6 องศาโลกาวินาศ

NOAA เผยโลกร้อนสุดในประวัติศาสตร์ เพิ่มเฉลี่ย 1.5 องศา / 6 องศาโลกาวินาศ



วันที่ 19 เมษายน 2559 เว็บไซต์ noaa.gov ขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NOAA) มีรายงานยืนยันว่า ขณะนี้โลกกำลังเผชิญหน้ากับสภาพอากาศร้อนที่สุด สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 ถึง 2.07 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 1.50 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 2423 ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยเหนือน้ำทะเลในปีนี้ก็สูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน



ตัวเลข 1.5 องศานั้น อาจจะฟังดูน้อย แต่หากเป็นอุณภูมิเฉลี่ยของโลก 1.5 องศานั้นถือว่าโลกร้อนขึ้นมาเยอะ เพราะถ้าหากจำกันได้ก่อนหน้านี้มีหนังสือเกี่ยวกับการจำลองว่าถ้าหากโลกร้อนขึ้นเฉลี่ยเพียง 6 องศา โลกก็ถึงวันจบสิ้น โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนนั้น ที่อธิบายให้รู้ปัญหาที่ละองศา



นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งเป็นสองพวกใหญๆ คือ พวกแรกเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ พวกที่สองเชื่อว่าเป็นไปตามธรรมชาติ แต่จะด้วยเหตุผลอะไร หากโลกร้อนขึ้นเพียง 6 องศา มนุษย์เราก็จะสูญสิ้น ไปดูกันเลยว่าแต่ละองศาที่เพิ่มขึ้น อาจเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง



+1 องศา
- อากาศร้อนจัด เกิด ไฟป่า สัตว์ไม่มีที่อยู่อาศัย-สูญพันธุ์เกิดขึ้นที่ทวีปออสเตรเลีย
- น้ำแข็งบนยอดเขาทยอยละลาย เกิดน้ำท่วมและแลนด์สไลด์(แผ่นดินถล่ม)หลายแห่งทั่วโลก
- เกิดเฮอร์ริเคนทางตอนใต้ของมหาสมุตรแอตแลนติกถี่และรุนแรงขึ้น เช่น เฮอร์ริเคน แคทริน่า ไซโคลนรุนแรงถล่มยุโรป และแถบเมดิเตอร์เรเนียน
- เกิดคาร์บอนมากเกินขอบเขต ทำให้น้ำทะเลเป็นกรดกัดกร่อนปะการังอันเป็นที่อาศัยของปลาทั้งหลายเปื่อยตายจำนวนมาก
- อเมริการ้อนและแห้งแล้งมากยิ่งขึ้น บางพื้นที่เคยเลี้ยงสัตว์ได้จะกลายเป็นทะเลทราย เช่นที่ The Sand Hills นำมาสู่ปริมาณอาหารลดน้อยจนเกิดภาวะขาดแคลน



+2 องศา
- น้ำแข็งอายุ 150,000 ปีบนกรีนแลนด์จะหายไป ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หมีขั้วโลกและสัตว์อีกหลายชนิดจะสูญพันธุ์
- กรุงเทพฯ และเมืองชายฝั่งในอีกหลายประเทศเริ่มมีน้ำทะเลหนุนทะลักเข้าเมืองน้ำท่วมบ่อยขึ้นบางจังหวัดชายทะเลจมน้ำถาวร! (คุ้นๆ มั้ยครับกับข้อนี้ ช่วงนี้เมืองชายฝั่งอย่างพัทยา โดนบ่อยมากๆ เมื่อมีพายุฝนแล้วน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมรุนแรงขึ้นจากแต่ก่อนมาก บ่อยจนไม่อยากจะออกข่าวกันแล้ว)
- ทางใต้ของจีนน้ำท่วมหนักบ่อยขึ้น แต่ทางเหนือกลับแห้งแล้งขาดแคลนน้ำเพาะปลูกไม่ได้ทั้งเกิดพายุทรายบ่อยครั้ง
- มรสุมและน้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้นแถบอินเดีย บังกลาเทศ ผู้คนจะต้องลำบาก ขาดอาหาร ไร้ที่อยู่อาศัย ที่เนปาล ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลายเกิดดินโคลนถล่มไหลท่วมบ้านเรือน
- เกิด Killer Heatwave หรือ คลื่นความร้อนแห่งความตาย ที่แถบยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน เช่นที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อปี 2003 คนตายหลายหมื่นคน และจะเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ การเพาะปลูกจะทำได้อย่างอยากลำบากขึ้นเนื่องจากขาดแคลนน้ำ
- อเมริกาใต้ เช่น เปรู เอลซัลวาดอร์ โบลิเวีย จะไม่มีน้ำให้ใช้ในพื้นที่อีกต่อไป เพราะ น้ำจากธารน้ำแข็งละลายลงทะเลจนหมดสิ้น
- สัตว์ทะเลที่เคยช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำทะเล เช่นแพลงตอน สัตว์น้ำตัวจิ๋วซึ่งผลิตออกซิเจนมากถึงครึ่งหนึ่งของโลกจะดำรงชีวิตอยู่ได้ยากขึ้นทยอยสูญพันธุ์ รวมถึงสัตว์ที่ดูดซับคาร์บอนฯเพื่อแปลงเป็นเปลือกผิวแข็งของตัวเอง อย่างปู เม่นทะเล หอย ปะการัง ฯลฯ จะทำเช่นนั้นไม่ได้อีกเพราะถ้าน้ำมีคาร์บอนมากจนเกินไปจะแปรสภาพเป็นกรดกัดผิวสัตว์น้ำเหล่านี้จนตาย และทยอยสูญพันธุ์ในที่สุด



+3 องศา
- เกิดความแห้งแล้งและไฟป่าขนานใหญ่บริเวณป่าอเมซอนอันเป็นปอดแห่งใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อป่าแล้งจัดต้นไม้จะไม่สามารถดูดซับคาร์บอนและปล่อยอ็อกซิเจนได้เหมือนเคย แต่จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแทนที่ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้นไปอีก
- ปากีสถาน ขาดแคลนน้ำ เพราะน้ำจากเทือกเขาละลายลงทะเลจนหมดสิ้น อาจนำไปสู่ปัญหาแย่งชิงทรัพยากรกับประเทศเพื่อนบ้าน
- แม่น้ำโคโลราโด ในประเทศอเมริกาจะเหือดแห้ง ขาดแคลนน้ำ และอาหาร
- ระดับน้ำทะเลขยับตัวสูงขึ้นอีก นิวยอร์กจะเจอน้ำท่วมอย่างหนัก (เป็นที่รู้กันว่าเมืองหลวงใหญ่อย่างนิวยอร์กและหลายๆเมือง มีระบบขนส่งมวลชน ระบบไฟฟ้า อยู่ใต้ดินจำนวนมาก...)
- น้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือจะละลายหายไปถึง 80% กระทบชีวิตคนและสัตว์มากมาย และหลายเมืองทั่วโลกเริ่มทยอยจมน้ำ



+4 องศา
- ยุโรปร้อนแห้งแล้ง ร้านกาแฟริมถนนอับเฉาไร้นักท่องเที่ยว อังกฤษอากาศร้อนขึ้นมากและเจอพายุไซโคลนถล่มบ่อยๆ
- เมืองใหญ่หลายเมืองทั่วโลกจมน้ำถาวร อย่าง เวนิส มัมไบ ไมอามี่ บอสตัน ลอนดอน อเล็กซานเดรีย รวมทั้ง กรุงเทพฯ!
- ผลผลิตทางเกษตรอาจลดลง 40% โลกประสบภาวะขาดแคลนอาหาร
- น้ำแข็งที่ไม่เคยละลายอย่างในทวีปแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) จะเริ่มละลาย



+5 องศา
- น้ำทะเลเป็นพิษ เกิดสึนามิบ่อยเป็นว่าเล่นทั่วโลก
- ทะเลทรายแผ่ขยายทั่วโลก
- ผู้คนต้องอพยบหาที่อยู่ใหม่ เกิดความโกลาหลสู้รบยิ่งชิงพื้นที่และทรัพยากร มนุษยชาติอาจต้องย้ายไปอยู่ขั้วโลกใต้แทน ใครไม่สามารถย้ายไปได้ก็ต้องรอวันตายไปตามยถากรรม



+6 องศา

ความเลวร้ายโกลาหลทางธรรมชาตินานัปการ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ อุทกภัย วาตภัย ภัยแล้ง ฯลฯ จะอุบัติขึ้นอย่างถี่ยิบพร้อมๆกัน ทั่วผืนโลก จนไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกหรือไม่ หรือโลกอาจถึงขั้นต้องกลายเป็นเพียงดาวเคราะห์ร้างที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหมือนดาวใกล้เคียงอย่าง ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ???

ที่มา noaa.gov, kapook, ray-wat.blogspot.com http://admin77.net/178/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่