หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
Backpack เที่ยวกาญจน์ 2 วัน 1 คืน สไตล์ "Low Price & High Experience!"
กระทู้สนทนา
จังหวัดกาญจนบุรี
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
Backpack
หากพูดถึงจังหวัดกาญจนบุรี คนที่ไปท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงนึกถึงน้ำตกแห่งต่างๆ ทั้งน้ำตกเอราวัณ น้ำตกไทรโยก น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น แต่สำหรับ review นี้ พวกเราจะขอฉีกแนวออกไป โดยเน้นการเที่ยวในบริเวณใกล้ที่พักหรือนั่งรถไปจากที่พักไม่ไกลมาก เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างจำกัด แค่ 1 วันครึ่ง ซึ่งได้ไปทั้งหมด 6 สถานที่ ด้วยงบประมาณ 1200-1300 บาท
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากสถานขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(บรมราชชนนี) หรือที่รู้จักในชื่อ “สายใต้ใหม่” เวลาเที่ยง ด้วยรถตู้ราคาคนละ 100 บาท โดยรถจะออกทุกๆ 30 นาที (จริงเราควรจะได้ออกตั้งแต่ 11.30 น. แต่เพราะคนไม่เต็มรถตู้ คนขับเลยยังไม่ออก จนมีผู้โดยสารคนหนึ่งโวยวายว่าช้าแล้วลงจากรถไปเลย
จากนั้นไม่เกิน 3 นาที คนขับก็ออกรถ ถือเป็นเหตุการณ์ตื่นเต้นก่อนเริ่มทริปกันเลยทีเดียว) เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง ก็ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นเราก็เหมารถสองแถวคันสีส้มแสบตาไปยังที่พัก โดยตกลงราคาที่ 120 บาท ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
พวกเราพักที่ “Bamboo House” ซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้าผ่านเว็บไซด์ 2 หลัง หลังแรกเป็นบ้านพักอยู่ได้ 3 คน ราคารวมอาหารเช้า 625 บาท ส่วนอีกหลังเป็นแพอยู่ได้ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า 292 บาท อาหารเช้าราคา 100 บาท ซึ่งมองไปจะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแควได้ชัดเจน
พอเก็บสัมภาระที่ที่พักแล้ว พวกเราก็แวะทานข้าวกลางวัน เป็นร้านอาหารตามสั่งแถวที่พักคนละประมาณ 40-50 บาท จากนั้นก็เหมารถสองแถวคันเดิมไปยังที่เที่ยวแรก “ตลาดน้ำกองถ่ายฯ ค่ายสุรสีห์”
บริเวณด้านหน้าจะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านถ่ายภาพสำหรับคนที่อยากแต่งกายในชุดโบราณ สมัยอยุธยา และร้านขายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ส่วนภายในก็จะเป็นกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แม้จะดูทรุมโทรมไปพอสมควร แต่ยังคงความขลังและความอลังการเอาไว้ ทำให้รู้ว่าทีมงานการถ่ายทำต้องฝีมือดีมากที่ทำให้ภาพยนตร์ที่ฉายดูสมจริง เพราะสถานที่จริงดูเหมือนยังสร้างไม่เสร็จในบางส่วน มีวิทยากรอธิบายในบางจุดด้วย โดยค่าเข้า 100 บาท
ภาพสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อันเป็นที่ถ่ายทำหนังประวัติศาสตร์ชาติไทย
เมื่อเดินดูจนทั่ว เราก็กลับมายังที่พัก ล้างหน้าล้างตาและพักสายตา จากนั้นก็เดินไปยังตลาดเพื่อทานอาหารเย็น
ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 3 กม.(ถามคนแถวนั้นตอนเดินไปบอก 2 กม. พอเดินไปสักพักใหญ่น่าจะเกิน 1 กม แล้วก็ถามคนแถวนั้นอีก เขาก็บอกอีก 2 กม กว่าจะถึงเจอคำว่า 2 กม ไปประมาณ 3 รอบได้
) พอทานข้าวเสร็จก็เดินดูของอีกสักพักก่อนจะนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับ ถึงที่พักประมาณ 21.30 น. ไปอันหมดหนึ่งวันของการท่องเที่ยว
ภาพบรรยาการศของ Bamboo House ยามค่ำคืน ดูสงบและอบอุ่น.....
เช้าวันถัดมา อากาศเย็นสบายดี เราทานอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดเอาไว้ให้ จากนั้นเก็บของและ check out ออกจากที่พัก
สถานที่แรกของวันนี้คือ การเดินไปที่ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” สัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 โดยการเกณฑ์เชลยศึกในฝ่ายสัมพันธมิตรมาสร้างทางรถไฟ เพื่อให้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ไปยังประเทศพม่าของกองทัพญี่ปุ่น
โดยบริเวณด้านนั้นจะมีรถไฟเครื่องจักรไอน้ำเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วตั้งเอาไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก
พวกเราเดินไปถ่ายรูปไปบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว
และข้ามแม่น้ำไปยังสถานที่ถัดมา “วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม” ซึ่งมีรูปปั้นของพระโพธิสัตว์แม่กวนอิมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว ภายใต้เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
จากนั้นเราก็เดินข้ามกลับมายังฝั่งเดิม และเดินต่อไปยัง “หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2” เป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ในยุคที่เกิดสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งอาวุธอย่างเช่น ปืน ดาบ เป็นต้น โรงศพ และกระดูกของผู้เสียชีวิต อยู่บริเวณอาคารชั้น1 ส่วนชั้นที่2 จะจัดแสดงพวกเสื้อผ้า หินและเครื่องประดับที่ทำมาจากหิน รูปภาพของนางสาวไทยในอดีตตั้งแต่คนแรกจำนวนกว่า 30 คน บริเวณผนังห้อง จากนั้นพวกเราเดินออกจากอาคารไปตามทางซึ่งมีทางลงไปชั้นล่างอีก ในส่วนนี้จัดแสดงมอเตอร์ไซด์ ชุดทหาร เก้าอี้ตัดผม รถขนเชลย และรูปปั้นแสดงเหตุการณ์การทรมานเชลย การสร้างทางรถไฟฟ้าสายมรณะจนมีเชลยล้มตายเป็นจำนวนมาก บางคนกล่าวว่า เชลยที่ตายจะถูกนำไปวางเป็นไม้หมองรองรางรถไฟ
ซึ่งจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ค่าเข้าที่แห่งนี้ถูกมากแค่ 40 บาท ช่วยบำรุงสถานที่
เมื่อเดินดูเสร็จเราก็เหมารถสองแถวเช่นเคยไปยังวัดอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่ในอำเภอท่าม่วง ในราคา 750 บาท วัดแรกที่ไปคือ “วัดบ้านถ้ำ” ซึ่งสิ่งแรกที่สะดุดตาคงนี้ไม่พ้นความสูงและชันของบันได้ทางขึ้นที่ทำเป็นรูปมังกร
ด้านบนเป็นถ้ำที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินราช ซึ่งเลียนแบบมาจากพระพุทธชินราชในจังหวัดพิษณุโลก (กว่าจะเดินถึง แทบลมจับกันเลยทีเดียว)
จากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปยังวัดแห่งที่สอง “วัดถ้ำเสือ”
ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของทริปเลย จากความโดดเด่นของพระพุทธรูปขนาดใหญ่และสถาปัตยกรรมทรงแปลกตาที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล
ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่ท้าทายผู้มาท่องเที่ยวจากความสูงและชันของบันไดนาคที่ไม่แพ้วัดบ้านถ้ำเลย
แต่ไม่ต้องกลัวสำหรับผู้ที่เดินขึ้นไม่ไหว เพราะจะมีรถรางไฟฟ้าคอยให้บริการอยู่ ค่าขึ้น 10 บาทเท่านั้น
เมื่อเดินไปถึงด้านบนสิ่งแรกที่พบคือ หลวงพ่อชินประทานพร พระพุทธรูปปางประทานพร ขนาดหน้าตักกว้าง 5 วา 3 ศอก 9 นิ้ว และมีความสูง 9 วา 9 นิ้ว
ซึ่งในทริปครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นบุญมาก เพราะตอนที่เราไปถึงกำลังมีพิธีการเปลี่ยนผ้าห่มพระของหลวงพ่อชินประทานพรพอดี ซึ่งการเปลี่ยนผ้าห่มพระ 20 ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง
พอทำพิธีเสร็จเราก็แยกย้ายกันไปไหว้พระและชมบริเวณโดยรอบ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ พระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงอัฐมุข (เจดีย์ที่มีมุข 8 ด้าน เพื่อสือถึงการเผยแผ่ศาสนาทั้ง 8 ทิศ) สีส้มอิฐ สูง 9
โชั้น มีบันไดวนขึ้นไป ดยในแต่ละชั้นจะประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆไว้ และบริเวณชั้นบนสุดมีการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดียให้ผู้คนมากราบไหว้สักการะ
เมื่อเสร็จเราก็เดินทางกลับมายังสถานีขนส่งผู้โดยสารเพื่อกลับบ้าน
เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้
****** ข้อแนะนำ สำหรับผู้ที่จะมาท่องเที่ยวในช่วงเดือน มี.ค – เม.ย ควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดให้พร้อม เพราะอากาศในช่วงนี้ร้อนมากๆ ในช่วงกลางวัน******
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ขอคำแนะนำการเที่ยวกาญจนบุรีค่ะ
อยากไปเที่ยวกาญฯ ค่ะ (3 วัน 2 คืน) อยากไปมีหลายที่มากกก - วัดถ้ำเสือ - สะพานข้ามแม่น้ำแคว - ต้นจามจุรี - ทางรถไฟสายมรณะ - น้ำตกเอราวัณ - ช่องเขาขาด * ถ้าไปได้มากกว่าวัดถ้ำเสือแนะนำได้เลยค่ะ ** ไม่มีรถ
สมาชิกหมายเลข 3589870
จะไปเที่ยวกาญจนบุรี 4คืน รบกวนพี่ๆในพื้นที่เรียงลำดับเส้นทางให้ทีครับ
ผมจะไป ร้านอาหารคีรีมันตา วัดถ้ำเสือ ต้นจามจุรียักษ์ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกเอราวัณ บ้านอิต่อง สะพานมอญ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ควรจะเรียงลำดับเส้นทางจากไหนไปไหนก่อนดีครับ
-นอนกอดตัวเองทุกคืน-
สอบถามไปกาญจนบุรี ช่วงสงกรานต์หน่อยครับ
จะไปวัดถ้ำเสือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว น้ำตกเอราวัณ 8.00o.ออกจาก กทม.(บางนา) ถึงวัดถ้ำเสือ 10.00น. เดินเล่นที่วัด ถึง 11.30น. แล้วไป ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว 12.30น. กินข้าวเดินเล่นถึง 14.00น. 14.00น.เดินทางไ
สมาชิกหมายเลข 1573918
ทริปเที่ยวเมืองกาญน๊ะจ๊ะบุรี
ทริปนี้เดินทางเดือนเมษายน กับรถมอไซต์ 3 คน 4 ชีวิต กับระยะทาง รวม 800+กม. วันที่ 1 กรุงเทพฯ วัดถ้ำเสือ ต้นจามจุรียักษ์ ทองผาภูมิ วันที่ 2 สะพานมอญ ด่านเจดีย์สามองค์ เขื่อนวชิราลงกรณ วัดวังก์วิเวการาม
Tonkla5555
สอบถามเส้นทางค่ะถ้าขับจากทม.ไปกาญจนบุรีจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวไหนก่อนค่ะ
พอดีจะพาแม่ไปเที่ยวอะค่ะแต่ไม่เคยจังหวัดกาญจนบุรีเลย เลยจะขอสอบถามเส้นทางค่ะ ถ้าขับจากกรุงเทพไปจะผ่านที่ไหนก่อนอ่อค่ะ ขับทางจังหวัดนครปฐมค่ะ -ถ้ำกระแซ -สะพานข้ามแม่น้ำแคว -เมืองมัลลิกา -ต้นจามจุรี -วั
สมาชิกหมายเลข 1598521
ปั่นเที่ยวชมวิว ... เลาะเลียบแม่น้ำแควน้อย ... เที่ยวน้ำตกผาตาด ... กาญจนบุรี
วันแรก..ปั่นจักรยานเลาะเลียบแม่น้ำแควน้อย เริ่มจาก ... จอดรถยนต์หน้าช่องเขาขาด ไปชมถ้้ำดาวดึงส์ กลับเข้าไป โรงเรียน ตชด. แม่น้ำน้อย ... ลัดไปทางแก่งประลอม ... เข้าไปบ้านวังเขมร ... เจอทางตัน ...วนกลั
onfly
รบกวนแนะนำ การไปเที่ยวที่กาญจนบุรี
พอดีเราจะไปเที่ยวที่กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน แต่เราไม่เคยไป และไม่รู้เส้นทาง แต่ที่ๆ จะไปหลักๆ ก็ น้ำตกเอราวัณ สะพานข้ามแม่น้ำแคว วัดถ้ำเสือ ถนนปากแพรก ชุมชนเก่ากาญจนบุรี เขื่อนศรีนครินทร์ ก็น่าจะประมาณน
สมาชิกหมายเลข 4009423
ร้าน @ชานชาลา กาญจนบุรี ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร้านนี้พอได้ครับ เห้อ!!! 😃😄😁
ร้าน @ชานชาลา กาญจนบุรี ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ร้านนี้พอได้ครับ เห้อ!!! 😃😄😁 สัปดาห์ก่อนโน้น ผมมาธุระที่ เมืองกาญจนบุรี มาถึงก่อนหลายชั่วโมง ก็เลยไปแวะนวดแผนไทย แล้วไปหามื้อเที่ยงกิน ใกล้ๆ ร้านนว
กานต์(วีระพัฒน์)
สอบถามแผนที่ท่องเที่ยวกาญจนบุรี
วันเสาร์ที่จะถึงมีแพลนจะไปเที่ยวกาญจนบุรี ซึ่งสถานที่ที่อยากจะไปมี 1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว 2.วัดถ้ำเสือ 3.น้ำตกเอราวัณ ซึ่งตั้งใจว่าจะกางเต้นท์ค้างคืนที่นี่ อยากจะสอบถามเพื่อนๆชาวพันทิปว่าถ้าจะเดินทางไป
สมาชิกหมายเลข 2134616
ไปเที่ยวกาญจน์เถอะ ตอนที่ 3 ทางรถไฟสายมรณะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
แล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้ายที่พวกเราได้ไปเยือนกันในวันนั้นครับ สถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี นั่นคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งอยู่ในเขตของอำเภอเมือง กระทู้ตอนก่อนหน้า https://pantip.com/
เอกบุรุษ สุดขอบฟ้า
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
จังหวัดกาญจนบุรี
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
Backpack
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 2
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
Backpack เที่ยวกาญจน์ 2 วัน 1 คืน สไตล์ "Low Price & High Experience!"
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากสถานขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(บรมราชชนนี) หรือที่รู้จักในชื่อ “สายใต้ใหม่” เวลาเที่ยง ด้วยรถตู้ราคาคนละ 100 บาท โดยรถจะออกทุกๆ 30 นาที (จริงเราควรจะได้ออกตั้งแต่ 11.30 น. แต่เพราะคนไม่เต็มรถตู้ คนขับเลยยังไม่ออก จนมีผู้โดยสารคนหนึ่งโวยวายว่าช้าแล้วลงจากรถไปเลย
พวกเราพักที่ “Bamboo House” ซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้าผ่านเว็บไซด์ 2 หลัง หลังแรกเป็นบ้านพักอยู่ได้ 3 คน ราคารวมอาหารเช้า 625 บาท ส่วนอีกหลังเป็นแพอยู่ได้ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า 292 บาท อาหารเช้าราคา 100 บาท ซึ่งมองไปจะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแควได้ชัดเจน
พอเก็บสัมภาระที่ที่พักแล้ว พวกเราก็แวะทานข้าวกลางวัน เป็นร้านอาหารตามสั่งแถวที่พักคนละประมาณ 40-50 บาท จากนั้นก็เหมารถสองแถวคันเดิมไปยังที่เที่ยวแรก “ตลาดน้ำกองถ่ายฯ ค่ายสุรสีห์”
บริเวณด้านหน้าจะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านถ่ายภาพสำหรับคนที่อยากแต่งกายในชุดโบราณ สมัยอยุธยา และร้านขายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ส่วนภายในก็จะเป็นกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แม้จะดูทรุมโทรมไปพอสมควร แต่ยังคงความขลังและความอลังการเอาไว้ ทำให้รู้ว่าทีมงานการถ่ายทำต้องฝีมือดีมากที่ทำให้ภาพยนตร์ที่ฉายดูสมจริง เพราะสถานที่จริงดูเหมือนยังสร้างไม่เสร็จในบางส่วน มีวิทยากรอธิบายในบางจุดด้วย โดยค่าเข้า 100 บาท
ภาพสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อันเป็นที่ถ่ายทำหนังประวัติศาสตร์ชาติไทย
เมื่อเดินดูจนทั่ว เราก็กลับมายังที่พัก ล้างหน้าล้างตาและพักสายตา จากนั้นก็เดินไปยังตลาดเพื่อทานอาหารเย็น
ภาพบรรยาการศของ Bamboo House ยามค่ำคืน ดูสงบและอบอุ่น.....
เช้าวันถัดมา อากาศเย็นสบายดี เราทานอาหารเช้าที่ทางที่พักจัดเอาไว้ให้ จากนั้นเก็บของและ check out ออกจากที่พัก
สถานที่แรกของวันนี้คือ การเดินไปที่ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” สัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี สร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 โดยการเกณฑ์เชลยศึกในฝ่ายสัมพันธมิตรมาสร้างทางรถไฟ เพื่อให้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ไปยังประเทศพม่าของกองทัพญี่ปุ่น
โดยบริเวณด้านนั้นจะมีรถไฟเครื่องจักรไอน้ำเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วตั้งเอาไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก
และข้ามแม่น้ำไปยังสถานที่ถัดมา “วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม” ซึ่งมีรูปปั้นของพระโพธิสัตว์แม่กวนอิมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว ภายใต้เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
จากนั้นเราก็เดินข้ามกลับมายังฝั่งเดิม และเดินต่อไปยัง “หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2” เป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ในยุคที่เกิดสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งอาวุธอย่างเช่น ปืน ดาบ เป็นต้น โรงศพ และกระดูกของผู้เสียชีวิต อยู่บริเวณอาคารชั้น1 ส่วนชั้นที่2 จะจัดแสดงพวกเสื้อผ้า หินและเครื่องประดับที่ทำมาจากหิน รูปภาพของนางสาวไทยในอดีตตั้งแต่คนแรกจำนวนกว่า 30 คน บริเวณผนังห้อง จากนั้นพวกเราเดินออกจากอาคารไปตามทางซึ่งมีทางลงไปชั้นล่างอีก ในส่วนนี้จัดแสดงมอเตอร์ไซด์ ชุดทหาร เก้าอี้ตัดผม รถขนเชลย และรูปปั้นแสดงเหตุการณ์การทรมานเชลย การสร้างทางรถไฟฟ้าสายมรณะจนมีเชลยล้มตายเป็นจำนวนมาก บางคนกล่าวว่า เชลยที่ตายจะถูกนำไปวางเป็นไม้หมองรองรางรถไฟ
เมื่อเดินดูเสร็จเราก็เหมารถสองแถวเช่นเคยไปยังวัดอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่ในอำเภอท่าม่วง ในราคา 750 บาท วัดแรกที่ไปคือ “วัดบ้านถ้ำ” ซึ่งสิ่งแรกที่สะดุดตาคงนี้ไม่พ้นความสูงและชันของบันได้ทางขึ้นที่ทำเป็นรูปมังกร
ด้านบนเป็นถ้ำที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินราช ซึ่งเลียนแบบมาจากพระพุทธชินราชในจังหวัดพิษณุโลก (กว่าจะเดินถึง แทบลมจับกันเลยทีเดียว)
จากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปยังวัดแห่งที่สอง “วัดถ้ำเสือ”
แต่ไม่ต้องกลัวสำหรับผู้ที่เดินขึ้นไม่ไหว เพราะจะมีรถรางไฟฟ้าคอยให้บริการอยู่ ค่าขึ้น 10 บาทเท่านั้น
พอทำพิธีเสร็จเราก็แยกย้ายกันไปไหว้พระและชมบริเวณโดยรอบ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ พระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงอัฐมุข (เจดีย์ที่มีมุข 8 ด้าน เพื่อสือถึงการเผยแผ่ศาสนาทั้ง 8 ทิศ) สีส้มอิฐ สูง 9
เมื่อเสร็จเราก็เดินทางกลับมายังสถานีขนส่งผู้โดยสารเพื่อกลับบ้าน
****** ข้อแนะนำ สำหรับผู้ที่จะมาท่องเที่ยวในช่วงเดือน มี.ค – เม.ย ควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดให้พร้อม เพราะอากาศในช่วงนี้ร้อนมากๆ ในช่วงกลางวัน******