(บวกอีก 2 คะแนน ถ้าคุณตามหาหนังสำหรับพาลูกๆ ไปดู)
ชอบ :
- CG สมจริง ยิ่งใหญ่อลังการ
ไม่ชอบ :
- Theme เรื่องการค้นหาตัวตนที่ซ้ำซากแบบหนังการ์ตูนดิสนีย์เก้าศูนย์ ถามแล้วไม่ตอบจะถามทำไม
- Them เรื่องการเมือง ลำดับชั้นของสัตว์ป่า ที่แตะนิดเดียวแล้วปล่อย แตะแล้วปล่อยจะแตะทำไม !
- การแสดงที่เว่อร์มากของเด็กนักแสดงนำ
- ฉากตกใจ หลายๆ ฉาก จะตกใจทำไม !
จริงๆ ดูเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ ก่อนไปดูคิดว่า ไปดูเสร็จจะมาเขียนเลย แต่พอไปดูแล้วรู้สึกค่อนข้างน่าเบื่อ และ ไม่พาเราไปไหน เลยดองไว้ แต่ตอนนี้ได้เวลาละ !
จริงๆ สาเหตุที่ไปดูเรื่องนี้เพราะเห็นเทรลเลอร์ที่ตื่นตา และคิดว่า โอ้ว นี่มันต้องเป็น เมาคลีลูกหมาป่า ฉบับตีความหมายใหม่ ที่ทันสมัย เข้มข้น จริงจังกว่าเดิมก็เป็นแน่ (ก็เป็นสิ่งที่คิดไปเอง เพราะว่าจริงๆ หนังก็มาจาก ดิสนีย์) และดีกรีผู้กำกับ ก็ไม่ได้ขี้เหร่ออะไร เพราะเค้าคือ จอห์น แฟฟโร ที่กำกับ Iron Man ที่สนุกบันเทิง ใช้ได้ แต่สิ่งที่หวังกับสิ่งที่เป็นมันเป็นคนละแบบกัน
วิธีการที่หนังเรื่องนี้ถูกทำออกมา หรือการที่ดิสนีย์วางหนังตำแหน่งหนังเรื่องนี้ไว้ ก็คือการมองว่าเรื่องนี้เป็น การ์ตูน สำหรับเด็กและวัยรุ่นตอนต้นเรื่องหนึ่ง ที่กลุ่มเป้าหมายอาจจะกินวงกว้างไปถึงครอบครัว (เพราะมาดูกับลูก) เพราะฉะนั้นสูตรที่ถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ ซึ้งเป็นสูตรที่ดิสนีย์ใช้ในยุคเก้าศูนย์จนเกร่อมาก คือ การตามหาตัวตนของตนเอง ฉันเป็นใคร ฉันพิเศษมั้ย ซึ่งน่าจะเป็น Theme ที่เด็กวัยรุ่นน่าจะชอบกัน (ตอนผมดู Mulan ผมก็ชอบ เพลง Reflection ที่พูดเรื่องประมาณว่าภาพสะท้อนตัวตนที่ฉันเห็นกับสิ่งที่ฉันเป็นจริงๆ มันเป็นสิ่งเดียวกันมั้ย ทำให้เด็กวัย สิบต้นๆ ฟินมาก) หรือใน The Lion King ที่ซิมบ้าต้องออกไปตามหาตัวตนของตัวเองจนในที่สุดก็กลับมาเป็นเจ้าป่าได้อีกครั้ง หรืออาจจะพูดได้ว่า Theme หลัก ของ The Jungle Book คือ วิกฤติ อัตลักษณ์ การตามหาตัวตน และ การ Coming of Age เติบโต
พออ่านถึงบรรทัดเมื่อกี้อาจฟินว่าโอ้วก็ดีนี น่าสนใจนะ ตีมร่วมสมัย ไปดูกันเถอะ ช้าก่อน ! อย่าลืมว่ามันเป็นหนังของดิสนีย์ เพราะฉะนั้นมันจะตอบคำถามแบบงงๆ ไม่ลึก (ซึ่งมันอาจจะเหมาะกับเด็กวัยรุ่น แต่พอคนดูเป็นลุงๆ อาจขัดใจได้) เช่นใน Mulan ถ้าเราจำกันได้ ก็จะเห็นว่า มูหลาน หลังจากถามถึงคุณค่าตัวตน กรอบประเพณี นู่นนี่ ในที่สุดก็กลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม ที่แต่งงานกับชายชาติทหาร ลำบึ้ก บึกบึน ไม่ได้กลายเป็นสตรีนิยม หรือเป็นเลสอะไร คือทำท่าเหมือนเป็นขบถ แต่ในที่สุดก็กลับมาอยู่ในกรอบชุดเดิม เช่นเดียวกับไลออนคิง พลัดไปในโลกของคนนอก ในที่สุดก็กลับเข้ามาอยู่ในกรอบ (ซึ่งแต่งต่างจาก Batman Begins ที่พอเวิ้นเว้อแล้วไปตามหาคำตอบจากโลกภายนอก พอกลับมาก็รับเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาฟอร์มเป็นตัวเอง เพื่อสู่กับเหล่าร้าย)
.. หลังจากนี่จะสปอยล์ เพราะฉะนั้น ไม่ได้ดู และไม่อยากเซ็งควรงดอ่าน ..
ใน The Jungle Book ก็เหมือนหนังการ์ตูนช่วงนั้นของดิสนีย์ เมาคลีเกิด วิกฤติอัตลักษณ์ พาตนเองไปเจอโลกกว้าง พบเจอประสบการณ์มากมาย เจอทั้งการใช้ชีวิตแบบพี่หมีบาลู เจอการใช้ความเจ้าเล่ห์แบบงู เจอการใช้ความรุนแรงแบบเจ้าลิง เจอคนที่ใช้ไฟเป็นเครื่องมือ เสร็จแล้วเมาคลีทำยังไงกับประสบการณ์ในโลกที่ตัวเองพบในฐานะของการเป็นคนนอก ไม่ทำยังไงเลย ไม่ตอบคำถามใดๆ หนังตอบประเด็นนี้ด้วยคำพูดว่า งั้นฉันก็เป็นฉันนี่แหละ ! แล้วก็จบเลย (ผมยังแอบเอามาคิดเองอยู่ในใจว่า ฉากที่เมาคลียอมรับตัวเองในฐานะ "คน" แล้วเอาไฟมาเผาป่าทั้งหมด เพื่อล่าแชร์คาน แล้วเมื่อล่าแชร์คานได้แล้ว สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้คุ้มกฏใหม่แห่งป่า มันจะมันส์แค่ไหน แต่มันก็จะเป็นหนังเรท R คนละเรื่องเดียวกัน ฮ่า)
เช่นเดียวกับเรื่องของกฏของป่า ชนชั้นของสัตว์ ที่ตอนแรกแตะไว้น่าสนใจมากๆ และมีการสำรวจเรื่องนี้กลายๆ ในที่สุดเมาคลีก็ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ควบคุมช้างได้ แต่แล้ว หนังก็โลกสวย ไม่สำรวจต่อว่า เมื่อเมาคลี ขึ้นไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นต่อ เมาคลีเพียงแค่ยังดำรงตนแบบคนนอกเท่ๆ เหมือนหมีบาลู และ เสือดำ เท่านั้นเอง มันทำให้เกิดคำถามตามมาอีกมากมายว่า แล้วอัตลักษณ์ของเมาคลีที่ถูกถามมาตลอด เพราะมันสัมพันธ์กับตำแหน่งแห่งที่ของตนเองตอนนี้เป็นยังไง เพราะว่าถ้าเขาจะเป็นคนนอก เขาไม่ต้องกลับมาฆ่าแชร์คานก็ได้ หรือจุดที่เจ็บปวดและเซ็งมากสำหรับผมคือ หมีบาลูที่ดูเหมือนจะหลุดออกไปจากกรอบของป่าที่กดตนเองไว้ ตอนหลังมาท่องกฏของป่าเฉย รวมไปถึงการที่หมาป่าเด็กๆ ในตอนสุดท้ายก็ยังท่องกฏของป่าอยู่เหมือนเดิมโดยที่เมาคลีและพวกก็นั่งสบายอยู่ใต้ต้นไม้ หาได้สนใจเรื่องกฏที่มันบิดเบี้ยวอย่างใดไม่
พอมาคิดแล้วก็คิดได้สองอย่างคือ
1. ถ้าหนังมันไม่โลกสวยมาก คือพยายามบอกว่า กฏแต่ละอย่างก็ดีแล้ว เมื่อมันถูกใช้กับกลุ่มแต่ละกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ
2. หนังมันก็จริงอย่างร้ายกาจคือจริงๆ แล้วเมาคลีตัดช่องน้อยแต่พอตัวไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไรตัวเองและพวกรอดแล้วก็น่าจะพอใจ คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างมัน !!!
อ่านมาอาจจะเห็นแย้งว่า จะมาถามหาอะไรเยอะแยะจากหนังเด็ก คิดลึกไปมั้ย เยอะไปมั้ย คาดหวังมากไปรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าจริงครับ (ฮ่า) อย่างที่บอกว่า ดิสนีย์วางหนังเรื่องนี้ไว้ชัดเจนมากว่าเป็นหนังเพื่อความบันเทิงเชิงการตลาดครอบครัว ไม่ได้ทำให้ผู้ใหญ่ดู แต่การที่หนังใส่ประเด็นต่างๆ เหล่านี้มาโดยที่ไม่ยอมทำอะไรกับมันจริงจัง มันทำให้คนดูที่จริงจังรู้สึกเหมือนได้นั่งฟังใครสักคนพูดเรื่องอะไรที่ดูเหมือนจะใหญ่โต จะพาเราไปสู่สิ่งใหม่ หรือความเข้าใจที่เข้มข้นแต่แท้จริงแล้ว เขาก็แค่หยิบเรื่องแบบนั้นมาพูดเพื่อให้เขาดูเท่ๆ แล้วก็กลวงเปล่าต่อไป เลยก็ต้องวิจารณ์กัน
แต่อย่างที่ว่า ถ้าคุณหาหนังสำหรับเด็ก เด็กน่าจะชอบนะครับ แต่มีฉากตกใจเยอะ ระวังหนูๆ สะดุ้งด้วย
Page
https://www.facebook.com/maewginoreview/
The Jungle Book : เด็กดูได้ ผู้ใหญ่นอนหลับ C+ 6.75 ดิสนีย์ นี่มันโลกสวยจริงๆ วิกฤติอัตลักษณ์ที่ถามไปงั้นๆ
ชอบ :
- CG สมจริง ยิ่งใหญ่อลังการ
ไม่ชอบ :
- Theme เรื่องการค้นหาตัวตนที่ซ้ำซากแบบหนังการ์ตูนดิสนีย์เก้าศูนย์ ถามแล้วไม่ตอบจะถามทำไม
- Them เรื่องการเมือง ลำดับชั้นของสัตว์ป่า ที่แตะนิดเดียวแล้วปล่อย แตะแล้วปล่อยจะแตะทำไม !
- การแสดงที่เว่อร์มากของเด็กนักแสดงนำ
- ฉากตกใจ หลายๆ ฉาก จะตกใจทำไม !
จริงๆ ดูเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ ก่อนไปดูคิดว่า ไปดูเสร็จจะมาเขียนเลย แต่พอไปดูแล้วรู้สึกค่อนข้างน่าเบื่อ และ ไม่พาเราไปไหน เลยดองไว้ แต่ตอนนี้ได้เวลาละ !
จริงๆ สาเหตุที่ไปดูเรื่องนี้เพราะเห็นเทรลเลอร์ที่ตื่นตา และคิดว่า โอ้ว นี่มันต้องเป็น เมาคลีลูกหมาป่า ฉบับตีความหมายใหม่ ที่ทันสมัย เข้มข้น จริงจังกว่าเดิมก็เป็นแน่ (ก็เป็นสิ่งที่คิดไปเอง เพราะว่าจริงๆ หนังก็มาจาก ดิสนีย์) และดีกรีผู้กำกับ ก็ไม่ได้ขี้เหร่ออะไร เพราะเค้าคือ จอห์น แฟฟโร ที่กำกับ Iron Man ที่สนุกบันเทิง ใช้ได้ แต่สิ่งที่หวังกับสิ่งที่เป็นมันเป็นคนละแบบกัน
วิธีการที่หนังเรื่องนี้ถูกทำออกมา หรือการที่ดิสนีย์วางหนังตำแหน่งหนังเรื่องนี้ไว้ ก็คือการมองว่าเรื่องนี้เป็น การ์ตูน สำหรับเด็กและวัยรุ่นตอนต้นเรื่องหนึ่ง ที่กลุ่มเป้าหมายอาจจะกินวงกว้างไปถึงครอบครัว (เพราะมาดูกับลูก) เพราะฉะนั้นสูตรที่ถูกนำมาใช้ในเรื่องนี้ ซึ้งเป็นสูตรที่ดิสนีย์ใช้ในยุคเก้าศูนย์จนเกร่อมาก คือ การตามหาตัวตนของตนเอง ฉันเป็นใคร ฉันพิเศษมั้ย ซึ่งน่าจะเป็น Theme ที่เด็กวัยรุ่นน่าจะชอบกัน (ตอนผมดู Mulan ผมก็ชอบ เพลง Reflection ที่พูดเรื่องประมาณว่าภาพสะท้อนตัวตนที่ฉันเห็นกับสิ่งที่ฉันเป็นจริงๆ มันเป็นสิ่งเดียวกันมั้ย ทำให้เด็กวัย สิบต้นๆ ฟินมาก) หรือใน The Lion King ที่ซิมบ้าต้องออกไปตามหาตัวตนของตัวเองจนในที่สุดก็กลับมาเป็นเจ้าป่าได้อีกครั้ง หรืออาจจะพูดได้ว่า Theme หลัก ของ The Jungle Book คือ วิกฤติ อัตลักษณ์ การตามหาตัวตน และ การ Coming of Age เติบโต
พออ่านถึงบรรทัดเมื่อกี้อาจฟินว่าโอ้วก็ดีนี น่าสนใจนะ ตีมร่วมสมัย ไปดูกันเถอะ ช้าก่อน ! อย่าลืมว่ามันเป็นหนังของดิสนีย์ เพราะฉะนั้นมันจะตอบคำถามแบบงงๆ ไม่ลึก (ซึ่งมันอาจจะเหมาะกับเด็กวัยรุ่น แต่พอคนดูเป็นลุงๆ อาจขัดใจได้) เช่นใน Mulan ถ้าเราจำกันได้ ก็จะเห็นว่า มูหลาน หลังจากถามถึงคุณค่าตัวตน กรอบประเพณี นู่นนี่ ในที่สุดก็กลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม ที่แต่งงานกับชายชาติทหาร ลำบึ้ก บึกบึน ไม่ได้กลายเป็นสตรีนิยม หรือเป็นเลสอะไร คือทำท่าเหมือนเป็นขบถ แต่ในที่สุดก็กลับมาอยู่ในกรอบชุดเดิม เช่นเดียวกับไลออนคิง พลัดไปในโลกของคนนอก ในที่สุดก็กลับเข้ามาอยู่ในกรอบ (ซึ่งแต่งต่างจาก Batman Begins ที่พอเวิ้นเว้อแล้วไปตามหาคำตอบจากโลกภายนอก พอกลับมาก็รับเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาฟอร์มเป็นตัวเอง เพื่อสู่กับเหล่าร้าย)
.. หลังจากนี่จะสปอยล์ เพราะฉะนั้น ไม่ได้ดู และไม่อยากเซ็งควรงดอ่าน ..
ใน The Jungle Book ก็เหมือนหนังการ์ตูนช่วงนั้นของดิสนีย์ เมาคลีเกิด วิกฤติอัตลักษณ์ พาตนเองไปเจอโลกกว้าง พบเจอประสบการณ์มากมาย เจอทั้งการใช้ชีวิตแบบพี่หมีบาลู เจอการใช้ความเจ้าเล่ห์แบบงู เจอการใช้ความรุนแรงแบบเจ้าลิง เจอคนที่ใช้ไฟเป็นเครื่องมือ เสร็จแล้วเมาคลีทำยังไงกับประสบการณ์ในโลกที่ตัวเองพบในฐานะของการเป็นคนนอก ไม่ทำยังไงเลย ไม่ตอบคำถามใดๆ หนังตอบประเด็นนี้ด้วยคำพูดว่า งั้นฉันก็เป็นฉันนี่แหละ ! แล้วก็จบเลย (ผมยังแอบเอามาคิดเองอยู่ในใจว่า ฉากที่เมาคลียอมรับตัวเองในฐานะ "คน" แล้วเอาไฟมาเผาป่าทั้งหมด เพื่อล่าแชร์คาน แล้วเมื่อล่าแชร์คานได้แล้ว สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้คุ้มกฏใหม่แห่งป่า มันจะมันส์แค่ไหน แต่มันก็จะเป็นหนังเรท R คนละเรื่องเดียวกัน ฮ่า)
เช่นเดียวกับเรื่องของกฏของป่า ชนชั้นของสัตว์ ที่ตอนแรกแตะไว้น่าสนใจมากๆ และมีการสำรวจเรื่องนี้กลายๆ ในที่สุดเมาคลีก็ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ควบคุมช้างได้ แต่แล้ว หนังก็โลกสวย ไม่สำรวจต่อว่า เมื่อเมาคลี ขึ้นไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นต่อ เมาคลีเพียงแค่ยังดำรงตนแบบคนนอกเท่ๆ เหมือนหมีบาลู และ เสือดำ เท่านั้นเอง มันทำให้เกิดคำถามตามมาอีกมากมายว่า แล้วอัตลักษณ์ของเมาคลีที่ถูกถามมาตลอด เพราะมันสัมพันธ์กับตำแหน่งแห่งที่ของตนเองตอนนี้เป็นยังไง เพราะว่าถ้าเขาจะเป็นคนนอก เขาไม่ต้องกลับมาฆ่าแชร์คานก็ได้ หรือจุดที่เจ็บปวดและเซ็งมากสำหรับผมคือ หมีบาลูที่ดูเหมือนจะหลุดออกไปจากกรอบของป่าที่กดตนเองไว้ ตอนหลังมาท่องกฏของป่าเฉย รวมไปถึงการที่หมาป่าเด็กๆ ในตอนสุดท้ายก็ยังท่องกฏของป่าอยู่เหมือนเดิมโดยที่เมาคลีและพวกก็นั่งสบายอยู่ใต้ต้นไม้ หาได้สนใจเรื่องกฏที่มันบิดเบี้ยวอย่างใดไม่
พอมาคิดแล้วก็คิดได้สองอย่างคือ
1. ถ้าหนังมันไม่โลกสวยมาก คือพยายามบอกว่า กฏแต่ละอย่างก็ดีแล้ว เมื่อมันถูกใช้กับกลุ่มแต่ละกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ
2. หนังมันก็จริงอย่างร้ายกาจคือจริงๆ แล้วเมาคลีตัดช่องน้อยแต่พอตัวไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไรตัวเองและพวกรอดแล้วก็น่าจะพอใจ คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างมัน !!!
อ่านมาอาจจะเห็นแย้งว่า จะมาถามหาอะไรเยอะแยะจากหนังเด็ก คิดลึกไปมั้ย เยอะไปมั้ย คาดหวังมากไปรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าจริงครับ (ฮ่า) อย่างที่บอกว่า ดิสนีย์วางหนังเรื่องนี้ไว้ชัดเจนมากว่าเป็นหนังเพื่อความบันเทิงเชิงการตลาดครอบครัว ไม่ได้ทำให้ผู้ใหญ่ดู แต่การที่หนังใส่ประเด็นต่างๆ เหล่านี้มาโดยที่ไม่ยอมทำอะไรกับมันจริงจัง มันทำให้คนดูที่จริงจังรู้สึกเหมือนได้นั่งฟังใครสักคนพูดเรื่องอะไรที่ดูเหมือนจะใหญ่โต จะพาเราไปสู่สิ่งใหม่ หรือความเข้าใจที่เข้มข้นแต่แท้จริงแล้ว เขาก็แค่หยิบเรื่องแบบนั้นมาพูดเพื่อให้เขาดูเท่ๆ แล้วก็กลวงเปล่าต่อไป เลยก็ต้องวิจารณ์กัน
แต่อย่างที่ว่า ถ้าคุณหาหนังสำหรับเด็ก เด็กน่าจะชอบนะครับ แต่มีฉากตกใจเยอะ ระวังหนูๆ สะดุ้งด้วย
Page https://www.facebook.com/maewginoreview/