ที่นั่น...ที่นี่...ที่น่าน (รูปเน้นๆ)

"ถ้าชีวิตคือการเดินทาง ทุกก้าวย่างคือประสบการณ์ที่สำคัญ"


ห่างหายจากการเดินทาง ท่องเที่ยวไปนานทีเดียว ราวๆ ๓ ปี เห็นจะได้ เนื่องด้วยภารกิจที่สำคัญ (นี่ก็เวอร์ไป) หลังจากเรียนจบแล้ว ก็คิดว่าจะหาทริปที่ชิลล์ๆ และสโลว์ไลฟ์ตามสไตล์หนุ่มสาวสมัยนี้ ใจนึงก็คิดจะไปที่นั่น แต่อีกใจก็ว่าจะไปที่นี่ เลยตัดสินใจได้ว่าไปที่น่านล่ะกัน ^______^

เลือกสถานที่ได้เรียบร้อยแล้ว จะมัวรอช้าทำไม รีบจองหางแดงทันทีก่อนที่จะเปลี่ยนใจอีกหน ก็นึกอยู่นะ ออกเดินทางปลายกุมภา คาบเกี่ยวมีนา องศาความร้อนคงแรงน่าดู ไม่อยากจะนึกเลยว่าที่น่าน! ตอนจะเข้าหน้าร้อนเนี่ยนะ เอาฟร่ะลองดูสักตั้ง ก็นางเป็นเมืองเล็กๆ สโลว์ไลฟ์ On fire พอดี

ตื่นแต่เช้ามืดออกจากบ้านสมุทรปราการไปดอนเมือง อีกเสี้ยววินาทีเกือบไม่ทันขึ้นละ เผอิญวันนั้นมีปั่นจักรยาน เป็นการเดินทางที่แทบจะมาไม่ทันเครื่อง แต่ก็โดยสวัสดิภาพ ฟากฟ้าไทยแลนด์ เช้านี้สดใสซาบซ่ามากกกกกก (ก. ไก่ล้านตัว)




เดินทางไม่นานเท่าไหร่ ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงที่หมาย ไม่รู้จะไปทางไหน ไม่เคยมา ก็เดินไปเรื่อยๆ ส่วนที่พัก จองไว้แล้วแค่หารถไปเท่านั้นแหละ ฆ่าเวลาด้วยการถ่ายรูป



เดินมาเรื่อยๆ ชะนีอย่างเราก็เจอลุงวิน ขับรถเครื่องผ่านมา เลยโบกให้พาไปที่พัก วันแรกพักที่ศรีนวล ลอดจ์ ค่าเสียหายนั่งวิน จำไม่ได้จริงๆ ไม่น่าจะเกิน ๖๐ บาท ส่วนห้องพักเหลือห้องเดียวตอนจอง โชคดีสุด

นี่ก็มาเช้าเกิ๊นน เพราะเช็คอินได้เร็วสุดก็บ่ายโมง มาซะเช้าเชียวฉัน -..- เลยฝากเป้อ้วนๆ แบกร่างใหญ่ๆ ไปเช่ารถถีบ ชมเมืองน่านก่อน รถถีบก็เช่าจากที่พักนั่นแหละ ทั้งวัน ๕๐ บาท


จากทีอ่านรีวิว ส่วนใหญ่ก็ในพันทิปอ่ะแหละ มาน่านก็ไปเจิมก่อนเลยคือ วัดภูมินทร์ที่แรก เดิมทีเรียกว่า "วัดพรหมมินทร์" แต่เรียกเพี้ยนต่อๆ กันมาเป็นวัดภูมินทร์ เอาเป็นว่าลองค้นหาจากอากู๋อีกทีนะจ้ะ ภายในวัดจะมีอุโบสถทรงจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย


ตรงใจกลางประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออก ด้านประตูทั้งสี่ทิศ มาทั้งที ควรทำตัวสวยๆ จิตใจดี ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรท่านสักหน่อยน๊าาา



ไฮไลท์ของวัดภูมินทร์ก็คือ "ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบรรลือโลก" นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมาก ถึงมากที่สุดจริงๆ แย่งกันถ่าย ส่วนชะนีร่างใหญ่อย่างฉันกว่าจะได้ถ่ายเลยให้เขาจัดไปก่อน เรามันสโลว์ไลฟ์อยู่ล่ะ อิอิ


นอกจากปู่ม่านย่าม่านแล้วก็ยังมีจิตรกรรมฝาผนังสวยๆ ให้ชมกันเยอะอยู่ ฝีมือมากๆ




ออกจากวัดภูมินทร์แล้ว ปั่นรถถีบไปต่อกันที่วัดช้างค้ำ สำหรับวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน มีพระพุทธรูปทองคำ ปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรี ศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎกใหญ่ที่สุดในประเทศ


เจดีย์ช้างค้ำเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัว ประดับอยู่โดยรอบ ลองเพ็งมองหน่อยนะ เพราะกำลังซูมไปไม่ถึงจริงๆ ที่จริงแล้วข้าน้อยไร้ฝีมือ -..-


จบจากวัดช้างค้ำแล้ว หญิงสาวอย่างฉันทั้งปั่น และยกรถถีบข้ามฝั่งมาต่อกันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ไม่ต้องถามเลยว่าร้อนไหม ตอบเลยว่าไหม้ คริคริ เอาเป็นว่ายอมดำ



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมเป็นที่ประทับของ เจ้าผู้ครองนครน่าน เรียกว่า "หอคำ" ภายในจัดแสดง ศิลปะ โบราณวัตถุ ต่างๆ ประวัติศาสตร์ และชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวพื้นเมืองภาคเหนือ และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "งาช้างดำ" (เครดิตข้อมูลจากเว็บ paiduaykan.com เช่นเดิมจ้า) ตัวฉันเองไม่ได้ถ่ายงาช้างดำมานะคะรอบนี้ เพราะภาพไม่ชัดเลย ร้องไห้




จุดถ่ายภาพพีคสุดคงไม่พ้นต้นลีลาวดี ขึ้นเป็นซุ้มหน้าอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน



หลังจากตรากตรำปั่น และถีบก็กลับห้องพักสักหน่อย ง่วงสุด เพราะตาลีตาเหลือกรีบตื่นมาขึ้นเครื่อง แถมตากแดด ตากลม ปั่นไปก็หลงทางไป เลยแวะซื้อน้ำหวาน ถามทางพร้อมถ่ายรูปร้านมาซะเลย แต่ลืมดูชื่อร้านไป ขออภัยด้วยนะจ้ะ ^^'


มาถึงเกสต์เฮาส์จนได้ ขอพักงีบก่อนน๊าาาา Zzzz....


หลังจากนอนกลางวัน แลควบบ่ายแล้ว ตกเย็นท้องเริ่มร้อง เพราะเสียเหงื่อ บวกกับพลังงานไปเยอะ รีบไปเดินกาดคนเดินที่เมืองน่าน กาดจะตั้งราวๆ ๕ โมงเย็น ข้างวัดภูมินทร์เลยจ้ะ

ติดใจที่สุดคือข้าวก่ำเหนียวดำ อร่อยมาก หอมสุด นิ่มสุด อยากกลับไปซื้ออีก ถ้าใครไปก็อย่าลืมลิ้มลองนะ ชะนีร่างใหญ่ขอคอนเฟิร์ม ^^!


ของแปลกไหม ก็ไม่แปลกนะ เขาทำดูมิ้งมิ้งดี ใส่กระทงใบตองเล็กๆ ใครใคร่กินก็กินได้เลยจ้า นิ่มๆ มันๆ เค็มๆ


บรรยากาศ ดูดีๆ ก็มีแดดอยู่นะ แต่ต้องรีบหาซื้อของกินหน่อย เพราะเดี๋ยวคนเยอะแล้วจะไม่มีที่นั่ง


ได้มาแล้วของกินเย็นนี้ ไม่เคยคิดจะลดนะ น้ำหนักเนี่ย ดูแต่ละอย่าง ก็อย่างว่า อร่อยๆ ทั้งนั้น เสียดายแย่ถ้าไม่ได้มากิน 5555


คนเมืองน่าน เขาจะหิ้วปิ่นโตมานั่งกินขันโตกกัน มีดนตรีให้ฟัง ไม่ต้องไปผับ บาร์ ค่ำหน่อยก็แด๊นซ์เพลงพื้นบ้านกันเพลินทีเดียว สนุกมากๆ บอกเลย



ได้เวลากลับที่พักแล้ว ระหว่างทางก็แวะ 7-11 ไปซื้อของใช้จุกจิกที่ลืมเอามาซักหน่อย ดั๊นนน มาเจอตุ๊กตาหน้ารถ เป็นก้อนขาวๆ สองก้อน แลดูนางน่ารักเลยขอถ่ายรูปมาสักหน่อย


อ่าาา... นึกว่าจะหลงทาง ถึงที่หมายแล้วจ้า เจอเจ้าบ้านเจ้าเรือนที่นี่ นางกำลังพักผ่อนอย่างฟินๆ (>^^<) หวัดดี "แล้วแต่" (ชื่อเจ้าเหมียวขนปุย)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่