สวัสดีค่าา
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ หากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะคะ
เหตุผลที่มาเขียนกระทู้นี้ก็เพราะว่าเห็นคนอื่นเขาไปตามรอยอนิเมะเรื่องอื่นกันมากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นคนตามเรื่องนี้ Kuroko no Basuke (ต่อจากนี้ขอเรียกว่าคุโระบาสนะคะ) เลย บวกกับไหนๆเราก็เคยไปตามมาแล้ว เลยอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำนิดนึงค่ะ ฮาาาา
เอาจริงๆ ต้องสารภาพก่อนเลยค่ะว่าก่อนไปเราได้เตรียมข้อมูลสถานที่กับรีเสิร์จไปน้อยมากๆ ทำให้ได้ไปตามรอยแค่ไม่กี่ที่เองค่ะ รู้สึกเสียดายมากๆเลย แต่ว่า... เดี๋ยวปลายปีจะมีทริปไปตามรอยอีกรอบค่ะ! คราวนี้จะต้องตามรอยให้ครบให้ได้
กลับเข้าเรื่องกันก่อนจะไปไกลนะคะ
ทริปนี้เรามีจุดมุ่งหมายเพื่อไปตามคุโระบาสค่ะ! (ส่วนคาเฟ่เป็นผลพลอยได้)
ซึ่งสถานที่ต่างๆก็จะอยู่แค่ในโตเกียวค่ะ
สำหรับทริปนี้เราไปวันที่ 6/1/2015 - 10/1/2015 ค่ะ
เนื้อหาการไปติ่งครั้งนี้ คือ
- ตามรอยคุโระบาส!
- ดู Hi☆Speed - Free! Starting Days -
- คาเฟ่ Hi☆Speed - Free! Starting Days -
ขอโม้นิดนึง
คือตอนแรกไม่รู้ว่ามีคาเฟ่ไฮสปีดค่ะ
จนใกล้ๆแล้วมานั่งไล่ๆดู เลยเห็นว่า อ้าวววว ช่วงที่ไปยังมีอยู่นี่นา (จริงๆแล้วกรีดร้องอยากดูมูฟวี่ไฮสปีดหนักมาก และคิดว่าไม่มีแล้วเช่นกัน สรุป... มีหมดทุกอย่างเลย ฮาาาา)
หลังจากนั้นก็ทำการจองไปอย่างไปคิดค่ะ
ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคาเฟ่อนิเมะไม่ว่าจะของ Adores (ที่เราไปมา) หรือ อนิเมทคาเฟ่ ทุกที่ต้องทำการลอตโต้นะคะ (จับฉลาก)
ซึ่งกลุ่มเราโชคดีที่ลอตโต้ได้ค่ะ ตอนวันประกาศผลนี่กรี๊ดกันลั่นบ้าน ฮาาาาาาาา
ต่อไป
มาเริ่มที่การเตรียมตัวก่อนไป
1. หาตั๋วเครื่องบิน
คราวนี้เรานั่งแอร์เอเชียค่ะ ไฟลท์รอบดึก คือออกเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 5 ถึงญี่ปุ่นวันที่ 6 ตอนเช้า ซึ่งทำให้พอลงเครื่องปุ๊บก็ไปเที่ยวต่อได้เลย
2. หาข้อมูลการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าส่วนตัวเคยไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้วค่ะ สำหรับสถานที่ตามรอยต่างๆในครั้งนี้ก็เลยไปตามเท่าที่คุ้นๆว่าเคยไป หรือเคยผ่านเห็น
(แต่ว่าไม่เคยไปตามจริงจังนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ)
เพราะว่าตอนก่อนไปพยายามหาข้อมูลแล้ว หาข้อมูลอีก แต่ก็หาไม่เจอเลยค่ะ เรียกว่าไปแบบตามมีตามเกิดมากๆ ฮาาาาา
แต่ว่าพอกลับมาปุ๊บ ดันไปค้นเจอเว็บตามรอยซะงั้น รู้สึกพลาดมากๆค่ะ แงงง
อันนี้เป็นวันตามรอยที่เราไปค้นเจอหลังกลับมาค่ะ ใครสนใจลองเข้าไปดูได้นะคะ (แต่เว็บเป็นญี่ปุ่นล้วนน้า)
ซีซั่น 1
http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/28
ซีซั่น 2
http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/76
ซีซั่น 3
http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/90
สำหรับการเดินทางต่างๆในทริป เราใช้บัตร Suica ซึ่งเป็น IC Card ค่ะ
เพราะจากการดูสถานที่ที่จะไปแล้ว ถ้าใช้พาสคิดว่าไม่คุ้มค่ะ บางทีขึ้นทั้ง JR ทั้งใต้ดิน ทั้งสายของเอกชน แถมบางวันก็ไปแค่ไม่กี่ที่ ใช้การเดินเอาซะมากกว่า เลยเลือกอะไรที่ง่ายๆไว้ดีกว่า เผื่อหลงจะได้ไม่เป็นไร ฮาาา
(บัตรจะคล้ายๆพวกบัตร Rabbit บ้านเรานี่แหละค่ะ สามารถซื้อได้ที่ตู้ออกตั๋วสถานีรถไฟ ถ้าเป็นใต้ดินก็จะเป็นบัตร Pasmo ซึ่งใช้ได้เหมือนกันนะคะ IC Card ของญี่ปุ่นจะสามารถใช้ได้กับรถไฟทุกสายเลยค่ะ)
เว็บที่เราใช้เช็คตารางเวลารถ กับเส้นทางก็คือ Hyperdia ค่ะ
http://www.hyperdia.com/en/
แล้วก็ใช้คู่ไปกับแอพเส้นทางรถไฟในไอโฟนด้วยค่ะ ชื่อ City Rail Map
3. แผนการเดินทาง
(ขออภัยที่หน้าตาดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะคะ)
แผนของเราค่อยข้างจะชิวๆค่ะ ปรับเปลี่ยนได้เสมอ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไปตามแผนได้ไม่เท่าไหร่เองค่ะ ฮาาาาาา
สำหรับกระทู้นี้เราเลยจะโฟกัสแค่ตามจุดประสงค์ข้างต้นแล้วกันนะคะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวปกติส่วนใหญ่ก็เป็นที่ยอดฮิต มีคนรีวิวมากมายอยู่แล้วค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ: เนื่องจากตอนแรกไม่ได้คิดจะตั้งกระทู้ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายวิธีการเดินทาง ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่จะพยายามเขียนให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
เอาล่ะ! มาเริ่มทริปติ่งกันเลยดีกว่าค่ะ
วันที่ 5/1/2016
เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากกรุงเทพ ไป ญี่ปุ่นกันค่ะ สำหรับแอร์เอเชียนั้น จะต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง
ด้วยความที่ว่าเราไปไฟลท์ดึก เลยว่าจะหาอะไรกินก่อนขึ้นเครื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาค่ะ
ทีนี้มีคนบอกว่า "ดอนเมืองมีเซเว่นในเกตนะ!" ด้วยความไม่เคยขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองก็เชื่อสนิทใจค่ะ
สุดท้าย... มารู้ตอนเข้าไปแล้วว่ามีแค่ฝั่งขาออกภายในประเทศเท่านั้น ไปต่างประเทศไม่มีนะคะ! #ความโง่ส่วนตัวล้วนๆ
เลยมาจบลงที่กินแมคประทังชีวิตกันไปค่ะ
ทริปนี้ไปด้วยกันทั้งหมดสามคนนะคะ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว
พอขึ้นเครื่องมาปุ๊บก็เอาจิ๊บที่พกไปด้วยขึ้นมาถ่ายเล่นกันค่ะ
เนื่องจากในห้องโดยสารค่อนข้างมือ ภาพเลยออกมาสีไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
จิ๊บคิเสะไททั่นกับจิ๊บฮิมุโระตัวน้อยๆค่ะ ฮาาาาา
(เจ้าของกระทู้ติ่ง ฮิมุโระ ทัตสึยะ ค่ะ ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยติ่ง คิเสะ เรียวตะ ทริปนี้เลยอาจจะเห็นจิ๊บน้อยๆสองตัวนี้บ่อยนิดนึงนะคะ)
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็จัดแจงข้าวของ แล้วก็นอนหลับไปค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
วันที่ 6/1/2016
วันแรก ณ ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องแลนดิ้งลงที่สนามบินนาริตะเวลาประมาณ 8 โมงเช้าของที่นู่น
ในส่วนการตรวจคนเข้าเมืองก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยค่ะ ไม่มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นแต่อย่างใด ฮาาาาา
พอออกมาจากสนามบินปุ๊บ เราเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟสาย Keisei Main Line Ltd. Exp. ซึ่งใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองนานสุด แต่ก็ราคาถูกสุดเช่นกัน ด้วยความที่ไม่เร่งรีบอะไร บวกกับอยากประหยัดเงินเลยเลือกขึ้นอย่างไม่ลังเลค่ะ
**สำหรับบัตร IC Card ก็สามารถซื้อได้ที่ตู้ออกตั๋วแล้วใช้ได้เลยค่ะ
หลังจากมาลงที่สถานี Keisei-Ueno ก็เดินไปฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่พักก่อนค่ะ
สำหรับทริปนี้เราพักที่ Tokyo Ueno Youth Hostel
ตอนแรกเรานึกว่าจะเดินไกลมากกกกก แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้นค่ะ
จุดเด่นของโฮสเทลแห่งนี้คือมีห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้องเลยค่ะ แถมราคาสำหรับนอนสามคนขึ้นไปก็เป็นมิตรสุดๆ
ลิ้งค์สำหรับจองที่พักนะคะ
http://www.booking.com/hotel/jp/tokyo-ueno-youth-hostel.th.html
สุดท้ายด้วยความที่ตื่นเต้นเลยไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาเลยค่ะ ฮาาาาาาา
พอฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า เลยเดินไปหาข้าวกินแถวๆตลาดอุเอโนะกัน
สุดท้ายก็มาจบลงที่ข้าวหน้าเนื้อร้านมัตซึยะค่ะ ฮาาา
พอท้องอิ่ม ก็เริ่มทริปติ่งค่ะ
ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปพิพิธภัณฑ์โตเกียว เพราะอยากไปดูว่าตอนนี้ที่นั่นมีดาบอะไรจัดแสดงบ้าง
ด้วยเวลาที่กระชั้นมาก จึงทำให้ได้เข้าไปดูแค่ดาบ แล้วก็ออกมาค่ะ รูปก็ไม่ได้ถ่ายเลย ฮาาาาา
หลังจากนั้นก็เริ่มไปตามรอยบาสแห่งแรกค่ะ
โดยสถานที่ที่จะไปคือวัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุสะ ค่ะ
วิธีการเดินทางจาก Ueno > Asakusa คือ ขึ้นใต้ดิน Tokyo Metro Ginza Line for ASAKUSA ค่ะ นั่งจนสุดสายเลย
จากนั้นพอถึง ที่สถานีจะมีบอกค่ะว่าไปวัดออกทางออกไหน
พอไปถึงก็เดินๆหาค่ะ จนในที่สุดก็เจอมุมที่ใช่!
ขนาดวัดนี่มโนสินะคะ ทำไมในอนิเมะมันใหญ่ขนาดนั้นนนนน
ข้างๆชื่อร้านเหมือนกันด้วยนะคะ นี่ทีมงานไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อหรือว่าได้ตังค์คะเนี่ย ฮาาาาา
สำหรับภาพนี้ก็มาจาก Mini End Card ค่ะ มุรา, ฮิมุโระ และอเล็กซ์ไปเที่ยวกับที่วัดอาซากุสะ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็เดินดูวัดนิดหน่อย ซื้อขนมดังโงะกินกันแล้วก็ไปสถานที่ต่อไปค่ะ
เจอคากามิ(โมจิ)ด้วยล่ะ!
จริงๆแล้วต่อไปเราต้องไป Tokyo Sky Tree กันเพื่อไปตามซ็อตนี้
แต่ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมอะไรไป คิดว่ามันน่าจะสักสะพานแหละน่า สุดท้ายก็หาไม่เจอค่ะ ฮือ
พอกลับมาถึงไทยแล้วได้เจอเว็บตามรอย ก็พบว่า... จริงๆแล้วมันเลยสกายทรีไปไกลมากกกกก (ตอนแรกนึกว่าถึงก่อนสกายทรี)
ไว้คราวหน้าจะไปแก้ตัวนะคะ
กลายเป็นว่าพอหาไม่เจอก็เลยไปช็อปปิ้งกันแทนค่ะ คือห้างของสกายทรีจะมีร้านจั๊มป์ช็อป กับกู๊ดคาแรคเตอร์เรื่องต่างๆ
สุดท้ายก็เลยได้ของติดมือมาคนละอย่างสองอย่าง
เสร็จแล้วก็เลยกลับที่พักไปเตรียมตัวเพื่อที่จะไปดูหนังเรื่อง Hi☆Speed - Free! Starting Days - นั่นเอง!
เนื่องจากหนังเข้าตั้งแต่ต้นเดือนธันวา ตอนแรกเลยไม่คิดค่ะว่าจะมีโอกาสได้ไปดูเลยค่ะ เพราะปกติหนังบ้านเราอยู่อย่างมากก็ไม่เกินเดือน
แต่ทีนี้เห็นคนที่ไปดูมารีวิวบอกว่า เห็นว่าจะฉายถึงกลางเดือนหนึ่ง ก็เลยรู้สึกมีความหวังขึ้นมาค่ะ!
จากนั้นก็ได้สอบถามคนไปดู แล้วเขาก็แนะนำโรงหนังที่อิเคบุคุโระให้
http://www.cinemasunshine.co.jp/theater/ikebukuro/
ซึ่งก่อนวันไปประมาณอาทิตย์นึงก็ลองเช็ครอบดู ปรากฎว่ายังมีจริงๆด้วยค่ะ!
แถมยังเป็นโรงใหญ่ด้วย อื้อหือ... ท่าจะดังจริงๆ ฮาาาาาา
วิธีการเดินทางจากที่พักของเรา Ueno > Ikebukuro คือนั่ง JR Yamanote Line (Inner loop) for OSAKI ค่ะ
จากนั้นไปถึงก็ออกทางออกที่ 35 นะคะ จะอยู่ฝั่ง East Exit ค่ะ (ที่สถานีอิเคะจะมีทางออกเยอะมากๆ และคนก็เยอะมากกกก เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นระวังหลงด้วยน้า)
หรือให้มองหาป้าย Sunshine City ไว้ก็ได้ค่ะ หรือถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ก็ถามเจ้าหน้าที่สถานีเลยค่ะ
พอออกมาปุ๊บก็ให้เดินตรงมาเรื่อยๆเลย โรงหนังจะอยู่ใกล้ๆกับห้อง Tokyu Hand ค่ะ
พอมาถึงโรงหนังปุ๊บก็เข้าไปเลือกเรื่อง เลือกรอบค่ะ โดยเขาจะมีแผ่นกระดาษแปะไว้ให้ดูตรงที่ขายตั๋วว่าวันนี้มีอะไรฉายบ้าง คลาสสิคสุดๆ
ตอนซื้อตั๋วโชคดีที่เพื่อนที่ไปด้วยพอจะพูดญี่ปุ่นได้เลยผ่านมาอย่างไม่ยากเย็นนัก
ได้ตั๋วมาแล้วววว
หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่โรงหนังกันค่ะ
คือหน้าโรงเขามีจัดแสดงลายเซ็นนักพากย์ไว้ด้วย แต่คือหนังจะเริ่มแล้วเลยไม่ได้ไปดูดีๆ พอออกจากโรงมาเขาก็เก็บไปแล้ว เสียดายมากๆเลยค่ะ ฮือ
แล้วก็จริงๆแล้วสามารถเข้าไปรอได้ที่หน้าโรงได้เลยนะคะ ไม่เหมือนบ้านเรา เพราะข้างนอกเขาไม่มีที่รอให้ (ข้างในมีค่ะ)
พวกเราไม่รู้เลยไปนั่งเป็นไกจินอยู่ตรงบันไดกัน แง
อย่าทำตามนะคะ มันไม่ดี!
หนังกำลังจะเริ่มแล้วจิ๊บ~
ตอนเข้าไปในโรงแอบตกใจมากค่ะ คือบ้านเราโรงหนังเขาจะลาดลงแบบ... จากสูงๆ มองลงมาหาจอใช่มั้ยคะ
ที่ญี่ปุ่นก็ลาดลงมาเหมือนกันค่ะ แต่... ลาดลงมายังไงก็ต้องแหงนดูอยู่ดี คือแบบ... มันต่ำมาก ถึงจะอยู่บนสุดก็เถอะ
สำหรับเนื้อเรื่องก็ขอไม่สปอยแล้วกันนะคะ ทุกคนน่ารักมากๆๆ
ใครที่ชอบ Free! ควรหามาดูให้ได้เลยนะคะ!
พอดูจบก็กลับที่พักค่ะ โดยนั่งสายยามาโนเตะกลับเหมือนเดิม
เป็นหนึ่งวันที่เหนื่อยมากเลยค่ะ ฮาาาาาา
เดี๋ยวขออนุญาติต่อวันที่สองด้านล่างนะคะ
[CR] ตามรอย Kuroko no Basuke และ รีวิวคาเฟ่ ハイ☆スピード!-Free! Starting Days-
ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ หากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะคะ
เหตุผลที่มาเขียนกระทู้นี้ก็เพราะว่าเห็นคนอื่นเขาไปตามรอยอนิเมะเรื่องอื่นกันมากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นคนตามเรื่องนี้ Kuroko no Basuke (ต่อจากนี้ขอเรียกว่าคุโระบาสนะคะ) เลย บวกกับไหนๆเราก็เคยไปตามมาแล้ว เลยอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำนิดนึงค่ะ ฮาาาา
เอาจริงๆ ต้องสารภาพก่อนเลยค่ะว่าก่อนไปเราได้เตรียมข้อมูลสถานที่กับรีเสิร์จไปน้อยมากๆ ทำให้ได้ไปตามรอยแค่ไม่กี่ที่เองค่ะ รู้สึกเสียดายมากๆเลย แต่ว่า... เดี๋ยวปลายปีจะมีทริปไปตามรอยอีกรอบค่ะ! คราวนี้จะต้องตามรอยให้ครบให้ได้
กลับเข้าเรื่องกันก่อนจะไปไกลนะคะ
ทริปนี้เรามีจุดมุ่งหมายเพื่อไปตามคุโระบาสค่ะ! (ส่วนคาเฟ่เป็นผลพลอยได้)
ซึ่งสถานที่ต่างๆก็จะอยู่แค่ในโตเกียวค่ะ
สำหรับทริปนี้เราไปวันที่ 6/1/2015 - 10/1/2015 ค่ะ
เนื้อหาการไปติ่งครั้งนี้ คือ
- ตามรอยคุโระบาส!
- ดู Hi☆Speed - Free! Starting Days -
- คาเฟ่ Hi☆Speed - Free! Starting Days -
ขอโม้นิดนึง
คือตอนแรกไม่รู้ว่ามีคาเฟ่ไฮสปีดค่ะ
จนใกล้ๆแล้วมานั่งไล่ๆดู เลยเห็นว่า อ้าวววว ช่วงที่ไปยังมีอยู่นี่นา (จริงๆแล้วกรีดร้องอยากดูมูฟวี่ไฮสปีดหนักมาก และคิดว่าไม่มีแล้วเช่นกัน สรุป... มีหมดทุกอย่างเลย ฮาาาา)
หลังจากนั้นก็ทำการจองไปอย่างไปคิดค่ะ
ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคาเฟ่อนิเมะไม่ว่าจะของ Adores (ที่เราไปมา) หรือ อนิเมทคาเฟ่ ทุกที่ต้องทำการลอตโต้นะคะ (จับฉลาก)
ซึ่งกลุ่มเราโชคดีที่ลอตโต้ได้ค่ะ ตอนวันประกาศผลนี่กรี๊ดกันลั่นบ้าน ฮาาาาาาาา
ต่อไป
มาเริ่มที่การเตรียมตัวก่อนไป
1. หาตั๋วเครื่องบิน
คราวนี้เรานั่งแอร์เอเชียค่ะ ไฟลท์รอบดึก คือออกเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 5 ถึงญี่ปุ่นวันที่ 6 ตอนเช้า ซึ่งทำให้พอลงเครื่องปุ๊บก็ไปเที่ยวต่อได้เลย
2. หาข้อมูลการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าส่วนตัวเคยไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้วค่ะ สำหรับสถานที่ตามรอยต่างๆในครั้งนี้ก็เลยไปตามเท่าที่คุ้นๆว่าเคยไป หรือเคยผ่านเห็น
(แต่ว่าไม่เคยไปตามจริงจังนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ)
เพราะว่าตอนก่อนไปพยายามหาข้อมูลแล้ว หาข้อมูลอีก แต่ก็หาไม่เจอเลยค่ะ เรียกว่าไปแบบตามมีตามเกิดมากๆ ฮาาาาา
แต่ว่าพอกลับมาปุ๊บ ดันไปค้นเจอเว็บตามรอยซะงั้น รู้สึกพลาดมากๆค่ะ แงงง
อันนี้เป็นวันตามรอยที่เราไปค้นเจอหลังกลับมาค่ะ ใครสนใจลองเข้าไปดูได้นะคะ (แต่เว็บเป็นญี่ปุ่นล้วนน้า)
ซีซั่น 1 http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/28
ซีซั่น 2 http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/76
ซีซั่น 3 http://yaplog.jp/tyu-kyu-2/archive/90
สำหรับการเดินทางต่างๆในทริป เราใช้บัตร Suica ซึ่งเป็น IC Card ค่ะ
เพราะจากการดูสถานที่ที่จะไปแล้ว ถ้าใช้พาสคิดว่าไม่คุ้มค่ะ บางทีขึ้นทั้ง JR ทั้งใต้ดิน ทั้งสายของเอกชน แถมบางวันก็ไปแค่ไม่กี่ที่ ใช้การเดินเอาซะมากกว่า เลยเลือกอะไรที่ง่ายๆไว้ดีกว่า เผื่อหลงจะได้ไม่เป็นไร ฮาาา
(บัตรจะคล้ายๆพวกบัตร Rabbit บ้านเรานี่แหละค่ะ สามารถซื้อได้ที่ตู้ออกตั๋วสถานีรถไฟ ถ้าเป็นใต้ดินก็จะเป็นบัตร Pasmo ซึ่งใช้ได้เหมือนกันนะคะ IC Card ของญี่ปุ่นจะสามารถใช้ได้กับรถไฟทุกสายเลยค่ะ)
เว็บที่เราใช้เช็คตารางเวลารถ กับเส้นทางก็คือ Hyperdia ค่ะ
http://www.hyperdia.com/en/
แล้วก็ใช้คู่ไปกับแอพเส้นทางรถไฟในไอโฟนด้วยค่ะ ชื่อ City Rail Map
3. แผนการเดินทาง
(ขออภัยที่หน้าตาดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะคะ)
แผนของเราค่อยข้างจะชิวๆค่ะ ปรับเปลี่ยนได้เสมอ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไปตามแผนได้ไม่เท่าไหร่เองค่ะ ฮาาาาาา
สำหรับกระทู้นี้เราเลยจะโฟกัสแค่ตามจุดประสงค์ข้างต้นแล้วกันนะคะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวปกติส่วนใหญ่ก็เป็นที่ยอดฮิต มีคนรีวิวมากมายอยู่แล้วค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ: เนื่องจากตอนแรกไม่ได้คิดจะตั้งกระทู้ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายวิธีการเดินทาง ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่จะพยายามเขียนให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
เอาล่ะ! มาเริ่มทริปติ่งกันเลยดีกว่าค่ะ
วันที่ 5/1/2016
เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากกรุงเทพ ไป ญี่ปุ่นกันค่ะ สำหรับแอร์เอเชียนั้น จะต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง
ด้วยความที่ว่าเราไปไฟลท์ดึก เลยว่าจะหาอะไรกินก่อนขึ้นเครื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาค่ะ
ทีนี้มีคนบอกว่า "ดอนเมืองมีเซเว่นในเกตนะ!" ด้วยความไม่เคยขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองก็เชื่อสนิทใจค่ะ
สุดท้าย... มารู้ตอนเข้าไปแล้วว่ามีแค่ฝั่งขาออกภายในประเทศเท่านั้น ไปต่างประเทศไม่มีนะคะ! #ความโง่ส่วนตัวล้วนๆ
เลยมาจบลงที่กินแมคประทังชีวิตกันไปค่ะ
ทริปนี้ไปด้วยกันทั้งหมดสามคนนะคะ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว
พอขึ้นเครื่องมาปุ๊บก็เอาจิ๊บที่พกไปด้วยขึ้นมาถ่ายเล่นกันค่ะ
เนื่องจากในห้องโดยสารค่อนข้างมือ ภาพเลยออกมาสีไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
จิ๊บคิเสะไททั่นกับจิ๊บฮิมุโระตัวน้อยๆค่ะ ฮาาาาา
(เจ้าของกระทู้ติ่ง ฮิมุโระ ทัตสึยะ ค่ะ ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยติ่ง คิเสะ เรียวตะ ทริปนี้เลยอาจจะเห็นจิ๊บน้อยๆสองตัวนี้บ่อยนิดนึงนะคะ)
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็จัดแจงข้าวของ แล้วก็นอนหลับไปค่ะ
----------------------------------------------------------------------------
วันที่ 6/1/2016
วันแรก ณ ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องแลนดิ้งลงที่สนามบินนาริตะเวลาประมาณ 8 โมงเช้าของที่นู่น
ในส่วนการตรวจคนเข้าเมืองก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยค่ะ ไม่มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นแต่อย่างใด ฮาาาาา
พอออกมาจากสนามบินปุ๊บ เราเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟสาย Keisei Main Line Ltd. Exp. ซึ่งใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองนานสุด แต่ก็ราคาถูกสุดเช่นกัน ด้วยความที่ไม่เร่งรีบอะไร บวกกับอยากประหยัดเงินเลยเลือกขึ้นอย่างไม่ลังเลค่ะ
**สำหรับบัตร IC Card ก็สามารถซื้อได้ที่ตู้ออกตั๋วแล้วใช้ได้เลยค่ะ
หลังจากมาลงที่สถานี Keisei-Ueno ก็เดินไปฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่พักก่อนค่ะ
สำหรับทริปนี้เราพักที่ Tokyo Ueno Youth Hostel
ตอนแรกเรานึกว่าจะเดินไกลมากกกกก แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้นค่ะ
จุดเด่นของโฮสเทลแห่งนี้คือมีห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้องเลยค่ะ แถมราคาสำหรับนอนสามคนขึ้นไปก็เป็นมิตรสุดๆ
ลิ้งค์สำหรับจองที่พักนะคะ http://www.booking.com/hotel/jp/tokyo-ueno-youth-hostel.th.html
สุดท้ายด้วยความที่ตื่นเต้นเลยไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาเลยค่ะ ฮาาาาาาา
พอฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า เลยเดินไปหาข้าวกินแถวๆตลาดอุเอโนะกัน
สุดท้ายก็มาจบลงที่ข้าวหน้าเนื้อร้านมัตซึยะค่ะ ฮาาา
พอท้องอิ่ม ก็เริ่มทริปติ่งค่ะ
ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปพิพิธภัณฑ์โตเกียว เพราะอยากไปดูว่าตอนนี้ที่นั่นมีดาบอะไรจัดแสดงบ้าง
ด้วยเวลาที่กระชั้นมาก จึงทำให้ได้เข้าไปดูแค่ดาบ แล้วก็ออกมาค่ะ รูปก็ไม่ได้ถ่ายเลย ฮาาาาา
หลังจากนั้นก็เริ่มไปตามรอยบาสแห่งแรกค่ะ
โดยสถานที่ที่จะไปคือวัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุสะ ค่ะ
วิธีการเดินทางจาก Ueno > Asakusa คือ ขึ้นใต้ดิน Tokyo Metro Ginza Line for ASAKUSA ค่ะ นั่งจนสุดสายเลย
จากนั้นพอถึง ที่สถานีจะมีบอกค่ะว่าไปวัดออกทางออกไหน
พอไปถึงก็เดินๆหาค่ะ จนในที่สุดก็เจอมุมที่ใช่!
ขนาดวัดนี่มโนสินะคะ ทำไมในอนิเมะมันใหญ่ขนาดนั้นนนนน
ข้างๆชื่อร้านเหมือนกันด้วยนะคะ นี่ทีมงานไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อหรือว่าได้ตังค์คะเนี่ย ฮาาาาา
สำหรับภาพนี้ก็มาจาก Mini End Card ค่ะ มุรา, ฮิมุโระ และอเล็กซ์ไปเที่ยวกับที่วัดอาซากุสะ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็เดินดูวัดนิดหน่อย ซื้อขนมดังโงะกินกันแล้วก็ไปสถานที่ต่อไปค่ะ
เจอคากามิ(โมจิ)ด้วยล่ะ!
จริงๆแล้วต่อไปเราต้องไป Tokyo Sky Tree กันเพื่อไปตามซ็อตนี้
แต่ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมอะไรไป คิดว่ามันน่าจะสักสะพานแหละน่า สุดท้ายก็หาไม่เจอค่ะ ฮือ
พอกลับมาถึงไทยแล้วได้เจอเว็บตามรอย ก็พบว่า... จริงๆแล้วมันเลยสกายทรีไปไกลมากกกกก (ตอนแรกนึกว่าถึงก่อนสกายทรี)
ไว้คราวหน้าจะไปแก้ตัวนะคะ
กลายเป็นว่าพอหาไม่เจอก็เลยไปช็อปปิ้งกันแทนค่ะ คือห้างของสกายทรีจะมีร้านจั๊มป์ช็อป กับกู๊ดคาแรคเตอร์เรื่องต่างๆ
สุดท้ายก็เลยได้ของติดมือมาคนละอย่างสองอย่าง
เสร็จแล้วก็เลยกลับที่พักไปเตรียมตัวเพื่อที่จะไปดูหนังเรื่อง Hi☆Speed - Free! Starting Days - นั่นเอง!
เนื่องจากหนังเข้าตั้งแต่ต้นเดือนธันวา ตอนแรกเลยไม่คิดค่ะว่าจะมีโอกาสได้ไปดูเลยค่ะ เพราะปกติหนังบ้านเราอยู่อย่างมากก็ไม่เกินเดือน
แต่ทีนี้เห็นคนที่ไปดูมารีวิวบอกว่า เห็นว่าจะฉายถึงกลางเดือนหนึ่ง ก็เลยรู้สึกมีความหวังขึ้นมาค่ะ!
จากนั้นก็ได้สอบถามคนไปดู แล้วเขาก็แนะนำโรงหนังที่อิเคบุคุโระให้
http://www.cinemasunshine.co.jp/theater/ikebukuro/
ซึ่งก่อนวันไปประมาณอาทิตย์นึงก็ลองเช็ครอบดู ปรากฎว่ายังมีจริงๆด้วยค่ะ!
แถมยังเป็นโรงใหญ่ด้วย อื้อหือ... ท่าจะดังจริงๆ ฮาาาาาา
วิธีการเดินทางจากที่พักของเรา Ueno > Ikebukuro คือนั่ง JR Yamanote Line (Inner loop) for OSAKI ค่ะ
จากนั้นไปถึงก็ออกทางออกที่ 35 นะคะ จะอยู่ฝั่ง East Exit ค่ะ (ที่สถานีอิเคะจะมีทางออกเยอะมากๆ และคนก็เยอะมากกกก เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นระวังหลงด้วยน้า)
หรือให้มองหาป้าย Sunshine City ไว้ก็ได้ค่ะ หรือถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ก็ถามเจ้าหน้าที่สถานีเลยค่ะ
พอออกมาปุ๊บก็ให้เดินตรงมาเรื่อยๆเลย โรงหนังจะอยู่ใกล้ๆกับห้อง Tokyu Hand ค่ะ
พอมาถึงโรงหนังปุ๊บก็เข้าไปเลือกเรื่อง เลือกรอบค่ะ โดยเขาจะมีแผ่นกระดาษแปะไว้ให้ดูตรงที่ขายตั๋วว่าวันนี้มีอะไรฉายบ้าง คลาสสิคสุดๆ
ตอนซื้อตั๋วโชคดีที่เพื่อนที่ไปด้วยพอจะพูดญี่ปุ่นได้เลยผ่านมาอย่างไม่ยากเย็นนัก
ได้ตั๋วมาแล้วววว
หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่โรงหนังกันค่ะ
คือหน้าโรงเขามีจัดแสดงลายเซ็นนักพากย์ไว้ด้วย แต่คือหนังจะเริ่มแล้วเลยไม่ได้ไปดูดีๆ พอออกจากโรงมาเขาก็เก็บไปแล้ว เสียดายมากๆเลยค่ะ ฮือ
แล้วก็จริงๆแล้วสามารถเข้าไปรอได้ที่หน้าโรงได้เลยนะคะ ไม่เหมือนบ้านเรา เพราะข้างนอกเขาไม่มีที่รอให้ (ข้างในมีค่ะ)
พวกเราไม่รู้เลยไปนั่งเป็นไกจินอยู่ตรงบันไดกัน แง
อย่าทำตามนะคะ มันไม่ดี!
หนังกำลังจะเริ่มแล้วจิ๊บ~
ตอนเข้าไปในโรงแอบตกใจมากค่ะ คือบ้านเราโรงหนังเขาจะลาดลงแบบ... จากสูงๆ มองลงมาหาจอใช่มั้ยคะ
ที่ญี่ปุ่นก็ลาดลงมาเหมือนกันค่ะ แต่... ลาดลงมายังไงก็ต้องแหงนดูอยู่ดี คือแบบ... มันต่ำมาก ถึงจะอยู่บนสุดก็เถอะ
สำหรับเนื้อเรื่องก็ขอไม่สปอยแล้วกันนะคะ ทุกคนน่ารักมากๆๆ
ใครที่ชอบ Free! ควรหามาดูให้ได้เลยนะคะ!
พอดูจบก็กลับที่พักค่ะ โดยนั่งสายยามาโนเตะกลับเหมือนเดิม
เป็นหนึ่งวันที่เหนื่อยมากเลยค่ะ ฮาาาาาา
เดี๋ยวขออนุญาติต่อวันที่สองด้านล่างนะคะ