สวัสดีครับ นานๆ จะมีโอกาสมาเขียนกระทู้ที่ Pantip.com สักที ก่อนอื่นแนะนำตัวเองสั้นๆ ครับ ผมชื่อนันท์ ช่างภาพอิสระและเจ้าของ Website:
www.atomiczen.net ปัจจุบันใช้กล้องยี่ห้อ Nikon รุ่น D810, D800e ชอบถ่ายภาพ Landscape & Travel ไม่ได้นิยามตนเองเป็น Pure photographer ครับ ผมชอบถ่ายภาพดิจิตอล แล้วนำมาปรับแต่งเพิ่มเติมใน Digital Darkroom เพื่อตีพิมพ์ภาพ และขายภาพ Online เป็นหลักครับ ผมเป็นสมาชิกในห้องกล้อง Pantip มานาน แวะเวียนมาอ่านบทความในนี้บ่อยๆ หากย้อนไปยังกระทู้ล่าสุดที่เคยเข้ามา Post ก็ราวๆ 2 ปีก่อน คราวนั้นเขียนเรื่องการท่องเที่ยวในเกาะใต้ นิวซีแลนด์ หากสนใจแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ:
http://pantip.com/topic/31633549
วันนี้แวะมา Review กล้อง Nikon D810 ที่ใช้อยู่ เนื่องจากที่ผ่านมามีน้องๆ สอบถามเข้ามาเยอะมากถึงประสิทธิภาพของมัน และความแตกต่างจากกล้อง Nikon รุ่นอื่นๆ เช่น D800/e, D750, และ D610 และขอบันทึกไว้ว่า Review ในคราวนี้ผมใส่เป็น CR และ SR เนื่องจากภาพทั้งหมดนั้นถ่ายจากกล้อง Nikon D810 ซึ่งเป็นกล้องของผมเอง แต่ได้รับการสนับสนุนจาก Nikon Sales Thailand ในการให้ยืมกล้อง D810 (ใช้เป็นกล้องสำรองระหว่างออกทริป) และเลนส์ถ่ายภาพบางส่วน เช่น Nikon 14-24 mm., Nikon 20 mm. เป็นต้น จึงขอใส่ประเภท Review เป็นทั้งสองแบบครับ
“คุ้มไหมที่จะ Upgrade?”
เป็นคำถามคาใจของคนที่มีงบพอจะจัดรุ่นกลาง แต่ตัดใจจากรุ่น D810 ไม่ได้ อีกทั้งช่วงนี้
เราจะเห็นตลาดกล้องมือสองคึกคัก ราคากล้องขยับลง ทำให้คนที่จดๆ จ้องๆ เจ้า Nikon D810 ตั้งแต่กล้องออกมาใหม่ๆ เมื่อ 2 ปีก่อน เริ่มมีความหวังจะสอยมาใช้งานกันมากขึ้น ดังนั้น ผมจึงขอแชร์ประสบการณ์แบบ Long-term การใช้กล้อง Nikon D810 ในทริปต่างๆ ที่ผ่านมาราว 1 ปีครึ่ง เพื่อตอบคำถามของเพื่อนๆ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจต่อไปครับ
ขอเปิดตัวกระทู้ ด้วยภาพสาวๆ ถ่ายจาก Nikon D810 เป็นภาพเปิดตัวเรียกแขกสักหน่อย >_< ภาพนี้ถ่ายจากทริป สปป. ลาว ... ขอขอบคุณ อ. ต้อม Auxin ที่เอื้อเฟื้อภาพนี้ เพื่อประกอบบทความครับ
[ภาพที่ 1: กล้อง Nikon D810 ถูกวางให้เป็นกล้อง Semi-Pro ที่มีขนาด รูปร่างใหญ่กว่า D610 และ D750 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยรวมผมชอบการวางตำแหน่งปุ่มกดต่างๆ ที่เราสามารถเข้าถึงเมนู คำสั่งต่างๆ ได้สะดวก รวดเร็ว -(Photo by: Tom Auxin; Edited by: AtomicZen) ]
ก่อนเข้าเนื้อหา ต้องออกตัวว่าข้อมูลส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ตรง + ข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติมที่ผมศึกษาจากเพื่อนช่างภาพ และ Internet การ Review นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่อยากชมภาพสดๆ หลังกล้อง เพราะภาพทุกใบผ่านการ Process ไม่มากก็น้อยจาก Adobe Camera Raw (ACR) หรือ Photoshop มาแล้ว ซึ่งเป็นธรรมดาของการทำงานถ่ายภาพแบบดิจิตอล ที่ผมต้องการนำภาพไปตีพิมพ์ และขายต่อครับ ขอให้มั่นใจเถิดครับว่า กล้อง Nikon D700 เป็นต้นมา เรื่องความเนียนของไฟล์ และ Dynamic range นั้น โหดเพิ่มขึ้นทุกๆ รุ่นที่ออกมา และเพียงพอต่อการใช้งานครับผม ทั้งนี้ ... ผมจะพยายามให้ข้อมูลที่น่าสนใจถึงเทคนิคการถ่ายภาพเผื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจต่อไป และต้องขอขอบคุณ บ. Nikon Sales Thailand ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ Nikon D810 และเลนส์ Nikon 14-24 mm. ในทริป สปป. ลาว และทริป Patagonia (เมษายนที่ผ่านมา) และได้นำภาพมาประกอบในบทความนี้ครับ
[ภาพที่ 2: การจับถือ การเข้าถึงเมนูต่างๆ ทำได้ดีมาก และพอใจกับไฟล์ภาพของ D810 มากที่สุด จะมีเพียงอย่างเดียวที่อยากให้ปรับปรุง คือ อยากได้ iso เนียนๆ ที่ 6400 เพื่อให้มีโอกาสเก็บภาพกลางคืนได้ดีขึ้น]
ทำไมผมจึง Upgrade กล้องจาก Nikon D800e เป็น D810???
แต่ก่อนผมใช้ Canon ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังทรัพย์ในตอนนั้นมีจำกัด จึงจัดกล้อง DSLR-Full-frame : Canon 5D มือสอง สภาพสวย มาหัดถ่ายภาพ ถ่ายได้ 3-4 เดือนก็ย้ายไปเรียนต่อที่ Australia เริ่มหัดถ่ายภาพ Seascape ... เสียดายซื้อมาไม่นาน เจ้า 5D ก็เสียหายจากอุบัติเหตุทางทะเล นั้นคงเป็นชะตาให้ต้องย้ายมาใช้ Nikon โดยกัดฟันซื้อ Nikon D700 + 16-35 mm./f4.0 มาประจำการแทน จากนั้นชีวิตการถ่ายภาพ Landscape ก็ผูกพันกับกล้องค่ายนี้มาตลอด กล้อง Nikon D700 ถือเป็นกล้องครูสำหรับผม เรียนรู้ทักษะ มุมมอง รวมถึงการปรับแต่งภาพก็จากกล้อง 12 MP ตัวนี้ จากนั้นเทคโนโลยีก็พัฒนาไม่หยุด ผมเองก็ไม่ค่อยสนใจ upgrade อุปกรณ์เท่าไหร่ คิดว่าไอ้ที่มีอยู่ก็ใช้ให้คุ้ม ... แต่ก็แอบลุ้นอยู่ตลอดว่าอยากได้กล้องที่ให้ขนาดภาพใหญ่ๆ เพราะรู้สึกว่าไฟล์จาก Nikon D700 เล็กเกินไปที่จะนำไปพิมพ์ภาพขนาดใหญ่
จนเมื่อ Nikon เปิดตัวกล้อง D800/e ออกมาในต้นปี 2554 นั่นหล่ะ ที่ให้ไฟล์ภาพใหญ่มากถึง 36 MP รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ ที่ทำให้กล้องในมือผมสั่นไปหมด คงไม่ต้องเดาเลย ... ผมปล่อย D700 และรับ D800e เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังกับความเป็น “อสูรกาย - monster” ของมันจริงๆ เพราะไม่ใช่ไฟล์ภาพใหญ่โตมหึมา ที่ทำให้การพิมพ์ภาพขนาด 20x30 นิ้ว (หรือใหญ่กว่านั้น) เป็นเรื่องเด็กๆ สำหรับกล้องตัวนี้ แต่ความสามารถอันเยี่ยมยอดที่เก็บแสงได้กว้างมาก สูงถึง 14.3EVs ซึ่งกินพี่ใหญ่ Nikon D4/s (13.3EVs) และคู่แข่งค่ายอื่นเรียบวุธ (ที่มา: dxomark.com)
ที่สำคัญกล้อง Nikon D800e ใช้ฟิลเตอร์ Low-pass แบบพิเศษที่ไม่มี Anti-aliasing (หรือ Blur effect) อันช่วยลดการหักเหของแสงตกกระทบ ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น ... ด้วยข้อดีกว่า D700 ในหลายๆ ด้าน ในช่วงนั้นเพื่อนๆ ที่ออกรอบถ่ายภาพด้วยกันต่าง upgrade เป็น D800e กันยกก๊วน ตลอด 2-3 ปีนับตั้งแต่สอย D800e มายิงภาพไปหลายหมื่นใบ ทั้งภาพเดี่ยว วิดีโอ และ Time-lapse จนกระทั้งมีข่าวลือหนาหูในช่วงต้นปี 2556 ว่า Nikon กำลังจะออกอสูรกายตัวใหม่แทนที่ D800e จังหวะนั้นผมฟังธงเงียบๆ ในใจว่า “ไม่ได้แอ้มเงินตรูหรอก” เพราะ D800e นั้นถือเป็นที่สุดสำหรับสาย Landscape ในขณะนั้นแล้ว ...
[ภาพที่ 3: ภาพถ่ายจากทริปเมียนมาร์ เมื่อปี 2557 สถานการณ์จริง เราต้องนั่งเรือไปกลางแม่น้ำ แล้วยิงภาพสะพาน U-beng เพื่อให้ได้จังหวะภาพที่ดี จึงต้องถ่ายภาพมาหลายๆ ใบ แล้วใช้การรวมภาพด้วยมือ ใน Photoshop]
[ภาพที่ 4: D810 ครองตำแหน่งกล้อง DSLR ที่มีความกว้างของ Dynamic range (ความสามารถในการเก็บแสง) สูงที่สุดในปัจจุบันถึง 14.8EVs ประสิทธิภาพการเก็บแสงที่ยอดเยี่ยม ทำให้ในหลากหลายสถานการณ์ที่ย้อนแสง หรือมีความเปรียบต่างแสงสูงๆ สามารถถ่ายแบบ Highlight priority (เน้นเก็บแสงช่วงสว่าง) แบบใบเดียวจบได้ แล้วค่อยมาขุดภาพในภายหลัง]
[ภาพที่ 5: การไล่โทนจากส่วนมืดไปส่วนสว่างทำได้เนียนดีครับ นอกจากนี้ความเร็วในการ Focus ของ Nikon D810 ทำได้ดีกว่า D800e อย่างชัดเจน ภาพนี้เดินเล่นในตลาดที่เมียนมาร์ เห็นเด็กน้อยน่ารักดี ยกกล้องถ่ายแบบไวๆ คราวแรกก็กลัวไม่เข้า แต่พอเช็คภาพดูเท่านั้น โอว ... ผิวเด็กนี่คม เนียน มีมิติจริงๆ]
กลางปี 2556 หลังจากมีข่าวลือมาเกือบครึ่งปี Nikon ก็เปิดตัว Nikon D810 แรกๆ ผมก็ปิดหูปิดตา ไม่อยากรับรู้ข้อมูล และพาลคิดว่าการพัฒนา D810 คงเป็นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ "ไอ้กล้องที่มียังใช้งานได้ไม่ครบทุกคำสั่งเลย” คิดในใจแบบนี้จริงๆ ... จนกระทั่งวันนึง มีโอกาสแวะไปเดินเล่นในงาน Photo Fair และได้ลองจับ Nikon D810 เป็นครั้งแรก ผมลองยิงภาพเล่นๆ “ตรั๊บ! (Note: พยายามเขียนเลียนเสียงชัตเตอร์ แต่รู้สึกเลยว่าไม่ได้ Feeling จริงๆ ของมัน)” เสียงชัตเตอร์หล่อและนุ่มมาก! แม้จะฟังดูออกแนวดิจิตอลกว่าเสียงชัตเตอร์ของ D800e แต่รู้สึกได้เลยว่า เสียงละมุนละไมและเงียบกว่า D800/e พอสมควร จากนั้น ผมก็ลองเล่นกับการปรับเมนู ระบบการถ่ายภาพ และลองยิงภาพสักพักใหญ่ๆ
[ภาพที่ 6: โชคดีที่ได้ไปถ่ายภาพที่ทุ่งเจดีย์พุกาม ในปัจจุบันรัฐบาลพม่าได้ห้ามปีนเจดีย์เพื่อถ่ายภาพแล้ว ในภาพใบนี้ถือเป็น Creative retouching โดยเก็บภาพพระอาทิตย์มา 3 ใบ, ฉากหน้า 1 ใบ แบบ Expose to Right (ETR), และเก็บภาพบอลลูนมาอีก 3-4 ใบ (แนะนำให้ดัน iso เพิ่มขึ้นกว่าปรกติ เพื่อให้ได้ Shutter speed ที่สูงพอที่จะไม่ทำให้บอลลูน Blur) แล้วนำทุกส่วนมารวมกันใน Photoshop ครับ ด้วยความสามารถในการถ่ายคร่อมแสงของ Nikon D810 ทำให้สามารถถ่ายคร่อมแสงได้ง่าย สะดวกกว่า D800e พอสมควรเลยครับ]
หลังจากวันนั้น ไอ้เจ้า D810 ก็ตามมาหลอกหลอนผมอยู่เนืองๆ คือมันคาใจว่า ...
แท้จริงแล้ว D810 มันเหนือกว่า D800/e มากน้อยแค่ไหน???
ผมก็เริ่มอ่าน Review และหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internent ได้ข้อสรุปพอสมควรถึงความสามารถที่ดีกว่าของ D810 เมื่อเทียบกับ D800e ดังนี้:
- Processor แบบใหม่ Expeed 4 ที่ทำให้การทำงานเร็วขึ้น 30% และประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 20%
- พัฒนา Sensor แบบใหม่ (ไม่ใช่แบบ Minor change ที่ผมเข้าใจ) ที่ให้ขนาดภาพ 37.1 MP เมื่อเทียบกับ D800/e ที่ให้ขนาดภาพ 36.8 MP ที่ให้ Dynamic range การเก็บแสงสูงมากถึง 14.8EVs ซึ่งเป็นกล้อง DSLR ที่ดีที่สุดในการเก็บแสงในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2559)
- ชุดคำสั่งถ่ายภาพคร่อมที่เหนือกว่า D800e (ถ่ายคร่อมแสงได้สูงสุด +/- 1EV) โดย D810 สามารถเลือกถ่ายภาพคร่อมได้สูงมากถึง +/- 3EV เช่น จากเดิมผมต้องถ่ายภาพ 7 ใบใน D800/e เพื่อเก็บค่าแสง -3, -2, -1, 0, +1, +2, +3 แต่ในกล้อง D810 ผมถ่ายภาพเพียง 3 ใบเท่านั้นคือ -3, 0, +3
- Base ISO ลดลงจากเดิมที่ 100 มาเป็น 64 ทำให้ลาก Shutter speed ได้ยืดหยุ่นขึ้นในช่วงแสงเช้า-แสงเย็น (โดยเฉพาะสาย Landscape - Seascape อย่างผม โดนใจมากๆ)
- มี Shutter T ในตัว (ซึ่งเคยพบในสมัยกล้องฟิล์ม เช่น Nikon F3) เราเพียงกดชัตเตอร์เพื่อเปิดรับภาพ และกดชัตเตอร์อีกครั้งคือปิดม่านชัตเตอร์ ทำให้การถ่ายภาพ Long exposure สะดวก ง่ายดายกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะเวลาที่ไปเดินปีนเขา สามารถลดน้ำหนักของ Remote control ที่เคยพกไปได้มากถึง 2-3 ขีด
- การออกแบบม่านชัตเตอร์อิเล็คทรอนิคส์แบบใหม่ (Electronic front-curtain shutter) ที่ลดการสั่นไหว (Mirror - shutter mechanism vibration) ทำให้การถ่ายภาพจากกล้องที่มีขนาดภาพใหญ่ๆ แบบนี้ มีความคมชัดเพิ่มขึ้น โดยให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการล็อคกระจก หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ
- การวัดแสงแบบใหม่ Highlight-weighted ที่จะควบคุมไม่ให้ส่วนสว่างสุดๆ ของภาพสูญเสียรายละเอียดไป (เหมาะกับสายขุดที่ชอบดึง Shadows ใน Post-processing และสาย ETR ที่เน้นถ่ายภาพโดยรวมให้สว่างมากที่สุด โดยไม่ให้หลุด Highlight แล้วค่อยไปดึงค่าแสงกลับเป็นปรกติใน Post-processing)
[ภาพที่ 7: ผมชื่นชอบการถ่ายภาพ Long Exposure โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ถึงแม้ว่า iso ที่รับได้ของ Nikon D810 สำหรับผมจะอยู่ที่ 3200 แต่มันไม่ได้ทำให้เป็นอุปสรรคที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ผ่านมาเลย ... ในภาพนี้ ถ่ายพระจันทร์ (เกือบ) เต็มดวงที่ Tre Cime, ประเทศ Italy]
[CR][SR] Nikon D810 : Long-term Review
วันนี้แวะมา Review กล้อง Nikon D810 ที่ใช้อยู่ เนื่องจากที่ผ่านมามีน้องๆ สอบถามเข้ามาเยอะมากถึงประสิทธิภาพของมัน และความแตกต่างจากกล้อง Nikon รุ่นอื่นๆ เช่น D800/e, D750, และ D610 และขอบันทึกไว้ว่า Review ในคราวนี้ผมใส่เป็น CR และ SR เนื่องจากภาพทั้งหมดนั้นถ่ายจากกล้อง Nikon D810 ซึ่งเป็นกล้องของผมเอง แต่ได้รับการสนับสนุนจาก Nikon Sales Thailand ในการให้ยืมกล้อง D810 (ใช้เป็นกล้องสำรองระหว่างออกทริป) และเลนส์ถ่ายภาพบางส่วน เช่น Nikon 14-24 mm., Nikon 20 mm. เป็นต้น จึงขอใส่ประเภท Review เป็นทั้งสองแบบครับ
“คุ้มไหมที่จะ Upgrade?”
เป็นคำถามคาใจของคนที่มีงบพอจะจัดรุ่นกลาง แต่ตัดใจจากรุ่น D810 ไม่ได้ อีกทั้งช่วงนี้ เราจะเห็นตลาดกล้องมือสองคึกคัก ราคากล้องขยับลง ทำให้คนที่จดๆ จ้องๆ เจ้า Nikon D810 ตั้งแต่กล้องออกมาใหม่ๆ เมื่อ 2 ปีก่อน เริ่มมีความหวังจะสอยมาใช้งานกันมากขึ้น ดังนั้น ผมจึงขอแชร์ประสบการณ์แบบ Long-term การใช้กล้อง Nikon D810 ในทริปต่างๆ ที่ผ่านมาราว 1 ปีครึ่ง เพื่อตอบคำถามของเพื่อนๆ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจต่อไปครับ
ขอเปิดตัวกระทู้ ด้วยภาพสาวๆ ถ่ายจาก Nikon D810 เป็นภาพเปิดตัวเรียกแขกสักหน่อย >_< ภาพนี้ถ่ายจากทริป สปป. ลาว ... ขอขอบคุณ อ. ต้อม Auxin ที่เอื้อเฟื้อภาพนี้ เพื่อประกอบบทความครับ
[ภาพที่ 1: กล้อง Nikon D810 ถูกวางให้เป็นกล้อง Semi-Pro ที่มีขนาด รูปร่างใหญ่กว่า D610 และ D750 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยรวมผมชอบการวางตำแหน่งปุ่มกดต่างๆ ที่เราสามารถเข้าถึงเมนู คำสั่งต่างๆ ได้สะดวก รวดเร็ว -(Photo by: Tom Auxin; Edited by: AtomicZen) ]
ก่อนเข้าเนื้อหา ต้องออกตัวว่าข้อมูลส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ตรง + ข้อมูลเทคนิคเพิ่มเติมที่ผมศึกษาจากเพื่อนช่างภาพ และ Internet การ Review นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่อยากชมภาพสดๆ หลังกล้อง เพราะภาพทุกใบผ่านการ Process ไม่มากก็น้อยจาก Adobe Camera Raw (ACR) หรือ Photoshop มาแล้ว ซึ่งเป็นธรรมดาของการทำงานถ่ายภาพแบบดิจิตอล ที่ผมต้องการนำภาพไปตีพิมพ์ และขายต่อครับ ขอให้มั่นใจเถิดครับว่า กล้อง Nikon D700 เป็นต้นมา เรื่องความเนียนของไฟล์ และ Dynamic range นั้น โหดเพิ่มขึ้นทุกๆ รุ่นที่ออกมา และเพียงพอต่อการใช้งานครับผม ทั้งนี้ ... ผมจะพยายามให้ข้อมูลที่น่าสนใจถึงเทคนิคการถ่ายภาพเผื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจต่อไป และต้องขอขอบคุณ บ. Nikon Sales Thailand ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ Nikon D810 และเลนส์ Nikon 14-24 mm. ในทริป สปป. ลาว และทริป Patagonia (เมษายนที่ผ่านมา) และได้นำภาพมาประกอบในบทความนี้ครับ
[ภาพที่ 2: การจับถือ การเข้าถึงเมนูต่างๆ ทำได้ดีมาก และพอใจกับไฟล์ภาพของ D810 มากที่สุด จะมีเพียงอย่างเดียวที่อยากให้ปรับปรุง คือ อยากได้ iso เนียนๆ ที่ 6400 เพื่อให้มีโอกาสเก็บภาพกลางคืนได้ดีขึ้น]
ทำไมผมจึง Upgrade กล้องจาก Nikon D800e เป็น D810???
แต่ก่อนผมใช้ Canon ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังทรัพย์ในตอนนั้นมีจำกัด จึงจัดกล้อง DSLR-Full-frame : Canon 5D มือสอง สภาพสวย มาหัดถ่ายภาพ ถ่ายได้ 3-4 เดือนก็ย้ายไปเรียนต่อที่ Australia เริ่มหัดถ่ายภาพ Seascape ... เสียดายซื้อมาไม่นาน เจ้า 5D ก็เสียหายจากอุบัติเหตุทางทะเล นั้นคงเป็นชะตาให้ต้องย้ายมาใช้ Nikon โดยกัดฟันซื้อ Nikon D700 + 16-35 mm./f4.0 มาประจำการแทน จากนั้นชีวิตการถ่ายภาพ Landscape ก็ผูกพันกับกล้องค่ายนี้มาตลอด กล้อง Nikon D700 ถือเป็นกล้องครูสำหรับผม เรียนรู้ทักษะ มุมมอง รวมถึงการปรับแต่งภาพก็จากกล้อง 12 MP ตัวนี้ จากนั้นเทคโนโลยีก็พัฒนาไม่หยุด ผมเองก็ไม่ค่อยสนใจ upgrade อุปกรณ์เท่าไหร่ คิดว่าไอ้ที่มีอยู่ก็ใช้ให้คุ้ม ... แต่ก็แอบลุ้นอยู่ตลอดว่าอยากได้กล้องที่ให้ขนาดภาพใหญ่ๆ เพราะรู้สึกว่าไฟล์จาก Nikon D700 เล็กเกินไปที่จะนำไปพิมพ์ภาพขนาดใหญ่
จนเมื่อ Nikon เปิดตัวกล้อง D800/e ออกมาในต้นปี 2554 นั่นหล่ะ ที่ให้ไฟล์ภาพใหญ่มากถึง 36 MP รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ ที่ทำให้กล้องในมือผมสั่นไปหมด คงไม่ต้องเดาเลย ... ผมปล่อย D700 และรับ D800e เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังกับความเป็น “อสูรกาย - monster” ของมันจริงๆ เพราะไม่ใช่ไฟล์ภาพใหญ่โตมหึมา ที่ทำให้การพิมพ์ภาพขนาด 20x30 นิ้ว (หรือใหญ่กว่านั้น) เป็นเรื่องเด็กๆ สำหรับกล้องตัวนี้ แต่ความสามารถอันเยี่ยมยอดที่เก็บแสงได้กว้างมาก สูงถึง 14.3EVs ซึ่งกินพี่ใหญ่ Nikon D4/s (13.3EVs) และคู่แข่งค่ายอื่นเรียบวุธ (ที่มา: dxomark.com)
ที่สำคัญกล้อง Nikon D800e ใช้ฟิลเตอร์ Low-pass แบบพิเศษที่ไม่มี Anti-aliasing (หรือ Blur effect) อันช่วยลดการหักเหของแสงตกกระทบ ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดและเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น ... ด้วยข้อดีกว่า D700 ในหลายๆ ด้าน ในช่วงนั้นเพื่อนๆ ที่ออกรอบถ่ายภาพด้วยกันต่าง upgrade เป็น D800e กันยกก๊วน ตลอด 2-3 ปีนับตั้งแต่สอย D800e มายิงภาพไปหลายหมื่นใบ ทั้งภาพเดี่ยว วิดีโอ และ Time-lapse จนกระทั้งมีข่าวลือหนาหูในช่วงต้นปี 2556 ว่า Nikon กำลังจะออกอสูรกายตัวใหม่แทนที่ D800e จังหวะนั้นผมฟังธงเงียบๆ ในใจว่า “ไม่ได้แอ้มเงินตรูหรอก” เพราะ D800e นั้นถือเป็นที่สุดสำหรับสาย Landscape ในขณะนั้นแล้ว ...
[ภาพที่ 3: ภาพถ่ายจากทริปเมียนมาร์ เมื่อปี 2557 สถานการณ์จริง เราต้องนั่งเรือไปกลางแม่น้ำ แล้วยิงภาพสะพาน U-beng เพื่อให้ได้จังหวะภาพที่ดี จึงต้องถ่ายภาพมาหลายๆ ใบ แล้วใช้การรวมภาพด้วยมือ ใน Photoshop]
[ภาพที่ 4: D810 ครองตำแหน่งกล้อง DSLR ที่มีความกว้างของ Dynamic range (ความสามารถในการเก็บแสง) สูงที่สุดในปัจจุบันถึง 14.8EVs ประสิทธิภาพการเก็บแสงที่ยอดเยี่ยม ทำให้ในหลากหลายสถานการณ์ที่ย้อนแสง หรือมีความเปรียบต่างแสงสูงๆ สามารถถ่ายแบบ Highlight priority (เน้นเก็บแสงช่วงสว่าง) แบบใบเดียวจบได้ แล้วค่อยมาขุดภาพในภายหลัง]
[ภาพที่ 5: การไล่โทนจากส่วนมืดไปส่วนสว่างทำได้เนียนดีครับ นอกจากนี้ความเร็วในการ Focus ของ Nikon D810 ทำได้ดีกว่า D800e อย่างชัดเจน ภาพนี้เดินเล่นในตลาดที่เมียนมาร์ เห็นเด็กน้อยน่ารักดี ยกกล้องถ่ายแบบไวๆ คราวแรกก็กลัวไม่เข้า แต่พอเช็คภาพดูเท่านั้น โอว ... ผิวเด็กนี่คม เนียน มีมิติจริงๆ]
กลางปี 2556 หลังจากมีข่าวลือมาเกือบครึ่งปี Nikon ก็เปิดตัว Nikon D810 แรกๆ ผมก็ปิดหูปิดตา ไม่อยากรับรู้ข้อมูล และพาลคิดว่าการพัฒนา D810 คงเป็นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ "ไอ้กล้องที่มียังใช้งานได้ไม่ครบทุกคำสั่งเลย” คิดในใจแบบนี้จริงๆ ... จนกระทั่งวันนึง มีโอกาสแวะไปเดินเล่นในงาน Photo Fair และได้ลองจับ Nikon D810 เป็นครั้งแรก ผมลองยิงภาพเล่นๆ “ตรั๊บ! (Note: พยายามเขียนเลียนเสียงชัตเตอร์ แต่รู้สึกเลยว่าไม่ได้ Feeling จริงๆ ของมัน)” เสียงชัตเตอร์หล่อและนุ่มมาก! แม้จะฟังดูออกแนวดิจิตอลกว่าเสียงชัตเตอร์ของ D800e แต่รู้สึกได้เลยว่า เสียงละมุนละไมและเงียบกว่า D800/e พอสมควร จากนั้น ผมก็ลองเล่นกับการปรับเมนู ระบบการถ่ายภาพ และลองยิงภาพสักพักใหญ่ๆ
[ภาพที่ 6: โชคดีที่ได้ไปถ่ายภาพที่ทุ่งเจดีย์พุกาม ในปัจจุบันรัฐบาลพม่าได้ห้ามปีนเจดีย์เพื่อถ่ายภาพแล้ว ในภาพใบนี้ถือเป็น Creative retouching โดยเก็บภาพพระอาทิตย์มา 3 ใบ, ฉากหน้า 1 ใบ แบบ Expose to Right (ETR), และเก็บภาพบอลลูนมาอีก 3-4 ใบ (แนะนำให้ดัน iso เพิ่มขึ้นกว่าปรกติ เพื่อให้ได้ Shutter speed ที่สูงพอที่จะไม่ทำให้บอลลูน Blur) แล้วนำทุกส่วนมารวมกันใน Photoshop ครับ ด้วยความสามารถในการถ่ายคร่อมแสงของ Nikon D810 ทำให้สามารถถ่ายคร่อมแสงได้ง่าย สะดวกกว่า D800e พอสมควรเลยครับ]
หลังจากวันนั้น ไอ้เจ้า D810 ก็ตามมาหลอกหลอนผมอยู่เนืองๆ คือมันคาใจว่า ...
แท้จริงแล้ว D810 มันเหนือกว่า D800/e มากน้อยแค่ไหน???
ผมก็เริ่มอ่าน Review และหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internent ได้ข้อสรุปพอสมควรถึงความสามารถที่ดีกว่าของ D810 เมื่อเทียบกับ D800e ดังนี้:
- Processor แบบใหม่ Expeed 4 ที่ทำให้การทำงานเร็วขึ้น 30% และประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม 20%
- พัฒนา Sensor แบบใหม่ (ไม่ใช่แบบ Minor change ที่ผมเข้าใจ) ที่ให้ขนาดภาพ 37.1 MP เมื่อเทียบกับ D800/e ที่ให้ขนาดภาพ 36.8 MP ที่ให้ Dynamic range การเก็บแสงสูงมากถึง 14.8EVs ซึ่งเป็นกล้อง DSLR ที่ดีที่สุดในการเก็บแสงในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2559)
- ชุดคำสั่งถ่ายภาพคร่อมที่เหนือกว่า D800e (ถ่ายคร่อมแสงได้สูงสุด +/- 1EV) โดย D810 สามารถเลือกถ่ายภาพคร่อมได้สูงมากถึง +/- 3EV เช่น จากเดิมผมต้องถ่ายภาพ 7 ใบใน D800/e เพื่อเก็บค่าแสง -3, -2, -1, 0, +1, +2, +3 แต่ในกล้อง D810 ผมถ่ายภาพเพียง 3 ใบเท่านั้นคือ -3, 0, +3
- Base ISO ลดลงจากเดิมที่ 100 มาเป็น 64 ทำให้ลาก Shutter speed ได้ยืดหยุ่นขึ้นในช่วงแสงเช้า-แสงเย็น (โดยเฉพาะสาย Landscape - Seascape อย่างผม โดนใจมากๆ)
- มี Shutter T ในตัว (ซึ่งเคยพบในสมัยกล้องฟิล์ม เช่น Nikon F3) เราเพียงกดชัตเตอร์เพื่อเปิดรับภาพ และกดชัตเตอร์อีกครั้งคือปิดม่านชัตเตอร์ ทำให้การถ่ายภาพ Long exposure สะดวก ง่ายดายกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะเวลาที่ไปเดินปีนเขา สามารถลดน้ำหนักของ Remote control ที่เคยพกไปได้มากถึง 2-3 ขีด
- การออกแบบม่านชัตเตอร์อิเล็คทรอนิคส์แบบใหม่ (Electronic front-curtain shutter) ที่ลดการสั่นไหว (Mirror - shutter mechanism vibration) ทำให้การถ่ายภาพจากกล้องที่มีขนาดภาพใหญ่ๆ แบบนี้ มีความคมชัดเพิ่มขึ้น โดยให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการล็อคกระจก หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ
- การวัดแสงแบบใหม่ Highlight-weighted ที่จะควบคุมไม่ให้ส่วนสว่างสุดๆ ของภาพสูญเสียรายละเอียดไป (เหมาะกับสายขุดที่ชอบดึง Shadows ใน Post-processing และสาย ETR ที่เน้นถ่ายภาพโดยรวมให้สว่างมากที่สุด โดยไม่ให้หลุด Highlight แล้วค่อยไปดึงค่าแสงกลับเป็นปรกติใน Post-processing)
[ภาพที่ 7: ผมชื่นชอบการถ่ายภาพ Long Exposure โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ถึงแม้ว่า iso ที่รับได้ของ Nikon D810 สำหรับผมจะอยู่ที่ 3200 แต่มันไม่ได้ทำให้เป็นอุปสรรคที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ผ่านมาเลย ... ในภาพนี้ ถ่ายพระจันทร์ (เกือบ) เต็มดวงที่ Tre Cime, ประเทศ Italy]
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว