
ทริปนั่งรถไฟไปมาเลเซีย จดๆจ้องๆอยู่นาน รอหาเพื่อนไปด้วยก็หยุดไม่ตรงกันอีก ก็เลยไปคนเดียวก็ได้... เป็น 8 วันที่ได้ความรู้สึกไม่ซ้ำกันสักวันจริงๆ เราเริ่มเดินทางจากสถานีรถไฟนครปฐม ไปปีนัง มะละกา ปุตราจายา กัวลาลัมเปอร์ ไปโดยรถไฟ ส่วนขากลับเครื่องบินค่ะ เลยเอาข้อมูลมาแบ่งกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่กำลังจะไปเที่ยวมาเลเซียค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายเราทำสรุปมาให้เท่าที่จำได้ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ (รูปถ่ายจากกล้องมือถือล้วนๆค่ะ อาจจะมีชัดบ้างเบลอบ้างปนๆกันไปนิดหนึ่งนะคะ)
ค่ารถไฟ 1,190 บาท
ค่าเครื่องบินขากลับ 1,480 บาท
ที่พัก
ค่าที่พักปีนัง Kimberley House 1 คืน 225 บาท
ค่าที่พักมะละกา Olive flashpacker 3 คืน คืนละ 250*3 =750 บาท
ค่าที่พักกัวลาลัมเปอร์ Pods Backpacker 1 คืน 350 บาท
รวม 1,325 บาท
รถไฟ, รถโดยสาร, เรือ
ค่าเรือจากบัตเตอร์เวอรธ์ข้ามไปปีนัง 12 บาท
ค่ารถจากปีนังไปมะละกา 550 บาท
ค่ารถจากMaleka Sentral เข้าเมือง 15 บาท
ค่ารถจากมะละกาไปกัวลาลัมเปอร์ 160 บาท
ค่ารถไฟจากสถานีTasek Selatan ไป KL sentral 24 บาท
ค่ารถไฟจาก Kl sentral ไปเมืองปุตราจายา(ไป-กลับ) เที่ยวละ 140*2 =280 บาท
ค่ารถไฟฟ้าจาก KL sentral ไป KLCC (ตึกปิโตรนาส) (ไป-กลับ) เที่ยวละ 24*2 = 48 บาท
ค่ารถไฟฟ้าจาก KL sentral ไป สนามบิน Klia2 550 บาท
รวม 1,639 บาท
ค่ากินข้าว กินขนม เข้าพิพิธภันฑ์ และอื่นๆ ประมาณ 2,500 บาท
รวมทั้งสิ้น 8,134 บาท

#1 รถไฟ ปู๊นๆ
-เราเริ่มเดินทางจากนครปฐม ตั๋วรถไฟ นครปฐม บัตเตอร์เวอร์ธ ราคา 1,190บาทถ้วน ตั๋วสามารถซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ในสถานีรถไฟค่ะ เขาไม่มีบริการโทรจอง ถ้ากรุงเทพซื้อที่หัวลำโพง ถ้าเป็นชาวนครปฐมก็ซื้อได้ที่สถานีรถไฟนครปฐมเลยค่ะ บอกว่าไปบัตเตอร์เวอร์ธ เราจองล่วงหน้าประมาณเดือนหนึ่งค่ะ
- การเลือกที่นั่ง(มันจะกลายเป็นที่นอนเราด้วย) หัวเด็ดทีนขาดยังไง ถ้าตั๋วไม่เต็มจนเลือกไม่ได้ ให้ยืนยัน นั่งยัน นอนยันกับคนขายเลยว่า อิชั้นขอเตียงล่างเถอะนะคะ

เพราะว่ามันจะสบายกว่าเตียงบนมากก ไม่ต้องปีนป่าย เตียงกว้างขวางกว่าข้างล่างด้วย
-เบอร์ที่นั่ง หลังจากเลือกเตียงล่าง เตียงบนแล้ว เบอร์ที่นั่งก้อสำคัญ สำหรับสายนี้ โบกี้อื่นเราไม่รู้(จริงๆมันมีแค่2โบกี้ ต่อเที่ยว มั๊ง?) แต่ของโบกี้เรา ทำเลทองคือที่นั่งหมายเลขดังต่อไปนี้..นี่จดมาให้ด้วย 17 18 21 22 ทำเลทองที่ว่าคือปลั๊กไฟจ้าาาา มันคือขุมพลังงานแห่งเดียวบนรถไฟในโบกี้ของเรา มีรูปลั๊กสี่อันถ้วน ต้องแย่งชิงกันประหนึ่งมาหยารัศมีตบแย่งคุณภาคจากดาวพระศุกร์

(ถ้าใครเกทแสดงว่าเรารุ่นเดียวกัน) แต่ว่าเบอร์ 17 กับ 21 จะเป็นเตียงบนนะ แต่ปลั๊กจะสูงระดับหัวนอนพอดี อันนี้แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้เดินทาง
-อาหารเสบียง เตรียมมาก้อดี เพราะอาหารบนรถไฟนั้นนอกจากจะราคาระยิบแล้ว รสชาดก้อ...อืมนะ

ถ้าไม่หนักหนาอะไรก้อพกน้ำขนมอะไรมาเถอะ แต่ถ้าจะหวังรอดักพ่อค้าแม่ค้า ที่จะเดินขึ้นมาขายข้างบนนั้น พูดเลยว่าไม่มี มีแต่น้อยมาก เพราะมันเป็นขบวนพิเศษจอดเร็วออกไว เลยไม่มีใครขึ้นมาขายของ ส่วนเราสอยมาได้แค่ก๋วยเตี๋ยวสองห่อ น่าจะประมาณสถานีราชบุรี
-ห้องน้ำบนรถไฟ มีอ่างล้างหน้าแปลงฟัน สะอาดสะอ้านดี มีฝักบัวให้อาบน้ำด้วย

#2 stamp passport ขาเข้า
-รถไฟวิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีหาดใหญ่ซึ่งรถไฟจะจอดสักพักหนึ่ง เวลาจะประมาณเก้าโมงเช้า ตรงนี้จะมีเหนี่ยวไก่ขึ้นมาขายด้วย พอรถไฟออกจากสถานีหาดใหญ่ จะถึงสถานีประดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) ให้เตรียมเก็บข้าวของสัมภาระได้เลยนะจ๊ะ รถไฟจะจอดอีกทีที่สถานนีประดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย พอจอดปุ๊ปให้เรารีบลง ตอนลงเอาข้าวของทั้งหมดของเราลงมาด้วย เพราะต้องเปลี่ยนขบวน และทุกอย่างรอบตัว จะไม่ชินตาเราต่อไป จากทหารชุดเขียวลายพรางก้อจะเปลี่ยนเป็นชุดสีกรมน้ำเงินๆ ภาษาไทยก็จะไม่มีให้เห็น เพราะว่าบัดนี้เราได้มาถึงประเทศมาเลเซียแล้ว แถมเวลายังเปลี่ยนอีก! (อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วกว่าไทย1ชั่วโมงด้วยนะคะ เวลามาเลไวกว่าเราหนึ่งชั่วโมงค่ะ ) จากนั้นก้อลงมาต่อคิว รอปั๊มพาสปอต ตรงนี้ไม่ซับซ้อน ไม่มีการต้องใช้ทักษะทางภาษาเพื่อการสื่อสารแต่อย่างใด ยิ้มสวยๆยื่นพาสปอตให้คุณพี่พนักงานในตู้ มองกล้อง สแกนนิ้ว แล้วพนักงานก้อประทับตาบนพาสปอตให้ เป็นอันเสร็จสิ้น เป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าฉันเข้าประเทศเธอได้แล้วนะ เสร็จแล้วก้อเดินๆตามแถวกันไปแหละ จะเจอทางออก ทางออกจะมาโผล่ตรงชานชาลาเดิมที่เราลง แต่จะมีรถไฟขบวนใหม่หน้าตาเก๋ไก๋มาจอดรอเราแทน เห็นเรียกกันว่ารถ KTM ย่อจากอะไรไม่รู้ ถ้าใครรู้บอกด้วย ..แล้วก็ตั๋วเขียวๆขาวๆ ของรถไฟที่เรามาจากไทยอย่าทิ้งนะจ๊ะ เพราะต้องให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟตรวจอีกทีด้วย จากนี้เราก็จะนั่งยาวไปจนถึงสถานีบัตเตอร์เวริธ์กันเลย ถามว่านานไหม? นานค่ะ นอนหลับไปเลย แอร์เย็นเฉียบเบาะนุ่ม สถานีบัตเตอร์เวริธ์จะอยู่สุดสาย ระหว่างทางรถไฟจะจอดรับผู้โดยสารจากสถานนีระหว่างทางด้วย

#3 ถึงบัตเตอร์เวอร์ธแล้วจ้า ข้ามไปปีนังกันเถอะ
- อันนี้ตามที่เพื่อนๆในpantip หลายคนได้มารีวิวไว้แล้วเลยค่ะ ว่าถ้าข้ามไปเกาะปีนังนั้นเราต้องนั่งเรือไปกัน พอรถไฟจอด เดินออกมา จะเจอป้ายนี้ ไม่ต้องตกใจว่าไหนรูปเรือ? แล้วเราจะไปขึ้นเรือข้ามไปปีนังที่ไหน ตอบ!!??!!!! ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเรานั้นตกใจไปแล้วเหมือนกัน555 ใจเย็นๆค่ะ เดินวนไป ไม่ใช่!!! ถ้าเมื่อยก้อเลี้ยวซ้ายมีลิฟท์ ถ้ามีแรงก็เดินลงขวามีบันได เดินลงไปข้างล่างจะเคว้งคว้างกว่าเดิมนิดหน่อยอีก ไม่ต้องกลัว ให้หันหน้าออกถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดินค่ะ พลางสังเกตป้ายสีแดงๆเล็กๆ เล็กจริงๆ เขียนว่า Ferri นี่แหละค่ะแสดงว่ามาถูกทางแล้ว ระยะทางไปท่าเรือนี่ก็ใช่เล่น! ต้องขึ้นบันได ลงบันได เดินขึ้นทางลาด กว่าจะถึงนี่ก็ทำเราหอบอยู่เหมือนกัน พอถึงท่าเรือจะมีตู้อยู่ทางซ้าย มีคนนั่งข้างใน ให้เดินไปแลกเหรียญที่เขา สำหรับขึ้นเรือ มันคือเคาท์เตอร์แลกเหรียญนะ ไม่ได้ขายตั๋ว ไม่ต้องไปบอกเขาว่า ฉันขอ 1 ticket 2 tickets 2 people อะไรให้เมื่อย ยื่นแบงค์ไปเลยค่ะ (เพราะตรงนี้เราเอ๋อมาแล้ว

ยื่นแบงค์ไปสองใบ เขาส่งเหรียญกลับมา ก็เข้าใจว่าคือเงินทอน แล้วไปถามหาไหนตั๋วไอล่ะยูวว?? อิลุงขายตั๋วไล่เลย โกวๆๆๆๆ โนทิกเกตๆ 5555) แต่ถ้ามีเหรียญมาแล้วก้อเดินไปหยอดลงตรงทางเข้าได้เลย แล้วเลื่อนที่กั้นเข้าไป คล้ายๆช่องเข้า MRTบ้านเรา ตั๋วราคา 1.20rm
-เดินเข้าไปปุ๊ปจะมีม้านั่ง ม้านั่งแต่คนยืน(ไม่ขำ ข้ามไปเน๊าะ) มีที่นั่งเป็นม้านั่งยาวๆแปดเก้าตัว ไว้นั่งรอเรือข้ามฝั่ง สิบห้านาทีเรือก็จะมา เป็นเฟอร์รี่ลำใหญ่ จะมีทั้งคนทั้งรถอยู่บนเรือด้วยกัน ถ้าอยากวิวดีให้นั่งฝั่งซ้ายเพราะจะเห็นสะพานปีนัง(น่าจะใช่) ยาวๆเหมือนโกลเด้นเกต ถ้ากล้องแพงเลนส์ซูมได้ละเอียดถึงดาวอังคาร(ไกลไป!!) ก็ถ่ายรูปได้ตามอัธยาสัยจนกว่าจะถึงฝั่งปีนังกันเลยค่ะ..

#4 ถึงปีนังแล้วทำยังไงต่อ?
-พอเรือจอดเทียบท่าถึงฝั่งปีนัง เราก็เดินออกจากท่าเรือมาตามทางเลยค่ะ มันจะเป็นทางบังคับ ซึ่งเราจะเลี้ยวออกนอกลู่นอกทางไปไหนไม่ได้เลย แล้วเราก็จะเจอสถานีรถบัส พอมาถึงไม่ต้องยืนดูจอที่มันโชว์เบอร์รถให้เสียเวลาค่ะ (เพราะมันน่างงมากอิจอนั่น ทั้งตัวเลขตัวอักษรวิ่งกันวุ่นวายยังกับตลาดหุ้น) ให้เดินเข้าไปที่เลนขวาสุดเลยค่ะ จนถึงเลนสุดท้ายเลย จะเห็นคำว่า CAT LANE มันคือที่จอดรถบัสฟรีค่ะ ถ้าไม่เจอรถแบบในภาพก็ให้ยืนรอสวยๆ หรือจะยืนเช็ดเลนส์กล้องรอไปก่อนพลางๆได้ รถจะมาทุกถึงสิบห้าถึงยี่สิบนาที รถCAT คือบัสฟรีที่วิ่งวนรอบเมืองโดยเริ่มจากท่าเรือไปจอดที่ตึก Komtar รอบแรกไม่ทราบว่ากี่โมง แต่รอบสุดท้ายคือสี่ทุ่มค่ะ
-ตึก KOMTAR เป็นตึกที่สูงที่สุดในปีนัง อยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเดินหลงออกแหล่งชุมชนผู้คนไปไกลขนาดไหน ถ้าจะกลับก็ให้มองตึกนี้ไว้แล้วเดินเข้ามาหามันค่ะ Komtar จะฟีลแบบพันทิพบ้านเรา ไม่ก็พวกโรบินสันที่พ่วงติดกับเซนทรัลไรงี้ ตึกใหญ่มากกกก มีหลายๆห้างเชื่อมๆกันในตึก และทุกอย่างหาซื้อได้ในตึกนี้
-ซิมโทรศัพท์ ซื้อได้ที่ตึกKomtarนี่เช่นกันค่ะ มีเยอะมาก หลากหลายยี่ห้อ เราใช้วิธีสุ่มๆไปสักร้าน แล้วบอกเขาไปว่าจะเน้นโทรหรือเน้นเนต อยู่กี่วัน เราเลือกแบบเล่นเนตมากกว่าโทร 2GB 30rm เท่ากับ 300 บาทไทย จะบอกว่าคุ้มมากค่ะ เนตไวมาก ไม่ว่าจะเดินไปอยู่หลืบไหนเนตก็เร็วและแรงตลอด
เนื่องจากรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับในปีนังได้มีเพื่อนๆมารีวิวไว้เยอะพอสมควรแล้ว เราขออนุญาติข้ามไปถึงการเดินทางจากปีนังไปมะละกาเลยนะคะ

#5 บ๊ายบายปีนัง แล้วเรามานั่งรถไปมะละกากันเถอะ
-ก่อนอื่นเราไปหาตั๋วรถกันก่อนค่ะ ให้เดินเลาะๆไปข้างตึก KOMTAR คือหัวหน้าเข้าตัวตึก แล้วเดินไปข้างขวามือ เราก็จะพบกับบริษัทรถทัวร์มากมาย เหมือนในรูปค่ะ มีไปหลากหลายเส้นทางมาก เราเลือกของ SEASON ค่ะ ตอนจองรถ เราแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อยหนึ่งวันก็ดีนะคะ เพราะตั๋วอาจเต็มได้ แล้วอาจไม่ได้ไปตามเวลาที่เราต้องการ ตอนจองตั๋วเขาจะมีผังที่นั่งให้เลือกค่ะ ส่วนจุดขึ้นรถก็คือตรงที่ซื้อนี่แหละค่ะ เราเลือกรอบสุดท้าย คือรอบห้าทุ่มเพราะจะได้มีเวลาเดินเล่นในปีนังต่อ พอถึงเวลาเดินทางเราก็สามารถนอนหลับไปบนรถได้เลยค่ะ
จะใช้เวลา 6-7 ชั่วโมงเลยค่ะกว่าจะถึงมะละกา แล้วก็ในรถแอร์เย็นมากค่ะยิ่งดึกยิ่งหนาว บนรถเขานั้นก็ไม่มีผ้าห่มเหมือนรถทัวร์บ้านเรา แนะนำว่าก่อนเก็บกระเป๋าใต้ท้องรถ ให้หยิบผ้าสำหรับห่มหรือเสื้อกันหนาวติดขึ้นไปด้วยค่ะ แล้วหลับไปยาวๆเลย ตื่นกันอีกที ก็มะละกาเลยค่ะ แต่ระหว่างทางรถจะจอดแวะจุดพักรถหนึ่งครั้งด้วยค่ะ สามารถวิ่งไปเข้าห้องน้ำได้

#6 สวัสดีมะละกา มาแล้วนะ
-หลังจากที่เราหลับคอพับคออ่อนกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน เราก็มาถึงมะละกาสักที โดยรถจะจอดที่ Meleka Sentral เป็นเหมือนสถานีขนส่งบ้านเราค่ะ ข้างในมีร้านอาหาร ร้านขายซิมโทรศัพท์ ที่แลกเงิน ตอนนั้นเราถึงมะละกาประมาณหกโมงเช้าค่ะ ร้านรวงเลยยังไม่ค่อยเปิดกันเท่าไร จากนั้นเราก็เดินไปหารถบัสเข้าในเมืองกันค่ะ เดินไปเลยค่ะที่ Platform 17 ถ้ารถยังไม่มาก็นั่งตากแอร์ด้านในได้ค่ะ โดยรถเบอร์17 จะวิ่งวนค่ะและผ่านจุดสำคัญๆด้วยเช่น Dutch Square วิธีการจ่ายค่ารถนั้น คุณคนขับจะเป็นคนเก็บค่ะ ขับเองเก็บเองค่ะ เก่งจริงๆทำงานได้หลายฟังซ์ชันมาก555+ จ่ายที่คนขับตอนขึ้นเลยค่ะ ในการท่องเที่ยวในมะละกานั้น เดินได้สบายๆเลยค่ะ เพราะมันอยู่ติดๆกันหมดค่ะ
-สภาพอากาศ ถ้าถามว่าร้อนไหม ตอบเลยว่า ไหม้ค่ะ!! ร้อนมากกกกกก ก ล้านตัว บวกไม้ยมกไปอีกสิบห้าตัว ร้อนขนาดเราต้องอาบน้ำวันละ 3 รอบ (การเลือกโฮสเทลที่อยู่ใกล้ๆแหล่งท่องเที่ยวนี่คือข้อดีเลยค่ะ เพราะในระหว่างเดินเที่ยวท่ามกลางแดดสี่สิบกว่าองศานั้น หากมันร้อนจนพีคมาก เราจะสามารถเดินกลับที่พักไปอาบน้ำ หรือนอนตากแอร์พักผ่อนได้ค่ะ พอดีขึ้นก็ออกมาอีกรอบ )
-จุดท่องเที่ยว คือแทบทั้งหมดจะอยู่ติดๆกันเลยค่ะ เริ่มต้นจาก Dutch Square หรือจตุรัสแดงนั่นแหละค่ะ จุดแลนด์มาร์คอื่นๆจะอยู่ติดๆกันไปค่ะ เดินง่ายไม่มีหลงแน่นอน เดินๆตามกลุ่มคนไปได้เลยค่ะ คนจะเยอะมากย่านนั้น ส่วนพิพิธภัณฑ์นี่มีเยอะมากกกก ค่าเข้าเฉลี่ยที่ 2-5 rm ค่ะ แล้วก็มีข้อควรระวังนิดหนึ่งนะคะ เราเจอมากับตัว เวลาเข้าออกพิพิธภัณฑ์ คือเวลาจะเข้าออกนี่ให้ดูผู้คนด้วยนะคะ เพราะเราโดนขังในพิพิธภัณฑ์มาแล้ว แต่พอนึกถึง เราว่ามันก็เป็นเรื่องตลกที่น่าอับอายซะมากกว่า

ครบ 10000 ตัวอักษรพอดี ขออนุญาตไปต่อที่โพสใหม่นะคะ
มานั่งรถไฟไปมาเลเซียกันไหมเธอ 8 วัน 4 เมือง
ค่ารถไฟ 1,190 บาท
ค่าเครื่องบินขากลับ 1,480 บาท
ที่พัก
ค่าที่พักปีนัง Kimberley House 1 คืน 225 บาท
ค่าที่พักมะละกา Olive flashpacker 3 คืน คืนละ 250*3 =750 บาท
ค่าที่พักกัวลาลัมเปอร์ Pods Backpacker 1 คืน 350 บาท
รวม 1,325 บาท
รถไฟ, รถโดยสาร, เรือ
ค่าเรือจากบัตเตอร์เวอรธ์ข้ามไปปีนัง 12 บาท
ค่ารถจากปีนังไปมะละกา 550 บาท
ค่ารถจากMaleka Sentral เข้าเมือง 15 บาท
ค่ารถจากมะละกาไปกัวลาลัมเปอร์ 160 บาท
ค่ารถไฟจากสถานีTasek Selatan ไป KL sentral 24 บาท
ค่ารถไฟจาก Kl sentral ไปเมืองปุตราจายา(ไป-กลับ) เที่ยวละ 140*2 =280 บาท
ค่ารถไฟฟ้าจาก KL sentral ไป KLCC (ตึกปิโตรนาส) (ไป-กลับ) เที่ยวละ 24*2 = 48 บาท
ค่ารถไฟฟ้าจาก KL sentral ไป สนามบิน Klia2 550 บาท
รวม 1,639 บาท
ค่ากินข้าว กินขนม เข้าพิพิธภันฑ์ และอื่นๆ ประมาณ 2,500 บาท
รวมทั้งสิ้น 8,134 บาท
#1 รถไฟ ปู๊นๆ
-เราเริ่มเดินทางจากนครปฐม ตั๋วรถไฟ นครปฐม บัตเตอร์เวอร์ธ ราคา 1,190บาทถ้วน ตั๋วสามารถซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ในสถานีรถไฟค่ะ เขาไม่มีบริการโทรจอง ถ้ากรุงเทพซื้อที่หัวลำโพง ถ้าเป็นชาวนครปฐมก็ซื้อได้ที่สถานีรถไฟนครปฐมเลยค่ะ บอกว่าไปบัตเตอร์เวอร์ธ เราจองล่วงหน้าประมาณเดือนหนึ่งค่ะ
- การเลือกที่นั่ง(มันจะกลายเป็นที่นอนเราด้วย) หัวเด็ดทีนขาดยังไง ถ้าตั๋วไม่เต็มจนเลือกไม่ได้ ให้ยืนยัน นั่งยัน นอนยันกับคนขายเลยว่า อิชั้นขอเตียงล่างเถอะนะคะ
-เบอร์ที่นั่ง หลังจากเลือกเตียงล่าง เตียงบนแล้ว เบอร์ที่นั่งก้อสำคัญ สำหรับสายนี้ โบกี้อื่นเราไม่รู้(จริงๆมันมีแค่2โบกี้ ต่อเที่ยว มั๊ง?) แต่ของโบกี้เรา ทำเลทองคือที่นั่งหมายเลขดังต่อไปนี้..นี่จดมาให้ด้วย 17 18 21 22 ทำเลทองที่ว่าคือปลั๊กไฟจ้าาาา มันคือขุมพลังงานแห่งเดียวบนรถไฟในโบกี้ของเรา มีรูปลั๊กสี่อันถ้วน ต้องแย่งชิงกันประหนึ่งมาหยารัศมีตบแย่งคุณภาคจากดาวพระศุกร์
-อาหารเสบียง เตรียมมาก้อดี เพราะอาหารบนรถไฟนั้นนอกจากจะราคาระยิบแล้ว รสชาดก้อ...อืมนะ
-ห้องน้ำบนรถไฟ มีอ่างล้างหน้าแปลงฟัน สะอาดสะอ้านดี มีฝักบัวให้อาบน้ำด้วย
#2 stamp passport ขาเข้า
-รถไฟวิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีหาดใหญ่ซึ่งรถไฟจะจอดสักพักหนึ่ง เวลาจะประมาณเก้าโมงเช้า ตรงนี้จะมีเหนี่ยวไก่ขึ้นมาขายด้วย พอรถไฟออกจากสถานีหาดใหญ่ จะถึงสถานีประดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) ให้เตรียมเก็บข้าวของสัมภาระได้เลยนะจ๊ะ รถไฟจะจอดอีกทีที่สถานนีประดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย พอจอดปุ๊ปให้เรารีบลง ตอนลงเอาข้าวของทั้งหมดของเราลงมาด้วย เพราะต้องเปลี่ยนขบวน และทุกอย่างรอบตัว จะไม่ชินตาเราต่อไป จากทหารชุดเขียวลายพรางก้อจะเปลี่ยนเป็นชุดสีกรมน้ำเงินๆ ภาษาไทยก็จะไม่มีให้เห็น เพราะว่าบัดนี้เราได้มาถึงประเทศมาเลเซียแล้ว แถมเวลายังเปลี่ยนอีก! (อย่าลืมปรับเวลาให้เร็วกว่าไทย1ชั่วโมงด้วยนะคะ เวลามาเลไวกว่าเราหนึ่งชั่วโมงค่ะ ) จากนั้นก้อลงมาต่อคิว รอปั๊มพาสปอต ตรงนี้ไม่ซับซ้อน ไม่มีการต้องใช้ทักษะทางภาษาเพื่อการสื่อสารแต่อย่างใด ยิ้มสวยๆยื่นพาสปอตให้คุณพี่พนักงานในตู้ มองกล้อง สแกนนิ้ว แล้วพนักงานก้อประทับตาบนพาสปอตให้ เป็นอันเสร็จสิ้น เป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าฉันเข้าประเทศเธอได้แล้วนะ เสร็จแล้วก้อเดินๆตามแถวกันไปแหละ จะเจอทางออก ทางออกจะมาโผล่ตรงชานชาลาเดิมที่เราลง แต่จะมีรถไฟขบวนใหม่หน้าตาเก๋ไก๋มาจอดรอเราแทน เห็นเรียกกันว่ารถ KTM ย่อจากอะไรไม่รู้ ถ้าใครรู้บอกด้วย ..แล้วก็ตั๋วเขียวๆขาวๆ ของรถไฟที่เรามาจากไทยอย่าทิ้งนะจ๊ะ เพราะต้องให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟตรวจอีกทีด้วย จากนี้เราก็จะนั่งยาวไปจนถึงสถานีบัตเตอร์เวริธ์กันเลย ถามว่านานไหม? นานค่ะ นอนหลับไปเลย แอร์เย็นเฉียบเบาะนุ่ม สถานีบัตเตอร์เวริธ์จะอยู่สุดสาย ระหว่างทางรถไฟจะจอดรับผู้โดยสารจากสถานนีระหว่างทางด้วย
#3 ถึงบัตเตอร์เวอร์ธแล้วจ้า ข้ามไปปีนังกันเถอะ
- อันนี้ตามที่เพื่อนๆในpantip หลายคนได้มารีวิวไว้แล้วเลยค่ะ ว่าถ้าข้ามไปเกาะปีนังนั้นเราต้องนั่งเรือไปกัน พอรถไฟจอด เดินออกมา จะเจอป้ายนี้ ไม่ต้องตกใจว่าไหนรูปเรือ? แล้วเราจะไปขึ้นเรือข้ามไปปีนังที่ไหน ตอบ!!??!!!! ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเรานั้นตกใจไปแล้วเหมือนกัน555 ใจเย็นๆค่ะ เดินวนไป ไม่ใช่!!! ถ้าเมื่อยก้อเลี้ยวซ้ายมีลิฟท์ ถ้ามีแรงก็เดินลงขวามีบันได เดินลงไปข้างล่างจะเคว้งคว้างกว่าเดิมนิดหน่อยอีก ไม่ต้องกลัว ให้หันหน้าออกถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดินค่ะ พลางสังเกตป้ายสีแดงๆเล็กๆ เล็กจริงๆ เขียนว่า Ferri นี่แหละค่ะแสดงว่ามาถูกทางแล้ว ระยะทางไปท่าเรือนี่ก็ใช่เล่น! ต้องขึ้นบันได ลงบันได เดินขึ้นทางลาด กว่าจะถึงนี่ก็ทำเราหอบอยู่เหมือนกัน พอถึงท่าเรือจะมีตู้อยู่ทางซ้าย มีคนนั่งข้างใน ให้เดินไปแลกเหรียญที่เขา สำหรับขึ้นเรือ มันคือเคาท์เตอร์แลกเหรียญนะ ไม่ได้ขายตั๋ว ไม่ต้องไปบอกเขาว่า ฉันขอ 1 ticket 2 tickets 2 people อะไรให้เมื่อย ยื่นแบงค์ไปเลยค่ะ (เพราะตรงนี้เราเอ๋อมาแล้ว
-เดินเข้าไปปุ๊ปจะมีม้านั่ง ม้านั่งแต่คนยืน(ไม่ขำ ข้ามไปเน๊าะ) มีที่นั่งเป็นม้านั่งยาวๆแปดเก้าตัว ไว้นั่งรอเรือข้ามฝั่ง สิบห้านาทีเรือก็จะมา เป็นเฟอร์รี่ลำใหญ่ จะมีทั้งคนทั้งรถอยู่บนเรือด้วยกัน ถ้าอยากวิวดีให้นั่งฝั่งซ้ายเพราะจะเห็นสะพานปีนัง(น่าจะใช่) ยาวๆเหมือนโกลเด้นเกต ถ้ากล้องแพงเลนส์ซูมได้ละเอียดถึงดาวอังคาร(ไกลไป!!) ก็ถ่ายรูปได้ตามอัธยาสัยจนกว่าจะถึงฝั่งปีนังกันเลยค่ะ..
#4 ถึงปีนังแล้วทำยังไงต่อ?
-พอเรือจอดเทียบท่าถึงฝั่งปีนัง เราก็เดินออกจากท่าเรือมาตามทางเลยค่ะ มันจะเป็นทางบังคับ ซึ่งเราจะเลี้ยวออกนอกลู่นอกทางไปไหนไม่ได้เลย แล้วเราก็จะเจอสถานีรถบัส พอมาถึงไม่ต้องยืนดูจอที่มันโชว์เบอร์รถให้เสียเวลาค่ะ (เพราะมันน่างงมากอิจอนั่น ทั้งตัวเลขตัวอักษรวิ่งกันวุ่นวายยังกับตลาดหุ้น) ให้เดินเข้าไปที่เลนขวาสุดเลยค่ะ จนถึงเลนสุดท้ายเลย จะเห็นคำว่า CAT LANE มันคือที่จอดรถบัสฟรีค่ะ ถ้าไม่เจอรถแบบในภาพก็ให้ยืนรอสวยๆ หรือจะยืนเช็ดเลนส์กล้องรอไปก่อนพลางๆได้ รถจะมาทุกถึงสิบห้าถึงยี่สิบนาที รถCAT คือบัสฟรีที่วิ่งวนรอบเมืองโดยเริ่มจากท่าเรือไปจอดที่ตึก Komtar รอบแรกไม่ทราบว่ากี่โมง แต่รอบสุดท้ายคือสี่ทุ่มค่ะ
-ตึก KOMTAR เป็นตึกที่สูงที่สุดในปีนัง อยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเดินหลงออกแหล่งชุมชนผู้คนไปไกลขนาดไหน ถ้าจะกลับก็ให้มองตึกนี้ไว้แล้วเดินเข้ามาหามันค่ะ Komtar จะฟีลแบบพันทิพบ้านเรา ไม่ก็พวกโรบินสันที่พ่วงติดกับเซนทรัลไรงี้ ตึกใหญ่มากกกก มีหลายๆห้างเชื่อมๆกันในตึก และทุกอย่างหาซื้อได้ในตึกนี้
-ซิมโทรศัพท์ ซื้อได้ที่ตึกKomtarนี่เช่นกันค่ะ มีเยอะมาก หลากหลายยี่ห้อ เราใช้วิธีสุ่มๆไปสักร้าน แล้วบอกเขาไปว่าจะเน้นโทรหรือเน้นเนต อยู่กี่วัน เราเลือกแบบเล่นเนตมากกว่าโทร 2GB 30rm เท่ากับ 300 บาทไทย จะบอกว่าคุ้มมากค่ะ เนตไวมาก ไม่ว่าจะเดินไปอยู่หลืบไหนเนตก็เร็วและแรงตลอด
เนื่องจากรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับในปีนังได้มีเพื่อนๆมารีวิวไว้เยอะพอสมควรแล้ว เราขออนุญาติข้ามไปถึงการเดินทางจากปีนังไปมะละกาเลยนะคะ
#5 บ๊ายบายปีนัง แล้วเรามานั่งรถไปมะละกากันเถอะ
-ก่อนอื่นเราไปหาตั๋วรถกันก่อนค่ะ ให้เดินเลาะๆไปข้างตึก KOMTAR คือหัวหน้าเข้าตัวตึก แล้วเดินไปข้างขวามือ เราก็จะพบกับบริษัทรถทัวร์มากมาย เหมือนในรูปค่ะ มีไปหลากหลายเส้นทางมาก เราเลือกของ SEASON ค่ะ ตอนจองรถ เราแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อยหนึ่งวันก็ดีนะคะ เพราะตั๋วอาจเต็มได้ แล้วอาจไม่ได้ไปตามเวลาที่เราต้องการ ตอนจองตั๋วเขาจะมีผังที่นั่งให้เลือกค่ะ ส่วนจุดขึ้นรถก็คือตรงที่ซื้อนี่แหละค่ะ เราเลือกรอบสุดท้าย คือรอบห้าทุ่มเพราะจะได้มีเวลาเดินเล่นในปีนังต่อ พอถึงเวลาเดินทางเราก็สามารถนอนหลับไปบนรถได้เลยค่ะ
จะใช้เวลา 6-7 ชั่วโมงเลยค่ะกว่าจะถึงมะละกา แล้วก็ในรถแอร์เย็นมากค่ะยิ่งดึกยิ่งหนาว บนรถเขานั้นก็ไม่มีผ้าห่มเหมือนรถทัวร์บ้านเรา แนะนำว่าก่อนเก็บกระเป๋าใต้ท้องรถ ให้หยิบผ้าสำหรับห่มหรือเสื้อกันหนาวติดขึ้นไปด้วยค่ะ แล้วหลับไปยาวๆเลย ตื่นกันอีกที ก็มะละกาเลยค่ะ แต่ระหว่างทางรถจะจอดแวะจุดพักรถหนึ่งครั้งด้วยค่ะ สามารถวิ่งไปเข้าห้องน้ำได้
#6 สวัสดีมะละกา มาแล้วนะ
-หลังจากที่เราหลับคอพับคออ่อนกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน เราก็มาถึงมะละกาสักที โดยรถจะจอดที่ Meleka Sentral เป็นเหมือนสถานีขนส่งบ้านเราค่ะ ข้างในมีร้านอาหาร ร้านขายซิมโทรศัพท์ ที่แลกเงิน ตอนนั้นเราถึงมะละกาประมาณหกโมงเช้าค่ะ ร้านรวงเลยยังไม่ค่อยเปิดกันเท่าไร จากนั้นเราก็เดินไปหารถบัสเข้าในเมืองกันค่ะ เดินไปเลยค่ะที่ Platform 17 ถ้ารถยังไม่มาก็นั่งตากแอร์ด้านในได้ค่ะ โดยรถเบอร์17 จะวิ่งวนค่ะและผ่านจุดสำคัญๆด้วยเช่น Dutch Square วิธีการจ่ายค่ารถนั้น คุณคนขับจะเป็นคนเก็บค่ะ ขับเองเก็บเองค่ะ เก่งจริงๆทำงานได้หลายฟังซ์ชันมาก555+ จ่ายที่คนขับตอนขึ้นเลยค่ะ ในการท่องเที่ยวในมะละกานั้น เดินได้สบายๆเลยค่ะ เพราะมันอยู่ติดๆกันหมดค่ะ
-สภาพอากาศ ถ้าถามว่าร้อนไหม ตอบเลยว่า ไหม้ค่ะ!! ร้อนมากกกกกก ก ล้านตัว บวกไม้ยมกไปอีกสิบห้าตัว ร้อนขนาดเราต้องอาบน้ำวันละ 3 รอบ (การเลือกโฮสเทลที่อยู่ใกล้ๆแหล่งท่องเที่ยวนี่คือข้อดีเลยค่ะ เพราะในระหว่างเดินเที่ยวท่ามกลางแดดสี่สิบกว่าองศานั้น หากมันร้อนจนพีคมาก เราจะสามารถเดินกลับที่พักไปอาบน้ำ หรือนอนตากแอร์พักผ่อนได้ค่ะ พอดีขึ้นก็ออกมาอีกรอบ )
-จุดท่องเที่ยว คือแทบทั้งหมดจะอยู่ติดๆกันเลยค่ะ เริ่มต้นจาก Dutch Square หรือจตุรัสแดงนั่นแหละค่ะ จุดแลนด์มาร์คอื่นๆจะอยู่ติดๆกันไปค่ะ เดินง่ายไม่มีหลงแน่นอน เดินๆตามกลุ่มคนไปได้เลยค่ะ คนจะเยอะมากย่านนั้น ส่วนพิพิธภัณฑ์นี่มีเยอะมากกกก ค่าเข้าเฉลี่ยที่ 2-5 rm ค่ะ แล้วก็มีข้อควรระวังนิดหนึ่งนะคะ เราเจอมากับตัว เวลาเข้าออกพิพิธภัณฑ์ คือเวลาจะเข้าออกนี่ให้ดูผู้คนด้วยนะคะ เพราะเราโดนขังในพิพิธภัณฑ์มาแล้ว แต่พอนึกถึง เราว่ามันก็เป็นเรื่องตลกที่น่าอับอายซะมากกว่า