หลังจากตื่นขึ้นมาจากความตายโดยมีอวัยวะเทียมและอุปกรณ์อิเลคโทรนิคเป็นตัวควบคุม ยังไม่สามารถพูดได้ และความจำที่เลือนลาง โดยสิ่งแรกที่เขาเห็นคือผู้หญิงที่เป็นผู้ชุบชีวิตเขาและบอกว่าเขาคือสามีของเธอ แต่ไม่ทันไร การถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว การหลบหนี และการตามช่วยเหลือภรรยาที่ถูกจับตัวไป และการค้นหาความจริงว่าผู้ที่จู่โจมเขาต้องการอะไร ทำให้เขาต้องเข้าสู่การไล่ล่าแบบฮาร์ดคอร์ถึงเลือดถึงเนื้อ
ด้วยเนื้อเรื่องที่ง่ายๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการใช้เทคนิคการเล่าเรื่องผ่านสายตาหรือมุมมองบุคคลที่ 1 ตลอดทั้งเรื่อง เปรียบเสมือนเราคือตัวละครเฮนรี่เอง (หนังใช้กล้อง Go Pro ติดตัวสตันท์แมน + ตากล้อง + นักแสดง ในการถ่ายทำ) และอีกจุดเด่นหนึ่งคือการเล่าเรื่องในมุมมองนี้กับหนังแอ็กชั่น ไล่ล่า ซึ่งแสดงถึงความฮาร์ดคอร์ไม่เฉพาะกับตัวหนัง แต่รวมไปถึงทีมงานและการถ่ายทำ เพราะต้องถ่ายไป เล่นฉากแอ็กชั่นไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง แถมฉากแอ็กชั่นในหนังที่ถือว่าไม่ธรรมดา แต่ออกแนวโลดโผนหรือ free runner อีกด้วย
โดน1: การเล่าเรื่องแบบ First Person Perspectives ซึ่งมักพบในเกมต่างๆ หรือถ้าเป็นหนังก็มักมาเป็นช่วงสั้นๆ หรือไม่ ถ้าเป็นหนังเล่ามุมมองนี้ทั้งเรื่อง ก็มักเล่าผ่านอุปกรณ์บันทึกภาพต่างๆ แต่ในหนังเรื่องนี้เป็นสายตาของตัวละครจริงๆตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งส่วนตัว หนังที่เล่าเรื่องแบบนี้มักจะได้รับความนิยมในกลุ่มที่จำกัด และความเห็นมักแตกเป็นสองทางคือชอบกับไม่ชอบไปเลย แต่ส่วนตัวผู้เขียนจะค่อนข้างไปในทางชอบ ไม่ว่าจะเป็น The Blair Witch Project, Cloverfield, Chronicle หรือ Unfriended ซึ่งเรื่องที่ทำได้ถึงที่สุดของหนังแนวนี้ต้องยกให้ Cloverfield แต่ ณ ตอนนี้ มี Hardcore Henry ที่ตีตื้นขึ้นมา และทำได้ถึงที่สุดเช่นกัน
โดน2: ตัวละครเฮนรี่ ที่แม้จะไม่ได้เห็นหน้าคร่าตา (เห็นแว่บเดียวผ่านกระจก) ไม่ได้ยินเสียงพูด ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่กลับเป็นตัวละครที่มีตัวตน จับต้องได้ มีเสน่ห์ อย่างแรกคือการที่เราได้เห็นภาพเดียวกับที่เฮนรี่เห็น เหมือนเราเข้าไปนั่งอยู่ในหัวเขาทั้งเรื่อง และอีกอย่างคือการได้เห็นลีลาการวาดลวดลายแบบถึงพริกถึงขิง แม้จะไม่เห็นว่าเขาออกลีลาอะไรบ้าง นอกจากรีแอ็กชั่นของคนที่กำลังสู้ด้วย ซึ่งความดีความชอบต้องยกให้สตันท์แมนที่ต้องทำหน้าที่ทั้งเป็นตากล้องและนักแสดงไปในตัว (จากเบื้องหลัง มีผู้เล่นบทเฮนรี่กว่า 10 คน ผลัดกันเล่นตามทักษะแต่ละช่วง รวมถึงบางฉาก ผู้กำกับเล่นเองด้วย)
โดน3: แม้จะขายสไตล์เป็นหลัก แต่ก็มีนักแสดงที่โดดเด่นออกมาคือ ชาร์โต โคลเพลย์ ซึ่งมักจะได้รับบทประหลาดๆเสมอ และเรื่องนี้น่าจะเป็นบทที่เพี้ยน แปลกประหลาดที่สุดที่เคยเห็นเขาแล้ว แถมยังมีพาร์ทที่เป็นอารมณ์ขัน พาร์ทดราม่า พาร์ทคู่หู พาร์ทมิวสิคัล (เชื่อเถอะว่ามีจริง ไม่ได้เขียนผิด) แม้ตอนโผล่มาทีแรกจะมึนๆ แต่พอเดินเรื่องไปก็เริ่มผูกพัน เริ่มอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน และเป็นตัวละครที่คนดูผูกพันด้วยอย่างประหลาด
โดน4: ความสนุกของหนังที่มาจากสองสาเหตุหลักๆ หนึ่งคือฉากแอ็กชั่นโลดโผนต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าถ่ายทำไปได้ไง หรือมีใครบาดเจ็บล้มตายหลังการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า (ส่วนตัวชอบฉากไล่ล่ากันไปตามตึก บนสะพานสูง และฉากขับรถมอเตอร์ไซด์ไล่ล่ามาก) และอีกอย่างคือความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก (หลายคนบอกว่าเหมือนเล่นเกมส์ มีด่าน มีพลัง แต่ผู้เขียนไม่ได้เล่มเกมส์ เลยขอเปรียบเป็นสวนสนุกแทน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งธีมปาร์คสไตล์ Universal Studio ที่มีการให้ข้อมูล แล้วก็เป็นช่วงตื่นเต้น แล้วก็ให้ข้อมูล แล้วก็ตื่นเต้นสลับกันไปจนจบ แถมช่วงตื่นเต้นเป็นการเหวี่ยงภาพไปมาตามสายตาตัวละคร ยิ่งได้อารมณ์เครื่องเล่นต่างๆ
ไม่โดน1: ไม่ถึงกับไม่โดน แต่เป็นคำเตือนมากกว่าว่าหนังทั้งเรื่องเต็มไปด้วยภาพเหวี่ยง สั่น ไม่นิ่ง นอกจากนี้หนังยังอุดมไปด้วยความรุนแรง ถึงเลือดถึงเนื้อ สมองกระจุยกระจายกันหลายฉาก ทำให้ไม่เหมาะกับคนดูหนังหลายๆคน ดังนั้น โปรดเช็คสภาพตัวเองก่อนว่ารับได้ไหมก่อนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ และโปรดดูด้วยว่าหนังเรื่องนี้เรต น18+ (แต่ส่วนตัวตัวเองรับได้ แถมยังรู้สึกว่าคิดว่าจะมึน เวียนหัว คลื่นไส้มากกว่านี้เสียอีก)
ไม่โดน2: เนื้อเรื่องที่ง่าย เดาทิศทางออกว่าจะเป็นยังไง และบางอย่างก็ไม่มีคำอธิบายอะไร โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจ หรือ assume ว่าคนดูรู้เรื่องอยู่แล้ว (โดยเฉพาะฝั่งผู้ร้าย ไม่ว่าจะเป็นพลัง หรือจุดหมายในการไล่ล่าตัวเฮนรี่ ที่ยังไม่สมเหตุผลนัก) แต่ความที่เป็นหนังแอ็กชั่น เอามันส์ และมีจุดขายที่สไตล์หนังอย่างชัดเจน Who care?
ไม่โดน3: ถ้าจะหาจุดอ่อนของหนัง คงเป็นบทนางเอกกับผู้ร้าย ที่นอกเหนือจากการให้ปูมหลังน้อย ไม่อธิบาย ยังมีการแสดงที่เป็นการแสดงมากๆจากนักแสดงที่มารับบทอีก
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/MovieReviewByPong/
[CR] (กระทู้รีวิวหนัง) Hardcore Henry: เนื้อๆ..เน้นๆ (สปอยด์)
ด้วยเนื้อเรื่องที่ง่ายๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการใช้เทคนิคการเล่าเรื่องผ่านสายตาหรือมุมมองบุคคลที่ 1 ตลอดทั้งเรื่อง เปรียบเสมือนเราคือตัวละครเฮนรี่เอง (หนังใช้กล้อง Go Pro ติดตัวสตันท์แมน + ตากล้อง + นักแสดง ในการถ่ายทำ) และอีกจุดเด่นหนึ่งคือการเล่าเรื่องในมุมมองนี้กับหนังแอ็กชั่น ไล่ล่า ซึ่งแสดงถึงความฮาร์ดคอร์ไม่เฉพาะกับตัวหนัง แต่รวมไปถึงทีมงานและการถ่ายทำ เพราะต้องถ่ายไป เล่นฉากแอ็กชั่นไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง แถมฉากแอ็กชั่นในหนังที่ถือว่าไม่ธรรมดา แต่ออกแนวโลดโผนหรือ free runner อีกด้วย
โดน1: การเล่าเรื่องแบบ First Person Perspectives ซึ่งมักพบในเกมต่างๆ หรือถ้าเป็นหนังก็มักมาเป็นช่วงสั้นๆ หรือไม่ ถ้าเป็นหนังเล่ามุมมองนี้ทั้งเรื่อง ก็มักเล่าผ่านอุปกรณ์บันทึกภาพต่างๆ แต่ในหนังเรื่องนี้เป็นสายตาของตัวละครจริงๆตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งส่วนตัว หนังที่เล่าเรื่องแบบนี้มักจะได้รับความนิยมในกลุ่มที่จำกัด และความเห็นมักแตกเป็นสองทางคือชอบกับไม่ชอบไปเลย แต่ส่วนตัวผู้เขียนจะค่อนข้างไปในทางชอบ ไม่ว่าจะเป็น The Blair Witch Project, Cloverfield, Chronicle หรือ Unfriended ซึ่งเรื่องที่ทำได้ถึงที่สุดของหนังแนวนี้ต้องยกให้ Cloverfield แต่ ณ ตอนนี้ มี Hardcore Henry ที่ตีตื้นขึ้นมา และทำได้ถึงที่สุดเช่นกัน
โดน2: ตัวละครเฮนรี่ ที่แม้จะไม่ได้เห็นหน้าคร่าตา (เห็นแว่บเดียวผ่านกระจก) ไม่ได้ยินเสียงพูด ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่กลับเป็นตัวละครที่มีตัวตน จับต้องได้ มีเสน่ห์ อย่างแรกคือการที่เราได้เห็นภาพเดียวกับที่เฮนรี่เห็น เหมือนเราเข้าไปนั่งอยู่ในหัวเขาทั้งเรื่อง และอีกอย่างคือการได้เห็นลีลาการวาดลวดลายแบบถึงพริกถึงขิง แม้จะไม่เห็นว่าเขาออกลีลาอะไรบ้าง นอกจากรีแอ็กชั่นของคนที่กำลังสู้ด้วย ซึ่งความดีความชอบต้องยกให้สตันท์แมนที่ต้องทำหน้าที่ทั้งเป็นตากล้องและนักแสดงไปในตัว (จากเบื้องหลัง มีผู้เล่นบทเฮนรี่กว่า 10 คน ผลัดกันเล่นตามทักษะแต่ละช่วง รวมถึงบางฉาก ผู้กำกับเล่นเองด้วย)
โดน3: แม้จะขายสไตล์เป็นหลัก แต่ก็มีนักแสดงที่โดดเด่นออกมาคือ ชาร์โต โคลเพลย์ ซึ่งมักจะได้รับบทประหลาดๆเสมอ และเรื่องนี้น่าจะเป็นบทที่เพี้ยน แปลกประหลาดที่สุดที่เคยเห็นเขาแล้ว แถมยังมีพาร์ทที่เป็นอารมณ์ขัน พาร์ทดราม่า พาร์ทคู่หู พาร์ทมิวสิคัล (เชื่อเถอะว่ามีจริง ไม่ได้เขียนผิด) แม้ตอนโผล่มาทีแรกจะมึนๆ แต่พอเดินเรื่องไปก็เริ่มผูกพัน เริ่มอยากรู้ว่าจะมาไม้ไหน และเป็นตัวละครที่คนดูผูกพันด้วยอย่างประหลาด
โดน4: ความสนุกของหนังที่มาจากสองสาเหตุหลักๆ หนึ่งคือฉากแอ็กชั่นโลดโผนต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าถ่ายทำไปได้ไง หรือมีใครบาดเจ็บล้มตายหลังการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า (ส่วนตัวชอบฉากไล่ล่ากันไปตามตึก บนสะพานสูง และฉากขับรถมอเตอร์ไซด์ไล่ล่ามาก) และอีกอย่างคือความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก (หลายคนบอกว่าเหมือนเล่นเกมส์ มีด่าน มีพลัง แต่ผู้เขียนไม่ได้เล่มเกมส์ เลยขอเปรียบเป็นสวนสนุกแทน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งธีมปาร์คสไตล์ Universal Studio ที่มีการให้ข้อมูล แล้วก็เป็นช่วงตื่นเต้น แล้วก็ให้ข้อมูล แล้วก็ตื่นเต้นสลับกันไปจนจบ แถมช่วงตื่นเต้นเป็นการเหวี่ยงภาพไปมาตามสายตาตัวละคร ยิ่งได้อารมณ์เครื่องเล่นต่างๆ
ไม่โดน1: ไม่ถึงกับไม่โดน แต่เป็นคำเตือนมากกว่าว่าหนังทั้งเรื่องเต็มไปด้วยภาพเหวี่ยง สั่น ไม่นิ่ง นอกจากนี้หนังยังอุดมไปด้วยความรุนแรง ถึงเลือดถึงเนื้อ สมองกระจุยกระจายกันหลายฉาก ทำให้ไม่เหมาะกับคนดูหนังหลายๆคน ดังนั้น โปรดเช็คสภาพตัวเองก่อนว่ารับได้ไหมก่อนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ และโปรดดูด้วยว่าหนังเรื่องนี้เรต น18+ (แต่ส่วนตัวตัวเองรับได้ แถมยังรู้สึกว่าคิดว่าจะมึน เวียนหัว คลื่นไส้มากกว่านี้เสียอีก)
ไม่โดน2: เนื้อเรื่องที่ง่าย เดาทิศทางออกว่าจะเป็นยังไง และบางอย่างก็ไม่มีคำอธิบายอะไร โดยละไว้ในฐานที่เข้าใจ หรือ assume ว่าคนดูรู้เรื่องอยู่แล้ว (โดยเฉพาะฝั่งผู้ร้าย ไม่ว่าจะเป็นพลัง หรือจุดหมายในการไล่ล่าตัวเฮนรี่ ที่ยังไม่สมเหตุผลนัก) แต่ความที่เป็นหนังแอ็กชั่น เอามันส์ และมีจุดขายที่สไตล์หนังอย่างชัดเจน Who care?
ไม่โดน3: ถ้าจะหาจุดอ่อนของหนัง คงเป็นบทนางเอกกับผู้ร้าย ที่นอกเหนือจากการให้ปูมหลังน้อย ไม่อธิบาย ยังมีการแสดงที่เป็นการแสดงมากๆจากนักแสดงที่มารับบทอีก
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆของเจ้าของกระทู้ได้ที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้