#กระทู้นี้ไม่ได้ถูกสนับสนุนโดยสปอนเซอร์รายใดทั้งสิ้น
สวัสดีค่าาาาาาา สวัสดีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องชาวพันทิปอย่างเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรกที่เราตั้งใจเขียนกระทู้รีวิวการเที่ยวจริงจัง ซึ่งเราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่ามันจะเรียกว่าเป็นการรีวิวการเที่ยวได้อย่างจริงจังหรือเปล่า เพราะว่าด้วยเนื้อหาสาระจริงจังแบบมีความรู้นั้นมันไม่ค่อยมีนักนะ ฮ่าาา บอกไว้ก่อนเลยว่าทางเราเองก็ตั้งใจว่าจะมาเขียนรีวิวสไตล์ม่วนซื่นโฮแซว กินเที่ยวเล่น เข้าผับเข้าบาร์เหล้ายาปาร์ตี้ล้วนนนน! แถมสาระเล็กๆ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ได้อ่านกันขำๆ ฟิลลิ่งแบบทริปชิลล์ ๆ ติ่ง ๆ ของ 2 ชะนีสาวอีสานนักสู้แหม๋สู! ใครเข้ามาแล้วแบบ... คาดหวังว่าจะมีเนื้อหาสาระจริงจังซีเรียสเว่อร์นั้นนน กด [X] ออกไปเลยตอนนี้ก็ยังไม่สายน้า เราไม่ว่ากัน ฮิฮิ ..ถือว่าเราเตือนกันล้าววว
อ้ะ! ก่อนจะมาเข้าเรื่องเที่ยวนั้นมาทำความรู้จักรู้นามกันก่อนเนาะ อินางน้องสองนี คนผู้ร่วมทริปเกา หลี ที่ เกาหลี นี้มีนามว่า น้องชาดา สายคิ้วท์ๆ และน้องจี๊ด สายแสบทรวง บอกไว้อีกอย่าง... ชาดาก็คือชาดา แต่น้องดาว, ดาว, จีดี๊ด, ชาคริยา คือจี๊ดเอง! เราทั้งสองจะพาผู้อ่านทุกท่านเที่ยวไปกับเราในดินแดนสนธยาของเกาหลีใต้ เอ้าพร้อมแล้วก็ลงโอ่งกิมจิด้วยกันเล้ยยยย!
#ช่วงจองตั๋วหาหลัวเกา (เติม ผ. แทน ล. ได้ ไม่ติด 555555)
ต้องเกริ่นก่อนอีกนิดนึงว่าจี๊ดกับชาดาเป็นเพื่อนสาวต่างสไตล์ที่คบกันมาได้แบบงงๆ แต่ที่เข้ากันได้ดีคือเราเป็นติ่ง Bigbang ทั้งคู่ และชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่นเหมือนๆ กัน ด้วยเหตุนั้นแลทำให้เราสองคนตัดสินใจเลือกเที่ยวเกาหลีในช่วงที่มี Seoul Fashion Week 2016 ประมาณปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา
ประจบเหมาะกับที่ฟ้าดินเป็นใจให้ Air Asia X มีโปรโมชั่นตั๋วบินราคาถูกเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วพอดี มนุษย์เงินเดือนเด็กจบใหม่ กับมนุษย์จบใหม่ไร้งานทำอีกคน เจอของถูกของดีก็ต้องตำสิคะ จะรออะไรอยู่ล่ะ! เราสองคนได้ตั๋วบินขาไปคนละใบมาก่อนในราคาใบละประมาณ 4,000 บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก. และอาหาร 1 มื้อ ถึงกระนั้นก็เลือดตาแทบกระเซ็น 55555
หลังจากนั้นนั้นอีก 4 เดือนเราถึงมาได้ตั๋วขากลับด้วยราคารวมค่าโหลดกระเป๋า 20 กก. ตกใบละ 7,000 บาทแหน่ะ!! ไม่มีอาหารด้วยนะ แพงกว่าเดิมอีก ห่านเอ้ย! จะบอกว่าเพราะอะไรถึงไ้ด้มาราคานี้ ก็เพราะตอนซื้อขาไปนั้นช่วงโปรโมชั่นไม่ได้ครอบคลุมถึงวันกลับที่เราแพลนกันไว้ เลยต้องนั่งรอโปรต่อไป รอแล้วรอเล่าปรากฎว่าไม่มาสักที เลยตัดสินใจซื้อราคาเต็มไปแม่มเลย จอบอ เล่นซะเดือนนั้นตัวเบากันไปทั้งเดือน
**สะกิดติ่ง: ควรจองตั๋วเครื่องบินที่อยู่ในช่วงโปรโมชั่นทั้งขาไปและขากลับเท่านั้นถึงจะราคาถูกและคุ้มจริง!
#ช่วงหาโรงแรมระเริงรัก
ในส่วนของโรงแรมนั้นมีให้เลือกมากมายหลายที่เหลือเกิน บรรยากาศดีๆ สวยๆ ราคาไม่แพงก็มีมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นระดับของโรงแรมก็มีตั้งแต่ Motel รายชั่วโมงไปจนถึงโรงแรมหรู 5 ดาว ส่วนพวกดิฉันสวยและรวยขนาดนี้จึงจิ้มจอง Guesthouse ไปหนึ่งที่ มีชื่อว่า Hi Jun! Guesthouse มีถิ่นฐานที่ตั้งอยู่ที่ย่าน Hongdae ใกล้กับมหาลัย Hongik ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นแหล่งที่อยู่รวมดาวชาววัยรุ่นหนุ่มสาวนั่นแหม่ะ ช่างคู่ควรกับเราจริงๆ 555555
ถ้าเอาสาระหน่อยพวกดิฉันก็เลือกหาแล้วตัดสินจากคะแนนรีวิวนี่แหล่ะค่ะ Hi Jun! Guesthouse นางได้คะแนนรีวิวใน Agoda ถึง 9 คะแนน และในเว็บ booking.com ถึง 9.5 คะแนนเลยนะคะ มันก็ต้องมีอะไรดีจริงๆ สิเนอะ (ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง) เราจึงทำการจองไปก่อน 4 คืน ที่เหลืออีก 4 คืน กะว่าจะเปลี่ยนที่นอนและหาเอาดาบหน้า ได้ห้อง Double room คิ้วท์ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบบบบ !!

*ขออนุญาติยืมรูปจากเน็ต ตลอดเวลาที่พักไม่อยากจะถ่ายรูปห้องมาเลย สภาพมันแบบ...! ห้องชะนีแหมะเธอ
#Chapter1 เก็บเสื้อผ้ายัดใส่ถุงปุ๋ยลุยเกา
ตามประสาฟิลวันเดินทางอ่ะเนอะ ตื่นเต้นชิบเป๋ง ไม่เป็นอันนอนเลย ไหนจะเพื่อนมาบันเทิงเริงรมย์ที่ห้อง ไอเราก็ต้องจัดกระเป๋าสไตลิ่งเสื้อผ้าให้พร้อม ไปอยู่กี่วันเสื้อผ้าต้องไม่ซ้ำ! เสื้อโค้ท สเว็ทเตอร์มีเท่าไรขนไปให้หมด! เว่อร์วังจนเพื่อนต้องเบรคหัวทิ่มบอกมันจะหายหนาวแล้วเฟ้ยยยย อย่าเอาไปเยอะ หนักเป๋าเปล่าๆ เราก็ เออๆ เอาออกก็ได้ว่า แฟชั่น Spring/Summer เบาๆ ดีกว่า
เราไปถึงสนามบินดอนเมืองด้วยเวลาอันสมควร เหลือ ได้เดินเช็คอินชิวๆ ไม่ต้องวิ่งหน้าแหกตาตั้งขึ้นเครื่องเหมือนทริปที่แล้ว 5555 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทริปที่สวยงามนะ สำหรับมนุษย์จอมเลทอย่างเรา
อยู่บนเครื่อง แม่มโคตรว่างและไม่มีอะไรทำ ต้องนอนด้วยความทุลักทุเล หลับๆ ตื่นๆ เป็นเวลา 5 ชั่วโมง ดีหน่อยก็ตรงที่สั่งข้าวไว้ด้วย ตื่นมาแหลกข้าวต้มหมู ไปเข้าห้องน้ำ กลับมานั่งที่ เสียบ Headphone ฟังเพลง แล้วนอนต่อ...
**สกิดติ่ง: หมอนรองคอคือสวรรค์ชั้นดีเมื่อต้องนั่งๆ นอนๆ บนเบาะของเครื่องบิน
เมื่อ 4 เท้า 2 หลีของชะนีผีได้ก้าวลงบนผืนแผ่นดินโสม ณ สนามบินอินชอน
เราก็ต้องเผชิญกับด่าน immigration สุดโหดในตำนานของเกาหลี ซึ่งก่อนมาเราสองคนได้อ่านสปอยด์กันมาเยอะมากว่าเขาส่งตัวผู้หญิงไทยกลับกันเป็นว่าเล่น เนื่องจากมีผู้หญิงไปขายของดีหมีใหญ่แล้วโดนจับที่บ้านเมืองเขา เลยทำให้การคัดกรองเข้มงวดขึ้นไปอีก ดกทง ตูจะรอดไหมเนี้ย!
ด้วยความรักเพื่อนมากกกกก จี๊ดจึงดันหลังชาดาให้ไปตายก่อน เพราะนางเดินทางมาหลากหลายประเทศ และเคยเข้าเกาหลีมาแล้วหลายครั้ง น่าจะรอดปลอดภัย ปรากฎว่าชาดาถูกถามนานมาก ประมาณว่า มาเที่ยวที่ไหนบ้าง ที่พักอยู่ย่านไหน อยู่กี่วัน บลาๆๆๆ ชาดาแม่มเจือกพูดชื่อย่านที่อยู่ผิดอีก เล่นเอาดิฉันที่ยืนรออยู่ถึงกลับหวั่นใจว่า 2 ชะนีไทยจะรอดกันไหมฟร่ะ ...ท้ายที่สุดชาดาก็รอดไป จี๊ดจึงรีบเดินไปหยุดแล้วยื่นพาสปอร์ตให้พนักสาว immigration พร้อมกับยิ้มหวานให้นางหนึ่งที ในใจนี่เต้นแรงไม่พัก เพราะนี่เป็นพาสปอร์ตเล่มใหม่ของน้องดาวด้วย ทั้งยังไม่เคยมาเกาหลีอีก ฮรืออออ พนักงานดูพาสปอร์ตแล้วมองหน้าจี๊ดจริงจังจนเราแอบสงสัยว่าหน้าตาน้องเหมือนมาขายหราาา?! จ้องหนักมาก แล้วนางก็ถามแค่ว่า ‘มาทีนี่ครั้งแรกหรอ’ ดิฉันก็ตอบ ‘ค่ะ มากับเพื่อน’ แล้วชี้ไปที่ชาดา จากนั้นนางจึงทำการปั้มตราแล้วปล่อยให้เราผ่านไปด้วยดี เอดากกกก เล่นเอาฉี่แทบราด
**สะกิดติ่ง: เขียนชื่อโรงแรมที่พัก พร้อมกับย่านที่อยู่ลงใบศุลกากรให้ละเอียดแล้วจะผ่านด่านตรวจได้ง่ายขึ้น
โอเค เกรงว่าตอนนี้จะยาวหน่อยนะคะ มีคำแนะนำหลายอย่าง ให้พอมีสาระอยู่บ้าง หวังว่าน้ำจะไม่ท่วมกระทู้ซะก่อนเด้อ อย่าหนหวยกัน (= รำคาญ) 555555
ต่อกันที่เรื่อง
Sim Card เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับคนที่จะมาอยู่มาเที่ยวหลายวันอย่างเรา มนุษย์โซเชียลอย่างดิฉันขาดเน็ตไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าใครไปเที่ยวแค่ 3 - 4 วันเราแนะนำว่าใช้ Free Wifi ตามที่สาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า หรือแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปก็ได้นะคะ เพราะเร็วและแรงมากกกกก เร็วแบบโหลดบิทหนัง Full HD เรื่องหนึ่งได้ภายในไม่ถึง 5 นาที หรือถ้าจะซื้อ Sim Card สามารถซื้อแบบที่เป็นของนักท่องเที่ยวได้เลย มีให้เลือกหลายราคา ขึ้นอยู่กับการใช้งานอินเตอร์เน็ตและค่าโทรที่ต้องการ
ราคาก็ตั้งแต่ 35,000krw - 60,000krw ซึ่งรวมทั้งค่าซิมการ์ด และมีเงินในซิมให้ แต่ถึงยังไงก็ต้องเติมเงินเพิ่มอยู่ดีถ้าเงินหมด รวมๆ แล้วก็แพงมากอยู่ดี โชคดีที่สองชะนีไม่จำเป็นต้องซื้อ
เพราะทาง Guesthouse ของเรามีแจกให้ฟรี! (ในกรณีที่นอนพักเกิน 2 คืน) พวกดิฉันก็หวานเลยสิคะ ยิ้มอ่อนละมุนที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อซิมให้เปลืองค่าเปย์ผู้ชาย
แต่ถ้าไปเป็นกันสัก 5 คนขึ้นไป แนะนำให้เช่า Pocket Wifi แล้วหารกันเอา ราคาต่อหัวจะถูกและคุ้มกว่ามาก รายละเอียดอย่างไรบ้าง อิฉันไม่แน่ใจไป แต่ถามพ่อดิฉันได้ google.co.th มีคำตอบให้ทุกคำถามของคุณ
**สะกิดติ่ง: มีซิมการ์ดใช้อ่ะดีมาก เผื่อฉุกเฉินหรือหลงทาง แต่! ที่เติมเงินก็หาหายากมากเช่นกัน!! เอดากกก ทั้งทริปดิฉันยุ่งกับการเดินหาที่เติมเงินซิมตล๊อดดดด
ชะนีสองนางเดินตัวปลิวหิ้วกระเป๋าลากของพะรุงพะรังหาทางไป Subway ซึ่งก็ไม่ได้หายากเลยแม้สนามบินนางจะใหญ่มาก แต่สถาปัตยกรรมก็สวยงามและมีผังเป็นสัดเป็นส่วนกว่าของบ้านเราเยอะ สอบถามพนักงานแถวนั้นได้ว่า ถ้าจะโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน เราสามารถซื้อบัตรแบบเที่ยวเดียวได้ (แต่มีค่ามัดจำบัตร) หรือจะเลือกซื้อเป็นบัตรโดยสารตลอดชีพ T-Money (ที่ไม่มีวันหมดอายุ) จากร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แถวนั้นในราคาใบละ 2,500krw แต่ได้มาแค่บัตรเปล่าๆ ต้องไปเติมเงินใส่เองตามจำนวนเราที่ต้องการ ซึ่งเราทั้งสองก็เลือกเป็นบัตรโดยสารเติมเงินตลอดชีพเนี้ยแหล่ะ สะดวกดี
ส่วนเรื่องแผนผังของรถไฟฟ้าที่เกาหลีนั้นพูดเลยว่ายุ่งเยิงมากกก แม้ไม่มากสายเท่าญี่ปุ่น แต่ก็พันกันเป็นหัว
เดวิดมอยรุงรังไปหมด รวมทุกเส้นทางแล้วมีทั้งหมด 16 สาย 8 สายในนั้นเป็นสายหลัก

(Cr. kojects.com)
เพื่อให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสะดวกขึ้นไปอีก ดิฉันขอแนะนำให้ดาวน์โหลด Apprication แผนผังการเดินทางและสายรถไฟฟ้าใต้ดินสีต่างๆ ที่ชื่อว่า
Seoul Subway ติดมือถือไว้ด้วยนะคะ เพราะการหลงทางในต่างแดนหรือเมืองที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเราได้ ไม่ใช่เรื่องตลก TT
จากนั้นเราก็
นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินจากสถานี Incheon มาเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Sindorim เพื่อไปลงสถานี Honhik University ซึ่งใกล้ที่พักของเราที่สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากตัวสนามบินนั้นอยู่นอกกรุงโซล ให้ฟิลอารมณ์ปริมณฑลเหมือนเราขับรถไปสนามบินหนองงูเห่าที่สมุทปราการนั่นแหล่ะ
เมื่อถึงที่พักเช็คอินเข้าห้องเก็บกระเป๋าข้าวของเรียบร้อย มีโอกาสได้เดินสำรวจที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้นั้นพบว่าดีงามมาก ทางเจ้าของ Guesthouse แจ้งเราว่าทุกอย่างเราสามารถหยิบใช้ได้เองหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัวผ้าเช็ดหัว แก้วน้ำจานชาม แต่มีกฎให้ล้างทำความสะอาดด้วย ส่วนผ้าเช็ดที่ใช้แล้วให้นำมาใส่ตะกร้าไว้ พ่อบ้านจะซักให้ทุกวัน เสื้อผ้าของเราที่ใช้แล้วเก็บไปซักเองได้ เครื่องซักผ้าและที่ตากผ้าอยู่บน Rooftop เด้ออินาง สองชะนีก็พยักหน้ารับแซ่บ (เพราะคนดูแลที่พักน่าตาตะหยอกมาก!) ก่อนออกไปหาเย็นทานนางแจกซิมให้เราคนละเบอร์ มีแอดไลน์ และคาคาวถอกไว้ เวลามีปัญหาฉุกเฉินสอบถามนางได้ตลอด 24 ชม. ดูแลดีขนาดนี้ ที่พักก็สะอาดสะอ้านเป็นส่วนตัวดี น้องนางจะไม่โหวตได้ยังไงล่ะคะ
**สกิดติ่ง แนะนำ App HongNavi สำหรับการหาทางไปที่พักที่เราจอง มันจะบอกรายละเอียดมากๆ ว่าเดินไปทางไหน เจอตึกรูปร่างลักษณะแบบไหน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา สะดวกมากสำหรับชะนี errorist อย่างเรา
เราขอมอบเพลงนี้ให้เป็นเพลงประจำทริปนี้เลยค่ะ
[CR] ไปเกา ‘หลี’ ที่ ‘เกาหลี’ ใช้ชีวิต So Seoul 8 คืน 9 วัน [เที่ยวไม่เน้น เดินเล่นเปรี้ยวๆ เกี้ยวผู้ชายไปวันๆ]
สวัสดีค่าาาาาาา สวัสดีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องชาวพันทิปอย่างเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรกที่เราตั้งใจเขียนกระทู้รีวิวการเที่ยวจริงจัง ซึ่งเราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่ามันจะเรียกว่าเป็นการรีวิวการเที่ยวได้อย่างจริงจังหรือเปล่า เพราะว่าด้วยเนื้อหาสาระจริงจังแบบมีความรู้นั้นมันไม่ค่อยมีนักนะ ฮ่าาา บอกไว้ก่อนเลยว่าทางเราเองก็ตั้งใจว่าจะมาเขียนรีวิวสไตล์ม่วนซื่นโฮแซว กินเที่ยวเล่น เข้าผับเข้าบาร์เหล้ายาปาร์ตี้ล้วนนนน! แถมสาระเล็กๆ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ได้อ่านกันขำๆ ฟิลลิ่งแบบทริปชิลล์ ๆ ติ่ง ๆ ของ 2 ชะนีสาวอีสานนักสู้แหม๋สู! ใครเข้ามาแล้วแบบ... คาดหวังว่าจะมีเนื้อหาสาระจริงจังซีเรียสเว่อร์นั้นนน กด [X] ออกไปเลยตอนนี้ก็ยังไม่สายน้า เราไม่ว่ากัน ฮิฮิ ..ถือว่าเราเตือนกันล้าววว
อ้ะ! ก่อนจะมาเข้าเรื่องเที่ยวนั้นมาทำความรู้จักรู้นามกันก่อนเนาะ อินางน้องสองนี คนผู้ร่วมทริปเกา หลี ที่ เกาหลี นี้มีนามว่า น้องชาดา สายคิ้วท์ๆ และน้องจี๊ด สายแสบทรวง บอกไว้อีกอย่าง... ชาดาก็คือชาดา แต่น้องดาว, ดาว, จีดี๊ด, ชาคริยา คือจี๊ดเอง! เราทั้งสองจะพาผู้อ่านทุกท่านเที่ยวไปกับเราในดินแดนสนธยาของเกาหลีใต้ เอ้าพร้อมแล้วก็ลงโอ่งกิมจิด้วยกันเล้ยยยย!
#ช่วงจองตั๋วหาหลัวเกา (เติม ผ. แทน ล. ได้ ไม่ติด 555555)
ต้องเกริ่นก่อนอีกนิดนึงว่าจี๊ดกับชาดาเป็นเพื่อนสาวต่างสไตล์ที่คบกันมาได้แบบงงๆ แต่ที่เข้ากันได้ดีคือเราเป็นติ่ง Bigbang ทั้งคู่ และชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่นเหมือนๆ กัน ด้วยเหตุนั้นแลทำให้เราสองคนตัดสินใจเลือกเที่ยวเกาหลีในช่วงที่มี Seoul Fashion Week 2016 ประมาณปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา
ประจบเหมาะกับที่ฟ้าดินเป็นใจให้ Air Asia X มีโปรโมชั่นตั๋วบินราคาถูกเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วพอดี มนุษย์เงินเดือนเด็กจบใหม่ กับมนุษย์จบใหม่ไร้งานทำอีกคน เจอของถูกของดีก็ต้องตำสิคะ จะรออะไรอยู่ล่ะ! เราสองคนได้ตั๋วบินขาไปคนละใบมาก่อนในราคาใบละประมาณ 4,000 บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก. และอาหาร 1 มื้อ ถึงกระนั้นก็เลือดตาแทบกระเซ็น 55555
หลังจากนั้นนั้นอีก 4 เดือนเราถึงมาได้ตั๋วขากลับด้วยราคารวมค่าโหลดกระเป๋า 20 กก. ตกใบละ 7,000 บาทแหน่ะ!! ไม่มีอาหารด้วยนะ แพงกว่าเดิมอีก ห่านเอ้ย! จะบอกว่าเพราะอะไรถึงไ้ด้มาราคานี้ ก็เพราะตอนซื้อขาไปนั้นช่วงโปรโมชั่นไม่ได้ครอบคลุมถึงวันกลับที่เราแพลนกันไว้ เลยต้องนั่งรอโปรต่อไป รอแล้วรอเล่าปรากฎว่าไม่มาสักที เลยตัดสินใจซื้อราคาเต็มไปแม่มเลย จอบอ เล่นซะเดือนนั้นตัวเบากันไปทั้งเดือน
**สะกิดติ่ง: ควรจองตั๋วเครื่องบินที่อยู่ในช่วงโปรโมชั่นทั้งขาไปและขากลับเท่านั้นถึงจะราคาถูกและคุ้มจริง!
#ช่วงหาโรงแรมระเริงรัก
ในส่วนของโรงแรมนั้นมีให้เลือกมากมายหลายที่เหลือเกิน บรรยากาศดีๆ สวยๆ ราคาไม่แพงก็มีมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นระดับของโรงแรมก็มีตั้งแต่ Motel รายชั่วโมงไปจนถึงโรงแรมหรู 5 ดาว ส่วนพวกดิฉันสวยและรวยขนาดนี้จึงจิ้มจอง Guesthouse ไปหนึ่งที่ มีชื่อว่า Hi Jun! Guesthouse มีถิ่นฐานที่ตั้งอยู่ที่ย่าน Hongdae ใกล้กับมหาลัย Hongik ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นแหล่งที่อยู่รวมดาวชาววัยรุ่นหนุ่มสาวนั่นแหม่ะ ช่างคู่ควรกับเราจริงๆ 555555
ถ้าเอาสาระหน่อยพวกดิฉันก็เลือกหาแล้วตัดสินจากคะแนนรีวิวนี่แหล่ะค่ะ Hi Jun! Guesthouse นางได้คะแนนรีวิวใน Agoda ถึง 9 คะแนน และในเว็บ booking.com ถึง 9.5 คะแนนเลยนะคะ มันก็ต้องมีอะไรดีจริงๆ สิเนอะ (ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง) เราจึงทำการจองไปก่อน 4 คืน ที่เหลืออีก 4 คืน กะว่าจะเปลี่ยนที่นอนและหาเอาดาบหน้า ได้ห้อง Double room คิ้วท์ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบบบบ !!
*ขออนุญาติยืมรูปจากเน็ต ตลอดเวลาที่พักไม่อยากจะถ่ายรูปห้องมาเลย สภาพมันแบบ...! ห้องชะนีแหมะเธอ
#Chapter1 เก็บเสื้อผ้ายัดใส่ถุงปุ๋ยลุยเกา
ตามประสาฟิลวันเดินทางอ่ะเนอะ ตื่นเต้นชิบเป๋ง ไม่เป็นอันนอนเลย ไหนจะเพื่อนมาบันเทิงเริงรมย์ที่ห้อง ไอเราก็ต้องจัดกระเป๋าสไตลิ่งเสื้อผ้าให้พร้อม ไปอยู่กี่วันเสื้อผ้าต้องไม่ซ้ำ! เสื้อโค้ท สเว็ทเตอร์มีเท่าไรขนไปให้หมด! เว่อร์วังจนเพื่อนต้องเบรคหัวทิ่มบอกมันจะหายหนาวแล้วเฟ้ยยยย อย่าเอาไปเยอะ หนักเป๋าเปล่าๆ เราก็ เออๆ เอาออกก็ได้ว่า แฟชั่น Spring/Summer เบาๆ ดีกว่า
เราไปถึงสนามบินดอนเมืองด้วยเวลาอันสมควร เหลือ ได้เดินเช็คอินชิวๆ ไม่ต้องวิ่งหน้าแหกตาตั้งขึ้นเครื่องเหมือนทริปที่แล้ว 5555 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทริปที่สวยงามนะ สำหรับมนุษย์จอมเลทอย่างเรา
อยู่บนเครื่อง แม่มโคตรว่างและไม่มีอะไรทำ ต้องนอนด้วยความทุลักทุเล หลับๆ ตื่นๆ เป็นเวลา 5 ชั่วโมง ดีหน่อยก็ตรงที่สั่งข้าวไว้ด้วย ตื่นมาแหลกข้าวต้มหมู ไปเข้าห้องน้ำ กลับมานั่งที่ เสียบ Headphone ฟังเพลง แล้วนอนต่อ...
**สกิดติ่ง: หมอนรองคอคือสวรรค์ชั้นดีเมื่อต้องนั่งๆ นอนๆ บนเบาะของเครื่องบิน
เมื่อ 4 เท้า 2 หลีของชะนีผีได้ก้าวลงบนผืนแผ่นดินโสม ณ สนามบินอินชอน เราก็ต้องเผชิญกับด่าน immigration สุดโหดในตำนานของเกาหลี ซึ่งก่อนมาเราสองคนได้อ่านสปอยด์กันมาเยอะมากว่าเขาส่งตัวผู้หญิงไทยกลับกันเป็นว่าเล่น เนื่องจากมีผู้หญิงไปขายของดีหมีใหญ่แล้วโดนจับที่บ้านเมืองเขา เลยทำให้การคัดกรองเข้มงวดขึ้นไปอีก ดกทง ตูจะรอดไหมเนี้ย!
ด้วยความรักเพื่อนมากกกกก จี๊ดจึงดันหลังชาดาให้ไปตายก่อน เพราะนางเดินทางมาหลากหลายประเทศ และเคยเข้าเกาหลีมาแล้วหลายครั้ง น่าจะรอดปลอดภัย ปรากฎว่าชาดาถูกถามนานมาก ประมาณว่า มาเที่ยวที่ไหนบ้าง ที่พักอยู่ย่านไหน อยู่กี่วัน บลาๆๆๆ ชาดาแม่มเจือกพูดชื่อย่านที่อยู่ผิดอีก เล่นเอาดิฉันที่ยืนรออยู่ถึงกลับหวั่นใจว่า 2 ชะนีไทยจะรอดกันไหมฟร่ะ ...ท้ายที่สุดชาดาก็รอดไป จี๊ดจึงรีบเดินไปหยุดแล้วยื่นพาสปอร์ตให้พนักสาว immigration พร้อมกับยิ้มหวานให้นางหนึ่งที ในใจนี่เต้นแรงไม่พัก เพราะนี่เป็นพาสปอร์ตเล่มใหม่ของน้องดาวด้วย ทั้งยังไม่เคยมาเกาหลีอีก ฮรืออออ พนักงานดูพาสปอร์ตแล้วมองหน้าจี๊ดจริงจังจนเราแอบสงสัยว่าหน้าตาน้องเหมือนมาขายหราาา?! จ้องหนักมาก แล้วนางก็ถามแค่ว่า ‘มาทีนี่ครั้งแรกหรอ’ ดิฉันก็ตอบ ‘ค่ะ มากับเพื่อน’ แล้วชี้ไปที่ชาดา จากนั้นนางจึงทำการปั้มตราแล้วปล่อยให้เราผ่านไปด้วยดี เอดากกกก เล่นเอาฉี่แทบราด
**สะกิดติ่ง: เขียนชื่อโรงแรมที่พัก พร้อมกับย่านที่อยู่ลงใบศุลกากรให้ละเอียดแล้วจะผ่านด่านตรวจได้ง่ายขึ้น
โอเค เกรงว่าตอนนี้จะยาวหน่อยนะคะ มีคำแนะนำหลายอย่าง ให้พอมีสาระอยู่บ้าง หวังว่าน้ำจะไม่ท่วมกระทู้ซะก่อนเด้อ อย่าหนหวยกัน (= รำคาญ) 555555
ต่อกันที่เรื่อง Sim Card เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับคนที่จะมาอยู่มาเที่ยวหลายวันอย่างเรา มนุษย์โซเชียลอย่างดิฉันขาดเน็ตไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าใครไปเที่ยวแค่ 3 - 4 วันเราแนะนำว่าใช้ Free Wifi ตามที่สาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า หรือแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปก็ได้นะคะ เพราะเร็วและแรงมากกกกก เร็วแบบโหลดบิทหนัง Full HD เรื่องหนึ่งได้ภายในไม่ถึง 5 นาที หรือถ้าจะซื้อ Sim Card สามารถซื้อแบบที่เป็นของนักท่องเที่ยวได้เลย มีให้เลือกหลายราคา ขึ้นอยู่กับการใช้งานอินเตอร์เน็ตและค่าโทรที่ต้องการ ราคาก็ตั้งแต่ 35,000krw - 60,000krw ซึ่งรวมทั้งค่าซิมการ์ด และมีเงินในซิมให้ แต่ถึงยังไงก็ต้องเติมเงินเพิ่มอยู่ดีถ้าเงินหมด รวมๆ แล้วก็แพงมากอยู่ดี โชคดีที่สองชะนีไม่จำเป็นต้องซื้อ เพราะทาง Guesthouse ของเรามีแจกให้ฟรี! (ในกรณีที่นอนพักเกิน 2 คืน) พวกดิฉันก็หวานเลยสิคะ ยิ้มอ่อนละมุนที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อซิมให้เปลืองค่าเปย์ผู้ชาย
แต่ถ้าไปเป็นกันสัก 5 คนขึ้นไป แนะนำให้เช่า Pocket Wifi แล้วหารกันเอา ราคาต่อหัวจะถูกและคุ้มกว่ามาก รายละเอียดอย่างไรบ้าง อิฉันไม่แน่ใจไป แต่ถามพ่อดิฉันได้ google.co.th มีคำตอบให้ทุกคำถามของคุณ
**สะกิดติ่ง: มีซิมการ์ดใช้อ่ะดีมาก เผื่อฉุกเฉินหรือหลงทาง แต่! ที่เติมเงินก็หาหายากมากเช่นกัน!! เอดากกก ทั้งทริปดิฉันยุ่งกับการเดินหาที่เติมเงินซิมตล๊อดดดด
ชะนีสองนางเดินตัวปลิวหิ้วกระเป๋าลากของพะรุงพะรังหาทางไป Subway ซึ่งก็ไม่ได้หายากเลยแม้สนามบินนางจะใหญ่มาก แต่สถาปัตยกรรมก็สวยงามและมีผังเป็นสัดเป็นส่วนกว่าของบ้านเราเยอะ สอบถามพนักงานแถวนั้นได้ว่า ถ้าจะโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน เราสามารถซื้อบัตรแบบเที่ยวเดียวได้ (แต่มีค่ามัดจำบัตร) หรือจะเลือกซื้อเป็นบัตรโดยสารตลอดชีพ T-Money (ที่ไม่มีวันหมดอายุ) จากร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แถวนั้นในราคาใบละ 2,500krw แต่ได้มาแค่บัตรเปล่าๆ ต้องไปเติมเงินใส่เองตามจำนวนเราที่ต้องการ ซึ่งเราทั้งสองก็เลือกเป็นบัตรโดยสารเติมเงินตลอดชีพเนี้ยแหล่ะ สะดวกดี
ส่วนเรื่องแผนผังของรถไฟฟ้าที่เกาหลีนั้นพูดเลยว่ายุ่งเยิงมากกก แม้ไม่มากสายเท่าญี่ปุ่น แต่ก็พันกันเป็นหัว
เดวิดมอยรุงรังไปหมด รวมทุกเส้นทางแล้วมีทั้งหมด 16 สาย 8 สายในนั้นเป็นสายหลัก
(Cr. kojects.com)
เพื่อให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสะดวกขึ้นไปอีก ดิฉันขอแนะนำให้ดาวน์โหลด Apprication แผนผังการเดินทางและสายรถไฟฟ้าใต้ดินสีต่างๆ ที่ชื่อว่า Seoul Subway ติดมือถือไว้ด้วยนะคะ เพราะการหลงทางในต่างแดนหรือเมืองที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเราได้ ไม่ใช่เรื่องตลก TT
จากนั้นเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินจากสถานี Incheon มาเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Sindorim เพื่อไปลงสถานี Honhik University ซึ่งใกล้ที่พักของเราที่สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากตัวสนามบินนั้นอยู่นอกกรุงโซล ให้ฟิลอารมณ์ปริมณฑลเหมือนเราขับรถไปสนามบินหนองงูเห่าที่สมุทปราการนั่นแหล่ะ
เมื่อถึงที่พักเช็คอินเข้าห้องเก็บกระเป๋าข้าวของเรียบร้อย มีโอกาสได้เดินสำรวจที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้นั้นพบว่าดีงามมาก ทางเจ้าของ Guesthouse แจ้งเราว่าทุกอย่างเราสามารถหยิบใช้ได้เองหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัวผ้าเช็ดหัว แก้วน้ำจานชาม แต่มีกฎให้ล้างทำความสะอาดด้วย ส่วนผ้าเช็ดที่ใช้แล้วให้นำมาใส่ตะกร้าไว้ พ่อบ้านจะซักให้ทุกวัน เสื้อผ้าของเราที่ใช้แล้วเก็บไปซักเองได้ เครื่องซักผ้าและที่ตากผ้าอยู่บน Rooftop เด้ออินาง สองชะนีก็พยักหน้ารับแซ่บ (เพราะคนดูแลที่พักน่าตาตะหยอกมาก!) ก่อนออกไปหาเย็นทานนางแจกซิมให้เราคนละเบอร์ มีแอดไลน์ และคาคาวถอกไว้ เวลามีปัญหาฉุกเฉินสอบถามนางได้ตลอด 24 ชม. ดูแลดีขนาดนี้ ที่พักก็สะอาดสะอ้านเป็นส่วนตัวดี น้องนางจะไม่โหวตได้ยังไงล่ะคะ
**สกิดติ่ง แนะนำ App HongNavi สำหรับการหาทางไปที่พักที่เราจอง มันจะบอกรายละเอียดมากๆ ว่าเดินไปทางไหน เจอตึกรูปร่างลักษณะแบบไหน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา สะดวกมากสำหรับชะนี errorist อย่างเรา
เราขอมอบเพลงนี้ให้เป็นเพลงประจำทริปนี้เลยค่ะ