แบกเป้หนีร้อนไทยไปเจอร้อนกว่าที่อินเดีย ตามกลิ่นเครื่องเทศไปกอลกัตต้า ไหว้พุทธคยา ล่องแม่น้ำคงคาในราคามิตรภาพ

สวัสดีครับ ทุกท่าน

เริ่มยังไงดีล่ะ กระทู้ที่สองก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไง เริ่มแบบนี้แล้วกัน

1.
ผมไปอินเดียครั้งแรกตอนอายุ 25 เพราะผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า
"อย่าพูดว่าเนปาลลำบากเลย ถ้าไม่เคยไปอินเดีย แล้วก็เคยไปแค่เขาชนไก่ตอนเรียน รด. ปีสาม"
หยิ่งผยอง ผมเสียหน้า

เดี๋ยวๆๆ กลับมาๆ

คือทริปนี้เริ่มจากว่าตอนนี้ผมกำลังเรียน ป.โท เสาร์-อาทิตย์ อยู่ครับ ทำให้พอถึงช่วงที่เสาร์-อาทิตย์จะมีวันหยุดยาวๆอย่างวันสงกรานต์ มันเลยเป็นวันที่มีคุณค่ากับชีวิตมาก ตัดสินใจเลยว่าสงกรานต์นี้จะต้องไปที่ไหนซักที่ หนีร้อนเมืองไทย (หารู้ไม่ว่าอินเดียก็ร้อนพอกันค่า)

เลยกำหนดงบไว้ว่าโอเค จะต้องไม่เกิน 20,000 บาทว่ะ เพื่อนเลยบอกว่าไปอินเดียมั้ยไม่แพงมาก เลยปิ๊งขึ้นมาเลยว่าอยากไปพาราณสี อยากไปเห็นแม่น้ำคงคา อยากไปดูเค้าเผาศพ

คำถามต่อมาคือแล้วจะไปเส้นทางไหน ? จริงๆเเล้วเส้นทางไปพาราณสีนั้น โดยปกติทั่วไปก็จะไปจากเดลีครับ คือนั่งเครื่องไปลงเดลี เที่ยวรอบๆแล้วนั่งรถไฟไปพาราณสี หรือไม่ก็นั่งเครื่องบินไปลงเมืองใกล้ๆพาราณสีแล้วต่อรถเข้าไป ส่วนเส้นที่ผมไปคือเส้นที่ไปจากเมืองกอลกัตต้าครับแล้วนั่งรถไฟปุเลงๆไปจนถึงพาราณสี

วันต่อมาเพื่อนโทรมาพร้อมบอกว่าตั๋วไป-กลับ กอลกัตต้า 5900 บาท ให้เวลาตัดสินใจ 5 นาที แล้วกดวางสาย ซึ่บ !
เข้าตำราว่าเจอตั๋วถูกให้รีบซื้อ แล้วเดี๋ยววันลามันจะตามมาเอง ซึ่งจริง พิสูจน์แล้ว Valid มาก

เอ้า ไปเที่ยวๆ


ปล. รูปอาจจะไม่สวยมากนะครับ ไม่ได้เล่นกล้อง ถ่ายไปเรื่อย ใช้กล้องธรรมดากับไอโฟน



บนเครื่อง Spicejet ครับ อีกหนึ่งสายการบิน Low-cost ที่พึ่งค้นพบตอนไปอินเดียนี่แหละ เราว่าดีเลยนะ ตรงเวลามาก
เครื่องออกประมาณตี 5 ครับ ถึงอินเดียประมาณ 6.30 น. (เวลาอินเดียช้ากว่าไทยประมาณ 1.30 ชม. ) เท่ากับว่าเดินทางประมาณ 2.30 ชม. เท่านั้น



ใส่เจิมๆไปหน่อย เห็นฮิตทำกัน



ภาพรวมทั้งหมดของทริปนี้ครับ เป็นภาพรวมที่เป็นภาพรวมจริงๆ คือไม่มีรายละเอียดอะไรเลย 555555
สรุปคือเราไป 3 เมือง ได้แก่ 1. กอลกัตต้า 2. คยา 3. พาราณสี



บนแท๊กซี่หลังจากลงเครื่องครับ วาร์ปไหมล่ะ ระหว่างทางสนามบินอะไร ไม่ได้ถ่ายเลย
คำแนะนำก็คือให้ใช้บริการ pre-paid taxi ครับ ซื้อตรงเคาเตอร์ใกล้ๆทางออกสนามบินจะได้ Fair rate ของแท๊กซี่ เพราะถ้าออกไปเจอคนอินเดียอาจจะถูกบวกเพิ่มอีกเล็กน้อย ผมจำราคาไม่ได้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 250 รูปีครับ (ประมาณ 150 บาท) ซึ่งก็ไม่ได้แพงมากเพราะระยะทางก็ประมาณ 40 นาทีเข้าเมือง



จอดติดรถเมล์ครับ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินสภาพการจราจรในอินเดียกันมาบ้างแล้วก็ขอรีเเคปให้ฟัง คือที่นี่บีบแตรกันตลอดเวลาเหมือนแตรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้าไม่ได้บีบแตรไม่สามารถขับรถต่อไปได้ คือต่อให้บีบแตรใส่กันแค่ไหนเค้าก็ไม่หันไปมองค้อนกันนะก็ต่างคนต่างขับไป เท่าที่นั่งๆคิดก็คือเหมือนการบีบแตรคือการบอกว่า "เห้ยguอยู่ตรงนี้ หลบเด่ะ" คันหน้าก็จะหลบให้ ตามนั้นเเหละจ้ะ



ก่อนมาผมเสิร์ชมาแล้วว่า เห้ย! ตลาดเช้าที่กอลกัตต้ามันคือตลาด Terretti Morning market อ่ะโอเคไปๆ เดินวนไปวนมากว่าจะเจอก็เจอตลาดจริงๆ
แต่พอเห็นสภาพตลาดแล้วก็มีเสียงกระซิบลอยมาว่า "ท้องเสียๆๆ" โอเค ไม่กินก็ได้เดินดู ซึ่งเท่าที่เห็นอาหารข้างทางของอินเดียก็ไม่ได้ดูไม่สะอาดขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากเอาทั้งทริปไปเสี่ยงเพราะความอยากลอง local food เลยเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆแทน



แผงขายหอมครับ จากดินเลยสดมาก ดินถนนนะ 555



แผงไก่ครับ สดมาก สั่งปุ๊ปเชือดปั๊ป รับกลับบ้าน



แผงปลาครับ ซาซิมิมากๆ



แผงปลาใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีดเฮียเเกเท่มาก เหมือนดาบอิจิโกะตอนปลดปล่อยสวัสดิกะ



แผงวัวครับ

จริงๆหลังจากนั้นเราเจอแผงขายอาหารอินเดียและอาหารจีนอีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Dosa หรือพวกแกงต่างๆ แต่ก็ยังไม่กล้าทานเท่าไหร่
เลยเดินออกจากตลาดระหว่างทางก็เจอชาอินเดียครับ เลยจัดไปเบาๆ



ชาที่นี่จะใส่แก้วดินเผา คือดื่มหมดก็โยนทิ้งเลย ทิ้งลงพื้นนี่แหละ เหมาะสำหรับคนที่ทะเลาะและหาที่ระบายมากๆ คิดว่าน่าจะคิด product จาก insight คนที่หงุดหงิดหาที่ระบาย ก็ดื่มชาให้ใจร่มๆแล้วเขวี้ยงแก้วลงพื้น ชานี้ถ้วยละ 10 รูปี กับขนมปังหน้า Malayi คืออะไรก็ไม่รู้สั่งไปมั่วๆรสชาติเหมือนขนมปังบดแล้วทาบนขนมปังอีกที แหยะๆหน่อยแต่ก็พอแหลกล่ายไม่เรื่องมาก ราคาประมาณ 15 รูปีครับ (ผมทานจนเหลือชิ้นเดียว จริงๆมาเป็นแผ่น)

หลังจากเติมท้องด้วยอาหารเบาๆ (เบามากๆ) ก็เดินไปยังที่พักครับ เพื่อไปวางกระเป๋าครับ



เห็น Yellow cab แล้วนึกว่าอยู่ New York

หลังจากถึงที่พักที่ห้องพักโคตรถูกเพราะอะไร เพราะตอนจองนึกว่าจองแอร์ไง  พอมาถึงเท่านั้นแหละ บรรทัดทองห้องพัดลมดีๆนี่เอง เฮียแกบอกว่ายูจองห้องสแตนดาร์ดไงเลยมีแต่พัดลม เฮียบริการช้ามากกว่าจะกรอกกว่าจะหยิบกุญแจ โว้ย อยากถ่ายรูปเฮียมาก เฮียขอพาสปอร์ตไปด้วยว่ะ เอาไปถ่ายเอกสาร ยึดไปดื้อๆเลยบอกว่าไปเที่ยวก่อนค่อยกลับมาเอา ชีวิตสุ่มเสี่ยงมากแต่ก็ยอมๆเฮียไป

การได้ห้องพัดลมท่ามกลางอากาศร้อนโคตรๆของอินเดียนี่เป็นความพังเบอร์ 1 ของทริปมาก แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเชื่อว่ายังมีความพังอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า เรากับเพื่อนไม่ได้ซีเรียสมากเพราะว่าคืนนี้ก็ต้องขึ้นรถไฟไปคยาแล้ว รถไฟออก 5 ทุ่มก็ตรงตามวัตถุประสงค์การจองห้องที่ราคาโคตรถูกนั่นก็คือไว้อาบน้ำฝากของแค่นั้น

อ๋อห้องราคาประมาณ 380 บาทเท่านั้น ตกคนละ 190 บาทครับ ยอมๆ

อาบน้ำปะแป้งเสร็จก็ต้องออกไปเที่ยว เรามีเวลา 1 วันในกอลกัตต้า

หลังจากทานมื้อแรก เพื่อนตั้งกฎเลยว่าเราจะใช้ local transportation เท่านั้น No Taxi
โอเค เอาไงก็เอา

เป้าหมายแรกที่จะไปคือ Dakshineswar Kali Temple เป็นวัดของพระแม่กาลีครับ ดูใน TripAdvisor บอกว่าต้องไป ก็โอเคไปๆๆๆ
ตอนแรกไปถามๆทางเค้าก็บอกว่า "Is this the way to Dakshineswar ?"  แขกงง เพราะเราออกเสียงว่า "ดัค-ชายน์-วอร์"จริงๆแล้วต้องอ่านว่า "ดัค-คะ-แน-ชวา"
ได้ !!

ก่อนหน้านี้เราได้นั่งรถไฟใต้ดินอินเดียกัน แต่ในนั้นเค้าห้ามถ่ายภาพ หยิบกล้องมาถ่ายแล้วด้วยแต่โดนยามวิ่งเข้ามาให้ลบรูปเลยไม่มีรูปมานะครับ



ภาพนี้คือเราจะลองขึ้น Local Train ไป "ดัค คะ แน ชวาร์" อ่านออกเสียงพร้อมกัน "ดัคคะแนชวาร์"
โคตรๆร้อนเลย ดูได้จากไอแดด พี่ป๊อดเคยบอกเราว่า "ก่อนความอบอุ่นของไอแดด" แต่ไอแดดนี่คือฆ่ากันได้จริงๆ อุ่นจนร้อนเลยว่ะพี่ป๊อด



แผงหนังสือบนชานชาลารถไฟ



หลับรอรถไฟ

ตลอดทางคือเบียดมาก คนเยอะมาก ดูได้จากภาพที่รอรถไฟครับ

เรารอรถไฟอยู่บนชานชาลาประมาณ 40 นาที รถไม่มาซะทีเลยรู้สึกว่าเห้ย ไม่ใช่แล้วว่ะ ถามคนแถวนั้นบอกว่ารถไฟมาเป็นรอบๆอีกรอบรอไปอีกครึ่งชัวโมง เพราะตอนเราขึ้นมารถพึ่งออกไป คือความพังครั้งที่ 2

เราเลยวิ่งออกจากสถานีรถไฟไปขึ้นรถเมล์ครับ ถามว่าขึ้นถูกไหม ไม่รู้จริงๆ วิ่งขึ้นไปก่อนแล้วบอกเค้าว่า "ดัคคะแนชวาร์" กระเป๋าพยักหน้าหงึกๆ เป็นอันใช้ได้ เราจะไปถึง ดัคคะแนชวาร์ แน่นอน !!



ภาพบนรถเมล์ กับอากาศ 43 องศาครับ อยากบอกเพื่อนที่ไทยว่าไม่ต้องอิจฉาgu



อันนี้ถ่ายหลังจากออกมาจาก Dakshineswar Kali Temple แล้วนะครับ กำลังจะข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่ง ถามว่าจะไปไหนไม่รู้เหมือนกัน มั่ว 555
บริเวณท่าน้ำนั้น ภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า "กัต" (Ghat) อย่างที่นี่เค้าเรียกว่า Kali Ghat แปลง่ายๆเองว่าท่าน้ำของพระเเม่กาลี เค้าก็ถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะจริงๆแม่น้ำสายที่ไหลผ่านเมือง Kolkata นั้น คือสายย่อยของแม่น้ำคงคานั่นเอง แม่น้ำนี้ชื่อ Hooghly river ครับ



อันนี้ภายในวัดนะครับ คือต้องเท้าเปล่าเข้าบนพื้นอิฐมอญ จังหวะนี้อยากให้เจ๊จูเอาอิฐมอญมาวางให้มากหวังว่าอิฐมอญเจ๊จะไม่ร้อน 555 ก่อนเข้าเค้าให้ฝากกระเป๋า ฝากมือถือ ฝากรองเท้า ฝากกล้อง ฝากหมด เอาเข้าไปแค่น้ำเปล่ากับกระเป๋าสตางค์ เศร้ามาก เข้าไปก็เป็นลาน มีเหมือนเจดีย์อยู่ตรงกลางมีประตูเล็กๆเปิดไปให้เห็นรูปจำลองของพระเเม่กาลี มีเจ้าหน้าที่คอยเอาน้ำมนต์หยอดให้ เราเข้าไปได้แป๊ปเดียวก็ปิดประตูครับ หมดเวลา

คือที่นี่จะเปิดเป็นช่วงเวลา ถ้าใครอยากจะมาก็เช็คเวลาดีๆครับ ตอนผมไปคือปิดตอนบ่ายโมง ถ้าจำไม่ผิดคือเปิดอีกที่บ่ายสามโมง



ทางไปท่าน้ำเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากครับ ให้ฟีลข้ามเจ้าพระยาไปช้อปปิ้งวังหลังมากๆ



ก่อนขึ้นเรือมีอีเวนต์ครับ คืออยู่ดีๆก็มีคลื่นพรวดๆๆๆๆมาทางเรา คนบนเรือมี 2 กลุ่มคือกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้น กับอีกกลุ่มที่วิ่งขึ้นโป๊ะกะชิ่งเต็มที่  จังหวะนั้นเราไม่รู้จะอยู่ #ทีมโป๊ะ หรือ #ทีมกรี๊ดดี ก็เลยยืนเเชะภาพอยู่ 5555 กะว่าเออจมก็จะว่ายไปตรงที่เค้าเล่นน้ำกันตรง Kali Ghat ไม่ไกลมาก

สรุปคือน้ำขึ้นครับ ลองถามคนในเรือดูคร่าวๆ น้ำขึ้นแบบนี้เลยหรอวะ เป็นน้ำขึ้นที่เซอร์มาก 55555



คนก็หลบๆไปบ้าง เด็กที่ว่ายอยู่ก็ว่ายต่อไปครับ โนสนโนแคร์โนแยแสใดๆ



กลับมาบนเรือข้ามฟากมหาราช-วังหลัง ของเรากันบ้าง บนเรือมีคุณลุงที่แกเอาคีย์บอร์ดมาเอง ลำโพงเอง ไมค์เอง มานั่งร้องเพลงอินเดียกะกดคีย์บอร์ดโทนอินเดียให้ฟังครับ บันเทิงมากระหว่างนั่งเรือ พอร้องเสร็จแกก็เดินเรี่ยไรเงินครับ สังเกตว่าเท้าแกไม่มี เราก็ช่วยแกไป เห็นคนทำมาหากินช่วยได้ต้องช่วย สู้ๆครับลุงศิลปินมากๆ ประทับใจ

หลังจากนั้นเราก็ข้ามเรือไปอีกฝั่ง



ถ่ายกลับเข้าฝั่งจะเห็นว่ามีคนลงมาเล่นน้ำเยอะมาก หลังจากเห็นภาพนี้แล้วผมก็ได้ข้อคิดมาว่า "ซื้อกล้องใหม่เหอะ" 55555
แคนนอน จี12 แสนโบราณได้แสดงแสนยานุภาพของมันออกมาด้วยภาพแตกที่แตกละเอียด



ระหว่างรอก็เอ้า ถ่ายรูปหน่อยว่ะ หาคอมโพส หามุมเรียบร้อย ไปลองยืนถ่ายดู จังหวะกลับมาเช็ครูป ผมก็โดนคนอินเดีย steal จุดถ่ายภาพไปเฉ๊ยยย
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปยืนถ่ายอีกเลยจนเรืออก เลยได้ภาพที่หน้าเพลียๆมาหนึ่งภาพ

เราข้ามฝั่งเพื่อจะไป Belur Math เป็นเหมือนสวนสาธารณะกับมีวัดอยู่ เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจพอไปถึงก็ปิดครับ เปิดเป็นเวลาเปิดอีกที 4 โมงเย็น ถ่อมาไกล กลับก็ได้ยอมแพ้แล้ว กลับเมืองๆๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่