[SPOIL] ขอรีวิวสับแหลก CIVIL WAR / ถกเรื่องข้อตกลงโซโคเวีย / และน้ำหนักบทที่ยังแกว่งไปมาอยู่บ้าง

อาาาาาา   สมแล้วที่ไว้ใจพี่น้องรุสโซ่   งานออกมาดีกว่าวีดอนซะอีก...........


แต่!!!!   ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีตำหนิ...  มีสิ่งที่ยังให้มาถกเถียงกันได้เสมอ

ผมขอแบ่งเป็น3ประเด็น

1.ภาพรวมของหนัง  และฉากที่อ้างอิงจากหนังสือ
2.ข้อตกลงโซโคเวีย  
3.บทที่ยังมีจุดแกว่งแบบไม่สมเหตุผล

1.ภาพรวมของหนัง  และฉากที่อ้างอิงจากหนังสือ
นี่คือจุดแข็งที่สุดมากๆๆของหนัง     คือจริงๆแล้ว   ผมชอบโทนแบบซีเรียส99%แบบที่พี่น้องรุสโซ่ทำไว้ตอนกัปตัน2มากๆ   คือจากสูตรสำเร็จมาร์เวล  บู๊+ตลก   กลายเป็นบู๊แหลกเพียวๆพล็อตโคตรซีเรียส       แต่ในซีวิลวอร์นี้   พี่น้องรุสโซ่ได้ทำตามสูตรของมร์เวลคือบวกมุกตลกเข้าไปเยอะขึ้น   อาจะไม่ขำเท่าที่วีดอนทำไว้ในอเวนเจอร์ 1-2   แต่ก็ถือว่าดีแล้วเพราะมุกมันจะได้ไม่ไปถ่วงอารมณ์ซีเรียสของหนัง

1.1 แบล็คแพนเธอร์   ถึงบทจะถูกยัดเยียดนิดหน่อย (ก็จู่ๆต้องเปิดตัวเป็นฮีโร่เลยนี่นะ  ช่วยไม่ได้)   แต่การนำเสนอตัวละครดูดีมาก   สมแล้วที่ต้องขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไป     ทั้งดูทรนง   น่าเกรงขาม  มีความมั่นใจสูง  โหดลึก  ดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าตามธีมเรื่องของตัวเองเลยจริงๆ  แต่ก็รู้จักควบคุมโทสะและให้อภัย    ที่สำคัญ   ฝ่ายออกแบบฉากต่อสู้ของพ่อเสือดำ   ออกแบบท่วงท่าและหมัดมวยของแกได้เจ๋งมาก     ยังกับหลุดมาจากหนังสาย martial art ของแท้เองเลย

1.2 ซีโม่   ดูแล้วคงยังได้เห็นแผนจากเฮียแกอีกแน่    ถึงจะตีความใหม่ในMCU ให้เป็นคนธรรมดา  ชาวโซโเวียที่เคียดแค้นในความไม่บันยะบันยังของอเวนเจอร์    ยังไม่ทำให้ผมถึงกับชอบได้    แต่ก็ยังดีกว่าเคส "แมนดาริน"

1.3 เท่าที่ผมพอนับได้    มีการ reference ถึงฉากต่างๆจากในหนังสือ   
1)มีคุณแม่ผิวสี  ที่ลูกตายเพราะลูกหลงจากการต่อสู้ของฮีโร่ (ในหนังสือมาสนับสนุนโทนี่    ในหนังมาว่าโทนี่)     
2)มีฮีโร่ผิวสี   ตกเป็นเหยื่อของการทะเลาะกันจนเลยเถิดจนถึงขั้นคอขาดบาดตาย (ในหนังสือคือโกไลแอทโดนธอร์เก๊ฆ่าตาย   ในหนังวอร์แมชชีนหวิดพิการ......หรือพิการแล้ว?)     
3)มีฉากที่ฮีโร่จากฝ่ายต่อต้าน    มาด่าทอโทนี่อย่างเจ็บแสบในขณะถูกจับเข้าคุก (ในหนังสือเป็นแดร์เดวิลมาตราหน้าโทนี่ว่าเลวยิ่งกว่ายูดาห์    ในหนังเป็นฮอว์คอายมาด่าแทน)    ซึ่งทั้งหมดเจ๋งมากๆ   


2.ข้อตกลงโซโคเวีย  
อันนี้ยาว.....

คุณยังจำประโยคนี้กันได้มั้ย    "Who Watches the Watchmen?"

เดิมเป็นคำถามเชิงปรัชญาแก่เก่าในภาษาละตินที่อยู่ในบทกวี   "Quis custodiet ipsos custodes?"    แปลเอาแบบเข้าใจง่ายๆ "ใครจะคุม  คนที่คุมเรา?"

ซึ่งเป็นปัญหาในทางการเมืองการปกครองมาจนถึงทุกวันนี้ - เห็นออกข่าวร่ำไป - และก็ยังจะต้องเกิดไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบ   คุณเคยเห็นข่าวมั้ย?    เวลาตำรวจหรือคนมีสี  ทำอะไรแย่ๆ   ก็จะมีการ "ตั้งกรรมการสอบ"   แต่เรื่องมักมาเอวังตรงที่   สุดท้ายคนที่ทำผิด   ก็จะได้รับโทษเบาหวิว   หรือแทบไม่ได้รับเลย    เพราะ  "คนที่มีอำนาจตรวจสอบ.........ไม่ซื่อตรง"  แล้วซักพักพอเรื่องเงียบก็จะได้กลับมาทำงานต่อ   อาจแค่มีย้ายกันเป็นพิธี

ซึ่งตรงนี้แหละ   ที่ยอดชายนายสตีเว่น โรเจอร์  เขาไม่ชอบ   เพราะเขารู้   ว่าการให้มีคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักหัวนอนปลายเท้า   มามี "สิทธิ์เลือก" ในการเรียกใช้พลังฮีโร่  เหนือกว่าตัวเจ้าของเอง     อย่างน้อยในทีมกันเองก็ยังรู้ไส้กัน  ว่าใครดีอะไรใครชั่วตรงไหน     แต่คนนอกนี่เราไม่มีทางรู้ไส้กันได้   เพราะช้ำมาเยอะจากกัปตัน2    ขนาดองค์กรพิทักษ์โลกแท้ๆ  ยังเป็นไฮดร้าซะเยอะ  

และตรงนี้ขอชมว่า    ช่วงต้น ถึง กลางเรื่อง   เขียนปมตรงนี้ได้เจ๋งมากๆ     คือไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีฝ่ายไหนผิดเลย    .........ถูกทั้งคู่

"โลกเรามีกฏมีเกณฑ์   มีการตกลง  มีการออมชอม"   นายพลรอสบอกกับกลุ่มอเวนเจอร์

"ถ้าเราไม่มีขอบเขตและไม่ใส่ใจต่อเสียงเรียกร้องของคนหมู่มาก   เราก็ไมได้ต่างกับวายร้าย"   โทนี่ว่าไว้

"เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ   แต่เงื้อมมือที่ปลอดภัยที่สุดที่จะใช้พลัง   คือของเราเอง"    สตีฟบอก     แต่เขายกตัวอย่าง  

"ถ้าเรายกสิทธิ์ในการใช้พลังให้คนอื่นไป.....     ถ้าวันไหนเค้าสั่งให้เราทำสิ่งที่ไม่ควรทำล่ะ?   หรือถ้ามีสิ่งไหนที่เราควรทำ  แต่เขาห้ามล่ะ?"

ตัวอย่างที่นายพลรอส  กับพ่อของนายเสือดำ    สำหรับผม  ย้ำนะ "สำหรับผม"   มันเป็นการเห็นแก่ตัว   และใช้ความเจ็บปวดในการสูญเสียมาเป็นเครื่องมือของการเมือง   และใช้ความจริงด้านเดียวโจมตีเป้าหมาย(กลุ่มอเวนเจอร์)   

ทำไมผมคิดงั้น?   ง่ายๆครับ

คนถูกลูกหลงไปเป็นพันเป็นหมื่น   เป็นเรื่องน่าเศร้า  เป็นคนของเรา  เราก็เสียใจมาก    แต่.......ลืมกันไปหรือเปล่า    ทั้งนิวยอร์ค  วอร์ชิงตัน   โซโคเวีย    ทุกเคสเป็นปัญหาพาโลกแตกทั้งนั้น    และแตกแน่  ถ้าเหล่าอเวนเจอร์มัวแต่นั่งรอให้ที่ประชุมลงมติ    ที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ปัญหาได้  หรือพาแย่กว่าเดิม
-นิวยอร์ค............."สภาความมั่นคงโลก"    ออกคำสั่งลงนุกนิวอยร์ค    ถ้าเหล่าฮีโร่ยอมตามมติ.......คนตายเป็นล้าน
-วอร์ชิงตัน.............อันนี้ไม่ต้องถาม     โครงการอินไซด์ของสภาความมั่นคงโลก   ออกแบบเพื่อปกป้องโลก   สุดท้ายก็สอดไส้ไฮดร้า    เกือบพาโลกล่มสลายเหมือกนัน

กว่า 117 ประเทศในเรื่องที่ลงมติร่างข้อตกลงนี้    ไม่ได้มองในภาพรวมเลยว่า   เพราะมีคนทำตามอำเภอใจเนี่ยแหละ   โลกเลยรอดจากหายนะไปหลายครั้ง   และไม่พร้อมทำใจว่า   ทุกๆการสู้รบ   มันย่อมมี collateral damage ของมันเป็นปกติธรรมดา    แต่นี่ทุกคนเเอาแต่เรียกหา   "ปราบผู้ร้ายให้ได้ทุกครั้ง   และช่วยประชาชนให้ได้ทุกคน"     ในขณะคนที่กรำศึกอย่างสตีฟ  เขาเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าใคร      อย่างที่บอกกับแวนด้าไป.....

"งานของเราคือพยายามช่วยให้ได้ทุกคน.....   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้ทุกคนจริง    แต่ถ้าเลิกหวัง   คราวต่อไปอาจช่วยใครไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว"

ซึ่งที่สตีฟไม่ต้องการที่สุด  คือถ้าสมมุติว่าเขาเซ็นข้อตกลงไปแล้ว    เกิดเรื่องที่มันทำให้เขาต้องมองดูเหตุร้ายที่ถ่ายทอดสดทางทีวี   แต่ตัวเองออกไปช่วยไม่ได้เพราะรอคำสั่งอยู่   หรือมีคนสั่งไม่ให้ออกไปช่วย  และต้องรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ในขณที่มีคนต้องการความช่วยเหลือ

แต่ถ้าผมเป็นสตีฟ   ผมละอยากเช็นๆมันไปซะ     แล้ววันหนึ่ง ถ้าเกมการเมืองมันเกิดขัดขากันเอง  หรือ  มีใครคิดไอเดียแก้ปัญหาชุ่ยๆขึ้นมา   จนเกิดทำคนตายเป็นแสนเป็นล้าน    โดยฮีโร่ออกไปทำอะไรไม่ได้เพราะไปข้อตกลงนี้มันล่ามขาไว้     แล้วพอถ้ามีคนประท้วงถามหาว่าฮีโร่หายไปไหน   ไม่มาช่วยเลย    ผมอยากจะได้ตอกกลับไป "พวกเอ็งเป็นคนเลือกแบบนี้เอง"  (อารมณ์แบบ Rorschach )



3.บทที่ยังมีจุดแกว่งแบบไม่สมเหตุผล


ตรงนี้มันส์หน่อย     2ข้อบนเป็นการอวย  ซึ่งผ่านไปแล้ว  ทีนี้ผมขอพูดถึงข้อเสียบ้าง

คือถ้าให้ผมพูด   บทโดยรวมดูดีมากๆ   แต่คือก็ยังติดข้อเสียเดียวกับที่พา BvS เละแหละครับ    คือตอนที่ตัวหลักทั้งสองคนจะต้องทะเลากะกันแตกหัก   คนเขียนบทสร้างบทที่มีน้ำหนักเหตุผลมากพอไม่ได้  เลยเลือกที่จะลดความมีเหตุผลของตัวละครลง   ให้กลายเป็นพวกไร้เหตุผล   อะไรนิดอะไรหน่อยก็โกรธกัน  จะฆ่ากัน

ในเคสของ CIVIL WAR ผมนับจุดตรรกะป่วยๆได้2จุด

1)ตอนโทนี่เอาปากกามาให้สตีฟเซ็น
โอ้โห    ดูตอนนี้ผมนี่โล่งอกเลยครับ    คุยกันได้มีเหตุมีผลดีมาก   สตีฟบอกเองเลย "ไม่ได้ตั้งใจจะไม่เซ็น    แต่ถ้าเซ็นแล้วต้องมีแผนสองกันไว้"    ยิ่งตอนโทนี่ตอบกลับว่า  "รู้แล้ว    ถึงอยากให้เซ็นไปก่อนไง    พอตกลงกันแล้ว  เดี๋ยวเราค่อยแก้กฏกันให้ทำงานได้สะดวกขึ้นทีหลัง"  นี่ยิ่งใช่เลย    มันต้องคิดกันให้ได้แบบนี้  แก้ปัญหากันให้ได้แบบนี้   

แต่ช่วงเวลาของผู้เจริญก็จบลง     ตรงที่พอสตีฟรู้ว่าแวนด้าเจอวิชั่นคุมความประพฤติไว้ในบ้าน   ซึ่งเราคนดูเองยังรู้   ว่าก็ไม่ได้เพราะโทนี่เกลียดแวนด้า    แต่เพราะกลัวความวัวไม่ทันหายฯ   เลยต้องมีกักตัวจำเลย(ที่ทำคนตายโดยไม่ตั้งใจ)   เพื่อให้ทางการเมืองและประชาชีใจเย็นลงก่อน    จะได้เคลียร์เรื่องอื่นได้ง่าย  ปัญหาจะได้น้อยๆ   แต่สตีฟดันของขึ้นซะงั้น      ทั้งๆที่โทนี่เองก็บอกแล้วว่าไม่ได้จับแวนด้าไปขังคุก   แค่ให้อยู่ในอเวนเจอร์แมนชั่นไว้ก่อน    อยู่เหมือนอยู่บ้านปกติ   มีวิชั่นคอยซื้อข้าวปลาให้  มีห้องดูหนัง  มีสระน้ำ  อยากกินก็ได้กิน  อยากนอนก็ได้นอน  เหมือนแค่กักบริเวณวัยรุ่นปกติทั่วไป    แต่สตีฟดันโมโหไม่เข้าเรื่องแล้วตอกใส่  "ปากกาอยู่คู่กันน่ะดีแล้ว"   จนปัญหามันบานปลายต่อไป

......แบบนี้ก็ได้เหรอ


(และฉากสู้ที่สนามบินก็ผ่านไป  และทำได้ดีด้วย  ทั้งด้านบทและแอคชั่น  จนมาถึง.....)


2) โทนี่ดูบัคกี้ฆ่าฮาเวิร์ด
เอาจริงดิ!!!    คือบทก่อนหน้านี้   โทนี่ได้รู้ความจริงแล้ว   ซีโม่มันจัดฉากป้ายสีบัคกี้ +อาศัยเรื่องความขัดแย้งในข้อตกลงโซโคเวียมาสุมไฟ    ตอนฉากไปสำนึกผิดกับฟาลค่อน   ถึงกับปิดเครื่องดักฟังของนายพลรอสเพื่อแสดงความจริงใจ     และตอนพอไปถึงฐานเก็บซุปเปอร์โซลเยอร์ที่รัสเซีย    "อาการ" ของโทนี่ก็ยังดูดีอยู่    ตอนมาเจอกับกับสตีฟกับบัคกี้  ก็ดูคืนดีกันแล้ว   ดูเข้าใจกันแล้ว   ทักทายกันฉันท์มิตร

แต่พอซีโม่ย้อนภาพตอนบัคกี้ฆ่า โทมัสกับมาร์ธา.............เอ้ย ฮาเวิร์ดกับเมีย     คนเขียนบทก็สับสวิชต์ให้โทนี่เข้าโหมดไม่มีเหตุผลซะงั้น

........คุณครับ   เนื้อเรื่องเดินมาถึงจุดนี้แล้ว  รู้เรื่องของซีโม่กับซุปเปอร์โซลเยอร์ของไฮดร้าแล้ว     โทนี่ควรจะรู้ได้แล้วครับว่าบัคกี้โดนสะกดจิตให้ทำ    ถ้าจะยั้วะน่ะสมควรครับ  แต่พี่แกดันยั้วะใส่ผิดคนซะงั้น  ถ้าอยากจะ DIRECT ความแค้นที่พ่อแม่ตายไปหาใครล่ะก็.................โน่นเลยครับไฮดร้า    จะว่าไปแล้วแล้วบัคกี้เองก็เป็นเหยื่อในเรื่องนี้ไม่แพ้พ่อแม่ของโทนี่ด้วยซ้ำ     หรือต่อให้แถให้ไม่รู้จริงๆ     กัปตันก็ตะโกนบอกในฉากต่อสู้ปาวๆแล้วว่าบัคกี้เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง   ถูกสะกดจิตอยู่    ไอ้เตารีดก็ไม่ฟัง  

..............คุ้นๆมั้ยครับ     เหมือนฉากที่ซุปเดินมาขอความช่วยเหลือแบทให้ช่วยมาร์ธา  แล้วแบทมันเกิดลืมสมองไว้ที่ถ้ำค้างคาว   เอาแต่หลับหูหลับตายิงถล่มซุปนั่นแหละ

คือถ้าจะทำบทแบบนี้ให้เมคเซ้นส์   คือไม่ควรให้โทนี่รู้บทเฉลยของแผนซีโม่  ให้ยังโกรธสตีฟกับคกี้แบบมืดบอดต่อไปก่อน    แล้วพอตอนเห็นภาพตอนบัคกี้ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง  ไฟแค้นมันจะได้ปะทุพอดี     อันนี้ยังกับลำดับพล็อตมันสลับกันยังไงไม่รู้



แต่ที่!!!   แต่ที่ผมเคืองมากที่สุด    คือบทพูดอันนี้   ที่ไม่ใส่มาก็ไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องเลย    แต่พอใส่มา  มันทำให้โทนี่ดูเลวร้ายมาก

"นายมันไม่คู่ควรกับโล่นี้   เพราะพ่อชั้นสร้างมันขึ้นมา!!!"
     อื้อหือ   ถ้าคนเขียนบทมันนั่งข้างๆผม   ป่านนี้มันตาเขียวกลับบ้านแน่ครับ

คือมันยัดเยียดความเป็นวายร้ายให้โทนี่แบบสุดกู่และไม่มีเหตุผลมาก  คือถามจริง  ในเรื่องสตีฟเขาทำอะไรให้?
1)แก้คดีใส่ร้ายบัคกี้
2)พยายามหยุดยั้งแผนซีโม่ (ถึงจะหักมุมว่าเป็นแค่แผนลวงก็เถอะ)

ถึงจะดึงดัน   ทำตามใจ  พาเพื่อนทะเลาะกัน  ไม่ยอมอยู่ในกรอบกฏหมาย  และขัดขวางการปฏบัติงานเจ้าหน้าที่  แต่ก็นับได้ว่าเป็นอีกครั้งที่สตีฟพิสูจน์ว่าการให้ฮีโร่มีสิทธิ์ในการเลือกใช้พลังตามวิจารณญาณของตัวเองยังใช้ได้อยู่   และได้เปิดโปงแผนของผู้ร้ายได้สำเร็จอีกครั้ง   แต่พอโทนี่สู้แพ้   นี่หรือคือบทที่เขาได้รับ ?  แดรกดันใส่คนที่พ่อของนายชื่นชมเนี่ยนะ

จนผมละอยากจับโทนี่ไปนั่งดูกัปตันภาคแรกซะเหลือเกิน  ให้ได้เห็นพลังของชายตัวเล็กๆผอมๆที่ชื่อสตีฟคนนี้ขนาดไหน   ว่าเขาแกร่งสมกับโล่ที่ฮาเวิร์ดสร้างไว้เพียงใด     ในขณะที่ไม่มีใครยอมออกไปช่วยเชลยจากหน่วยทหารราบ105   ก็มีฮาเวิร์ดเนี่ยแหละ  เชื่อมั่นในสตีฟ   ยอมขับเครื่องบิน  บินฝ่าปืนพวกไฮดร้าพาสตีฟไปช่วยเชลย   ตอนกัปตันจมทะเล  ก็ฮาเวิร์ดเนี่ยแหละที่นำการออกงมหาสตีฟแบบไม่ลดละ


พิมพ์มาก็ยาวแระ      เอาไปเลย 8/10ครับ   +1คะแนน เนื่องด้วยแวนด้าน่ารัก  เพราะมี knee sock กับพื้นที่ศัดิ์สิทธิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่