ปิดเทอมใหญ่ ช่างภาพไทย ไปญี่ปุ่น

สวัสดีคร้าบบบบบบบบบ
อมยิ้ม02  

กลับมา พับกบ พบกับ ผมอีกแล้ว (ใครหว่า) กระทู้ ที่ 2 ในชีวิตแล้วครับผม

ขออนุญาต เท้าความ ถึงตัวผมเองสักเล็กน้อย ผมชื่อกล้องครับ ทำงานเป็นช่างภาพ ฟรีแลนซ์

(เจ้าของกระทู้ นี้นี่เอง '' http://pantip.com/topic/33127863 '' )

ไหนใครจำได้ยกมือ ขึ้น เฮ่ะ !! ประหลาดใจ

วันนี้ จะมา อวดรูป (เยอะม้าก) เอ้ย เล่าถึง ประสบการณ์ การไปท่องเที่ยว ญี่ปุ่นครั้งแรก แบบ '' no plan no problem ''  แล้ว ก็ โนมันนี่ ด้วยครับ ร้องไห้

แล้ว ชื่อกระทู้ เกี่ยวอะไร กันกับที่จะมาพูดถึงล่ะ ?

รู้หรือไม่ครับว่า ช่างภาพอย่างเราๆ ก็มีวันหยุด หรือ ศัพท์ เทค ปิดเทอมด้วยนะ เอ้อ !

คือ งี้ครับ ช่วงเดือน 4-5 เนี่ยะ ค่อนข้างจะไม่มีงานกันครับ เค้าเลยเรียกกันว่า ช่วงปิดเทอม

เวลาคุยกันก็จะ  เฮ้ พี่ ปิดเทอมนี้ไปญี่ปุ่นป่าว ได้ตั๋วมาถูกม้ากกกก  ... เอ้อ ไปดิๆ

ก : พี่ๆ พี่วางแผนหน่อยดิ ผมไม่ค่อยสันทัด (ขี้เกียจ)
ป : เชื่อปะ ว่า พี่ก็ไม่เคยวางแผน
ก : โอเค 2 ห่วย โคจรมาเจอกันแล้วล่ะ  แต่หัวใจเรียกร้อง จองตั๋ว จองโรงแรม เลย ไปก็ไป



รูปภาพ ในกระทู้นี้ จะมาจากกล้องฟิล์มทั้งหมดนะครับ

เนื่องจาก ผมหลงใหล ในกล้องฟิล์มมากๆ การไปญี่ปุ่นครั้งแรก ที่เฝ้าฝัน เลยอยากจะบันทึกทุกอย่าง มาในรูปแบบ ฟิล์มทั้งหมดครับ

อีกอย่างคือ ผมมี แลปล้างฟิล์มในดวงใจที่อยากไปมากๆ ด้วยนั่นเอง  หัวใจ


ปล. รูปถ่ายทั้งหมด มาจาก เดือน 5 ปีที่แล้วครับ ผมเพิ่งจะได้รูปมาครบไม่นานมานี้เอง จะพยายามเล่า ทุกอย่างที่จำได้นะครับ

ถามว่า จำรายละเอียดได้ยังไง ต้องขอตอบว่า ก่อนถ่ายต้องซึมซับ บรรยากาศตอนนั้น

แล้วบันทึกลงความทรงจำก่อนครับ (จริงๆก็ดูจากรูปกับถามเพื่อนนั่นแหละครับ555)

ถ้าหาก พูดอะไรผิดไป ต้องขออภัยด้วยครับ อาจจะมีเลือนลาง จำพลาดกันได้  ยิ้ม

ig ของผมเองครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้





อดใจรอไม่ไหว ขอเอากล้องมาซ้อมถ่ายก่อน 1 ที นี่แหน่ะ


กล้องที่ผมนำไปด้วย มี
Hasselblad 500 c/m
Nikon Fm2
Nikon F5 ( มาซื้อที่นี่ครับ )

ฟิล์มที่ใช้ จะมีหลายตัวมากเลยครับ มีทั้ง kodak portra 160,400 kodak , pro image 100
fuji 400 proH , fujicolor 100 ,400
fuji 100proviaF , cinestill 50, ฟิล์มหนัง eterna250 , reala500D , 65D

ปล. แทบทุกภาพผมถ่ายให้ over กว่าความเป็นจริง ทำให้มีสี ออกแนวซีด , พาสเทล นะครับ ยิ้ม


หลังจากงีบไปสักพัก ก็ถึงที่หมาย ประมาณ 4 ทุ่มครับ (โอซาก้า) เนื่องจากมาไฟลท์ดึกสุดจึงนอนพักที่นี่ซะเลย

เพราะตอนเช้า ไฟลท์แรก ผมกับเพื่อนจะขึ้นเครื่องต่อ ไปลงที่โตเกียวครับ

แพลนคร่าวๆคือ ไป ลง โอซาก้า >> โตเกียว >> โอซาก้า >> กทม.





เอ้าเช้าแล้วนะ



อากาศกำลังดีมากๆเลยครับ กลางคืนเราแทบไม่ได้นอนกันเลย ตื่นเต้นไปหมด แม้กระทั่ง ร้านสะดวกซื้อในสนามบิน ร้องไห้

บินมาถึงโตเกียว ปุ้บ เราก็นั่งรถไฟเข้าเมืองกันเลยครับ ด้วยสภาพอิดโรย (ตั้งแต่วันแรกเลยนะ)



กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจากผมกับเพื่อนนำกระเป๋าไปฝากที่พักแล้ว จึงเดิน หาของกินไปเรื่อยครับ มาเตะตากับ(ราคา)ร้านนี้

นี่แหละ  

เราเดินเล่นกันอยู่แถว ueno station ครับ เดินไปเรื่อยๆ มองดูผู้คน ร้านค้าต่างๆ



มุมน่ารักๆ ตามถนน





เดินไปเรื่อยๆครับ อากาศค่อนข้างเย็น ไม่เหนื่อยเลย



เจอคุณลุงกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



เดินมาเจอเด็กน้อยลอยได้ เอ้ยไม่ใช้ ผมเดินมาที่ สวนสาธารณะ ueno ครับ อยากรู้จริงๆว่าที่นี่ มีอะไรบ้าง

แล้วก็ต้องประหลาดใจครับ มีทั้ง พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สวนสนุกเล็กๆ แล้วก็ เจอสุสานด้วยนะ



คนเพี้ยบ เลยครับ เหมาะกับการพักผ่อน เดินเล่น แล้วก็ถ่ายรูปมากๆเลย



อยากเล่นด้วย ประหลาดใจ



อันนี้ก็อยากกินด้วย



สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากๆเลยคือร้านอาหารที่ เป็นตู้กดๆ ครับ หยอดเหรียญแล้วก็กดเมนูได้เลย

ถ้าโชคดีหน่อย บางร้านจะมีรูปให้ดูด้วย ถ้าร้านไหนไม่มีก็ต้องเสี่ยงดวงครับ

ราคาถูกย่อมเยามาก แถม ได้ไวสุดๆ



ออกจาก อุเอโนะครับ จุดหมายต่อไป ก็คือ ! ตามหาร้านกล้องฟิล์ม นั่นเอง



nakano station ครับ ลงมาปุ้บ ก็จะเจอกำแพงสีสดใส แบบนี้แหละ เดินไปหน่อยก็จะเจอร้าน ฟูจิย่า ครับ

มีทั้งกล้องเก่า กล้องใหม่ ประมาณ 3-4 ร้าน เลือกกันจนเพลินเลย ได้ เจ้า nikon f5 ที่ใฝ่ฝันมาครอบครอง 1 ตัว จุ๊บๆ



เทสกล้องกันสักหน่อย ยิ้ม

มีหลายคนเลยถามผมหลังจากกลับ มาแล้วว่าร้านพวกนี้เชื่อถือได้ไหม ผมว่าค่อนข้างโอเคมากๆเลยนะ

บางร้านเปิดมาหลายสิบปี สินค้าแต่ละตัว เขียนรายละเอียดเอาไว้ด้วย รวมถึง แบ่งราคาตาม เกรด สภาพ การใช้งาน

ส่วนตัวไหนถูกบ้าง ก็มีปนๆ กันไปครับ ถูกกว่าบ้าง แพงกว่าบ้าง แต่ส่วนมากจะถูกนะ



ตอนเย็นๆ คนเริ่มเยอะครับ

หลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว ก็กลับครับ ก่อนกลับก็เดินเล่นแถวนี้สักหน่อย คึกคักพอสมควรเลยครับ


การเดินทางที่นี่ ผมพยายามเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินครับ เพราะซื้อ pass รถไฟใต้ดินแบบ 3 วันมา 1500 เยนเท่านั้นเอง

ส่วนการเดินทางก็แน่นอนครับ เปิด ไฮเปอร์เดีย แล้ว เซิดเอาเลย รถไฟเยอะมาก ทำเอาหลงไปทั้งวันเลย



ตะวันลับขอบฟ้า เหล่าเทเลทับบี้ส์บอกลา บ้ายบายเด็กๆ

ยังครับยัง ยังถ่ายได้อยู่ เท่ ระหว่างทางผมซื้อ fuji natura ฟิล์มไวแสงสุดๆ iso 1600  

ตอนนี้มาโผล่ที่ไหนแล้ว จำไม่ได้ครับ รู้สึกคล้ายกันไปหมด อมยิ้ม07

นักเดินทางมือใหม่แบบผม เพิ่งรู้ว่า ที่นี่ ราวๆ สองทุ่ม หลายๆร้านก็ทยอยกันปิด หมดแล้ว

เหลือเพียงไม่กี่ที่ครับ ที่ยังเปิดอยู่ ฉะนั้น คืนนี้ เลยอยู่ดึกไม่ได้ครับ



เห็นคุณลุงแล้วรู้สึกว่า '' คลาสสิค '' สุดๆ


นอนเต็มอิ่ม วันนี้ เลยตื่นเช้าสุดๆ ครับ คนบนรถไฟก็เยอะ สมเป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่ร่ำลือจริงๆ

( natura 1600 กลางวันก็ทำได้ดีครับ สีสวย ออกตุ่นๆ หน่อยๆ  )
เข้าสู่โหมดรีวิวฟิล์ม



ตื่นแต่เช้า มาเจอ มูมิน ถึงเป็นคนแรกของร้านเลย

คิดไปคิดมาผมว่ามันแปลกๆ ผู้ชาย 2 คนผลัดกันถ่ายรูปกับมูมิน ซึ่ง เข้าร้านมาเป็นคนแรกด้วยนะ ฮาาา อมยิ้ม02



ซื้อของฝากทางบ้านกันเรียบร้อย ภารกิจต่อไป ก็คือ เดินหากล้องอีกแล้ว



โผล่แว้บ มา ชินจุกุ เลย ร้านที่ แนะนำ คือ ร้านนี้ครับ kitamura  ส่วนร้านรอบๆ มี map camera ซึ่งมี ไลก้า กับ โลไลเฟล็ก เยอะมาก

ร้าน box มี โฟโต้บุค สวยๆ ถูกๆ เพี้ยบ แถมคนขายก็ยังน่ารักด้วยครับ พยายามสื่อสารกับเราตลอด ยิ้ม

  

วันนี้ทั้งวัน ก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับ เจออะไรก็แวะทาน เปิดกูเกิ้ลแมพ หาร้านกล้อง เจอกล้องวงจรปิด บ้างก็มี 555

ครั้งหน้าจะต้องทำการบ้านมาดีๆ แล้วล่ะ



ไม่เอาไม่พูด

รู้ตัวอีกที ผมก็มาโผล่อยู่โอซาก้า ซะแล้วครับ คือนั่งเครื่องบินมา ต่อที่ โอซาก้าเลย ค่าโดยสารไม่แพงมากครับ ราวๆ คนละ 1,700 บ

(พีช แอร์ไลน์ครับ )



มาถึงที่นี่ สิ่งแรกๆที่เจอ เลย คือการขึ้นบันไดเลื่อนเค้าจะไม่เหมือนที่โตเกียวครับ ที่โอซาก้านี่ เค้าจะ ชิดขวากัน

แรกๆ ถึงกับงง จนต้องเซิดเน็ตดูเลยครับ จึงได้รู้ว่า อ้อ เค้ายืนไม่เหมือนกันนี่เอง

มาถึง JR osaka station ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงครับ การบ้านที่ทำมาอย่างเดียวคือ ร้านกล้องนั่นเอง อมยิ้ม02

ที่นี่ มีร้านกล้องชื่อ yaotomi camera ครับ ตอนที่ผมไป เค้ากำลังปรับปรุงร้านอยู่ ( ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว ) ก็เลยย้ายร้าน ไปไกลแบบสุดๆ

เดินหากันจนเมื่อยเลย



รอบๆ jr osaka นี่มีร้านกล้องหลายร้านครับ เดินถ่ายรูปเล่นก็ดี รู้สึกชอบไปหมด หัวเราะ

เวลามาซื้อฟิล์มที่นี่ ผมชอบ ร้าน yodobashi ครับ มีให้เลือกเยอะดี แต่ถ้าบังเอิญเจอ ร้านข้างนอก

ที่เล็กกว่า ราคาฟิล์มบางรุ่นก็จะถูกลงด้วยนะ ประหลาดใจ



ตอนนี้อยู่แถวๆ สถานี nishi-umeda ครับ แวะมาดู ศูนย์ nikon osaka เสียหน่อย

เนื่องจากทำกล้องดิจิตอนพังไปตัวนึงครับ ก็เลย แวะมาถามดู ปรากฎว่า ซ่อมราวๆ 2 อาทิตย์ ก็ เลยขอบคุณเค้า

แล้วเก็บซากไว้ในกระเป๋าแทน

เดินอยู่แถวนี้ทั้งวันเลยครับ เพลินมาก ลืมเวลาไปเลย



ขี่จักรยานกันทุกที่จริงๆ ครับ เดินตามถนน ไม่กลัวรถชนนะ กลัวจักรยานมากกว่า 555

แต่คันนี้คงขับเร็วไม่ไหวแน่เลยครับ เจ้านายนั่ง จุ๊บๆ



เดินมาเจอตึกนี้ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าคือตึกอะไร แต่ทาสีได้น่ารักจริงๆ หัวใจ



คุณลุง ยืนขายหนังสือ ท่ามกลางผู้คนที่ ผ่านไปมา รู้สึกใจหายเหมือนกัน กับข่าวแม็กกาซีน หลายๆเล่มที่ปิดตัวลงช่วงนี้



หลังจากเดินจนจะหมดแรงก็กลับที่พักครับ ผมพักแถวๆ namba ค่อนไปทาง nipponbashi ครับ ที่เลือกพักแถวนี้เพราะว่า

ช่วงกลางคืนก็ค่อนข้างจะคึกคัก เดินหาของกินไปเรื่อย เลยครับ อย่างร้าน ทาโกะ ร้านนี้ ผมว่าอร่อยกว่า ร้านเจ้าดังๆ ซะอีกนะ

มีชีสเยิ้มๆราดๆบนทาโกะ อร่อยสุดๆ แต่ประเด็นคือ พอจะเดินย้อนกลับมากินก็หาไม่เจอซะแล้วครับ



เช้า วันถัดมา เรากำลังมุ่งหน้าไป ไดยูคัง ครับ  (Osaka Aquarium Kaiyukan) เนื่องจากต้องการไปดู เจ้าฉลามวาฬ

ให้เห็นกับตาสักที


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่