แชร์ประสบการณ์จากการลองเข้ามาทำงานเป็นกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร

กระทู้สนทนา
"เร็วก็หาว่าล้ำหน้า ช้าก็ว่าอืดอาด
โง่ถูกตวาด พอฉลาดถูกระแวง
ทำก่อนบอกไม่ได้สั่ง ครั้นทำทีหลังบอกไม่รู้จักคิด......."  ประโยคต่อจากนั้นก็มีหลายๆแบบ หาอ่านกันอีกทีนะครับ พอดีรู้สึกอ่านแล้วมันโดนใจจังเลย (ณ ตอนนี้)

เกรินก่อนว่า กำลังจะขอลาขาดการจากการเป็นกรรมการ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร (ต่างจังหวัด) หลังจากทำงาน มาได้ครึ่งปี (ร่วมการริเริ่มก่อตั้ง) เพราะเห็นความไม่พร้อมหลายๆอย่างของสังคม และการอยู่ร่วมกันของคนในหมู่บ้าน ติเพื่อก่อก็มี ติเพื่อล้มก็มี
จากที่ผมได้ลองเข้ามาทำงานดูแล้ว ก็พบว่าปัญหาหลังจากการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ด้วยสภาพสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อน การชินกับการไม่ต้องอยู่ในกรอบในระเบียบ การที่โครงการไม่ได้ปูพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่อง(เป็นหมู่บ้านแรกๆที่เจ้าของโครงการอยากจะลอง initial ไปเป็นนิติฯ แต่ทิ้งให้สูญญากาศหลังจากการขายเสร็จมานานเกินไป (ไม่มีการเก็บเงินรายปีมานาน เพราะเก็บครั้งแรกไปตั้งแต่ตอนซื้อบ้านครั้งแรก ทำให้หลายคนไม่คิดว่าจะต้องจ่ายอีก.. จ่ายทำไม)) ทำให้การเริ่มอะไรหลายๆอย่างมันทำให้เกิดทั้งด้านดีและด้านเสีย
ก็ไม่รู้ว่าพลาดจากการที่ไม่จัดจ้างบริษัทเข้ามาดูแลหรือเปล่า (จะจ้างก็บอกว่าแพง) อะไม่เป็นไรกรรมการก็รับผิดชอบเป็นทั้งกรรมการและคนทำงานไปด้วยเลยแล้วกัน

ผมเข้ามาเป็นกรรมการเพราะตอนเลือกกรรมการในตอนนั้น มีพี่กรรมการในนั้น(ที่กำลังคัดเลือกกันอยู่) จำผมได้ (เคยได้ทำงานรวมกันเมื่อนานมากๆแล้ว) และบอกว่าไอ้นี่มันใช้งานได้เข้ามาม่ะมาช่วยกัน แน่นอน ผมมันพวก yes man! ไม่ได้ปฏิเสธ (และอีกบางท่านที่เข้ามาเพราะดันๆผลักๆกันมา เองสิๆ ไปเลยๆ และสมาชิกก็พร้อมใจยอมรับกันแบบงงๆผมไม่รู้ว่ามีกี่ % ที่เข้าใจและเห็นความสำคัญหรือความไม่สำคัญ แต่ก็...ช่างเถอะ) และแถมผมเองก็คิดบวกตั้งแต่เค้าเรียกให้มานั้งที่เก้าอี้ วาดฝันสวรรค์วิมานว่าเราเข้ามาแล้วคงทำอะไรให้หมู่บ้านมันว้าวแน่นอน!  ชิช่ะ... งานนี้มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะ นั้นคือสิ่งที่ผมรู้หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องการเลือกคณะกรรมการและกลับมาค้นข้อมูลจาก internet เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม

ประชุมวิสามัญครั้งแรกประมาณ 1 เดือนหลังจากเสร็จสิ้นการจดทะเบียนเป็นนิติฯ ระหว่างนั้นคณะทำงาน (กรรมการ ประธาน รองประธาน) ก็มีประชุมกัน 1 - 2 ครั้งเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งต่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่รับโอน และงานที่ต้องรับผิดชอบ  ก่อนทำการประชุมวิสามัญ ผมก็อาศัย skill package engineer ทำ presentation ให้เพื่อนๆสมาชิกคิดเผื่อไว้ว่า น่าจะทำให้เข้าใจอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้น (ตอนแรกว่าจะให้สดกัน ด้วยกระดาษ A4 หนึ่งแผ่น (ตัวหนังสือล้วนๆ) แต่ผมดูจากสถานะการณ์ช่วงนั้น อาจจะไปได้ แต่....แบบลุ่มๆดอนๆแน่นอน เลยตัดสินใจทำ presentation ขึ้นมาและให้คณะทำงานรีวิวว่าดีหรือไม่ ถ้าดีจะได้ใช้ตัวนี้นำเสนอ ซึ่งก็คือผ่าน.. คณะกรรมการเห็นด้วยว่าให้ใช้ presentation นำเสนอข้อมูลให้กับเพื่อนๆสมาชิก)
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมหมดหน้าที่ ซึ่งใช่ครับ ไหนๆคนที่รู้ presentation ดีที่สุดก็คือผม ผมทำ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเป็นคนทำเสนอ(พูด) .... นั้นสินะ มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ผมกะว่าจะเจอกรณีแบบนี้แค่ในโรงงาน (ใครพูด..ก็คนนั้นแหละทำ ความเงียบสยบทุกสิ่งสินะ แต่ก็ประกอบกับผม junior ที่สุดด้วยหรือเปล่า ก็เป็นไปได้ ระบบพี่น้องของสังคมเรา เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สินะ!)
ผมลืมบอกไปว่าผมเป็นกรรมการที่ดูแลฝายการเงิน (เลือกให้มาดูการเงินเพราะผมเป็น IT ผมถนัดเรื่อง computer เฮ้ย มันใช่หรอ? สมัยนี่ basic computer มัน common skill แล้วนะ..ไม่ใช่เมื่อก่อน แต่ก็ช่างเถอะ (อีกแล้ว))  ช่ายครับ การประชุมวิสามัญครั้งแรก ผมก็เลยกลายเป็นโฆษกและผู้นำประชุมไปโดยปริยาย และก็คณะกรรมการท่านอื่นก็เข้ามาเสริมเป็นอย่างๆไป (ข้อมูลที่เป็นเชิงลึก หรือต้องใช้ความอวุโสช่วย ผมก็เปิดให้กรรมการท่านอื่นขึ้นมาพูด แหละนะ) ถัดจากวันประชุมสามัญครั้งแรกของหมู่บ้าน (ผู้เข้าร่วมประชุม 52%) ผมก็สบายใจ ได้พูด ได้ทำความเข้าใจแล้ว(บ้าง) แต่ในใจผมก็ยังกังวลอยู่... แล้วอีกกว่าครึ่งหละ จะยังไงดี แต่แน่นอนการประชุมเกินครึ่งมาตั้ง 2% ถามว่าเกินเป้าหมายหรือเปล่า ก็ใช่ตอนแรกดูจากเสียงในกลุ่ม (อ๋อลืมบอกไปอีกว่า ในหมู่บ้านผมมีทั้ง line group , fan page ...  social network มั้ยหละ!) คาดว่าน่าจะมากันไม่เกิน 40%  (ในส่วนที่ดูแลอยู่มีอยู่ราวๆ 322 หลังคาเรือน) แต่ก็มาตั้ง 52% แต่ก็อีกตั้งเกือบครึ่งที่ยังไม่ได้เข้าใจ และไม่ได้เข้าประชุม ก็คิดในใจอยู่ทำยังไง เพราะช่องทางการสือการกับสมาชิกมีนั้นมีแค่ ต้องเดินเคาะถึงหน้าบ้าน (ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะต้องปริ้นเอกสารเดินแจก เพราะตอนนั้นยังหาจิตอาสาเพื่อมาลงแรงไม่ได้ การทำงานแบบนี้ก็เป็นครั้งแรกกันหมด เลยไมได้คิดจุดนี้กัน แต่หลังๆเราก็จัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์และจัดจ้าง พนง. แจกเอกสารประจำเดือนกันแล้ว) ก็ทำได้คือกระจายช้อมูลผ่านเพื่อนๆในกลุ่ม และอีกทั้งส่งเอกสาร digital ให้กับสมาชิกเพื่ออาจจะนำไปกระจายต่อ (แต่นั้นก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ถึงแม้สังคมเราจะมี internet เข้าถึงมากเพียงใด จะ 3G 4G Fiber10M 30M etc..  แต่ถ้าคนไม่รู้ค่าการทำให้เกิดประโยชน์มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ไม่มี internet ในสังคมเรา) ใช่ครับผมคิดไปเองว่าสังคมเราคงถึงกันหมดแล้วในแง่ของการแชร์ข้อมูลข่าวสาร digital/internet ผมแค่กำลังดันทุรังสร้างอะไรบางอย่าง ที่หลายๆคนไม่เข้าใจอยู่ก็เป็นไปได้ และมันก็ไม่ได้ผลเท่าไร การเผยแพร่ข้อมูล โดยภาพรวมทำได้แค่ราวๆ 20 - 30% หรือต่ำกว่านั้นจากการสังเกตุการตั้งคำถามของสมาชิกลูกบ้าน หลายอยากที่ได้ชี้แจงไปแล้วจากในกลุ่ม ไมได้มีการบอกต่อหรือขยายความต่อไปเลย แต่ก็นะ..ช่างเถอะ ก็ต้องพยายามกันต่อไป

--นอนก่อนครับ พรุ่งนี้ดึกๆค่อยมาต่อ-- กะว่านั่งทำสรุปบัญชีประจำเดือนอัพเดทสมาชิกลูกบ้านสะหน่อย.. กลายมาเขียนแชร์ประสบการณ์ซ่ะงั้น - -''

ปล.ผมตั้งกระทู้นี้เพราะข้อมูลจาก blog นี้ http://nitibukkon.blogspot.com/ เป็น blog ที่นำเสนอข้อมูลแบบที่ผมเห็นลูกบ้านบางส่วนกำลังเห็น ซึ่งก็ดีนะผมว่า ก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลในนั้นจริงเท็จหรือใส่อารมณ์เข้าไปในบทความยังไง แต่ก็เป็นข้อดีที่อาจะทำให้เรา(ผม)ต้องกลับมามองตัวเองว่าเราสามารถเปลี่ยนสังคมที่เป็นแบบนี้ได้จริงๆหรือเปล่า ก็อาจจะเป็นส่วนน้อยหรือส่วนมากในสังคม แต่ปัญหาคงอยู่ที่เราจะจัดการมันยังไงมากกว่า..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่