[CR] Journey in Nakorn Phanom "สุขสุดที่ริมโขง...นครพนม"

จังหวัดนครพนม
นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์
รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง
การเดินทางเริ่มต้นด้วยการท่องเที่ยวแบบ “low price…high experience”
ระหว่างวันที่ 4-7 มีนาคม 2559

___________________________________________________________________________________


ถ้าพูดถึงนครพนม หลายๆคนคงนึกถึงพระธาตุพนมคู่บ้านคู่เมืองนครพนมเป็นแน่
แต่นครพนมเมืองแห่งความสุขนั้นยังมีสถานที่อีกมากมายที่ให้เราได้ไปเที่ยวกัน เราไปชมความสวยงามของเมืองนี้กันเลยครับ
ซึ่งจะขอเล่าเป็นวันๆไปนะครับ แล้วจะมีสรุปค่าใช้จ่ายอยู่ตอนสุดท้าย


.........................................................................

วันที่ 1 :  04/03/59

เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ ของบริษัท นครชัยแอร์
ออกจากศูนย์บริการนครชัยแอร์ เวลา 20.45 น. และถึงขนส่งจังหวัดนครพนม เวลาประมาณ 7.30 น.

ส่วนเพื่อนของผมนั้น นั่งรถเส้นทาง กรุงเทพฯ-บ้านแพง  ลงที่บ้านแพงเลยครับ
หรือสามารถนั่งรถเส้นทาง กรุงเทพฯ-ท่าอุเทน  ของบขส.ก็ได้นะครับ


___________________________________________________________________________________

วันที่ 2 :  05/03/59  ตะลุยเมืองแห่งประวัติศาสตร์และอารยธรรมโบราณ  ไชยบุรี

อรุณสวัสดิ์ครับ ตอนนี้พวกผมอยู่กันที่ ขนส่งจังหวัดนครพนมครับ
ความเข้าใจของผมคือที่นี่ต้องมีรถที่จะต่อไปอำเภออื่นๆเยอะแน่ๆเป็นศูนย์กลางของการขนส่งภายในจังหวัด ซึ่งจริงๆก็เป็นแบบนั้นละฮะ
แต่ว่า รถที่เราจะไปต้องไปทางบ้านแพง(รถขวาในรูป) ซึ่งมีรอบเดียว 11.00 น. ลงที่ปากทางไชยบุรีนะจ๊ะ
หรือรถไปท่าอุเทนเวลา 9.00 น. (รถด้านซ้ายในรูป) แล้วนั่งรถต่อเข้าไปที่ไชยบุรี

แต่พวกผมนัดลุงปราชญ์ชาวบ้านไว้ตอน 9 โมงครับ เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปครับ
ราคาแท็กซี่ถ้าอยู่ในเมืองคิดตามมิเตอร์ แต่ถ้าออกนอกเมืองคิดตามกิโล กิโลละ 10 บาทใช้เวลาประมาณ 25 นาที
เราก็เดินทางถึงไชยบุรีครับ  สำหรับใครที่มาทางบ้านแพงแล้วลงปากทางบ้านไชยบุรี ต้องเดินเข้าไปอีก 2 km. นะครับ

ยินดีต้อนรับสู่เมืองไชยบุรีครับ

หลายๆท่านอ่านมาก็คงสงสัยว่า ไชยบุรี มีอะไรทำไมพวกเราถึงต้องมาที่นี่
เมืองไชยสุทธ์อุตมบุรี หรือเมืองไชยะบุรี หรือ บ้านไชยบุรี ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน
นับถึงปี พ.ศ. 2559 รวมเป็นเวลา 208 ปีมาแล้ว  
จากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองไชยบุรีดังกล่าว จะเห็นว่า สมควรค่ายิ่งต่อการจดจำ รำลึก และเรียนรู้


ลงจากรถมานี่แหละครับภาพแรกที่ผมเห็น ที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ แม่น้ำโขง

มื้อเช้าเราขอฝากท้องไว้ที่นี่ก่อนนะครับ  ร้านอาหารปากน้ำ (ไชยบุรี)

ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้ สามารถชมทัศนีย์ภาพของแม่น้ำสองสีได้ใกล้และชัดเจนที่สุด
(ขอกระซิบบอกสักนิดครับที่จริงร้านเปิดประมาณ 11-12.00 ครับ แต่พวกผมติดต่อลุงมาก่อนลุงท่านเลยประสานงานให้แต่ได้แค่อาหารจานเดียวนะครับ)

และยังมีจุดชมวิวแม่น้ำสองสีด้วยครับ อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งนี้


จากนั้นเราก็เดินไปประมาณ 50 เมตร ไปที่ เซนเตอร์พ้อยท์ ไม่ใช่สยามนะครับ มันคือจุดที่มารวมกัน มีบริการเช่าจักรยานเพื่อปั่นชมเมือง
แน่นอนครับเราพวกเราต้องเลือกทางนี้แน่นอน

ที่นี่มีเส้นทางจักรยานให้เราปั่นนะครับ แล้วในอนาคตก็จะมีทางจักรยานเลาะริมเขื่อนแม่น้ำสงครามแม่น้ำโขงเลยครับ
ค่าเช่าจักรยานวันละ 10 บาท

ก่อนจะเริ่มปั่นกัน ผมขอแนะนำวิทยากรของผมก่อนครับ ท่านคือปราชญ์ชาวบ้าน "คุณพิชัย เสนจันทร์ฒิไชย"



เริ่มกันเลยฮะปั่นออกจากเซนเตอร์พ้อยท์ 50 เมตร ก็จะพบกับ

วัดศรีสุนันทามหาอาราม (วัดไตรภูมิ : ชาวบ้านเรียก วัดใต้)


คำแปลจากแผ่นศิลาจารึกที่เป็นภาษามคธของวัดศรีสุนันทามหาอาราม สรุปความได้ว่า
“พระยาหงสาวดี สร้างวัดศรีสุนันทามหาอาราม ภายหลังจากสร้างเมืองไชยสุทธ์อุตมบุรีแล้วเสร็จมาแล้ว 6 ปี
โดยเริ่มสร้างในปีจอ พ.ศ.2357 ด้วยมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีความรักในพระนางศรีสุนันทา ซึ่งเป็นภรรยา"


จากนั้นเราปั่นลัดเลาะริมน้ำโขง ซึ่งมองเห็นฝั่ง สปป.ลาว และนั่นคือแขวงคำม่วนนั่นเอง


วัดมหาอุตมะนันทะอาราม (วัดกลาง)


วัดกลางเมืองไชยบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เขตบ้านไชยบุรี โบรานสถานสำคัญภายในวัดได้แก่ สิม และพระธาตุ
สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 25 รูปแบบศิลปะพื้นถิ่นอีสาน กลุ่มฝีมือช่างญวน

สิม มีลักษณะเป็นสิมทึบ ก่ออิฐถือปูนขนาด 3 ห้อง และมีห้องมุขด้านหน้า ตั้งหันหน้าเข้าแม่น้ำโขง มีบันใดทางขึ้นด้านตะวันออก
หลังคาทรงจั่วชั้นเดียว ผนังอาคารประกอบด้วยลายปูนปั้น ตามกรอบซุ้มประตูหน้าหน้าบัน บริเวณหน้าบันสิมที่ระบุปีที่สร้างขึ้น เมื่อพุทธศักราช 2475

พระธาตุไชยบุรี มีลักษณะเป็นธาตุทรงบัวเหลี่ยม ประดับด้วยลายปูนปั้นและกระจก ฐานชั้นล่างเป็นฐานบัวคว่ำ
รองรับเรือนธาตุ 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นประตูหลอก ส่วนชั้นบนประดิษฐานซุ้มพระพุทธรูปประทับยืน
ส่วนปรียอดซึ่งอยู่บนสุด คือ องค์ระฆังจำลองย่อส่วนให้มีขนาดเล็กและประดับด้วยฉัตร
ความสวยงานโดดเด่นของสิม และพระธาตุ อยู่ที่ศิลปะการตกแต่งด้วยลายปูนปั้นและงานประดับกระจก ซึ่งเป็นศิลปะของล้านช้าง
ตรงปลายมีลักษณะเป็นยอดฉัตรจากตรงนี้บ่งบอกว่าเป็นวัดเจ้าเมืองสร้าง

หันหลังกลับมา สวยมั้ยครับ วิวแม่น้ำโขงเลยครับทุกท่าน


วัดศรีบุญเรือง (วัดเหนือ)


ภายหลังปี พ.ศ.2381 ที่มีท้องตราพร ะราชสีห์ แต่งตั้งให้ราชบุตรเสนเป็น พระไชยราชวงศา ปกครองเมืองไชยสุทธ์อุตมบุรี
(ขณะนั้นยังไม่เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองไชยะบุรี) มีคณะกรรมการการเมืองซึ่งมาจาก เมืองเขมราช เมืองอุบล และเมืองยโสธร
อีกจำนวนมากร่วมกันปฏิสังขรวัดวาอารามและบ้านเมืองที่ชำรุดทรุดโทรม หลังจากเมืองถูกทิ้งมา 1 ปี ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ


วัดยอดแก้ว


วัดยอดแก้ว อยู่ทางตอนเหนือสุดของหมู่ที่ 3 บ้านไชยบุรี ติดริมแม่น้ำโขง
ปัจจุบันมีสภาพชำรุดทรุดโทรมเหมือนกับทุกวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง อันเนื่องมาจากสภาพน้ำของแม่น้ำโขงกัดเซาะตลิ่ง
จนต้องย้ายวัด หรือ บางวัดปล่อยให้ร้างไป

โบราณสถานของวัดยอดแก้วที่ยังคงมีสภาพคงอยู่ โดดเด่น และทางกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของชาติแล้ว
คือ สิม ซึ่งสิมของวัดยอดแก้วแห่งนี้นาย ลา อุชัย มาควบคุมการก่อสร้างสมัยที่บวชเป็นพระและจำพรรษา ณ วัดยอดแก้วแห่งนี้
จุดสังเกต คือที่วัดนี้มีวัฒนธรรมของล้านช้าง ซึ่งบ่งบอกจากรูปทรงอาคารจะได้รีบอิทธิพลจากต่างชาติ
บวกกับความเป็นอาณาจักรในบริเวณนี้ และทางเข้าจะเป็นทางเดียว ในยามเย็นต้องการให้สินอุ่น
จึงมีแค่ช่องแสงอย่างเดียว นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านด้านสถาปัตยกรรม

วัดป่านิเวศน์


วัดป่านิเวศน์ ตั้งอยู่ริมถนนมวลชนสัมพันธ์ เดิมสถานที่ของวัดนี้เป็นสุสานของหมู่บ้าน
เมื่อมีพระธุดงค์ เข้ามาจำพรรษาเพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านจึงได้จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์
และขอพระราชทานวิสุงคามสีมา เพื่อเป็นวัดที่ประกอบสังฆกรรมและศาสนกิจต่อมาจนถึงปัจจุบัน


วัดโพธิ์ชัย


วัดโพธิ์ชัย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสงคราม ในเขตปกครองของหมู่ที่ 7 บ้านไชยบุรี
โบราญสถานที่สำคัญคือ พระอุโบสถ สถาปัตยกรรมล้านนา ภายในมีประพุทธรูปสวยงาม มีภาพกิจกรรมฝาผนังเล่าเรื่องประวัติพระพุทธเจ้า
ในอดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้เคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลไชยบุรี



วัดไตรภูมิ




หลังจากนั้นครับ พวกเราก็หารถโบกไปที่พระธาตุท่าอุเทน ซึ่งเราก็ได้รับการสนับสนุนจากคุณลุงพิชัย
หารถให้เราไป จากบ้านไชยบุรี ประมาณ 10 นาที เราก็ถึงพระธาตุท่าอุเทน
หรืออีกทางก็คือออกไปรอรถที่ปากทางเข้าบ้านไชยบุรี มีรถประจำทาง ไปลงที่ตลาดท่าอุเทน
แล้วก็นั่งรถเข้าไปต่อ หรือจะเหมารถสกายแลปไปก็ได้

พระธาตุท่าอุเทน


พระธาตุนี้เป็นศิลปกรรมและปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งองค์หนึ่ง จะมีงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 13 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี
พระธาตุองค์นี้มีสิ่งที่ตรงกับเทพประจำวันศุกร์ และเชื่อกันว่าผู้ที่เกิดวันนี้เป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รักอิสระ รักสวยรักงาม
คือพระธาตุหันไปทางทิศเหนือของพระธาตุพนมผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์
เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ


หลังจากที่เรานมัสการองค์พระธาตุท่าอุเทนแล้วนั้น เราก็ต้องเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเพื่อเข้าที่พักกันแล้ว
ซึ่งเราก็อาศัยการโบกรถของนักท่องเที่ยวที่สัญจรผ่านไปมาครับ
เหตุผลที่เราต้องเลือกวิธีการนี้เนื่องจาก ในวันที่เราไปนั้นรถประจำทางหรือรถสองแถวไม่มีให้บริการ ถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกไม่วิ่งแล้วหนู
ชื่อสินค้า:   การท่องเที่ยวนครพนม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่