ เราผิดเอง เราก็ตกงาน ไปขอเงินแม่ แม่เอาเงินฟาดใส่หน้าหลายครั้ง พร้อมด่าภาษาตลาดทุกๆครั้งๆที่ไปขอเงิน
ผมอาจจะเล่าอะไรไม่เก่ง ใครสงสัยอะไรเดี๋ยวผมเข้ามาอ่านจะตอบให้ครับ เพราะรู้ตัวว่าอาจจะเล่าข้ามอะไรไปเยอะ เพราะเรื่องราวมันต้อง 30 กว่าปีชีวิต ผมคงเล่าข้ามอะไรไปเยอะครับ
กระทู้นี้สำหรับลูกทรพี
ตัดมาตอนโตอีกหน่อยบ้านนี้ แม่เราเค้าไปทำงานที่สิงคโปรเป็นลูกจ้าง(คนงานเย็บผ้าด้วยจักรซิงคเกอร555) เจ้าของบ้านที่ไม่ใช่แม่เราแต่เราอาศัยอยู่กับเค้า ก็ย้ายบ้านมาปลูกเองอยู่เองในส่วนที่ดิน สนง ศัพท์สินพระมหากษัตริย์ซอยรามคำแหง 39 สมัยนั้นเท่าที่นึกได้ก็มีเพลงดังๆอย่างอิทธิ พลางกูล หนุ่ยอำพล อะไรแนวๆนั้นเยอะแยะมาให้ได้ยินตอนสมัยเด็กๆ เราก็โดนคนเลี้ยงเตะบ้าง 555 กินข้าวกับต้มจับฉ่ายทุกวันจนกลายเป็นเกลียดต้มจับฉ่ายมาถึงทุกวันนี้ คือผอมจนคอยาวอะจำได้เพราะเพื่อนบ้านทักเยอะ อยากกินขนมข้าวเหนียวถั่วดำ ทำได้แค่แคะกระปุกที่เราหยอดจากเงินที่เหลือค่าขนมไป รร เอามาหยอดวันละ 2 บาท แล้วก็แคะมาซื้อตรงร้านใกล้บ้าน จำไม่ได้ว่าตอนนั้นถุงละ 2 หรือ 3 บาท จำได้แต่ว่าเวลาอยากกินจะแคะกระปุกแล้ววิ่งไปซื้อ ขอเล่าต่อ คนเลี้ยงก็เอาที่นอนที่แม่ซื้อให้เอาไปนอนกันเอง ส่วนเรานอนเสื่อ แล้วเค้าเป็นร่างทรงด้วยสิ 555 เพราเวลาเค้าพูดอะไรแม่เราจะเชื่อเค้ามาก!!! เวลาแม่กลับมาทีเราจำได้เลย ดีใจมากกกกกก พอแม่มาถึงจะมีของเล่นจากสิงคโปรมาให้เรา พาเราไปหาเพื่อนแม่หรือว่าญาติที่หนองคายหนองขบวนรถไฟตู้นอน เราจำได้หมด พอถึงเวลากลับมาถึงกรุงเทพแม่จะต้องบินกลับไปทำงาน เราร้องให้แทบเป็นสายเลือดเวลาแม่จะขึ้นแท็กซี่ไป เพราะแม่จะมาแค่ปีละครั้ง จะต้องมีคนคอยมาลากเราออกจากแม่ตลอด และพอทำสำเร็จเราจะต้องคอยยืนมองท้องฟ้าที่มีเครื่องบินๆผ่านบริเวณบ้าน ว่าต้องเป็นแม่เราแน่ๆที่กำลังบินไป เป็นอย่างนี้ปีละครั้งทุกๆปีตลอดช่วงเวลาที่เราเด็ก ที่เราต้องทรมานรอแม่มา รอร้องไห้ที่เวลาแม่ต้องจากไป
เราเป็นลูกครึ่ง พ่อเรา จะรับเราไปอยู่เยอรมันตอนเราเกิดมาแล้วเรารู้เพราะแม่เราบอกทำเอกสารรอไว้ให้ ทำเอกสารไว้เสร็จ อยู่ๆพ่อเราก็ตาย เลยจบข่าว ทุกวันนี้ passport รูปเราตอนแบเบาะ ภาษาเยอะมัน ยังกองอยู่ในกองเอกสาร ให้เรามองแล้วน้ำตาตกมาถึงทุกวันนี้ เราก็ได้แค่รอมีตังค์ อยากจะไปไหว้หลุมศพพ่อสักครั้ง ก็ยังไม่รู้เลยว่าอยู๋ตรงไหนของเยอรมัน แต่แค่อยากไป รอมีปัญญาก่อน คนที่จะงงว่าทำไมต้องรอมีปัญญา อยากรู้ว่าทำไม ก็อ่านต่อ ว่าทำไมต้องรอมีตังค์
อยู่มาวันนึง มีลุงคนนึงมารับเราที่ โรงเรียน วัดเทพลีลา พาเราขี้นรถปรากฏว่ามาเจอแม่พร้อมกับพ่อเลี้ยงฝรั่งแฟนแม่คนใหม่ที่เราพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ลุงแกบอกว่าเก็บเสื้อผ้าให้แล้ว ไม่ต้องไปบ้านนั้นแล้ว(บ้านที่เรานอนทุกวัน) เราดีใจมากที่ได้เจอแม่ แต่แม่บ่นปนร้องไห้ตลอดทางขับรถว่า คนที่เลี้ยงเรา(เลี้ยงแบบอดๆๆอยากๆเตะตีเราอย่างเก่งอะ) โกงบ้านหลอกให้แม่มาสร้าง แม่โทษว่าเป็นเพราะเรา_-_” แม่บอกหมดเงินไปเกือบล้านค่าสร้างบ้าน(สมัยนั้น)
ถัดมา เราก็นั่งดื่มโค๊กกระป๋องสบายใจเฉิบอยู๋ที่บ้านเช่าซอยอ่อนนุชแถวๆต้นๆสุขุมวิท บ้านหลังโต เราทำตัวไม่ถูกเลยบ่องตงกับเด็กอายุขนาดนั้นที่พึ่งจะได้เสพความสบายเพราะโดนเขาเตะต่อยถีบมาตลอด 555 รู้สึกสบายจริงๆนะ บ้านสวย มีของกินเต็มตู้เย็น โหย สวรรค์อะ จำได้เลย มีหมา 2 ตัวชื่อดัมมี่ กะ ดุ๊กดิ๊ก แดนสวรรค์เราเลยจริงๆสำหรับเด็ก แต่เวลาแฟนแม่กลับมานั่นคือเวลาที่เราก็จะสงบเสี่งมเจียบตัว เราจะรีบกินให้เสร็จแล้วรีบออกจากโตะกินข้าวไป เพราะเค้าไม่ชอบให้เรามาร่วมโต๊ะกินข้าว เป็นแบบนี้ทุกวัน อยู่บ้านหลังใหญ่แต่เราก็ยังคงนั่งรถหรือเรือ ไปเรียนที่โรงเรียนวัดเทพลีลาอยู่ทุกวันนั้นนะ ถึงจะไกลแค่ไหนเราก็เดินทางไหว ^^
วันนึงแม่เราบอกซื้อบ้านแล้วไม่เช่าเค้าอยู๋ละ พ่อเลี้ยงฝรั่งเราเค้าเป็นระดับ CEO บริษํทชื่อดังเลยละใครอยู๋ในวงการจะร้องอ๋อ แต่ก็ยังเป็นลูกจ้างเค้านะ แกเก่งมากจริงเรื่องนี้ยอมรับ ซื้อบ้านอยู่แถวเสรีไท เราก็ตามไปอยู่ด้วย วันดีคืนดีพ่อเลี้ยงฝรั่งเราเค้าก็ไล่เราไปกินข้าวคนเดียวในครัวเวลามือเย็ฯ เรากินข้าวไปก็ร้องไห้ไป เพราะเวลาอยู๋บ้าน เราจะจับทีวี หรือ สิ่งของอะไรในบ้านไม่ได้เลย แม่เราจะห้ามตลอด เพราะกลัวพ่อเลี้ยงไม่พอใจ
วันนึงแม่เราเค้าส่งเราไปอยู่กับพี่สาว งงละสิพี่สาวมาจากไหนอีก พี่สาวเค้าคือลูกจากแฟนคนแรกของแม่ มีพี่สาว พี่ชาย แล้วก็พี่ชายคน 2 555 เริ่มงงกันใช่มะ
พี่สาวทำงานรับจ้างซักอบรีดอยู๋ในหมู่บ้านแถวๆถนนนวมินทร์ พี่เขยเป็นครูตรงโรงเรียนแถวๆนั้น จริงๆเราก็เล่าข้ามไปอะนะ เมื่อก่อนพี่สาวเรากะพี่เขยเค้าเคยเช่าบ้านสลัมอยู่แถวใกล้ๆหมู๋บ้านสัมมากรตรงสุขาภิบาล 3 เพราะเค้ามีลูกอยู๋ด้วยกันจนหลังๆมาพัฒนาอัพเกรดตัวเองมาอยู๋หมู่บ้านนี้ แม่เราก็โยนเรามาอยู่กับพี่สาวต่างพ่อคนนี้
แกก็ดี เลี้ยงเราไปตามอัฒภาพเพราะตอนนี้เราก็อยู่ ปวช สาขาอิเล็กทรอนิกส์ เรียบร้อยแล้ว วัยกำลังห้าว พูดตรงๆนะ เราทำผิดเราทำถูกในช่วงจังหวะชีวิตนี้ไม่มีใครมาคอยสอนสั่งเราจริงๆ แม่โทรมาตอนนั้นก็คุยแต่กะพี่สาวเราเมาท์เรื่องไรไปเรื่อยเปื่อย พี่สาวเราก็ให้เงินเราไปเรียนที่วิทยาลัยแล้วพอพลาดตอนเย็นๆก็แค่ด่า เราก็ผิดนะ แต่…
วันนึงเราจบปวช เราบอกที่บ้านเรา ว่าเราอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ เพราะเราชอบคอม คือเราชอบจริง (เรา HACK windows3.11 ช่องโหว่ในระบบได้ก่อนที่หนังสือสมัยนั้นจะวางออกขายอีก เพราะคอมพ่อเลี้ยงเราเค้าวางไว้เค้าให้เราเล่น)
ปรากฏว่าพี่สาวเราเค้าบอกไม่ต้องเรียนหรอก Programmer จะทำมาหากินอะไรได้ แม่เราก็เชื่อตามนั้น พร้อมกับบอกว่ากูไม่มีเงินส่งเอ็งเรียน สรุป ผมต้องเอาตัวรอดด้วยการรีบเรียนให้จบสาขามนุษย์ศาสตร์ราม เพราะค่าเทอมถูก และถ้าแพงกว่านี้ทางบ้านจะไม่ส่งให้เรียน พี่สาวเองก็ขู่มาตลอดว่าถ้าพ้น 4 ปี ยังไม่จบจะไม่ให้เงินอะไรอีกแล้ว ให้ดิ้นเอง
สรุปผมจบครับ มนุษย์ศาสตร์ อยากเป็นคอม แต่ไม่ได้เป็น ค่าเทอมจะเรียนยังขอไม่ได้อย่าหวังครับ ที่จะขอคอมพิวเตอร์ได้ “ไปหัดเขียนโปรแกรมในร้านเน็ตไม่ได้หรือทำไมถึงต้องขอเงินมาซื้อคอมใหม่” นี่คือคำที่ผมเจอตอนสมัยเรียนเวลาจะขอตังค์ไปซื้อคอม (ตอนแรกเรียนวิทย์คอมราม แต่ไม่มีคอมเลยย้ายไปมนุษย์ศาสตร์ตอนหลังเพื่อเอาให้จบ)
เคยไหมครับกลับไปบ้านเห็นหมาที่บ้านกินดีกว่าที่หอพักเรา!!! ได้เงินจากพี่สาวสัปดาห์ละ 800 บาท รวมทุกอย่างหมายถึงค่าสบู่ ค่ากิน ค่ารถเมล์ค่าชีต แต่พอกลับไปป้านเวลาแม่เรียกตัว เห็นหมาที่บ้านกินฟุตลอง แต่ตัวเราเองผอมจนคนรอบข้างทักว่าคอยาว แต่แม่ไม่เคยถามซํกคำว่ามีเงินพอใช้หรือไม่ เกิดมาไม่เคยได้ยินคำนี้จากแม่จริงๆครับ ได้ยินแค่ว่า ตรูมีเงินไม่พอเอ็งจะมาขออะไร!!! (แม่เล่นหวยใต้ดินงวดละ 5 พันครับ)
พอจบมา ไม่ร็จะทำอะไรกิน เพราะใจอยากทำงานด้านคอม ผมห่วยเองละครับอันนี้ไม่โทษใคร สรุปไปเป็นเซลล์เพราะจบมนุษย์ศาสตร์และไม่มีคอมหัดงานเขียนโปรแกรม เลยไปเป็นเซลกันตาย เพราะนอนหอพักคนเดียวมาตั้งปี 1 คือไม่มีใครให้อยู่ด้วยมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละครับ แต่ทำงานได้ไม่ดีเป็นเซลได้ไม่ดี เอานี้เรายอมรับจริงๆ เราผิดเอง เราก็ตกงาน ไปขอเงินแม่ แม่เอาเงินฟาดใส่หน้าหลายครั้ง พร้อมด่าภาษาตลาดทุกๆครั้งๆที่ไปขอเงิน
ผมอาจจะเล่าอะไรไม่เก่ง ใครสงสัยอะไรเดี๋ยวผมเข้ามาอ่านจะตอบให้ครับ เพราะรู้ตัวว่าอาจจะเล่าข้ามอะไรไปเยอะ เพราะเรื่องราวมันต้อง 30 กว่าปีชีวิต ผมคงเล่าข้ามอะไรไปเยอะครับ