สวัสดี ครับเพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกคน เห็นช่วงนี้มีกระทู้ที่แชร์ประสบการณ์การเป็นทหารรับใช้ชาติก็เลยอยากจะมา เล่าเรื่องของตัวผมเองบ้างครับ เรื่องของผมนั้นเป็นเรื่องราของคนที่เลือกศึกษาวิชาทหารนะฮะ ผมขอแทน ชื่อตัวเองว่า "เจ" นะครับ ตอนนี้อายุ 18 ปี
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมาผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนอาชีวะที่หนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้เรียนรด. ชั้นปีที่ 3 ซึ่งปกติ รด. นั้นจะเรียน อาทิตย์ล่ะหนึ่งวันแล้วหลังจากเรียนจบหลักสูตรก็จะต้องสอบทฤษฎีและปฏิบัติ และหลังจากนั้นผู้กำกับ(ครูที่ดูแลเกี่ยวกับนักเรียน รด. ของแต่ละโรงเรียน) ก็จะแจ้งข่าวสารของนักเรียนว่ารร. เรานั้นจะได้ได้ไปผลัดไหน วันไหน ซึ่งหากพวกที่ได้ผ่านเข้าค่ายรด.ตอนปีสองมาแล้วก็จะไม่ค่อยกังวลมากเท่าไหร่ ตามปกติก็จะแค่เตรียมของและตัดผมก่อนไป
และแล้ววันเข้าค่ายก็มาถึง บอกเลยว่าวันนั้น พร้อมมาก มาถึงที่รวมพลเช้า เตรียมตัวมาอย่างดี ไม่มีความกังวลอะไรเลย และก็ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆรอครูฝึกเรียกรวมพลขึ้นรถ ปิ้ด ปิ้ด ปริ้ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้น นักเรียนรด. ก็เดินไปเข้าแถวปกติ ซึ่งข้างๆผมนั้นคือเพื่อนของผม "เบส" เบสเป็นเพื่อนที่รักเพื่อนนะเป็นคนที่กังวลเรื่องต่างๆไม่ว่าเรื่องตัวเอง หรือเรื่องเพื่อ ซึ่งเราสนิทกัน เราก็คุยเล่นกันว่าไปคราวนี้พร้อมมาก ไม่มีอะไรพลาดดด!!! ในตอนนั้นเองครูฝึกก็จะประกาศรายชื่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิไปเข้าค่ายภาคสนาม เราก็คุยกันว่าสงสัยคนที่ไม่ได้ไป แบบ โค้งสุดท้ายจะจบแล้วถ้าไม่ได้ไปนี้โคตรเฟลแน่ๆประมาณนี้ และเบสก็พูดมาว่าเล่นขึ้นมาในจังหวะที่ครูกำลังพูดรายชื่อที่ไม่มีสิทธิของ แต่ละโรงเรียน
"นาย....(ชื่อผม)......" เบสแค่พูดเล่นว่าชื่อผมไม่มีสิทธิไรงี้ เราก็หัวเราะ และจังหวะนั้นก็เป็นรายชื่อของโรงเรียนผม ซึ่งพวกผมมั่นใจมากว่าทุกคนได้ไป ไม่น่าจะมีอะไร
"นาย.......(ชื่อผม)......โรงเรียนวิทยาลัย......" เห้ย สตั้นไปหลายวิ หน้าไอ้เบส O_o เหว๋อ- ไอเราก็งง ๆ เดินออกไป ข้างหน้าตอนนั้นยอมรับว่าไม่รู้สึกอะไรเลยหน้าชาไปหมด
หลังจากนั้นเขาก็ให้คนที่อยู่ในแถวขึ้นรถไปเข้าค่าย เหลือแต่พวกผม ที่ไม่มีสิทธิไปเข้าค่าย ตอนนั้นมีประมาณ 10 กว่าคนได้ครับ แต่ละคนนี้หน้าละห้อยมองเพื่อนตาปริ้บ ๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็โรงเรียนละคนสองคน แต่ผมคืออยู่คนเดียว ตอนนั้นก็ถามครูฝึกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ครูฝึกก็บอกว่าพวกผมไม่ได้สอบซ่อมข้อเขียน ซึ่งตอนนั้น ก็งงกันเพราะแต่ละคนก็เข้าใจว่าตัวเองผ่านแล้ว ครูฝึกก็บอกแค่ว่าต้องติดต่อรร.และให้ผู้กำกับทำใบขอสอบซ่อม ซึ่งตอนนั้น ผู้กำกับของรร.เจนั้นไม่อยู่พาเด็กไปแข่งที่ต่างจังหวัดอยู่ ซึ่งตอนนั้นก็เลยพยายามถามครูฝึกว่าขอดูหลักฐานอื่นๆได้มั้ยฮะหรือทางแก้ไข อื่น เขาก็แนะนำให้ไปศูนย์ใหญ่
ตอนนั้นผมเลยนั่ง Taxi ไปคนเดียวเลยฮะ โทรหาแม่บอกว่าเกิดอย่างนี้ ๆ นะ แต่ตอนนี้กำลังไปศูนย์ใหญ่พยายามหาทางแก้อยู่ ตอนนั้นบอกตามตรงว่าไม่รู้เอาสติมาจากไหน เพราะปกติถ้าเจอปัญหาปุ๊ปผมจะทำอะไรไม่เป็นเลยฮะต้องรอแม่มาช่วยเสมอ แต่วันนั้น คือคิดอย่างเดียว ยังไงก็ต้องจบมาขนาดนี้แล้ว พอไปถึงที่ศูนย์รด. ผมก็เข้าไปหาหน่วยงานเขาก็ให้ดูหลักฐานว่าวันซ่อมผมไม่ได้มานะ แต่ถ้าอยากไปเข้าค่ายต้องซ่อมก่อนผมก็จัดการเรื่องเอกสาร ซึ่งตอนนั้นก็โอเค คงจะเป็นเราเองที่ผิดพลาดไม่ได้ตรวจสอบให้ดี ตอนนั้นดูสองสามรอบเห็นว่าไม่มีชื่อก็เลยไม่ได้สนใจ ซึ่งปัญหาของผมอาจจะเป็นเกิดจากฝนชื่อโรงเรียนิดเลยไม่มีรายชื่อตกในรายชื่อของโรงเรียนตัวเอง แต่ก็นอยครูที่โรงเรียนว่าทำไมเขาไม่บอกเรา เพราะที่ศูนย์บอกว่าโรงเรียนจะรู้รายชื่อก่อนไปเข้าค่าย ช่วงนั้นวิ่งวุ่นมากครับแบกเป้เข้าค่ายไปที่ต่าง ๆ (ขอข้ามช่วงระหว่างทำเอกสารนะฮะมีเรื่องดราม่าเยอะข้ามๆ )
ซึ่งหลังจากซ่อมเสร็จผมก็ได้พลัดที่ไปเข้าค่ายนั้นคือ พลัดสุดท้าย ซึ่งตอนนั้นก็กังวลเล็ก ๆ นะไปคนเดียวจะเป็นยังไง ซึ่งถ้าใครอยู่สถานการณ์แบบนั้นจะเข้าใจดีว่ามันจิตตกแค่ไหน ทั้งเรื่องไม่ได้ไปกับเพื่อน และหลายๆอย่างแถมมันเป็นช่วงใกล้สอบด้วยทำให้ตารางชีวิตมั่วไปหมด
และวันที่ไปเข้าค่ายก็มาถึง วันนั้น ผมก็แบกเป้ไปสวนเจ้าเชตุและก็มีทหารเข้ามาคุย พี่ๆ ที่นั้นใจดีมากฮะ เขาเคยเห็นผมครั้งหนึ่งแล้วเขาเลยรู้ว่าผมมีปัญหาอะไรเขาก็ช่วยเหลือเรื่อง แต่งกายอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากนั้นก็เรียกรวม และก็ประกาศรายชื่อปกติซึ่งพลัดสุดท้ายคือรวมพวกเก็บตกไม่สบายหรือเกิดปัญหา แล้วย้ายพลัดแบบผม ดังนั้นเด็กจะเยอะมาก และช่วงที่ตื่นเต้นก็มาถึง การประกาศรายชื่อเด็กไม่ได้ไป ซึ่ง...มีครับเป็นเด็กที่ได้พลัดสุดท้ายอยู่แล้วซึ่งพอเกิดปัญหาจะแก้ ยากกว่าพวกผมมากเพราะผมยังมีช่วงเวลาที่ซ่อมและไปพลัดสุดท้าย แต่นี้เป็นพลัดสุดท้ายแล้วซึ่งหมายความว่าถ้าเขาไม่ได้ไปก็คือไม่จบผมก็ไม่ รู้เหมือนกันว่าเกิดเหตุการณ์อะไรกับเขาบ้าง
พอขึ้นไปบนรถก็เลือกที่นั่งฮะผมก็นั่งติดหน้าต่าง ก็มีคนมานั่งข้างผม รถก็ออกไปปกติ ซึ่งระหว่างนั้นครูฝึกเขาก็จะวอสื่อสารกับระหว่างรถไม่ให้ขบวนรถนั้นแตก แต่บทสนทนาของครูฝึก....
"นี้คันหนึ่ง ใครกินผัดกระเพราบ้าง "
"คะน้าหมูกรอบ 2 กล่อง"
"เอ้ย เอาผัดเผ็ดหมูด้วย"
และเราก็บางออว่า อ๋อครูเขาสั่งข้าวกันบนรถ ก็ว่าทำไมโค้ดการสื่อสารเขาล้ำจัง ก็ได้แต่ฟังครูฝึกคุยกันและก็นั่งเงียบๆ คนที่นั่งข้างๆก้ไม่มีวี่แววว่าจะคุยด้วย ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าชวนคุย ตอนนั้นก็ใกล้ถึงละผมก็เลยหยิบครีมกันแดดยูเซอรีนหลอดเล็ก ๆ ที่พกติดตัวขึ้นมาทาหน้าเพราะกาญจนบุรีแดดแรงมากตอนปีสองโดนแดดที่นั้นจนคันหน้ายิบเลย เลยพกมาเมื่อเราต้องทาหน้า ก็เลยหยิบโทรศัพท์มาส่องและก็ทา ๆ และคนข้างๆ ก็สะกิด เขายืนกระจกให้ โอ้วพกกระจกด้วย คือมันก็ไม่แปลกนะที่เราจะพกกระจกแต่ สัมภาระเราทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าใต้รถ ซึ่งตัวเราจะไม่มีของติดตัวเลยนอกจากของมีค่า แต่กระจกที่ข้างๆ ยืนให้นี้คือ A4!! มากว่าเก็บไว้ตรงไหนเราก็บอกไม่เป็นไร ขอบใจ หลังจากนั้นข้างๆก็หยิบกันแดดมาทาบ้าง ก็อ๋อจะทากันแดดก็คิดว่าไม่มีอะไร แต่สักพักหยิบมา 2 หลอด และหลอดนึ่งเป็นบานาน่าโบ้ท อีกหลอดคือ CC ครีม ตอนนั้นอึ้งในความสามารถมาก เขาใส่เสื้อรด.ที่ค่อนข้างรัดรูปแต่สามารถพกกระจก A4 ครีมกันแดด กับ CC ครีม ติดตัวได้โดยที่ดูไม่รู้เลยว่าเก็บตรงไหน แต่ก็งงเล็ก ๆว่าจะใช้ CC ทำไม
หลังจากนั้นก็ว่างกระเป๋าไปสถานีแรกอืม...... ไซเรนฮีล ชัดๆ ฝุ่นที่เยอะมากโดนลมพัดจนเป็นควัน ซึ่งปีสองกับปีสามต่างกันตรง ตอนปีสองจะอารมณ์เป็นพื้นดินมากกว่าทราย จะอากาศดีกว่า แต่ปีสาม บรรยากาศมันใช่มากอารมณ์เหมือนไซเรนฮีลสุดๆ เหมือนทะเลทรายมาก ซึ่งเราจะต้องเซ็นลายเซ็นเพื่อ จะเป็นหลักฐานว่าเรามาเข้าค่าย ช่วงนั้นก็มีเสียงฮือฮามาก เพราะพลัดที่เจมานั้นมีทั้ง ดารา และนายแบบ หน้าตาดีใช้ได้ใครก็อยากรู้จัก หลังจากเซ็นก็กินข้าว ฟังการยิงปืน ต่างๆ พอตอนเย็นเขาก็แบ่งกองร้อย ซึ่งในตอนนั้นก็ได้เพื่อนใหม่คนหนึ่ง นั้นคือ "แทน" แทนเป็นกระเทยตัวสูงบึกๆนิสัยดี และก็คนคนที่คุยเก่งมากชนิดที่พูดไม่หยุด ว่างก็พูดคนเดียว ครั้งแรกที่รู้จักกันเจ้าแทนก็สะกิดเจและถามว่า
แทน : "แกๆ แกว่าป่ะ ว่าผ้าพันคอน่าจะเป็นจากไก่เป็น สวอนเนอะ คงเอเลอเก้นต์น่าดู" .....นั้นละครับ 555 ตอนนั้นก็งงไปเลยแต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนคุย
เจ : "เห้ย รด.นะถ้าเป็นหงส์มันน่ารักไปป่าว"
แทน : "เออเนอะ ...."
และมันก็จะชอบถามตลอดว่าเห้ยแก ก้นเราเป็นไง หน้าเราเหมือนผู้หญิงมั้ย หรือคนอื่นเขาจะรู้มั้ยว่าเราเป็น นี้เราแอ๊บมากเลยนะ ซึ่งในความเป็นจริงถ้านิ่งๆก็ยังเดาไม่ออกเท่าไหร่ แต่มันพูดตลอดไม่หยุดหย่อน และท่าประจำคือ ท่าเดิน ที่ทุกคนร่วมโหวตว่าเหมือนมาจาก the sound of music คือแทนจากเดินกระโดดเหย่งๆ และก็หมุนมาคุยกับเพื่อน แต่กลับคนอื่นรู้ว่าเป็นตุ้ด 555+ เพราะนางกลัวคนที่นางแอบชอบกลัว ก็น่าจะกลัวอยู่นะ แทนพูดเสมอว่าชอบคนเถื่อนๆ จนเพื่อนให้ฉายาว่า "นักบริโภคของป่า" มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนเย็นของวันแรก แทนก็พูดๆว่าอยากรู้จักเด็กช่างที่ย้ายพลัดมาเหมือนกัน เราก็อ๋อลองชวนคุยดิแกชวนคุยเก่งอยู่แล้ว ซึ่งเราก็นึกว่าจะชวนคุยเรื่องปกติก็ไม่สนใจไร เพราะด้วยความที่แทนเฟรนลี่และชอบพูดไม่หยุดก็น่าจะเข้าหาคนอื่นง่ายแน่ ๆ แต่มันดันหันไปคุยกับคนเด็กช่างข้างหลัง ซึ่งเป็นเด็กช่างแบบเข้มๆ ล่ำๆ เถื่อนนิดๆ ด้วยคำถามที่ว่า
แทน : "แกๆ เคยดูเซเลอร์มูนป่ะ"
เจ : "เห้ย ...."ตอนนั้นเราก็ คิดในใจ เ_ี้ยแล้วไงล่ะ ก็อุทานประมาณให้แทนหยุด กลัวมันโดนต่อย555 ....แต่!
เด็กช่าง : "เคย ๆ ที่....กับ....สู้...." อธิบายได้เป็นฉากๆแบบเมามันส์กันมาก ก็คุยลามไปพริตตี้เคียว หน้าไอ้แทนนี้แบบว่า โห รู้ลึกกว่ากูอีก 555+
หลังจากนั้นแทนก็เฟดตัวออกมาด้วยความผิดหวัง ดุจแอบรักกับผู้ชานที่มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่น้องแท้ๆร่วมสายเลือกในละครหลังข่าว
หลังจากนั้นก็ไปที่พักกัน ระหว่างนั้นเอง พวกเราก็ต้องหาบัดดี้คู่นอนกัน ซึ่ง แทนก็แนะนำเพื่อนที่แทนได้มาจากความเฟรนลี่ให้มานอนกับผมนั้นคือ แมนซึ่งด้วยความที่ชื่อสองคนนี้เหมือนกันมาก เจจึงเรียกผิดๆถูก ๆ เสมอ แมนเป็นคนที่ใจดีเตี้ยๆ ใส่แว่นเหมือนกัน แต่ค่อนข้างทำตัวแปลกนิดนึง มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นนอนป่า หงายหน้าดูดาวเลยละด้วยความที่เราเป็นบัดดี้เราก็จะชวนคุยกัน และเราก็แนะนำบอกว่า
เจ : "เห้ยแกลองไปกิน ไอศครีม sfee ดีอร่อยดีนะ"
แมน : "ไม่รู้จักอ่ะ ...เอะ เซ็นทรัลลาดพร้ามจะมีรึปล่าวนะ" และเราก็คุยเรื่องอื่นไป หลังจากนั้นเราก็เดินไปเต้นท์ของแทน
เจ : "เห้ยแทน ทำไรอยู่ว่ะ เห็นยืนนิ่งเงียบเชียว"
แทน : "ส่องผู้ชาย....แก ๆ ว่าคนอื่นจะดูออกป่ะว่ะว่าเราเป็นอ่ะ?" อีกละ555 ดูไม่ออกเลยจ้า
เจ : "เอิ่ม....น่าจะออกนะ"
แทน : "เราคิดว่าเราแอ๊บแล้วนะ" ....ในใจนี้แบบอยากจะบอกความจริงก็เกรงใจ ว่าจริงๆแกออกอาการมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ยืนคนเดียวอยู่ดีก็เต้นเพลงเกาหลีขึ้นมา แบบท่าแบ๊ว ท่าที่เหมือนแมว กลางค่าย 5555 ดูไม่ออกเลยจริง จริ๊งงงง!!! ซักพักไอแมนก็เดินมา
แมน : "เจ เราถามพี่ชายแล้วนะ ไม่เห็นอะ" อยู่ ๆ แมนก็เดินมาด้วยหน้าตาแบบตื้นเต้นมา
เจ :"หา อะไรหรือ"
แมน :"ไอติมไง โทรไปหาพี่ชายให้เดินไปดูว่าห้างแถวบ้านมีมั้ย" .... โห้ยแมน ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ทุ่มทุนมากโทรให้พี่ชายเดินไปดูให้ ใส่ใจกับคำพูดเรามาก 555 จริงๆ มันก็เป็นคนดีนะ แต่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นทุกอย่างเราต้องทำให้ถึงจะเร็วกว่าไม่ว่าปูผ้ารองนอน เก็บกระเป๋า ซื้อน้ำ ซึ่งต่อมาคือข้าวเย็นในวันแรก โหย จากที่บอกว่าตอนเช้าเป็นไซเรนฮีลแล้ว ตอนกลางคืนนั้นหนักกว่า ด้วยความที่เจเป็นคนใส่แว่นเพราะสายตาสั้น การมองเห็นในที่มืดคือยากมาก ไฟของปีสามเป็นสีเหลือง นวลๆ ไม่ใช่หลอดสีขาว ทำให้ตาลายและมองยากมาก ผมก็เอาถาดไปรับเข้าอะไรเสร็จก็เห็นแมนไกลๆว่านั่งตรงต้นไม้ก็เดินไปนั่ง ข้าง ๆ ด้วยความที่แมนมันซื้อของช้าเราเลยเป็นคนซื้อน้ำให้ตลอด เราก็บอก "เอ้า ซื้อน้ำมาให้แล้วกินดิ" มันก็ดื่มไปก็ไม่มีอะไร เราก็ชวนคุย
เจ :"เห้ย แมนแกว่าป่ะกินข้าวใต้หลอดไฟเหลือง

เหมือนร้านปิ้งย่างข้างทางในซีรีย์เกาหลีเลยมองยากชิบ"
แมน :"....."เงียบ
เจ :"เป็นไรว่ะไม่คุยเลย " ไอแทนก็รับอาหารเสร็จก็เดินมาหา
แทน :"เห้ยเจแกมานั่งอะไรคนเดียวว่ะ"
เจ :"คนเดียวอะไร ก็นั่งกับแมนไง" เราก็หันไปมองเห้ยยย ไม่ใช่แมน ใครก็ไม่รู้ เขาก็ยิ้มให้นะ

แบบอายมากรีบลุกเดินออกมาเลย 5555

จะบอกกันแถมดื่มน้ำไอแมนหน้าตาเฉย What!!! หลังจากนั้นก็เรียกรวมฟังๆ และก็ปล่อยไปนอน เราก็เตรียมตัวปูถุงนอนในคืนวันแรกก่อนจะนอนอยู่ดีๆ ไอแมนก็มาขอบคุณเรา
แมน : "ขอบคุณนะ ที่ยอมเป็นบัดดี้กับเรา ช่วยเหลือเรา แกเป็นคนดีมากเลย ขนาดเพื่อนสนิทเรายังด่าเรา ทำอะไรก็ช้า เรารู้ตัวนะแต่พยายามแล้ว" โหยซึ้งมาก น้ำตาจะไหล และเราก็หลับ 555 ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าคนอื่นที่เขาทำอะไรบางอย่างไม่ได้อย่างใจเรา ไม่ใช่ไม่พยายามแต่ ที่สุดของเขาคือเท่านั้นจริง ๆการมาเข้าค่ายคนเดียวก็ทำให้เราได้เพื่อนดีๆหลายคน เหมือนกัน ยังมีเรื่องเยอะกว่านี้อีก นี้จะครบ 10000 ตัวอักษรเดียวมาต่อนะฮะ
ประสบการณ์เมื่อต้องฉายเดี่ยวผจญภัยใน ค่าย รด.ปีสาม!!!
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมาผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนอาชีวะที่หนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้เรียนรด. ชั้นปีที่ 3 ซึ่งปกติ รด. นั้นจะเรียน อาทิตย์ล่ะหนึ่งวันแล้วหลังจากเรียนจบหลักสูตรก็จะต้องสอบทฤษฎีและปฏิบัติ และหลังจากนั้นผู้กำกับ(ครูที่ดูแลเกี่ยวกับนักเรียน รด. ของแต่ละโรงเรียน) ก็จะแจ้งข่าวสารของนักเรียนว่ารร. เรานั้นจะได้ได้ไปผลัดไหน วันไหน ซึ่งหากพวกที่ได้ผ่านเข้าค่ายรด.ตอนปีสองมาแล้วก็จะไม่ค่อยกังวลมากเท่าไหร่ ตามปกติก็จะแค่เตรียมของและตัดผมก่อนไป
และแล้ววันเข้าค่ายก็มาถึง บอกเลยว่าวันนั้น พร้อมมาก มาถึงที่รวมพลเช้า เตรียมตัวมาอย่างดี ไม่มีความกังวลอะไรเลย และก็ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆรอครูฝึกเรียกรวมพลขึ้นรถ ปิ้ด ปิ้ด ปริ้ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้น นักเรียนรด. ก็เดินไปเข้าแถวปกติ ซึ่งข้างๆผมนั้นคือเพื่อนของผม "เบส" เบสเป็นเพื่อนที่รักเพื่อนนะเป็นคนที่กังวลเรื่องต่างๆไม่ว่าเรื่องตัวเอง หรือเรื่องเพื่อ ซึ่งเราสนิทกัน เราก็คุยเล่นกันว่าไปคราวนี้พร้อมมาก ไม่มีอะไรพลาดดด!!! ในตอนนั้นเองครูฝึกก็จะประกาศรายชื่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิไปเข้าค่ายภาคสนาม เราก็คุยกันว่าสงสัยคนที่ไม่ได้ไป แบบ โค้งสุดท้ายจะจบแล้วถ้าไม่ได้ไปนี้โคตรเฟลแน่ๆประมาณนี้ และเบสก็พูดมาว่าเล่นขึ้นมาในจังหวะที่ครูกำลังพูดรายชื่อที่ไม่มีสิทธิของ แต่ละโรงเรียน
"นาย....(ชื่อผม)......" เบสแค่พูดเล่นว่าชื่อผมไม่มีสิทธิไรงี้ เราก็หัวเราะ และจังหวะนั้นก็เป็นรายชื่อของโรงเรียนผม ซึ่งพวกผมมั่นใจมากว่าทุกคนได้ไป ไม่น่าจะมีอะไร
"นาย.......(ชื่อผม)......โรงเรียนวิทยาลัย......" เห้ย สตั้นไปหลายวิ หน้าไอ้เบส O_o เหว๋อ- ไอเราก็งง ๆ เดินออกไป ข้างหน้าตอนนั้นยอมรับว่าไม่รู้สึกอะไรเลยหน้าชาไปหมด
หลังจากนั้นเขาก็ให้คนที่อยู่ในแถวขึ้นรถไปเข้าค่าย เหลือแต่พวกผม ที่ไม่มีสิทธิไปเข้าค่าย ตอนนั้นมีประมาณ 10 กว่าคนได้ครับ แต่ละคนนี้หน้าละห้อยมองเพื่อนตาปริ้บ ๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็โรงเรียนละคนสองคน แต่ผมคืออยู่คนเดียว ตอนนั้นก็ถามครูฝึกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ครูฝึกก็บอกว่าพวกผมไม่ได้สอบซ่อมข้อเขียน ซึ่งตอนนั้น ก็งงกันเพราะแต่ละคนก็เข้าใจว่าตัวเองผ่านแล้ว ครูฝึกก็บอกแค่ว่าต้องติดต่อรร.และให้ผู้กำกับทำใบขอสอบซ่อม ซึ่งตอนนั้น ผู้กำกับของรร.เจนั้นไม่อยู่พาเด็กไปแข่งที่ต่างจังหวัดอยู่ ซึ่งตอนนั้นก็เลยพยายามถามครูฝึกว่าขอดูหลักฐานอื่นๆได้มั้ยฮะหรือทางแก้ไข อื่น เขาก็แนะนำให้ไปศูนย์ใหญ่
ตอนนั้นผมเลยนั่ง Taxi ไปคนเดียวเลยฮะ โทรหาแม่บอกว่าเกิดอย่างนี้ ๆ นะ แต่ตอนนี้กำลังไปศูนย์ใหญ่พยายามหาทางแก้อยู่ ตอนนั้นบอกตามตรงว่าไม่รู้เอาสติมาจากไหน เพราะปกติถ้าเจอปัญหาปุ๊ปผมจะทำอะไรไม่เป็นเลยฮะต้องรอแม่มาช่วยเสมอ แต่วันนั้น คือคิดอย่างเดียว ยังไงก็ต้องจบมาขนาดนี้แล้ว พอไปถึงที่ศูนย์รด. ผมก็เข้าไปหาหน่วยงานเขาก็ให้ดูหลักฐานว่าวันซ่อมผมไม่ได้มานะ แต่ถ้าอยากไปเข้าค่ายต้องซ่อมก่อนผมก็จัดการเรื่องเอกสาร ซึ่งตอนนั้นก็โอเค คงจะเป็นเราเองที่ผิดพลาดไม่ได้ตรวจสอบให้ดี ตอนนั้นดูสองสามรอบเห็นว่าไม่มีชื่อก็เลยไม่ได้สนใจ ซึ่งปัญหาของผมอาจจะเป็นเกิดจากฝนชื่อโรงเรียนิดเลยไม่มีรายชื่อตกในรายชื่อของโรงเรียนตัวเอง แต่ก็นอยครูที่โรงเรียนว่าทำไมเขาไม่บอกเรา เพราะที่ศูนย์บอกว่าโรงเรียนจะรู้รายชื่อก่อนไปเข้าค่าย ช่วงนั้นวิ่งวุ่นมากครับแบกเป้เข้าค่ายไปที่ต่าง ๆ (ขอข้ามช่วงระหว่างทำเอกสารนะฮะมีเรื่องดราม่าเยอะข้ามๆ )
ซึ่งหลังจากซ่อมเสร็จผมก็ได้พลัดที่ไปเข้าค่ายนั้นคือ พลัดสุดท้าย ซึ่งตอนนั้นก็กังวลเล็ก ๆ นะไปคนเดียวจะเป็นยังไง ซึ่งถ้าใครอยู่สถานการณ์แบบนั้นจะเข้าใจดีว่ามันจิตตกแค่ไหน ทั้งเรื่องไม่ได้ไปกับเพื่อน และหลายๆอย่างแถมมันเป็นช่วงใกล้สอบด้วยทำให้ตารางชีวิตมั่วไปหมด
และวันที่ไปเข้าค่ายก็มาถึง วันนั้น ผมก็แบกเป้ไปสวนเจ้าเชตุและก็มีทหารเข้ามาคุย พี่ๆ ที่นั้นใจดีมากฮะ เขาเคยเห็นผมครั้งหนึ่งแล้วเขาเลยรู้ว่าผมมีปัญหาอะไรเขาก็ช่วยเหลือเรื่อง แต่งกายอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากนั้นก็เรียกรวม และก็ประกาศรายชื่อปกติซึ่งพลัดสุดท้ายคือรวมพวกเก็บตกไม่สบายหรือเกิดปัญหา แล้วย้ายพลัดแบบผม ดังนั้นเด็กจะเยอะมาก และช่วงที่ตื่นเต้นก็มาถึง การประกาศรายชื่อเด็กไม่ได้ไป ซึ่ง...มีครับเป็นเด็กที่ได้พลัดสุดท้ายอยู่แล้วซึ่งพอเกิดปัญหาจะแก้ ยากกว่าพวกผมมากเพราะผมยังมีช่วงเวลาที่ซ่อมและไปพลัดสุดท้าย แต่นี้เป็นพลัดสุดท้ายแล้วซึ่งหมายความว่าถ้าเขาไม่ได้ไปก็คือไม่จบผมก็ไม่ รู้เหมือนกันว่าเกิดเหตุการณ์อะไรกับเขาบ้าง
พอขึ้นไปบนรถก็เลือกที่นั่งฮะผมก็นั่งติดหน้าต่าง ก็มีคนมานั่งข้างผม รถก็ออกไปปกติ ซึ่งระหว่างนั้นครูฝึกเขาก็จะวอสื่อสารกับระหว่างรถไม่ให้ขบวนรถนั้นแตก แต่บทสนทนาของครูฝึก....
"นี้คันหนึ่ง ใครกินผัดกระเพราบ้าง "
"คะน้าหมูกรอบ 2 กล่อง"
"เอ้ย เอาผัดเผ็ดหมูด้วย"
และเราก็บางออว่า อ๋อครูเขาสั่งข้าวกันบนรถ ก็ว่าทำไมโค้ดการสื่อสารเขาล้ำจัง ก็ได้แต่ฟังครูฝึกคุยกันและก็นั่งเงียบๆ คนที่นั่งข้างๆก้ไม่มีวี่แววว่าจะคุยด้วย ตอนนั้นผมก็ไม่กล้าชวนคุย ตอนนั้นก็ใกล้ถึงละผมก็เลยหยิบครีมกันแดดยูเซอรีนหลอดเล็ก ๆ ที่พกติดตัวขึ้นมาทาหน้าเพราะกาญจนบุรีแดดแรงมากตอนปีสองโดนแดดที่นั้นจนคันหน้ายิบเลย เลยพกมาเมื่อเราต้องทาหน้า ก็เลยหยิบโทรศัพท์มาส่องและก็ทา ๆ และคนข้างๆ ก็สะกิด เขายืนกระจกให้ โอ้วพกกระจกด้วย คือมันก็ไม่แปลกนะที่เราจะพกกระจกแต่ สัมภาระเราทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าใต้รถ ซึ่งตัวเราจะไม่มีของติดตัวเลยนอกจากของมีค่า แต่กระจกที่ข้างๆ ยืนให้นี้คือ A4!! มากว่าเก็บไว้ตรงไหนเราก็บอกไม่เป็นไร ขอบใจ หลังจากนั้นข้างๆก็หยิบกันแดดมาทาบ้าง ก็อ๋อจะทากันแดดก็คิดว่าไม่มีอะไร แต่สักพักหยิบมา 2 หลอด และหลอดนึ่งเป็นบานาน่าโบ้ท อีกหลอดคือ CC ครีม ตอนนั้นอึ้งในความสามารถมาก เขาใส่เสื้อรด.ที่ค่อนข้างรัดรูปแต่สามารถพกกระจก A4 ครีมกันแดด กับ CC ครีม ติดตัวได้โดยที่ดูไม่รู้เลยว่าเก็บตรงไหน แต่ก็งงเล็ก ๆว่าจะใช้ CC ทำไม
หลังจากนั้นก็ว่างกระเป๋าไปสถานีแรกอืม...... ไซเรนฮีล ชัดๆ ฝุ่นที่เยอะมากโดนลมพัดจนเป็นควัน ซึ่งปีสองกับปีสามต่างกันตรง ตอนปีสองจะอารมณ์เป็นพื้นดินมากกว่าทราย จะอากาศดีกว่า แต่ปีสาม บรรยากาศมันใช่มากอารมณ์เหมือนไซเรนฮีลสุดๆ เหมือนทะเลทรายมาก ซึ่งเราจะต้องเซ็นลายเซ็นเพื่อ จะเป็นหลักฐานว่าเรามาเข้าค่าย ช่วงนั้นก็มีเสียงฮือฮามาก เพราะพลัดที่เจมานั้นมีทั้ง ดารา และนายแบบ หน้าตาดีใช้ได้ใครก็อยากรู้จัก หลังจากเซ็นก็กินข้าว ฟังการยิงปืน ต่างๆ พอตอนเย็นเขาก็แบ่งกองร้อย ซึ่งในตอนนั้นก็ได้เพื่อนใหม่คนหนึ่ง นั้นคือ "แทน" แทนเป็นกระเทยตัวสูงบึกๆนิสัยดี และก็คนคนที่คุยเก่งมากชนิดที่พูดไม่หยุด ว่างก็พูดคนเดียว ครั้งแรกที่รู้จักกันเจ้าแทนก็สะกิดเจและถามว่า
แทน : "แกๆ แกว่าป่ะ ว่าผ้าพันคอน่าจะเป็นจากไก่เป็น สวอนเนอะ คงเอเลอเก้นต์น่าดู" .....นั้นละครับ 555 ตอนนั้นก็งงไปเลยแต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนคุย
เจ : "เห้ย รด.นะถ้าเป็นหงส์มันน่ารักไปป่าว"
แทน : "เออเนอะ ...."
และมันก็จะชอบถามตลอดว่าเห้ยแก ก้นเราเป็นไง หน้าเราเหมือนผู้หญิงมั้ย หรือคนอื่นเขาจะรู้มั้ยว่าเราเป็น นี้เราแอ๊บมากเลยนะ ซึ่งในความเป็นจริงถ้านิ่งๆก็ยังเดาไม่ออกเท่าไหร่ แต่มันพูดตลอดไม่หยุดหย่อน และท่าประจำคือ ท่าเดิน ที่ทุกคนร่วมโหวตว่าเหมือนมาจาก the sound of music คือแทนจากเดินกระโดดเหย่งๆ และก็หมุนมาคุยกับเพื่อน แต่กลับคนอื่นรู้ว่าเป็นตุ้ด 555+ เพราะนางกลัวคนที่นางแอบชอบกลัว ก็น่าจะกลัวอยู่นะ แทนพูดเสมอว่าชอบคนเถื่อนๆ จนเพื่อนให้ฉายาว่า "นักบริโภคของป่า" มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนเย็นของวันแรก แทนก็พูดๆว่าอยากรู้จักเด็กช่างที่ย้ายพลัดมาเหมือนกัน เราก็อ๋อลองชวนคุยดิแกชวนคุยเก่งอยู่แล้ว ซึ่งเราก็นึกว่าจะชวนคุยเรื่องปกติก็ไม่สนใจไร เพราะด้วยความที่แทนเฟรนลี่และชอบพูดไม่หยุดก็น่าจะเข้าหาคนอื่นง่ายแน่ ๆ แต่มันดันหันไปคุยกับคนเด็กช่างข้างหลัง ซึ่งเป็นเด็กช่างแบบเข้มๆ ล่ำๆ เถื่อนนิดๆ ด้วยคำถามที่ว่า
แทน : "แกๆ เคยดูเซเลอร์มูนป่ะ"
เจ : "เห้ย ...."ตอนนั้นเราก็ คิดในใจ เ_ี้ยแล้วไงล่ะ ก็อุทานประมาณให้แทนหยุด กลัวมันโดนต่อย555 ....แต่!
เด็กช่าง : "เคย ๆ ที่....กับ....สู้...." อธิบายได้เป็นฉากๆแบบเมามันส์กันมาก ก็คุยลามไปพริตตี้เคียว หน้าไอ้แทนนี้แบบว่า โห รู้ลึกกว่ากูอีก 555+
หลังจากนั้นแทนก็เฟดตัวออกมาด้วยความผิดหวัง ดุจแอบรักกับผู้ชานที่มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่น้องแท้ๆร่วมสายเลือกในละครหลังข่าว
หลังจากนั้นก็ไปที่พักกัน ระหว่างนั้นเอง พวกเราก็ต้องหาบัดดี้คู่นอนกัน ซึ่ง แทนก็แนะนำเพื่อนที่แทนได้มาจากความเฟรนลี่ให้มานอนกับผมนั้นคือ แมนซึ่งด้วยความที่ชื่อสองคนนี้เหมือนกันมาก เจจึงเรียกผิดๆถูก ๆ เสมอ แมนเป็นคนที่ใจดีเตี้ยๆ ใส่แว่นเหมือนกัน แต่ค่อนข้างทำตัวแปลกนิดนึง มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นนอนป่า หงายหน้าดูดาวเลยละด้วยความที่เราเป็นบัดดี้เราก็จะชวนคุยกัน และเราก็แนะนำบอกว่า
เจ : "เห้ยแกลองไปกิน ไอศครีม sfee ดีอร่อยดีนะ"
แมน : "ไม่รู้จักอ่ะ ...เอะ เซ็นทรัลลาดพร้ามจะมีรึปล่าวนะ" และเราก็คุยเรื่องอื่นไป หลังจากนั้นเราก็เดินไปเต้นท์ของแทน
เจ : "เห้ยแทน ทำไรอยู่ว่ะ เห็นยืนนิ่งเงียบเชียว"
แทน : "ส่องผู้ชาย....แก ๆ ว่าคนอื่นจะดูออกป่ะว่ะว่าเราเป็นอ่ะ?" อีกละ555 ดูไม่ออกเลยจ้า
เจ : "เอิ่ม....น่าจะออกนะ"
แทน : "เราคิดว่าเราแอ๊บแล้วนะ" ....ในใจนี้แบบอยากจะบอกความจริงก็เกรงใจ ว่าจริงๆแกออกอาการมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ยืนคนเดียวอยู่ดีก็เต้นเพลงเกาหลีขึ้นมา แบบท่าแบ๊ว ท่าที่เหมือนแมว กลางค่าย 5555 ดูไม่ออกเลยจริง จริ๊งงงง!!! ซักพักไอแมนก็เดินมา
แมน : "เจ เราถามพี่ชายแล้วนะ ไม่เห็นอะ" อยู่ ๆ แมนก็เดินมาด้วยหน้าตาแบบตื้นเต้นมา
เจ :"หา อะไรหรือ"
แมน :"ไอติมไง โทรไปหาพี่ชายให้เดินไปดูว่าห้างแถวบ้านมีมั้ย" .... โห้ยแมน ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ทุ่มทุนมากโทรให้พี่ชายเดินไปดูให้ ใส่ใจกับคำพูดเรามาก 555 จริงๆ มันก็เป็นคนดีนะ แต่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นทุกอย่างเราต้องทำให้ถึงจะเร็วกว่าไม่ว่าปูผ้ารองนอน เก็บกระเป๋า ซื้อน้ำ ซึ่งต่อมาคือข้าวเย็นในวันแรก โหย จากที่บอกว่าตอนเช้าเป็นไซเรนฮีลแล้ว ตอนกลางคืนนั้นหนักกว่า ด้วยความที่เจเป็นคนใส่แว่นเพราะสายตาสั้น การมองเห็นในที่มืดคือยากมาก ไฟของปีสามเป็นสีเหลือง นวลๆ ไม่ใช่หลอดสีขาว ทำให้ตาลายและมองยากมาก ผมก็เอาถาดไปรับเข้าอะไรเสร็จก็เห็นแมนไกลๆว่านั่งตรงต้นไม้ก็เดินไปนั่ง ข้าง ๆ ด้วยความที่แมนมันซื้อของช้าเราเลยเป็นคนซื้อน้ำให้ตลอด เราก็บอก "เอ้า ซื้อน้ำมาให้แล้วกินดิ" มันก็ดื่มไปก็ไม่มีอะไร เราก็ชวนคุย
เจ :"เห้ย แมนแกว่าป่ะกินข้าวใต้หลอดไฟเหลือง
แมน :"....."เงียบ
เจ :"เป็นไรว่ะไม่คุยเลย " ไอแทนก็รับอาหารเสร็จก็เดินมาหา
แทน :"เห้ยเจแกมานั่งอะไรคนเดียวว่ะ"
เจ :"คนเดียวอะไร ก็นั่งกับแมนไง" เราก็หันไปมองเห้ยยย ไม่ใช่แมน ใครก็ไม่รู้ เขาก็ยิ้มให้นะ
แมน : "ขอบคุณนะ ที่ยอมเป็นบัดดี้กับเรา ช่วยเหลือเรา แกเป็นคนดีมากเลย ขนาดเพื่อนสนิทเรายังด่าเรา ทำอะไรก็ช้า เรารู้ตัวนะแต่พยายามแล้ว" โหยซึ้งมาก น้ำตาจะไหล และเราก็หลับ 555 ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าคนอื่นที่เขาทำอะไรบางอย่างไม่ได้อย่างใจเรา ไม่ใช่ไม่พยายามแต่ ที่สุดของเขาคือเท่านั้นจริง ๆการมาเข้าค่ายคนเดียวก็ทำให้เราได้เพื่อนดีๆหลายคน เหมือนกัน ยังมีเรื่องเยอะกว่านี้อีก นี้จะครบ 10000 ตัวอักษรเดียวมาต่อนะฮะ