อยากมาให้ข้อมูลค่ะ
รถเราเกิดอุบัติเหตุลงข้างทาง รถเรามิตซู CNG ปี 2011 ประกันชั้น1 ซ่อมอู่ รับประกันอะไหล่แท้ ทุนประกัน 370,000 บาท
ตอนแรกคิดว่าเสียหายไม่เยอะ แต่พอเอารถเข้าอู่ อู่ตีค่าซ่อมออกมาตอนแรกเลยอยู่ที่ 320,000 (อู่เป็นอู่ในเครือประกันภัยและเป็นอู่กลาง) หลังจากนั้น ประกันมาคุมราคาซ่อมออกมาอยู่ที่ 72%ของทุนประกัน (ตอนนั้นเค้าบอกเราเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าซ่อมที่ประกันมาตรวจสอบน่าจะประมาณอยู่ที่ 266,...) จึงเข้าข่ายคืนทุนประกัน
ประกันตอนแรกบอกเราว่า รถเราราคาปัจจุบัน(ราคารถมือสองในตลาด) อยู่ที่ประมาณ 280,000 บาท เพราะฉะนั้นเค้าจะจ่ายให้เรา 280,000 บาท และเฉลี่ยเบี้ยประกันที่เราจ่ายเกินคืนกลับมาให้ เราช็อกมาก คือ เราคิดอยู่ว่าทางประกันคงเจรจาขอจ่ายไม่ถึงทุนประกัน แต่ไม่คิดว่าจะบอกมาน้อยขนาดนี้ และเรื่องความรู้เรื่องทุนประกัน กับราคารถยนต์ปัจจุบันเราก็ไม่เคยรู้เลย เราเลยโทรปรึกษาทาง คปภ. ทางคปภ.บอกเราชัดเจนเลยว่า หากค่าซ่อมเกินกว่า 70%ของมูลค่ารถยนต์ขณะนั้น ประกันจะต้องคืนเงินให้เราเต็มจำนวนทุนประกันที่ระบุไว้ในตาราง หลังจากนั้นเราเลยโทรหาประกัน และบอกเค้าว่าทางคปภ.บอกมาว่าอย่างนี้ จากนั้นภายในวันเดียวกัน ประกันอนุมัติคืนทุนประกันให้เราเต็มจำนวน
ทีนี้ข้อมูลที่เราได้จากทาง คปภ. มูลค่าความเสียหาย (ค่าซ่อม) เกินกว่า 70% เป็น 70%ของราคารถยนต์ขณะนั้น ไม่ใช่ทุนประกัน อย่างรถเราถ้ายึดเอาที่ประกันบอกคือ ราคาตลาดอยู่ที่ 280,000 ก้อต้องเป็นความเสียหาย 70%ของ 280,000 บาท จึงจะเข้าข่ายคืนทุนประกัน
ส่วนเมื่อความเสียหาย เกินกว่า 70%ของมูลค่ารถยนต์แล้ว ทางผู้เอาประกันมีสิทธิ์เลือกที่จะซ่อม หรือ คืนทุนประกันก็ได้ และถ้าเลือกคืนทุนประกัน ทางประกันต้องคืนเต็มจำนวนตามตารางกรมธรรม์
เคสเรา ทุนประกันเราสูงกว่ามูลค่ารถปัจจุบันค่อนข้างสูง ซึ่งตัวเราก้อไม่เคยรู้เลย (ไม่เคยสนใจเรื่องราคารถ และทุนประกัน) ซึ่งหมายถึงว่า เราจ่ายค่าเบี้ยที่สูงตามทุนประกันไปด้วย (พี่ที่ทำงานให้ความเห็นว่า กรณีที่รถจะเสียหายหนักมันน้อยมาก ทำให้บริษัทประกันอยากที่จะเก็บเบี้ยราคาสูงมากกว่า ซึ่งเราก้อว่าน่าจะเป็นไปได้นะ)
เราเลยอยากบอกมาให้ข้อมูล เผื่อใครเจอเคสอย่างเรา ให้โทรไปปรึกษาทาง คปภ.เลย ซึ่งตามหลักแล้วทุนประกันกับมูลค่ารถยนต์ควรต้องสอดคล้องกัน จะได้ไม่มีปัญหา
(คิดในทางกลับกัน หากเราจ่ายเบี้ยถูก ทุนประกันถูก และรถเรามูลค่ารถยนต์มากกว่าทุนประกัน 70%ก้อต้องคิดจากมูลค่ารถยนต์ปัจจุบัน ซึ่งประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมไม่เกินทุนประกัน และกรณีที่ ทุนประกันไม่ถึง 80%ของมูลค่ารถยนต์ปัจจุบัน สิทธิ์ของซากน่าจะยังเป็นของผู้เอาประกันอยู่นะ กรณีนี้เราไม่ได้ถามทางคปภ.นะ แต่เข้าใจว่าอย่างนี้ เพราะหลังจากนั้นเราเข้าไปอ่านเงื่อนไข และตัวกฎประกันภัย เราเข้าใจว่าอย่างนี้)
เพื่อนที่เกิดเจอปัญหาเกี่ยวกับประกันโทรถามทาง คปภ.เลยดีที่สุด ในเคสเราประกันเราถือว่าโอเคเลย เพราะดำเนินเรื่องเร็ว(เทียบกับคนที่เจอเคสเดียวกัน เห็นว่า หลายเดือนเลย) ซึ่งเรารู้มาจากเพื่อนอีกทีว่า ทางประกันสามารถดึงเรื่องไว้ได้ตามสิทธิ์ของเค้า
ทุนประกันกับมูลค่ารถยนต์
รถเราเกิดอุบัติเหตุลงข้างทาง รถเรามิตซู CNG ปี 2011 ประกันชั้น1 ซ่อมอู่ รับประกันอะไหล่แท้ ทุนประกัน 370,000 บาท
ตอนแรกคิดว่าเสียหายไม่เยอะ แต่พอเอารถเข้าอู่ อู่ตีค่าซ่อมออกมาตอนแรกเลยอยู่ที่ 320,000 (อู่เป็นอู่ในเครือประกันภัยและเป็นอู่กลาง) หลังจากนั้น ประกันมาคุมราคาซ่อมออกมาอยู่ที่ 72%ของทุนประกัน (ตอนนั้นเค้าบอกเราเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าซ่อมที่ประกันมาตรวจสอบน่าจะประมาณอยู่ที่ 266,...) จึงเข้าข่ายคืนทุนประกัน
ประกันตอนแรกบอกเราว่า รถเราราคาปัจจุบัน(ราคารถมือสองในตลาด) อยู่ที่ประมาณ 280,000 บาท เพราะฉะนั้นเค้าจะจ่ายให้เรา 280,000 บาท และเฉลี่ยเบี้ยประกันที่เราจ่ายเกินคืนกลับมาให้ เราช็อกมาก คือ เราคิดอยู่ว่าทางประกันคงเจรจาขอจ่ายไม่ถึงทุนประกัน แต่ไม่คิดว่าจะบอกมาน้อยขนาดนี้ และเรื่องความรู้เรื่องทุนประกัน กับราคารถยนต์ปัจจุบันเราก็ไม่เคยรู้เลย เราเลยโทรปรึกษาทาง คปภ. ทางคปภ.บอกเราชัดเจนเลยว่า หากค่าซ่อมเกินกว่า 70%ของมูลค่ารถยนต์ขณะนั้น ประกันจะต้องคืนเงินให้เราเต็มจำนวนทุนประกันที่ระบุไว้ในตาราง หลังจากนั้นเราเลยโทรหาประกัน และบอกเค้าว่าทางคปภ.บอกมาว่าอย่างนี้ จากนั้นภายในวันเดียวกัน ประกันอนุมัติคืนทุนประกันให้เราเต็มจำนวน
ทีนี้ข้อมูลที่เราได้จากทาง คปภ. มูลค่าความเสียหาย (ค่าซ่อม) เกินกว่า 70% เป็น 70%ของราคารถยนต์ขณะนั้น ไม่ใช่ทุนประกัน อย่างรถเราถ้ายึดเอาที่ประกันบอกคือ ราคาตลาดอยู่ที่ 280,000 ก้อต้องเป็นความเสียหาย 70%ของ 280,000 บาท จึงจะเข้าข่ายคืนทุนประกัน
ส่วนเมื่อความเสียหาย เกินกว่า 70%ของมูลค่ารถยนต์แล้ว ทางผู้เอาประกันมีสิทธิ์เลือกที่จะซ่อม หรือ คืนทุนประกันก็ได้ และถ้าเลือกคืนทุนประกัน ทางประกันต้องคืนเต็มจำนวนตามตารางกรมธรรม์
เคสเรา ทุนประกันเราสูงกว่ามูลค่ารถปัจจุบันค่อนข้างสูง ซึ่งตัวเราก้อไม่เคยรู้เลย (ไม่เคยสนใจเรื่องราคารถ และทุนประกัน) ซึ่งหมายถึงว่า เราจ่ายค่าเบี้ยที่สูงตามทุนประกันไปด้วย (พี่ที่ทำงานให้ความเห็นว่า กรณีที่รถจะเสียหายหนักมันน้อยมาก ทำให้บริษัทประกันอยากที่จะเก็บเบี้ยราคาสูงมากกว่า ซึ่งเราก้อว่าน่าจะเป็นไปได้นะ)
เราเลยอยากบอกมาให้ข้อมูล เผื่อใครเจอเคสอย่างเรา ให้โทรไปปรึกษาทาง คปภ.เลย ซึ่งตามหลักแล้วทุนประกันกับมูลค่ารถยนต์ควรต้องสอดคล้องกัน จะได้ไม่มีปัญหา
(คิดในทางกลับกัน หากเราจ่ายเบี้ยถูก ทุนประกันถูก และรถเรามูลค่ารถยนต์มากกว่าทุนประกัน 70%ก้อต้องคิดจากมูลค่ารถยนต์ปัจจุบัน ซึ่งประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมไม่เกินทุนประกัน และกรณีที่ ทุนประกันไม่ถึง 80%ของมูลค่ารถยนต์ปัจจุบัน สิทธิ์ของซากน่าจะยังเป็นของผู้เอาประกันอยู่นะ กรณีนี้เราไม่ได้ถามทางคปภ.นะ แต่เข้าใจว่าอย่างนี้ เพราะหลังจากนั้นเราเข้าไปอ่านเงื่อนไข และตัวกฎประกันภัย เราเข้าใจว่าอย่างนี้)
เพื่อนที่เกิดเจอปัญหาเกี่ยวกับประกันโทรถามทาง คปภ.เลยดีที่สุด ในเคสเราประกันเราถือว่าโอเคเลย เพราะดำเนินเรื่องเร็ว(เทียบกับคนที่เจอเคสเดียวกัน เห็นว่า หลายเดือนเลย) ซึ่งเรารู้มาจากเพื่อนอีกทีว่า ทางประกันสามารถดึงเรื่องไว้ได้ตามสิทธิ์ของเค้า