กระทู้ตอนค่ำๆ (๑๓๔)

กระทู้สนทนา
ต้องขออภัยที่หายไปนานครับ เพราะเพิ่งอ่านหนังสือที่ซื้อจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเล่มนี้จบ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ค้นหาเรื่องราวความเป็นมานี้

                                                         ภาพจากคุณ JAI JAI 2013 แห่งสาละวินนิวส์

แต่ก่อนนี้ เมื่องสีป้อ รัฐฉาน ยังเป็นเมืองปิด ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยว ปัจจุบัน หลังจากเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้แล้ว ปรากฎว่า มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมมากกว่าเมืองลาเฉียว เมืองหลวงของรัฐฉานเสียอีก ทั้งนี้มาจากอิทธิพลงานเขียนเค้าเรื่องจริงเรื่อง Twilight over Burma my life as a Shan princess (สิ้นแสงฉาน) ของ Inge Sargent แปลโดย "มนันยา" หรือคุณยายโม นั่นแหละครับ

                                                        ภาพจากคุณ JAI JAI 2013 แห่งสาละวินนิวส์

                                                        หอคำเจ้าจาแสง แห่งเมืองสีป้อ

เมืองสีป้อ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำตู้ สามารถเดินทางโดยรถไฟจากมัณฑะเล ผ่านสะพานก๊กเต๊ก (Gok Teik) อันมีชื่อเสียง นับเป็นโอกาสอันดีของนักท่องเที่ยวด้วยที่ได้เห็นสะพานแห่งนี้ นอกเหนือจากหอคำของเจ้าจาแสง ที่ยังมีหลานของท่านคอยดูแลและต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่


อิงเง่ ซาเจ้น สาวน้อยชาวออสเตรีย ผู้มาจากครอบครัวประชาธิปไตยอันผาสุก ด้วยพ่อและแม่เป็นคนทันสมัยและเข้าใจโลก ในเวลา ๗๐ ปีเศษที่ผ่านมา
เธอไปเรียนชั่วระยะเวลาหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา อาจจะคล้ายกับนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ในไทยสมัยก่อน

ที่นั่นเธอได้พบกับสุภาพบุรุษชาวพม่า ในนามว่า "จาแสง" ซึ่งไปเรียนวิศวกรรมเหมืองแร่ที่นั่น ได้คุ้นเคยกันด้วยสนทนากันถูกคอ และกลายเป็นความรักในที่สุด

ไม่มีใครทราบสถานภาพอันแท้จริงของจาแสงว่าเขาคือเจ้าฟ้าแห่งรัฐฉาน เครือรัฐหนึ่งของพม่าในอารักขาของอังกฤษ มหาอำนาจของโลกในขณะนั้น นอกจากท่านคณบดี

รักระหว่างเรียนของสองหนุ่มสาวผู้เยาว์วัยดำเนินไปอย่างราบรื่น จาแสงมีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวของอิงเง่ที่ออสเตรียด้วย

ความเป็นสุภาพบุรุษ ทีท่าผู้ดีมีสกุลของเขาคงประทับใจผู้ปกครองของอิงเง่ เพราะครั้งต่อไปที่ได้มาเยี่ยมครอบครัวนี้พร้อมขอสมรสกับอิงเง่ ได้รับความยินยอม

การที่นักศึกษาต่างชาติ ใช้ชีวิตเพียงลำพังในอัสดงคตประเทศได้อย่างสะดวกสบายตามควรเพราะมีรถยนตร์ใช้ อิงเง่ก็รับทราบเพียงเท่านี้ จนวันที่เขากับเธอแต่งงานกัน และจาแสงพาภริยากลับบ้านเมือง

การเดินทางด้วยเรือเดินสมุทร ทำให้คู่สมรสใหม่มีความสุขดี จนถึงเมืองท่าแห่งพม่า

อิงเง่ในชุดสวมใส่ที่สบาย สวยเรียบๆ ออกมายืนข้างๆ สามีที่รัก มองเห็นผู้คนมากมายมาเป็นขบวนเรียบร้อยงดงาม ..คงจะมาต้อนรับท่านผู้ใดกระมัง นี่คือสิ่งที่เธอปรารภกับสามีที่รัก ผู้ซึ่งจับมืออิงเง่ไว้แล้วกล่าวว่า "ยอดรัก ผมมีความจริงบางอย่างที่ไม่ได้บอกให้คุณทราบมาก่อน คณะนั้นมารับเราสองคน เพราะผมคือเจ้าฟ้าจาแสงแห่งรัฐฉาน คุณคือชายาของเจ้าชายแห่งรัฐฉาน"

อิงเง่ทั้งตกใจและเสียดายโอกาสที่มิได้แต่งตัวให้สวยงามเพื่อผู้มาต้อนรับจะได้ประทับใจ

นี่คือความต่างในความคิดของชายและหญิง


แล้วอิงเง่ก็ได้อยู่ในคุ้มหลวง หรือวังอันกว้างใหญ่สร้างเป็นตึกอย่างตะวันตก งดงามและสุขสบาย เพราะญาติสาวเจ้าฟ้าจาแสงผู้สนทนาภาษาแม่ของอิงเง่ได้ช่วยเตรียมรับรองตามคำขอของเจ้าฟ้าจาแสง

อิงเง่ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าหญิงสุจันทรี ในตำแหน่งพระชายาในเจ้าฟ้าจาแสงแห่งรัฐฉาน คุณแม่ของเธอและญาติ ได้เดินทางมาร่วมพิธีอันมงคลนี้ด้วยความยินดี


ชีวิตดุจเทพนิยายได้ดำเนินไปด้วยดี เจ้าหญิงสุจันทรี ปรับตัวเข้ากับสภาพใหม่ได้อย่างมีความสุข ครอบครัวเธอได้สมาชิกใหม่เป็นธิดาน้อยๆ สองคน ชื่อมายรีและเกนรี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่