:o:o:o: กระทู้สาระ(เ ล ว): การเคลือบสี/เคลือบแก้ว หมวกกันน๊อค หรือรถ :o:o:o:

พี่น้องคับ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังสำหรับคนที่อยากเคลือบเงา/แก้ว ให้หมวกกันน๊อคหรือรถ แต่ตังไม่ค่อยมี รสนิยมสูง รายได้ต่ำเหมือนผม หรือพูดง่ายๆ คือ จน เลยหรืออีกเคสนึงคือคนที่อยากทำเอง แต่ก่อนจะเล่าให้ฟัง ขอตัวแป๊บนะคับ



พอๆ เดี๋ยวจะไม่จบ เอาเลยละกันนะ
เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่ผมได้ไปเปิดโหมดเกรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่ 8 วัน ช่วงสงกรานต์ สงกรานต์ทั้งทีก็เลยฉลองสงกรานต์ในญี่ปุ่นไปซะให้เต็มที่ แต่ไม่เห็นมีใครสาดน้ำเลย มีแต่อีป้าในรถใต้ดินเหล่แล้วเหล่อีก ประมาณว่าไอ้นี่มันตัวอะไรฟะ ใส่ลายดอก ท่าทางจะไม่เต็มเต็ง ไอ้เรามันก็คนรักชาติ น้อยกว่านี้ได้ไงใช่มะ



หลังจากที่ซื้อของฝากหมดไปหลายพัน (ประเทศนี้สุดติ่งมากคับ ของ แ ม่ ง แพงทุกอย่าง ข้าวข้างทางยังเริ่มต้นที่ 500เยน หรือประมาณ 170 บาท G shock ราคาก็พอๆกับร้านหิ้วเมืองไทย ซื้อ Lazada ยังถูกกว่าเลย ให้ตายเหอะ รองเท้า Nike ถ้ามีรุ่นในใจ อย่าได้หวังว่าจะได้ของถูก ต้องเดินไปดุ่ยๆ เจอรุ่นไหนลดราคาก็ซื้อ ถึงจะได้ราคาถูก

มาถึงเป้าหมายหลักของเราซะที หมวกกันน๊อค ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง
ซื้อที่ไหน: Rabee ย่าน Ueno ใน Tokyo
ราคา: 57,000 เยน ประมาณ 17 – 18,000  (ร้านอื่นราคา 61,000 เยน)
เคยมีคนเปิดลายแทงไว้ที่ร้าน Taiyo motor ไม่ต้องไปหานะครับ เค้าปิดไปแล้ว เหลือแค่ร้านไว้ service รถ เดินวนไปวนมาตั้งนาน ถามคนแถวนั้นก็พูดกันไม่รู้เรื่อง เบื่อจริงๆ



เห้ย ผิดรูป ไม่ใช่ๆ



เอ๊ย กดผิดอีกละ




เออ ถูกซะที

เรื่องรีวิวหมวก เดี๋ยวจะจัดให้ในภายหลัง แต่วันนี้มาโม้เรื่องเคลือบหมวกก่อน ก่อนจะเคลือบ มารู้จักน้ำยาคร่าวๆก่อน เวลาไปซื้อจะได้ซื้อถูก

เพื่อไม่เป็นการโฆษณา ผมจะไม่ลงรูปนะครับ เพราะผมไม่ได้ตัง เลยไม่อยากเสียเวลาหารูปมาโปรโมทให้เค้า จบนะ

น้ำยาเคลือบที่เห็นในตลาดมีใหญ่ๆ 2 อย่างคือ
1.    น้ำยาเคลือบเงา หรือที่ติดปากว่า แว๊กซ์
        a.    Carnauba (คาร์นูบ้า) ทำมาจากยางไม้ คุณสมบัติคือ เงาโคตะระ โคตะระเงา แต่อยู่ไม่ค่อยทน 1-2 เดือนก็เสื่อมหมดละ เสื่อมพอๆกับสมรรถภาพของกรูเลยให้ตายเถอะ
        b.    Sealant หรือน้ำยาสังเคราะห์ เงาดี (แต่น้อยกว่า Carnauba หน่อย ไม่บ้าwax มองไม่ออกหรอก) ทนกว่าหน่อย 2-3 เดือน

2.    เคลือบแก้ว ก็จะมีแก้วเทียม แก้วแท้ แก้วหน้าม้า (แก้วหน้าม้าพ่อง สิ) เคลือบแก้วจะทนกว่าเคลือบเงา แต่ก็จะเงาไม่เท่า เหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจ ประมาณว่าล้างรถอย่างเดียวก็เงาได้ แต่ก็มีข้อเสีย คือเวลาจะเอาออกมันเอาออกยาก เช่น พอโดนหินหนักๆ ก็เป็นรอย (อาจจะเป็นรอยบนชั้นแก้วที่เคลือบไว้ หรือลึกไปถึงชั้นสีก็แล้วแต่) แล้วต้องการขัดออกเพื่อจะซ่อมสี หรือเคลือบใหม่ให้รอยบนชั้นแก้วหายไป มันทำได้ยากมาก ใช้เวลา แถมเคลือบใหม่ก็แพงอีก คนบ้าแว๊กซ์หลายๆคนจึงจะไม่ค่อยใช้กัน เพราะถ้าลงน้ำยาเคลือบเงาหลายๆชั้น มันก็ทำให้มีแผ่นฟิล์มหนาได้ หนาจนจุดไฟเผาโชว์ได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีตัวเสริมอีกหลายตัวที่ใช่ในวงการเช่น
1.    Pre-wax ช่วยประสภาพผิว ขัดให้ผิวสะอาด เรียบเนียน ประดุจดั่งจักกุแร้สาวเกาหลี ซึ่งพวกนี้ก็จะมีฤทธิ์เป็นน้ำยาขัดลบรอย ขัดละเอียด ขับหยาบ ขัดจรวด มีหลายอย่าง
2.    ดินน้ำมัน เอามาลูบเตรียมผิวให้เนียน เหมือนช่วยลอกคราบขี้ไคลต่างๆที่ติดอยู่บนผิว
3.    Glaze ก็คล้ายๆ sealant เนี่ยแหละ แต่จะช่วยกลบรอยขนแมวได้ด้วย
ทั้งนี้ น้ำยาแต่ละตัวในตลาดก็มีส่วนผสม ปนเป ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไป เช่น Glaze บางตัวก็จะมีผงขัด + wax ด้วยในตัว หรือแว๊กซ์บางตัวก็จะเขียนว่า polish and shine คือขัดแล้วเคลือบเลย ถ้าคนที่ใจร้อน ชอบเสร็จเร็ว ก็จัดแม่สาวน้อยคนนี้ไปได้เลย (ถถถถถถถถถถ น้ำยาไม่ใช่เด็ก)
อ่าวแล้วไงต่อ ก็ไม่แล้วไง คุณก็เลือกสิครับอยากได้แบบไหน แต่ที่ควรจะมีคือ pre-wax กับตัวเคลือบ (เงา/แก้ว) หรือจะเล่นตัว all in one เลยก็จบ แต่พวกนี้บางตัวมีส่วนผสมของผงขัดเยอะ เวลาคุณลงซ้ำเรื่อยๆ แทนที่จะเป็นการสร้างชั้นฟิล์ม มันจะกลายเป็นขัดชั้นฟิล์มตัวเก่าออก หรือถ้าหนักๆก็ขัดผิวแล็กเกอร์ออกอีกด้วย ไม่พูดถึงยี่ห้อละกัน เดี๋ยวโดนฟ้อง





ได้น้ำมามาแล้วถึงไฮไลท์ของเราแล้วครับ ว่าเวลาเคลือบสีต้องทำบ้าง
ก็ลงน้ำยาตามคู่มือ หรือวิธีที่คนขายบอก รอน้ำยาเซ็ตตัว แล้วเช็ดออก จบ
(ไอ้เห้ แม่มหลอกให้กรูอ่านมาตั้งนาน เมิงเขียนแค่นี้อ่ะนะ ยิ้มดดดดดดด)



อ่าวก็แค่นั้นจริงๆ ทีนี้ มีเรื่องที่ต้องรู้ตามนี้
1.    เตรียมผิวดี เงากว่า
2.    น้ำยาแต่ละตัวมีวิธีการลงไม่เหมือนกัน เช่น บางตัวเทลงในฟองน้ำแห้ง บางตัวฟองน้ำต้องชื้น บางตัวพื้นผิวต้องเปียกชื้นแฉะ แจ๊ะๆ (แจ๊ะ พ่องงงง สิ) บางตัวลงน้ำยาแล้ว ต้องเอาผ้าชุบน้ำเย็นจัด ลูบผ่านเพื่อให้ความเย็นไปกระตุ้นปฏิกิริยาทางเคมี (กรูไม่ได้เว่อร์ อย่ารู้ตัวไหน หลังไมค์มาถามได้ ของจากเยอรมัน)
3.    น้ำยาแต่ละตัว เมื่อลงไปแล้ว ระยะเวลาที่ทิ้งไว้ก่อนจะเช็ดออกไม่เท่ากัน บางตัวลงแล้วต้องรีบเช็ด ไม่งั้นเหนียวติด เสียน้ำ(เหงื่อ) เสียแรงเยอะ บางตัวลงแล้วต้องทิ้งไว้ 30 นาที – 1 ชม. ก่อนจะเช็ดออก
4.    เมื่อลงน้ำยาแล้ว เช็ดแล้ว เงาแล้ว ห้ามโดนน้ำ เพราะน้ำยายังไม่เซ็ตตัว หรือพูดง่ายๆ ผิวฟิล์มยังไม่แข็ง เหมือนเวลาที่ไปทำสีรถมาใหม่ๆ สีแห้งแล้ว เอาออกมาขับได้ แต่พอคลุมผ้าคลุมรถ เช้าเปิดผ้ามา ผิวรถเป็นรอยตะเข็บผ้าคลุม นั่นคือ ผิวแล็กเกอร์ยังไม่แข็ง (บอกแล้วรอให้แข็งก่อนค่อยใช้งาน งามหน้าไหมล่ะ)
5.    การจะเคลือบซ้ำเพื่อเพิ่มชั้นฟิล์มให้หนาขึ้น ก็ต้องรอให้น้ำยาเซ็ตตัวก่อน เช่นกัน
6.    เมื่อลง pre-wax แล้ว บางตัวพอเช็ดออกจะเป็นฝุ่นผงแป้ง ให้ปัดออกให้หมดก่อนที่จะลงน้ำยาเคลือบลงไปทับ
7.    ถ้าชอบปกป้องเยอะๆ ครั้งแรกให้ล้างรถ/หมวก ทุกอาทิตย์ พร้อมเคลือบทับทุกอาทิตย์ ติดต่อกัน 8 ครั้ง รับรองว่าจุดไฟเผาโชว์ได้เลย เหมือนกับที่บูธขายน้ำยาเคลือบนั่นแหละ เค้าเคลือบมาจนหนามาก ต่อให้เอาไฟเผา เอากระป๋องน้ำมันไฟแช๊กกระแทก ก็ไม่สามารถทำอะไรผิวกระโปรงรถที่เอามาโชว์ได้ จบนะ เวทมนต์ไม่มีจริง รักแท้ก็เช่นกัน



จบ มีอะไรทิ้งคำถามไว้ครับ ผมไม่ใช่กูรู ไม่ได้เปิดคาร์แคร์ ไม่ได้มีทักษะในการขัดเคลือบรถดีเท่าช่าง แต่ผมเรียนสายวิทย์ บ้าอุปกรณ์และลีลาเร้าใจครับ
บางอย่างอาจจะเขียนคลุมเคลือ หรืออาจจะเขียนไม่ครบ ใครมีอะไรเชิญเสริมได้เต็มที่ครับ ผมขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่