สวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ กระทู้นี้เป็นการเขียนครั้งแรก ถ้าไม่ละเอียดหรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ติดตามดูบอลบุรีรัมย์ทุกนัดทุกแมทช์การแข่งขันแต่ยังไม่เคยไปเชียร์ที่ต่างประเทศเลยสักครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่บุรีรัมย์ได้ไปแข่งบอลถ้วย AFC (Asian Football Confederation) ที่ประเทศเกาหลี
[บุรีรัมย์เหลืออีก 1 แมทช์การแข่งขันกับซานตง ลู่เนิ่งในวันที่ 4 พ.ค. 2559 ที่สนามไอโมบายสเตเดี้ยม]
ทุกๆครั้งที่มีการแข่งขันที่ต่างประเทศทางสโมสรจะมีการจัดทริปสำหรับกองเชียร์ที่ต้องการเดินทางไปดูบอลและได้เที่ยวไปด้วยซึ่งราคาแต่ละประเทศและแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไปสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง แฟนเพจ BURIRAM UNITED
หลังจากที่เราได้เก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยนับแรมปีแล้วก็ได้ติดต่อร่วมทริปไปกับทริปของทางสโมสร
รายละเอียดทริปมีดังนี้ค่า
เราไม่ต้องทำอะไรมากเลยค่ะ แค่ส่งรูปหน้าพาสปอร์ตไปให้ ทางทัวร์เขาจะจัดการดำเนินการทุกอย่างให้เอง พอใกล้วันเดินทางเราก็จะทำการส่งพาสปอร์ตเล่มจริงไปให้เขาพร้อมกับจ่ายเงินค่าเดินทาง จากนั้นเราก็เก็บกระเป่าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็บินไปกันเลยค่ะ
[อีกคำถามที่เจอจากคนรอบข้างคือ ไปทริปกับบุรีรัมย์ได้ขึ้นเครื่องลำเดียวกันกับนักบอลด้วยดีจัง

ไม่ค่ะ " ไม่ได้ขึ้นลำเดียวกัน นักบอลต้องเดินทางไปซ้อมก่อนอยู่แล้ว

ไปทริปกับบุรีรัมย์ได้นอนโรงแรมเดียวกันแน่ๆเลย

ไม่ค่ะ จนตอนนี้นักบอลพักโรงแรมไหนในเกาหลีเราก็ไม่รู้ค่ะ

สรุปคือเราเจอนักบอลแค่ในสนามตามปกติค่ะ]
วันที่ 18 เมษายน 2559
นัดรวมกันที่สนามบินตอน 4 ทุ่มครึ่งค่ะ เราก็ไปรวมกันกับกองเชียร์คนอื่นๆที่สนามบินดอนเมืองจากนั้นก็จะมีไกด์คนไทยรอตอนรับเรา พร้อมกับติดแท็กที่กระเป๋าให้เราแบบนี้ค่ะ และคืนพาสปาร์ตเราพร้อมกับตั๋วเครื่องบินเอกสารที่จำเป็นเช่น สำเนาพาสปอร์ตรายละเอียดการเดินทาง 1 เล่มและมีแผนที่ร้านค้า myeongdong
ส่วนใครที่ทำการจอง pocket wifi ก็ไปติดต่อรับได้เลยค่ะ ต่อไปก็เป็นการโหลดกระเป๋าและขึ้นเครื่องโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.ค่ะ
พอเราขึ้นเครื่องแล้วก็เตรียมนอนเต็มที่เลย สักพักได้กลิ่นหอมๆของอาหาร เราก็ตื่นสิคะรออะไร พอมองนาฬิกา(เวลาไทย)ตี 3 จ้า ตื่นมากินข้าว
กินเสร็จแล้วก็รีบนอนต่อเพื่อเก็บแรงไว้เที่ยวในตอนเช้า
ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ ใบ arrival card ที่เราต้องกรอกเพื่อผ่านตม.เกาหลีนั้นทางทัวร์จัดการให้เราเรียบร้อยเราแค่เซ็นชื่อลงไปให้ตรงตามพาสปอร์ตเท่านั้นเองค่ะ สะดวกมากจริงๆ
ตัวอย่างที่ต้องกรอกรายละเอียดค่ะ
บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นและมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะที่ขอบกระจกเล็กน้อยทำให้เรารู้สึกปลื้มปริ่มที่จะได้สัมผัสอากาศเย็นหลังจากที่เราอยู่ในอากาศ SO DAMN HOT ของไทยมาตลอด
เช้าของวันที่ 19 เมษายน 2559 เวลา 9 นาฬิกาตามเวลาเกาหลี
เราก็เดินทางถึงสนามบินอินชอนเป็นที่เรียบร้อยค่ะ
ก่อนที่เราจะเดินทางไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ไกด์แต่ละคนจะนัดแนะกับลูกทัวร์ของตัวเอง เนื่องจากไปทัวร์ครั้งนี้มีกองเชียร์เดินทางไปเยอะพอสมควร จำเป็นต้องแบ่งออกเป็น 3 รถบัส ส่วนเราได้รถบัสครั้งที่1 หัวหน้านำทัวร์ของเราคือ พี่เขื่อน คุณสุขสันต์ ชูแสง (สีชมพู) ธงที่ถือคือตุ๊กตาช็อปเปอร์มัดใส่ไม้ยาวๆนั้นแหละค่ะ คันที่ 2 ก็จะเป็น คุณวัชร ตันวัชรปาณี (ต้อม) (สีฟ้า) ธงที่ถือคือปลาญี่ปุ่นตัวนั้นค่ะ ส่วนคันสุดท้าย คุณก้องเกียรติ จินดาศักดิ์ (ก้อง) (สีเขียว) ธงที่ถือไม่แน่ใจว่าคือตัวอะไรเป็นสีเขียวน่าจะเป็นหนอนมั้งคะ
หลังจากนัดกันเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ

ยังค่ะ ยังไม่ถึงลงบันไดเลื่อนไปอีก
ถึงแล้วค่ะ รถไฟจะมาทุกๆ5นาที แนะนำว่าถ้าเรามาแล้วเจอทัวร์จีนให้เขาไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องไปแย่งชิงก็ได้เนอะ คนเขาเยอะจริงๆ ยอม

หลังจากขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางไปตรวจคนเข้าเมืองกันค่ะ (ก่อนเดินทางเปิดอ่านพันทิปหลายๆคนก็บอกว่าตม.เกาหลีหน้ากลัวจริงๆเราก็ไปเกาหลีครั้งแรกเหมือนกันเราไม่ได้ทำอะไรให้ดูมีพิรุธเดินเข้าไปยิ้มให้ยื่นพาสปอตไม่ถึง 2 นาทีก็ผ่านแล้วค่ะไม่นับเวลาต่อคิวนะ)
* * เทคนิคผ่าน ตม. เกาหลี by อาจุมม่า
https://www.facebook.com/ajummabakorea/photos/?tab=album&album_id=601931576626818
ถามว่าไปกับทัวร์แบบนี้มีไม่ผ่านด้วยหรอ มีค่ะ 18 คนโดนส่งกลับ ทำไมถึงส่งกลับติดตามได้จากข่าวเลยเนอะ ขอไม่พูดถึงละกันน๊า

หลังจากตรวจคนเข้าเมืองผ่านแล้วเราก็มาดูที่บอร์ดตรงนี้ได้เลยว่ากระเป๋าเราจะออกมาจากตรงไหนนะ

แล้วเราก็เดินทางไปรับกระเป๋าได้เลยค่ะ
สิ่งแรกที่เรามาถึงเกาหลีแล้วเราขอทำเป็นอย่างแรกเลยคือ กินนมกล้วยค่ะ อร่อยจริงๆนะ ต้องไปลองเลย
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลารอกองเชียร์คนอื่นๆล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุด (ไม่ได้อาบน้ำ)

เพื่อเริ่มการเดินทางเที่ยวสำหรับวันนี้
เมื่อทุกคนครบแล้วก็จะมีไกด์คนเกาหลีเดินทางมาต้อนรับค่ะช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถอะไรแบบนี้ รถบัสแต่ละคันจะมีไกด์ทั้งคนไทยและคนเกาหลีค่ะ
สิ่งหนึ่งที่อยากให้ประเทศไทยมีคือป้ายรถเมย์แบบนี้ค่ะ

ทุกคนคงจะงงมันดีกว่ายังไงเดี๋ยวจะซูมให้ดูชัดๆกันค่ะ

อ่ะไม่ใช่ ก็คือทีชอบคือเขาจะมีรายละเอียดบอกเวลาชัดเจนว่ารถแต่ละสายที่เราจะไปจะมาถึงป้ายนี้อีกกี่นาทีและเส้นทางที่ชัดเจน
เดินทางจากสนามบินอินชอนไปโซลใช้เวลาเดินทางครึ่งชม.
ที่แรกที่เราไปคือร้านอาหารค่ะ วันนี้เราจะไปกิน"บูลโกกิ"กัน

บรรยากาศภายในร้าน

หลังจากกินข้าวมื้อนี้เสร็จเราก็ไปต่อกันเล๊ย

ที่นี้คือพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Gravin Museum พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส ที่เปิดมาแล้วในหลายๆเมือง ไม่ว่าจะเป็นปารีส,มอนทรีออล,ปราก และในตอนนี้ก็มาเปิดครั้งแีกในเอเชียที่กรุงโซล มีหุ่นขี้ผึ้งมากถึง 80 รูปปั้น เพิ่งเปิดเมื่อ 30 กรกฎาคม 2015

ไกด์เกาหลีก็จะทำการติดต่อเรื่องตั๋วเข้าชมค่ะ

ได้รับตั๋วมาแล้วก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้ค่ะ

บาโค้ดที่ติดกับตั๋วเราสามารถเลือกเล่นภายในพิพิธภัณฑ์ได้จะมีจุดให้สแกนและร่วมเล่นค่ะ

ส่วนคนแบบเรานั้นชอบความท้าทายลองสแกนในห้องเรียนของไอสไตน์ค่ะ
ยากกว่าการแปลภาษาอังกฤษแล้วนั้นคือการหาคำตอบค่ะ
เล่นได้3 ข้อ บอกกับตัวเองเลิกเล่นเถอะเนอะเสียเวลา
ที่นี้มีทั้งหมด4ชั้นนะคะเราก็เดินชั้นบนสุดไล่ลงมาเรื่อยๆ ก็จะมีคนดังเยอะแยะเลยอาทิเช่น จีดีอปป้า, ลุงspy ส่วนรูปปั้นคนอื่นๆต้องลองแวะไปดูกันนะคะ
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ศูนย์รวมเครื่องสำอาง
ที่นี้ก็มีหลากหลายแบรนด์ค่ะ เช่น sulwhasoo , laneine
แต่ส่วนตัวเรานั้นรู้สึกยังไม่ตอบโจทย์เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรจากที่นี้ค่ะ ก็เลยออกมาเดินเล่นข้างนอก
ข้างๆศูนย์รวมเครื่องสำอางมีมินิมาร์ทแต่จำไม่ได้ว่าเป็นร้านอะไรเลยเข้าไปหาของกินรอสักหน่อยก็ได้ตัวนี้มาค่ะ อร่อยและราคาไม่แพง ต้องลองจริงๆค่ะ
หลังจากที่คนอื่นๆช็อปปิ้งของกันเสร็จแล้วตามตารางเราต้องไปขึ้นกระเช้าที่ N TOWER แต่เปลี่ยนค่ะ เราจะไป N TOWER ในวันพรุ่งนี้ แต่ในวันนี้มีการแสดงพิเศษนอกเหนือจากทริปเข้ามาค่ะ คือการแสดงโชว์ของ DRUM CAT เป็นการแสดงของผู้หญิงที่ตีกลองโชว์ค่ะ
เราก็ต้องลงไปชั้นใต้ดินค่ะ ลงลิฟท์ก็ได้หรือจะเดินลงก็ได้ค่ะ ตามสะดวกเลย ถ้าเดินลงเราก็จะเจอป้ายแบบนี้

ข้างในเขาไม่อนุญาตให้บันทึกภาพหรือวีดีโอใดๆแต่ขอบอกเลยว่าคนแสดงสวยและเก่งจริงๆ มีให้ผู้ชมได้ร่วมสนุกด้วย เป็นอีกหนึ่งที่ที่ประทับใจมากๆค่ะ
พอตกเย็นเราก็เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นกันกับเมนู “คาลบี้” เป็นเมนูปิ้งย่างแบบเกาหลี ที่กินห่อผักแบบฉบับซีรี่ย์ในระหว่างที่กินก็จะมีไกด์เดินเติมนั้นโน่นนี่ให้ไม่ขาดเลย

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ DDP Dongdaemun Design Plaza เพื่อแวะถ่ายรูปและดูบรรยากาศรอบๆก่อนเข้าพักที่โรงแรม
ที่พักเราคือ โรงแรม GOLDEN TULIP M HOTEL 4.5 *

(ถ่ายรูปนี้ตอนเช้าก่อนกลับไทย)
ส่วนบรรยากาศในห้องพักขอบอกว่าประทับใจค่ะ

ห้องแบบนี้เหมาะกับการมาคู่เป็นที่สุด
[CR] เที่ยว " เกาหลี " ครั้งแรกกับทริป B U R I R A M U N I T E D
ขอบอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ติดตามดูบอลบุรีรัมย์ทุกนัดทุกแมทช์การแข่งขันแต่ยังไม่เคยไปเชียร์ที่ต่างประเทศเลยสักครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่บุรีรัมย์ได้ไปแข่งบอลถ้วย AFC (Asian Football Confederation) ที่ประเทศเกาหลี
[บุรีรัมย์เหลืออีก 1 แมทช์การแข่งขันกับซานตง ลู่เนิ่งในวันที่ 4 พ.ค. 2559 ที่สนามไอโมบายสเตเดี้ยม]
ทุกๆครั้งที่มีการแข่งขันที่ต่างประเทศทางสโมสรจะมีการจัดทริปสำหรับกองเชียร์ที่ต้องการเดินทางไปดูบอลและได้เที่ยวไปด้วยซึ่งราคาแต่ละประเทศและแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไปสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง แฟนเพจ BURIRAM UNITED
หลังจากที่เราได้เก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยนับแรมปีแล้วก็ได้ติดต่อร่วมทริปไปกับทริปของทางสโมสร
รายละเอียดทริปมีดังนี้ค่า
เราไม่ต้องทำอะไรมากเลยค่ะ แค่ส่งรูปหน้าพาสปอร์ตไปให้ ทางทัวร์เขาจะจัดการดำเนินการทุกอย่างให้เอง พอใกล้วันเดินทางเราก็จะทำการส่งพาสปอร์ตเล่มจริงไปให้เขาพร้อมกับจ่ายเงินค่าเดินทาง จากนั้นเราก็เก็บกระเป่าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็บินไปกันเลยค่ะ
[อีกคำถามที่เจอจากคนรอบข้างคือ ไปทริปกับบุรีรัมย์ได้ขึ้นเครื่องลำเดียวกันกับนักบอลด้วยดีจัง
วันที่ 18 เมษายน 2559
นัดรวมกันที่สนามบินตอน 4 ทุ่มครึ่งค่ะ เราก็ไปรวมกันกับกองเชียร์คนอื่นๆที่สนามบินดอนเมืองจากนั้นก็จะมีไกด์คนไทยรอตอนรับเรา พร้อมกับติดแท็กที่กระเป๋าให้เราแบบนี้ค่ะ และคืนพาสปาร์ตเราพร้อมกับตั๋วเครื่องบินเอกสารที่จำเป็นเช่น สำเนาพาสปอร์ตรายละเอียดการเดินทาง 1 เล่มและมีแผนที่ร้านค้า myeongdong
ส่วนใครที่ทำการจอง pocket wifi ก็ไปติดต่อรับได้เลยค่ะ ต่อไปก็เป็นการโหลดกระเป๋าและขึ้นเครื่องโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.ค่ะ
พอเราขึ้นเครื่องแล้วก็เตรียมนอนเต็มที่เลย สักพักได้กลิ่นหอมๆของอาหาร เราก็ตื่นสิคะรออะไร พอมองนาฬิกา(เวลาไทย)ตี 3 จ้า ตื่นมากินข้าว
กินเสร็จแล้วก็รีบนอนต่อเพื่อเก็บแรงไว้เที่ยวในตอนเช้า
ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ ใบ arrival card ที่เราต้องกรอกเพื่อผ่านตม.เกาหลีนั้นทางทัวร์จัดการให้เราเรียบร้อยเราแค่เซ็นชื่อลงไปให้ตรงตามพาสปอร์ตเท่านั้นเองค่ะ สะดวกมากจริงๆ
ตัวอย่างที่ต้องกรอกรายละเอียดค่ะ
บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นและมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะที่ขอบกระจกเล็กน้อยทำให้เรารู้สึกปลื้มปริ่มที่จะได้สัมผัสอากาศเย็นหลังจากที่เราอยู่ในอากาศ SO DAMN HOT ของไทยมาตลอด
เช้าของวันที่ 19 เมษายน 2559 เวลา 9 นาฬิกาตามเวลาเกาหลี
เราก็เดินทางถึงสนามบินอินชอนเป็นที่เรียบร้อยค่ะ
ก่อนที่เราจะเดินทางไปตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ไกด์แต่ละคนจะนัดแนะกับลูกทัวร์ของตัวเอง เนื่องจากไปทัวร์ครั้งนี้มีกองเชียร์เดินทางไปเยอะพอสมควร จำเป็นต้องแบ่งออกเป็น 3 รถบัส ส่วนเราได้รถบัสครั้งที่1 หัวหน้านำทัวร์ของเราคือ พี่เขื่อน คุณสุขสันต์ ชูแสง (สีชมพู) ธงที่ถือคือตุ๊กตาช็อปเปอร์มัดใส่ไม้ยาวๆนั้นแหละค่ะ คันที่ 2 ก็จะเป็น คุณวัชร ตันวัชรปาณี (ต้อม) (สีฟ้า) ธงที่ถือคือปลาญี่ปุ่นตัวนั้นค่ะ ส่วนคันสุดท้าย คุณก้องเกียรติ จินดาศักดิ์ (ก้อง) (สีเขียว) ธงที่ถือไม่แน่ใจว่าคือตัวอะไรเป็นสีเขียวน่าจะเป็นหนอนมั้งคะ
หลังจากนัดกันเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ
ยังค่ะ ยังไม่ถึงลงบันไดเลื่อนไปอีก
ถึงแล้วค่ะ รถไฟจะมาทุกๆ5นาที แนะนำว่าถ้าเรามาแล้วเจอทัวร์จีนให้เขาไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องไปแย่งชิงก็ได้เนอะ คนเขาเยอะจริงๆ ยอม
หลังจากขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางไปตรวจคนเข้าเมืองกันค่ะ (ก่อนเดินทางเปิดอ่านพันทิปหลายๆคนก็บอกว่าตม.เกาหลีหน้ากลัวจริงๆเราก็ไปเกาหลีครั้งแรกเหมือนกันเราไม่ได้ทำอะไรให้ดูมีพิรุธเดินเข้าไปยิ้มให้ยื่นพาสปอตไม่ถึง 2 นาทีก็ผ่านแล้วค่ะไม่นับเวลาต่อคิวนะ)
* * เทคนิคผ่าน ตม. เกาหลี by อาจุมม่า
https://www.facebook.com/ajummabakorea/photos/?tab=album&album_id=601931576626818
ถามว่าไปกับทัวร์แบบนี้มีไม่ผ่านด้วยหรอ มีค่ะ 18 คนโดนส่งกลับ ทำไมถึงส่งกลับติดตามได้จากข่าวเลยเนอะ ขอไม่พูดถึงละกันน๊า
หลังจากตรวจคนเข้าเมืองผ่านแล้วเราก็มาดูที่บอร์ดตรงนี้ได้เลยว่ากระเป๋าเราจะออกมาจากตรงไหนนะ
แล้วเราก็เดินทางไปรับกระเป๋าได้เลยค่ะ
สิ่งแรกที่เรามาถึงเกาหลีแล้วเราขอทำเป็นอย่างแรกเลยคือ กินนมกล้วยค่ะ อร่อยจริงๆนะ ต้องไปลองเลย
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลารอกองเชียร์คนอื่นๆล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุด (ไม่ได้อาบน้ำ)
เมื่อทุกคนครบแล้วก็จะมีไกด์คนเกาหลีเดินทางมาต้อนรับค่ะช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถอะไรแบบนี้ รถบัสแต่ละคันจะมีไกด์ทั้งคนไทยและคนเกาหลีค่ะ
สิ่งหนึ่งที่อยากให้ประเทศไทยมีคือป้ายรถเมย์แบบนี้ค่ะ
ทุกคนคงจะงงมันดีกว่ายังไงเดี๋ยวจะซูมให้ดูชัดๆกันค่ะ
อ่ะไม่ใช่ ก็คือทีชอบคือเขาจะมีรายละเอียดบอกเวลาชัดเจนว่ารถแต่ละสายที่เราจะไปจะมาถึงป้ายนี้อีกกี่นาทีและเส้นทางที่ชัดเจน
เดินทางจากสนามบินอินชอนไปโซลใช้เวลาเดินทางครึ่งชม.
ที่แรกที่เราไปคือร้านอาหารค่ะ วันนี้เราจะไปกิน"บูลโกกิ"กัน
บรรยากาศภายในร้าน
หลังจากกินข้าวมื้อนี้เสร็จเราก็ไปต่อกันเล๊ย
ที่นี้คือพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Gravin Museum พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส ที่เปิดมาแล้วในหลายๆเมือง ไม่ว่าจะเป็นปารีส,มอนทรีออล,ปราก และในตอนนี้ก็มาเปิดครั้งแีกในเอเชียที่กรุงโซล มีหุ่นขี้ผึ้งมากถึง 80 รูปปั้น เพิ่งเปิดเมื่อ 30 กรกฎาคม 2015
ไกด์เกาหลีก็จะทำการติดต่อเรื่องตั๋วเข้าชมค่ะ
ได้รับตั๋วมาแล้วก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้ค่ะ
บาโค้ดที่ติดกับตั๋วเราสามารถเลือกเล่นภายในพิพิธภัณฑ์ได้จะมีจุดให้สแกนและร่วมเล่นค่ะ
ส่วนคนแบบเรานั้นชอบความท้าทายลองสแกนในห้องเรียนของไอสไตน์ค่ะ
ยากกว่าการแปลภาษาอังกฤษแล้วนั้นคือการหาคำตอบค่ะ
เล่นได้3 ข้อ บอกกับตัวเองเลิกเล่นเถอะเนอะเสียเวลา
ที่นี้มีทั้งหมด4ชั้นนะคะเราก็เดินชั้นบนสุดไล่ลงมาเรื่อยๆ ก็จะมีคนดังเยอะแยะเลยอาทิเช่น จีดีอปป้า, ลุงspy ส่วนรูปปั้นคนอื่นๆต้องลองแวะไปดูกันนะคะ
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ศูนย์รวมเครื่องสำอาง
ที่นี้ก็มีหลากหลายแบรนด์ค่ะ เช่น sulwhasoo , laneine
แต่ส่วนตัวเรานั้นรู้สึกยังไม่ตอบโจทย์เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรจากที่นี้ค่ะ ก็เลยออกมาเดินเล่นข้างนอก
ข้างๆศูนย์รวมเครื่องสำอางมีมินิมาร์ทแต่จำไม่ได้ว่าเป็นร้านอะไรเลยเข้าไปหาของกินรอสักหน่อยก็ได้ตัวนี้มาค่ะ อร่อยและราคาไม่แพง ต้องลองจริงๆค่ะ
หลังจากที่คนอื่นๆช็อปปิ้งของกันเสร็จแล้วตามตารางเราต้องไปขึ้นกระเช้าที่ N TOWER แต่เปลี่ยนค่ะ เราจะไป N TOWER ในวันพรุ่งนี้ แต่ในวันนี้มีการแสดงพิเศษนอกเหนือจากทริปเข้ามาค่ะ คือการแสดงโชว์ของ DRUM CAT เป็นการแสดงของผู้หญิงที่ตีกลองโชว์ค่ะ
เราก็ต้องลงไปชั้นใต้ดินค่ะ ลงลิฟท์ก็ได้หรือจะเดินลงก็ได้ค่ะ ตามสะดวกเลย ถ้าเดินลงเราก็จะเจอป้ายแบบนี้
ข้างในเขาไม่อนุญาตให้บันทึกภาพหรือวีดีโอใดๆแต่ขอบอกเลยว่าคนแสดงสวยและเก่งจริงๆ มีให้ผู้ชมได้ร่วมสนุกด้วย เป็นอีกหนึ่งที่ที่ประทับใจมากๆค่ะ
พอตกเย็นเราก็เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นกันกับเมนู “คาลบี้” เป็นเมนูปิ้งย่างแบบเกาหลี ที่กินห่อผักแบบฉบับซีรี่ย์ในระหว่างที่กินก็จะมีไกด์เดินเติมนั้นโน่นนี่ให้ไม่ขาดเลย
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ DDP Dongdaemun Design Plaza เพื่อแวะถ่ายรูปและดูบรรยากาศรอบๆก่อนเข้าพักที่โรงแรม
ที่พักเราคือ โรงแรม GOLDEN TULIP M HOTEL 4.5 *
(ถ่ายรูปนี้ตอนเช้าก่อนกลับไทย)
ส่วนบรรยากาศในห้องพักขอบอกว่าประทับใจค่ะ
ห้องแบบนี้เหมาะกับการมาคู่เป็นที่สุด