คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
๑ เราต้องไม่ด่ากลับถูกแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องนิ่งเฉย หาสาเหตุของปัญหา แล้วใช้ปัญญาแก้ไข
ส่วนเรื่องการพูดเรื่องของคนอื่นนั้น ไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับนักปฏิบัติ
ไม่มีคำว่าเงียบเกินไป สนใจแต่พูดมากเกินไปจะดีกว่า นักปฏิบัติจริงๆจะไม่พูดมาก เพราะโอกาสที่จะพูดเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์มีสูง
๒ การทำร้ายผู้อื่นไม่ใช่แนวทางของการปฏิบัติ แต่การไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน ต้องใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา
อย่าให้อารมณ์โทสะครอบงำจิตใจในการทำอะไร
๓ เคยมีครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่า การปฏิบัตินั้น ต้องพยายามจัดสมดุลให้โลกไม่ให้ช้ำ ธรรมไม่ให้เสีย
และเมื่อปฏิบัติจนมาถึงจุดๆหนึ่ง โลกก็จะค่อยๆช้ำนิดๆ คือเราจะค่อยๆทิ้งเรื่องทางโลกไป แต่เรื่องทางธรรมจะบริสุทธิ์ยิ่งนัก
อย่างพระอานาคามีนี่ แทบจะไม่สนใจอะไรในโลกเลย เรื่องความเจริญก้าวหน้าทางการงานเป็นไปได้ยาก เพราะความทะเยอทะยานไม่มี
แต่ในเบื้องต้นเราต้องประคองให้โลกก็ไม่ช้ำ ธรรมก็ไม่เสีย มีธรรมะ แต่อย่าไปฝืนธรรมดาโลก
๔ ก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งนะ เพราะพระโสดาบันพระสกิทาคามี ก็ยังมีลูกมีเมียได้ แต่ไม่มีดีกว่า
เพราะถ้าคู่ชีวิตของเรามีศีล มีศรัทธา ไม่เสมอเรา ก็จะมีปัญหาเปล่าๆ
เราอยากไปวัด เมียจะไปช้อปปิ้งอย่างนี้ก็หนักใจนะ
ยิ่งมีลูกยิ่งเป็นห่วงรัดคอ
๕ อย่างนี้เขาเรียกว่าสีลพตปรามาส เคร่งแบบไม่ลืมหูลืมตา เราก็แต่งตัวธรรมดาตามสมัยนิยมนี่แหละครับ
อย่างที่บอกว่า โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ถ้าเรายังไม่ใช่พระอริยเจ้า มีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งครับ
เพราะถ้าเราฝืนโลก โลกก็จะตีกลับเรา การนินทา การบ่น การดูถูกเหยียดหยามก็จะมาถึง บางทีก็กระทบหน้าที่การงาน
ถ้าเรายังอยู่ในโลกนี้ ก็อย่าเบียดเบียนตัวเองเกินไป เรื่องทางกายก็ทำตามหน้าที่ของมันไป
แต่อย่าไปยึดติดก็เท่านั้น แต่งตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็พอใจแค่นั้น
ส่วนเรื่องการพูดเรื่องของคนอื่นนั้น ไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับนักปฏิบัติ
ไม่มีคำว่าเงียบเกินไป สนใจแต่พูดมากเกินไปจะดีกว่า นักปฏิบัติจริงๆจะไม่พูดมาก เพราะโอกาสที่จะพูดเพ้อเจ้อไร้ประโยชน์มีสูง
๒ การทำร้ายผู้อื่นไม่ใช่แนวทางของการปฏิบัติ แต่การไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน ต้องใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา
อย่าให้อารมณ์โทสะครอบงำจิตใจในการทำอะไร
๓ เคยมีครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่า การปฏิบัตินั้น ต้องพยายามจัดสมดุลให้โลกไม่ให้ช้ำ ธรรมไม่ให้เสีย
และเมื่อปฏิบัติจนมาถึงจุดๆหนึ่ง โลกก็จะค่อยๆช้ำนิดๆ คือเราจะค่อยๆทิ้งเรื่องทางโลกไป แต่เรื่องทางธรรมจะบริสุทธิ์ยิ่งนัก
อย่างพระอานาคามีนี่ แทบจะไม่สนใจอะไรในโลกเลย เรื่องความเจริญก้าวหน้าทางการงานเป็นไปได้ยาก เพราะความทะเยอทะยานไม่มี
แต่ในเบื้องต้นเราต้องประคองให้โลกก็ไม่ช้ำ ธรรมก็ไม่เสีย มีธรรมะ แต่อย่าไปฝืนธรรมดาโลก
๔ ก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งนะ เพราะพระโสดาบันพระสกิทาคามี ก็ยังมีลูกมีเมียได้ แต่ไม่มีดีกว่า
เพราะถ้าคู่ชีวิตของเรามีศีล มีศรัทธา ไม่เสมอเรา ก็จะมีปัญหาเปล่าๆ
เราอยากไปวัด เมียจะไปช้อปปิ้งอย่างนี้ก็หนักใจนะ
ยิ่งมีลูกยิ่งเป็นห่วงรัดคอ
๕ อย่างนี้เขาเรียกว่าสีลพตปรามาส เคร่งแบบไม่ลืมหูลืมตา เราก็แต่งตัวธรรมดาตามสมัยนิยมนี่แหละครับ
อย่างที่บอกว่า โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ถ้าเรายังไม่ใช่พระอริยเจ้า มีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งครับ
เพราะถ้าเราฝืนโลก โลกก็จะตีกลับเรา การนินทา การบ่น การดูถูกเหยียดหยามก็จะมาถึง บางทีก็กระทบหน้าที่การงาน
ถ้าเรายังอยู่ในโลกนี้ ก็อย่าเบียดเบียนตัวเองเกินไป เรื่องทางกายก็ทำตามหน้าที่ของมันไป
แต่อย่าไปยึดติดก็เท่านั้น แต่งตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็พอใจแค่นั้น
แสดงความคิดเห็น
สงสัยในข้อปฏิบัติครับเรื่องการวางตัว
1. ถ้าเราจะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา การที่เราโดนด่า โดนนินทา เราจะต้องไม่ด่ากลับเลยเเม้เเต่น้อยใช่ไหมครับคือวางเฉยๆ นิ่งๆไว้อย่างเดียว
เเล้วตัวเราเองไม่ควรนินทาใครถึงว่าจะนินทาโดยไม่ได้ว่าร้ายอะไร คือให้พูดเรื่องคนอื่นให้น้อยลงอย่างนี้ถูกไหมครับถ้าทำเเบบนี้มันจะทำให้เรากลายเป็นคนเงียบเกินไปไหม
2. สมมติมีคนมากลั่นเเกล้งเรา เราควรทำยังไงสามารถโต้ตอบตามสมควรได้ไหมเเต่ก็อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บช้ำน้ำใจได้เหมือนกันอย่างนี้ไม่ควรใช่ไหม
หรือเพียงเเค่ชี้เเจงตามสมควรเเต่อย่าด่าหรือโต้ตอบอะไรไป
3.การเห็นเรื่องของศาสนาใหญ่ที่สุดในชีวิตคือการงานอย่างอื่นประกอบไปเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้เท่านั้น เเต่มุ่งเน้นด้านศาสนาให้ถึงที่สุด
4.ถ้าจะเดินทางนี้ เรื่องรักเรื่องครอบครัวนี้ตัดทิ้งอย่างเดียวเลยใช่ไหมครับ คือจะไม่มีการคุยกับสตรีเพศในเรื่องความรักใคร่เด็ดขาดเป็นเพียงเเค่เพื่อนกันอย่างเดียว ไม่จำเป็นก็ไม่พูดเรื่องนี้เลยใช่ไหม
5.เรื่องการเเต่งตัวหรือการใช้เงินทองเครื่องใช้ เราควรทำตัวยังไงในด้านนี้เเต่งตัวเเค่พอดูได้ ไม่สกปรกก็พอเเต่อย่าไปคำนึงด้านหล่อดูดีถูกต้องไหม
อาหารการกินก็กินเเค่ที่พอประทังชีวิตเเละมีประโยชน์ ไม่เที่ยวกินอะไรตามเค้าฮิตตามเค้าว่า รถถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ นาฬิกาเเพง เเก้วเเหวนพวกนี้คือเครื่องขัดขวางการบรรลุธรรมไหม
ที่ถามเพราะกลัวจะเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือสุดโต่งจนผิดหลักธรรมไปนะครับเพราะตัวผมเองยังเป็นคนที่ต้องข้องเกี่ยวกับทางโลกอยู่
ขอบคุณมากครับ