ผมได้ใช้Log Inและ คอมของญาติผมพิมพ์นะครับเพราะผมไม่ได้เล่น Pantip อยู่แล้ว ขอโทษถ้าผมTagผิดห้องครับ *****
ผมและแฟนผมได้เดินทางไปต่างประเทศเมื่อปลายปีและกำหนดกลับถึงไทยต้นปี เดินทางสองอาทิตย์ เนื่องจากแฟนผม เพิ่งเรียนจบและรับปริญญาและจะกลับไปขนของที่ห้องเช่าของเธอกลับไทย รวมถึงเที่ยวส่งท้ายเนื่องจาก เราทั้งคู่ได้งานที่ไทยแล้ว และคิดว่าคงอีกนานกว่าจะได้กลับมาเที่ยวแบบนี้อีก รวมถึง ญาติๆ เพื่อน พี่สาว น้องสาว พวกเราก็ได้ฝากซื้อของ เป็นกระเป๋าแบรนด์เนม และ ทั้งแฟนผม เธอเองก็ได้นำของส่วนตัวจากไทยสะพายไปเที่ยว แฟนผมชื่นชอบแบรนด์เนมมาก เธอใช้ทั้งตอนเรียน จึงมีของอยุ่ภายในห้องเช่าที่เธอเช่า จำนวนหนึ่งและกล่องเปล่าของแบรนด์เนม สรุปทริปนั้น กระเป๋าทั้งหมด ที่พวกเราซื้อไป กระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบกลาง 2 ใบเล็ก 1 กระเป๋าสตางค์ 2 เข็มหลัด 2 รองเท้า 4 คู่ รวมๆแล้วก็ 12 ชิ้น สำหรับ สองคนนะครับ
ซึงแฟนผมทางบ้านเธอใช้กระเป๋าแบรนด์เนมเป็นปกติ จึงไม่แปลกที่จะซื้อกลับมา และเธอก็ได้ซื้อใช้เอง 2 ใบด้วยกันเพราะไหนๆก็มาแล้วไม่อยากให้เสียเที่ยว
พวกเราเดินทางกลับไทยโดย เธอสะพายกระเป๋าของเธอที่เพิ่งซื้อมา และ มีกระเป๋า สำหรับหิ้วของใช้ใส่ผ้า ใส่หมอนไปบนเครื่อง แค่ระหว่างอยู่บนเครื่องเธอกลัวจะไม่ปลอดภัยตอนเธอหลับเธอจึงเอากระเป๋าสะพายล็อคใส่กระเป๋าลาก ตอนระหว่างออก เธอก็ได้นำออกมาเพราะ พาสปอตเธอก็อยู่ในนนั้นและพวกเราก็เดินเข้าไปรับกระเป๋า ระหว่างจะออก เราทั้งคู่โดนเรียก Xray ในกระเป๋าใหญ่ไม่มีแบรนด์เนมใดๆ แต่ของผมมี 1 ใบเป็นเป้ที่ผมซื้อมาใช้คู่กับแฟน แต่ผมยังไม่อยากใช้จึงเก็บไว้ก่อน พอเจ้าหน้าที่เจอของ ก็เรียกเราทั้งคู่เข้าไปในห้อง ได้ทำการ รื้อ เน้นคำว่า รื้อ นะครับ ข้าวของกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง พวกเราโดนเค้นเหมือน นักโทษยาเสพติด พอพวกเขาเจอ กล่องส้มๆ พวกเขาก็ถามว่า ของอยู่ไหนๆ แฟนผมก็ตอบไปว่า เอาไปใช้แล้วเอากลับไทยนานแล้ว (ซึ่งแฟนผมใช้นานแล้วเอากลับไทยนานแล้วเช่นกัน) แต่แฟนผมเสียดายกล่องจึงเอามาด้วย ก็ไม่เชื่อครับ รื้อๆๆ ต่อไป ดูหิวโหยกันมาก ระหว่างนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ มาดึงกระเป๋าสะพายจากมือแฟนผมไป เธอเองก็ยื้อ และบอกว่า พี่คะนี่ของใช้ของหนูนะไม่เกี่ยวกัน แต่ มีเจ้าหน้าที่ดูเพิ่งจบใหม่ พูดจาแบบกวนๆว่า "สินค้าราคาเกิน หนึ่งหมื่นบาท ต่อให้เป็นของใช้ส่วนตัวหิ้ว ออกมาก็ต้องเสียภาษีครับ" ด้วยความที่แฟนผม ไม่สู้คน และบวกกับ เธอค่อนข้างเป็นลูกคุณหนุ และยอมคน เธอจึงปล่อยไป และก่อนเข้า มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้พูดว่า อย่าขัดขืนการทำงานเจ้าหน้าที่นะครับ ไม่แน่ใจนะครับว่าเป็นการบอก หรือ ขู่กันแน่ ที่แค้นที่สุด รองเท้าเดินในบ้าน ราคาคิดเป็นเงินไทย 150 บาท ถูกยึดไป และชุดนอนเจ้าหน้าที่ก็ยังจะนำไปเสียภาษีแต่แฟนผมทนไม่ไหว จึงบอกว่า เหลือของให้กลับบ้าน บ้างเถอะ และเกือบต้องซื้อกระเป๋าของตัวเองที่นำมาจากประเทศไทยโดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีร่อรอยการใช้งาน คืออคุณครับคุณต้องการร่องรอยแบบไหนครับเอาแบบถลอก หนังหลุดเลยมั้ย สุดท้ายแฟนผมก็เจรจาเพราะไม่ไหวจริงๆใบนั้นใช้ตอนไปเที่ยวและอยู่ไทยเธอถึงขนาดต้องเปิดรูปในไอจีให้เจ้าหน้าที่ดูเขาจึงยอม สุดท้าย รู้มั้ยครับพวกเรากลับบ้าน สภาพไหน...
จากเดินออก ลากกระเป๋า Rimowa กันอยู่ดีๆ ต้องหิ้วของใส่ถุง ก๊อปแก๊ปกลับบ้าน พวกผมถึงบ้าน สี่ทุ่ม โดนจับไป ตั้งแต่ บ่ายสาม เพราะเจ้าหน้าที่ บังคับให้พวกเราเซ็นยอมรับว่าเราทำผมแต่พวกเราไม่ยอมเซ็น ก็พวกเราไม่ได้ทำไรผิดอะ จะเซ็นทำไม แต่เมื่อคุยกับผู้ใหญ่ที่บ้าน ระหว่างคุยก็มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งพูดแล้วยิ้มแหยๆ ว่า "จะโทรให้ใครมาช่วยหรอ" ซึ่งตอนนั้นผมคุยกับคุณยายอยู่ ว่าเอายังไงดี พูดตรงๆ นะครับ ผมอยากจะกระทืบหน้า เจ้าหน้าที่คนนั้นมากเลย ไม่มีการให้เกียรติใดๆ พวกเราไม่ใช้ นักโทษ แต่ทำเหมือน พวกผม ค้ายาเสพติด เป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ตอนนี้เรื่องจบพวกผมยอมซื้อของใช้ของตัวเองคืนหมดแล้วเรื่องจะได้จบๆ
ที่มาเขียนไม่ได้ต้องการดิสเครดิตเพราะยังเชื่อว่ามีคนดีๆอยู่ ปะปนกันไปเพียงแต่ ค่อนข้างไม่เข้าใจว่านี่คือกฏหมายหรือกฏของพวกคุณกันแน่
1.ทำไมถึงไปเที่ยวแต่นำของใช้กลับมาไม่ได้ เพราะคือของใช้จริงๆ อย่างงี้คนไปเที่ยวที่เค้าซื้อไรกลับมาไม่ได้สิครับ
2. ทำไมต้องเสียภาษีกับของที่หิ้วสะพายออกมา พวกเราไม่ติดใจกับของที่อยู่ในกระเป๋าลากนะครับเพราะกฏก็เป็นไปตามกฏแต่ติดใจว่า ทำไมแฟนผมกระเป๋าส่วนตัวเธอจึงโดนยึดและให้ซื้อคืนใหม่ในราคาเท่าตัว
3.ทำไมของราคาไม่ถึงหมื่นถึงยึดได้ เช่น รองเท้าใช้เดินในบ้าน(ยึดแล้ว) และชุดนอน (ที่พยายามจะยึดแต่ไม่ได้ยึด)
4. แต่ทำในกรณีดาราหลายๆคน จึงออกหิ้วได้สบายๆละครับ?
5. ทำไมของดาราสาวท่านนี้ไม่โดนยึดของแบบพวกผมบ้างครับ ทำไมถึงเรียกเก็บภาษี ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้นำมาสำแดง
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นกับพวกผมว่า
1.มีลิสรายชื่อ ผมเดินทางเข้าออกประเทศบ่อยเกินไป?? จะไม่ให้บ่อยได้ยังไงครับ แฟนผมอยู่ที่นู่นและก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น ปีนึงผมไป 4-5 ครั้งไปอยู่ทีก็หลายอาทิคย์
2. พวกเรามีพฤติกรรมนำมาค้าขาย และ ทุจริต เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งแจ้งว่า ทุจริตคือ รองเท้า มันอยู่คนละข้าง ผมข้างนึงแฟนข้างนึง เห่ยยคุณตอนจะหลับไทยพวกเราหวิดตกเครื่อง พวกเราก็โยนๆ ของกันไปมา แล้วอย่างงี้พวกผมห้ามทำอะไรเลยใช่ไหมครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากทราบจริงๆ ว่าทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกผม ไม่แฟร์เลยทำไมของใช้โดนยึดและของราคาไม่ถึงหมื่นก็โดนยึด จากกรณีดาราสาวท่านหนึ่ง หิ้วกระเป๋าส้ม กลับไทยโดยรอดปลอดภัยแล้ว อธิบดีกรมศูลกากรแจ้งว่า " ของสะพายใช้ส่วนตัวไม่ต้องเสียภาษี" แต่ทำไมพวกผมถึงโดนละครับ แล้วไม่ใช่การเสียภาษีด้วยนะเพราะ เจ้าหน้าที่บอก ผม และแฟนไม่นำของไปสำแดง จึงต้องโดนยึดและซื้อคืนกลับไปในราคาที่ซื้อมา เท่ากับว่า ทริปนี้พวกผมเสียเงินกันไปเพื่อซื้อของก็คูณสองเข้าไปครับ กฏหมายมีไว้ใช้รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองไมไ่ด้นำมารังแกประชาชนที่ไม่มีเส้นไม่มีสายและไม่ใช่เอาประโยชน์เข้าตัว ขอบคุณครับ
** ไม่ได้กล่าวหาลอยๆ มีหลักฐานครบครับเพียงแต่ไม่อยากนำมาลง เพราะมันมีชื่อเจ้าพนักงานอยู่ในนั้น และเรื่องได้จบไปนานแล้ว ที่เขียนเพราะอยากระบายถึงความไม่แฟร์ของการทำงานและอยากเตือนคนที่จะไปเที่ยวว่า ไม่ควรเอาอะไรกลับมาเลย แม้แต่ของใช้ แค่นั้น แต่ถ้าใครอยากเห็น หลังไมค์มาครับ
แก้ไขคำผิดครับ
กรณีดาราดัง ผมไม่เข้าใจกับคำพูดของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่พูดว่า "ของส่วนตัวไม่ต้องเสียภาษี" แต่ทำไมผมถึงโดนละครับ
ผมและแฟนผมได้เดินทางไปต่างประเทศเมื่อปลายปีและกำหนดกลับถึงไทยต้นปี เดินทางสองอาทิตย์ เนื่องจากแฟนผม เพิ่งเรียนจบและรับปริญญาและจะกลับไปขนของที่ห้องเช่าของเธอกลับไทย รวมถึงเที่ยวส่งท้ายเนื่องจาก เราทั้งคู่ได้งานที่ไทยแล้ว และคิดว่าคงอีกนานกว่าจะได้กลับมาเที่ยวแบบนี้อีก รวมถึง ญาติๆ เพื่อน พี่สาว น้องสาว พวกเราก็ได้ฝากซื้อของ เป็นกระเป๋าแบรนด์เนม และ ทั้งแฟนผม เธอเองก็ได้นำของส่วนตัวจากไทยสะพายไปเที่ยว แฟนผมชื่นชอบแบรนด์เนมมาก เธอใช้ทั้งตอนเรียน จึงมีของอยุ่ภายในห้องเช่าที่เธอเช่า จำนวนหนึ่งและกล่องเปล่าของแบรนด์เนม สรุปทริปนั้น กระเป๋าทั้งหมด ที่พวกเราซื้อไป กระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบกลาง 2 ใบเล็ก 1 กระเป๋าสตางค์ 2 เข็มหลัด 2 รองเท้า 4 คู่ รวมๆแล้วก็ 12 ชิ้น สำหรับ สองคนนะครับ
ซึงแฟนผมทางบ้านเธอใช้กระเป๋าแบรนด์เนมเป็นปกติ จึงไม่แปลกที่จะซื้อกลับมา และเธอก็ได้ซื้อใช้เอง 2 ใบด้วยกันเพราะไหนๆก็มาแล้วไม่อยากให้เสียเที่ยว
พวกเราเดินทางกลับไทยโดย เธอสะพายกระเป๋าของเธอที่เพิ่งซื้อมา และ มีกระเป๋า สำหรับหิ้วของใช้ใส่ผ้า ใส่หมอนไปบนเครื่อง แค่ระหว่างอยู่บนเครื่องเธอกลัวจะไม่ปลอดภัยตอนเธอหลับเธอจึงเอากระเป๋าสะพายล็อคใส่กระเป๋าลาก ตอนระหว่างออก เธอก็ได้นำออกมาเพราะ พาสปอตเธอก็อยู่ในนนั้นและพวกเราก็เดินเข้าไปรับกระเป๋า ระหว่างจะออก เราทั้งคู่โดนเรียก Xray ในกระเป๋าใหญ่ไม่มีแบรนด์เนมใดๆ แต่ของผมมี 1 ใบเป็นเป้ที่ผมซื้อมาใช้คู่กับแฟน แต่ผมยังไม่อยากใช้จึงเก็บไว้ก่อน พอเจ้าหน้าที่เจอของ ก็เรียกเราทั้งคู่เข้าไปในห้อง ได้ทำการ รื้อ เน้นคำว่า รื้อ นะครับ ข้าวของกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง พวกเราโดนเค้นเหมือน นักโทษยาเสพติด พอพวกเขาเจอ กล่องส้มๆ พวกเขาก็ถามว่า ของอยู่ไหนๆ แฟนผมก็ตอบไปว่า เอาไปใช้แล้วเอากลับไทยนานแล้ว (ซึ่งแฟนผมใช้นานแล้วเอากลับไทยนานแล้วเช่นกัน) แต่แฟนผมเสียดายกล่องจึงเอามาด้วย ก็ไม่เชื่อครับ รื้อๆๆ ต่อไป ดูหิวโหยกันมาก ระหว่างนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ มาดึงกระเป๋าสะพายจากมือแฟนผมไป เธอเองก็ยื้อ และบอกว่า พี่คะนี่ของใช้ของหนูนะไม่เกี่ยวกัน แต่ มีเจ้าหน้าที่ดูเพิ่งจบใหม่ พูดจาแบบกวนๆว่า "สินค้าราคาเกิน หนึ่งหมื่นบาท ต่อให้เป็นของใช้ส่วนตัวหิ้ว ออกมาก็ต้องเสียภาษีครับ" ด้วยความที่แฟนผม ไม่สู้คน และบวกกับ เธอค่อนข้างเป็นลูกคุณหนุ และยอมคน เธอจึงปล่อยไป และก่อนเข้า มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้พูดว่า อย่าขัดขืนการทำงานเจ้าหน้าที่นะครับ ไม่แน่ใจนะครับว่าเป็นการบอก หรือ ขู่กันแน่ ที่แค้นที่สุด รองเท้าเดินในบ้าน ราคาคิดเป็นเงินไทย 150 บาท ถูกยึดไป และชุดนอนเจ้าหน้าที่ก็ยังจะนำไปเสียภาษีแต่แฟนผมทนไม่ไหว จึงบอกว่า เหลือของให้กลับบ้าน บ้างเถอะ และเกือบต้องซื้อกระเป๋าของตัวเองที่นำมาจากประเทศไทยโดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีร่อรอยการใช้งาน คืออคุณครับคุณต้องการร่องรอยแบบไหนครับเอาแบบถลอก หนังหลุดเลยมั้ย สุดท้ายแฟนผมก็เจรจาเพราะไม่ไหวจริงๆใบนั้นใช้ตอนไปเที่ยวและอยู่ไทยเธอถึงขนาดต้องเปิดรูปในไอจีให้เจ้าหน้าที่ดูเขาจึงยอม สุดท้าย รู้มั้ยครับพวกเรากลับบ้าน สภาพไหน...
จากเดินออก ลากกระเป๋า Rimowa กันอยู่ดีๆ ต้องหิ้วของใส่ถุง ก๊อปแก๊ปกลับบ้าน พวกผมถึงบ้าน สี่ทุ่ม โดนจับไป ตั้งแต่ บ่ายสาม เพราะเจ้าหน้าที่ บังคับให้พวกเราเซ็นยอมรับว่าเราทำผมแต่พวกเราไม่ยอมเซ็น ก็พวกเราไม่ได้ทำไรผิดอะ จะเซ็นทำไม แต่เมื่อคุยกับผู้ใหญ่ที่บ้าน ระหว่างคุยก็มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งพูดแล้วยิ้มแหยๆ ว่า "จะโทรให้ใครมาช่วยหรอ" ซึ่งตอนนั้นผมคุยกับคุณยายอยู่ ว่าเอายังไงดี พูดตรงๆ นะครับ ผมอยากจะกระทืบหน้า เจ้าหน้าที่คนนั้นมากเลย ไม่มีการให้เกียรติใดๆ พวกเราไม่ใช้ นักโทษ แต่ทำเหมือน พวกผม ค้ายาเสพติด เป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ตอนนี้เรื่องจบพวกผมยอมซื้อของใช้ของตัวเองคืนหมดแล้วเรื่องจะได้จบๆ
ที่มาเขียนไม่ได้ต้องการดิสเครดิตเพราะยังเชื่อว่ามีคนดีๆอยู่ ปะปนกันไปเพียงแต่ ค่อนข้างไม่เข้าใจว่านี่คือกฏหมายหรือกฏของพวกคุณกันแน่
1.ทำไมถึงไปเที่ยวแต่นำของใช้กลับมาไม่ได้ เพราะคือของใช้จริงๆ อย่างงี้คนไปเที่ยวที่เค้าซื้อไรกลับมาไม่ได้สิครับ
2. ทำไมต้องเสียภาษีกับของที่หิ้วสะพายออกมา พวกเราไม่ติดใจกับของที่อยู่ในกระเป๋าลากนะครับเพราะกฏก็เป็นไปตามกฏแต่ติดใจว่า ทำไมแฟนผมกระเป๋าส่วนตัวเธอจึงโดนยึดและให้ซื้อคืนใหม่ในราคาเท่าตัว
3.ทำไมของราคาไม่ถึงหมื่นถึงยึดได้ เช่น รองเท้าใช้เดินในบ้าน(ยึดแล้ว) และชุดนอน (ที่พยายามจะยึดแต่ไม่ได้ยึด)
4. แต่ทำในกรณีดาราหลายๆคน จึงออกหิ้วได้สบายๆละครับ?
5. ทำไมของดาราสาวท่านนี้ไม่โดนยึดของแบบพวกผมบ้างครับ ทำไมถึงเรียกเก็บภาษี ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้นำมาสำแดง
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นกับพวกผมว่า
1.มีลิสรายชื่อ ผมเดินทางเข้าออกประเทศบ่อยเกินไป?? จะไม่ให้บ่อยได้ยังไงครับ แฟนผมอยู่ที่นู่นและก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น ปีนึงผมไป 4-5 ครั้งไปอยู่ทีก็หลายอาทิคย์
2. พวกเรามีพฤติกรรมนำมาค้าขาย และ ทุจริต เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งแจ้งว่า ทุจริตคือ รองเท้า มันอยู่คนละข้าง ผมข้างนึงแฟนข้างนึง เห่ยยคุณตอนจะหลับไทยพวกเราหวิดตกเครื่อง พวกเราก็โยนๆ ของกันไปมา แล้วอย่างงี้พวกผมห้ามทำอะไรเลยใช่ไหมครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากทราบจริงๆ ว่าทำไมเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกผม ไม่แฟร์เลยทำไมของใช้โดนยึดและของราคาไม่ถึงหมื่นก็โดนยึด จากกรณีดาราสาวท่านหนึ่ง หิ้วกระเป๋าส้ม กลับไทยโดยรอดปลอดภัยแล้ว อธิบดีกรมศูลกากรแจ้งว่า " ของสะพายใช้ส่วนตัวไม่ต้องเสียภาษี" แต่ทำไมพวกผมถึงโดนละครับ แล้วไม่ใช่การเสียภาษีด้วยนะเพราะ เจ้าหน้าที่บอก ผม และแฟนไม่นำของไปสำแดง จึงต้องโดนยึดและซื้อคืนกลับไปในราคาที่ซื้อมา เท่ากับว่า ทริปนี้พวกผมเสียเงินกันไปเพื่อซื้อของก็คูณสองเข้าไปครับ กฏหมายมีไว้ใช้รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองไมไ่ด้นำมารังแกประชาชนที่ไม่มีเส้นไม่มีสายและไม่ใช่เอาประโยชน์เข้าตัว ขอบคุณครับ
** ไม่ได้กล่าวหาลอยๆ มีหลักฐานครบครับเพียงแต่ไม่อยากนำมาลง เพราะมันมีชื่อเจ้าพนักงานอยู่ในนั้น และเรื่องได้จบไปนานแล้ว ที่เขียนเพราะอยากระบายถึงความไม่แฟร์ของการทำงานและอยากเตือนคนที่จะไปเที่ยวว่า ไม่ควรเอาอะไรกลับมาเลย แม้แต่ของใช้ แค่นั้น แต่ถ้าใครอยากเห็น หลังไมค์มาครับ
แก้ไขคำผิดครับ