เขาว่ากันว่า....
เป็นคำที่ดูจะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจมากเลยครับ
บางคนบอกว่าสิ่งนี้...ดี
บางคนบอกว่าสิ่งนี้...ไม่ดี
แต่คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า..
สิ่งที่เขาว่ากันว่านั้น
ดี....หรือไม่ดี
จริง....หรือไม่จริง
นอกซะจากคุณจะไปสัมผัสมัน
ด้วย....“ตัวของคุณเอง”

สวัสดีครับ..ชาวพันทิปทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ ผมและเพื่อนๆ อีก 5 คนได้มีโอกาสรวมตัวกันไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่งที่
“เขาว่ากันว่า” ควรไปเที่ยวสักครั้งก่อนตาย ซึ่งก็คือ
นครวัด นั่นเอง สถานที่ที่เต็มไปด้วยอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่ของเมือง
เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาครับ
ซึ่งก่อนจะเดินทาง แน่นอน.. เราจะต้องมีการเตรียมตัวกันครับ และที่ๆน่าจะรวบรวมรีวิวไว้มากที่สุดก็คงจะเป็นที่นี่แหละครับ “พันทิป”(ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกท่านที่มาแบ่งปันข้อมูลดีๆให้พวกเรานะครับ ถึงตาที่พวกเราจะต้องแบ่งปันบ้าง

) โดยส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่จะพบมากนอกจากความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของนครวัดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ “เขาว่ากันว่า....”อลังการไม่แพ้กันคือ กลยุทธ์ของพ่อค้าแม่ขายไปจนถึงคนขับตุ๊กตุ๊กและแท็กซี่ที่ ประหนึ่งเพชรยอดมงกุฏ สุดยอดนักขายก็ค่อยที่จะมาทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเราเสียเสถียรภาพทางการเงินอยู่ตลอดเวลา ไปดูกันครับว่าพวกเรากับเงิน 100$ จะประสบกับชะตากรรมอย่างไรบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย
วันที่ 1 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
9 เมษายน 2559 เวลา 4.00น. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
เส้นทางที่เราจะไปคือ กรุงเทพ – อรัญประเทศ – เสียมเรียบ
ตามแผนแล้วเราต้องเดินทางไปอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วกัน ด้วยเป็นวัยรุ่นที่มีความฮิปสเตอร์ และ สโลว์ไลฟ์ของพวกเรา (เอาจริงๆ เผื่อประหยัดงบนั่นแหละ) จึงเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟรีเพื่อนซี้สล๊อต ที่มีชื่อเสียงเรื่องความสโลว์ไลฟ์และเลท แต่ผิดคาดครับ มันออกตรงเวลา5.55น. เราเลยได้เริ่มต้นการเดินโดยออกจากหัวลำโพง มุ่งหน้าสู่อรัญประเทศ ปู๊นนน ปู๊นนน
ตามตารางเวลาแล้วรถไฟจะมาถึงเวลา 11.35 น. แต่เราเดินทางมาถึงอรัญประเทศเวลา 12.00 น.เท่านั้น โอ้โหหหหประหลาดใจ

เกินคาดครับ หลังจาก 6 ชั่วโมงบนรถไฟ ในฤดูร้อนที่สุดของที่สุดของฤดูร้อนทั้งสามของประเทศไทย สภาพหน้านี่มันประหนึ่งทอดไข่ได้กันเลยทีเดียว แต่บอกไว้เลยว่า นี่พึงเริ่มต้น ความร้อนสุดติ่งยังรอท่านอยู่ โปรดเตรียมตัวเตรียมใจของท่านไว้ให้ดี ไปกันต่อเลยดีกว่า จุดหมายต่อไปของเราอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เราเลือกเดินทางจากสถานีรถไฟด้วยรถตุ๊กตุ๊ก คนขับเปิดการขายโดยเสนอราคามาคนละ20บาท แต่ด้วยความมีชั้นเชิงของพวกเรา(ประหยัดงบนั่นแหละ) ทำการยื่นของเสนอต่อรองสำเร็จด้วย 6 คน 100 บาท ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจนิดหน่อยก็เอาครับ
ตอนนี้เราก็มาถึงอรัญประเทศเรียบร้อยละนะครับ เดี๋ยวเราจะเดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองที่โรงเกลือกันนะครับ ตามผมมาเลย
พี่ตุ๊กตุ๊ก ใจดีมากลดค่าเดินทางให้เราด้วยละครับ ขอขอบพระคุณพี่ตุ๊กตุ๊กจากใจด้วยนะครับ <3
และแล้วเราก็ได้เข้ามาในประเทศกัมพูชากันแล้วที่เรายืนอยู่ตรงนี้คือปอยเปตเราจะเดินทางกันต่อ ไปครับ เดินตรงไปครับ

หลังจากเดินออกจากตม.ฝั่งขาออกประเทศไทย ก็จะเอ๋เด็กๆกัมพูชาเข้ามาขอตัง (อย่าขอพี่เลยน้อง กำตังค์มา 100$ เองเนี่ย ว่าแต่มีให้พี่ยืมสัก 200 มั้ย?) บริเวณทางที่เดินไปตม.ฝั่งกัมพูชาก็จะมีคาสิโนเรียงรายเต็มไปหมดเลยครับ ใครจะมาเสี่ยงโชคก็เข้าไปเลยครับ แต่สำหรับพวกเราจุดหมายยังไม่ใช่ที่นี่ เมื่อถึงที่หมายของเรา ตามตำราเลยครับ มีคนเดินมาถาม อยากไปเร็วมั้ยเดี๋ยวพาไป? แต่พวกเราไม่สนใจครับ(ไม่ได้แอ๊มหรอก

) เราเดินมาต่อคิวเพื่อประทับตราผ่านเข้าเมือง สักพักก็มีพนักงานเดินถือบัตรกรอกขอเข้าเมืองมาแจกพวกเราแบบนิ่งๆครับ เราก็มองหน้ากันสักพักก่อนจะถามว่า Free? เค้าพยักหน้าปุ๊ปก็หยิบเลยจ้า(ระแวงไปหมดเลยคร้าบ) และเราก็เป็นนักท่องเที่ยวโดยสมบูรณ์แบบ พร้อมผจญภัยในเสียมเรียบแล้วจ้า ข้อควรระวังนะครับ ใบขอเข้าเมื่อฟรีนะครับ ถ้ามีเจ้าหน้าที่บอกจะกรอกข้อมูลให้อย่าไปพึงยืนให้นะครับ อาจจะเสียเงินได้ ให้เดินตรงเข้าไปหาห้องที่ตรวจพาสปอร์ตอย่างเดียวเลย อย่าสนใจข้างทางนะครับ ย้ำว่าทำเรื่องเข้าเมือง ฟรีทุกขั้นตอน!!!
ต่อมาเราก็เดินทางเพื่อไปขึ้น Shuttle Bus ไปลง บขส. ปอยเปต เพื่อเดินทางไปเป้าหมายของเรา "เสียมเรียบ" นั้นเองครับ
แล้วเราก็มาถึง บขส. ปอยเปต(ร้าง) คือไม่มีคนเลยครับ เราก็ไม่รีรออะไรควักตัง 10 $ เพื่อขึ้นรถตู้ไปเสียบเรียบกัน
ตั๋วรถนะครับในราคา 10$ เดินทางจากปอยเปตไปเสียบเรียบเป้าหมายของเรานั้นเอง
พอพวกเราลงมาคนขับก็บอกกับแม่ค้าว่านี่เป็นคนไทยมาเที่ยว แม่ค้าก็ต้อนรับขับสู้พวกเราอย่างดี บอกว่าเข้าห้องน้ำฟรี มีน้ำดื่มเย็นๆให้ซื้อ แล้วก็มีซิมมือถือถูกๆขายด้วย(พี่เค้าพูดดีกับเรามากเลย) พอได้ยินถูกเท่านั้นแหละครับ ต้องมนต์เลย เดินเข้าไปถามทันที แม่ค้าพาเราไปที่ตู้ขายโทรศัพท์(ขายเป็นตู้กระจกเหมือนบ้านเราเลยครับ) แล้วก็หยิบตะกร้าที่ซิมขึ้นมา แล้วก็บอกว่าซิมละ 300 บาทพร้อมเติมตังเติมเน็ต(โคตรแพงเลยค้าบ) แต่ถ้าซื้อหลายคนจะลดให้ คุยกันไปกันมาแม่ค้าก็ขอดูโทรศัพท์เรา จังหวะชุลมุนเราก็เลยเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เค้าครับ จากนั้นแม่ค้าไม่รีรอจับโทรศัพท์เราถอดเคสแกะฝาหลังด้วยความคล่องแคล่วว่องไว เปลี่ยนซิมให้เราเสร็จสรรพ พอเราได้สติเลยบอกว่า “เดี๋ยวๆๆๆ เรายังไม่ซื้อ” ก็นั่นแหละครับสายไปแล้วฮะ(เขางอกเลยครับ) เค้าบอกแกะซิมใส่ไปแล้ว เอาคืนไม่ได้(อย่างนี้ก็ได้หรอ!? เจ้เล่นแกะใส่เองเลยเนี่ยนะ) หัวร้อนเลยครับเล่นกันอย่างนี้ ซึ่งในตอนนั้นเราเลยได้แต่ต่อรองราคาให้เสียน้อยที่สุดครับ สุดท้ายก็เสียไป 200 บาท TT พอได้โทรศัพท์คืนก็ลองเช็คอินเตอร์เน็ตด่วนๆเลยครับ ปรากฏว่า ใช้เน็ตไม่ได้ครับ เราเลยเดินกลับไปถามว่าทำไมใช้เน็ตไม่ได้ เค้าบอกว่า 200 เป็นค่าซิมกับค่าเติมเงิน 1 $ อยากได้เน็ตก็ต้องจ่ายเพิ่มมา 100 บาท (โอ้โห ปี๊ดเลย) ด้วยความหยิ่ง(สมัครเน็ตเองก็ได้) และเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนๆ ผมเลยเดินขึ้นรถตู้พร้อมอารมณ์กับเก็บอันฉุนเฉียวไว้

และแล้วเราก็ได้เดินทางโดยรถตู้ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง ถนนดีบ้าง ขรุกขระเป็นช่วงๆให้เราพอตื่นเต้น เราก็มาถึงแล้ว จุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ “สวัสดีเสียมเรียบ” หลังจากดีใจได้ไม่นาน รถตู้ที่เรานั่งมาพาเรามาจอดที่ไหน ก็ไม่รู้ หลังจากสะพรึงกับที่จอดรถได้ไม่นานก็มียอดนักขาย(พี่ตุ๊กตุ๊กท้องถิ่น) มาเปิดการขายยังกับมีการนัดกันไว้ แต่ไม่ได้กินพวกเราหรอก พวกเราอ่านมาดีมากจริง(ประหยัดงบนั่นแหละ) เดินสิเดิน เราเลือกที่จะเดินทางด้วยการเดินเท้าเข้าโฮสเทล ตลอดทางจะมีพี่ตุ๊กตุ๊กขับตามบ้าง จอดรอบ้าง ตะโกนถามบ้าง แต่พวกเราตอบ No No No ไม่มีงบครับพี่ จากใจ ระยะทางไกลพอตัว(ถ้าใครมีงบก็นั่งได้นะครับแต่ต่อรองราคาดีๆ นะครับ) ในที่สุดก็ถึงโฮสเทลของเรา โฮเทสที่เราพักเป็นห้องรวม 10 คน สภาพสะอาดใช้ได้เลย มี wifi ใช้ด้วยในราคา 5$ ต่อคืน คุ้มใช้ได้เลยครับ หลังจากเช็คอินแล้วพักผ่อนสักครู่เราก็ออกมาหาอะไรใส่ท้องสะหน่อย สำหรับมื้อแรกในเสียมเรียบ
หน้าตาที่พักของเรานะครับ
มื้อแรกของเราก็หามองหาร้านที่มีคนกินเยอะๆ น่าจะอร่อยตามไทยสไตล์ เราก็เลือกไปร้านนึง อาหารที่กัมพูชาก็คล้ายๆที่อาหารไทย แต่จะจืดกว่ามาก ราคา 1.5-3$ ซึ่งแพงอยู่พอตัวเลยสำหรับคนงบน้อยอย่างพวกเรา ระหว่างที่รออาหารมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเราเหลือบไปเห็นถาดเครื่องปรุง มีซอสหน้าตาแปลกอยู่หลายตัว สนุกสิครับ ลองชิมกันไป จนไปสะดุดกับซอสหนึ่งตัว “พี่เขาชื่อฮอยซิน” รสชาติถูกปากคนไทย (แต่น่าจะมาจากเวียดนาม) ใครไปก็ลองไปหาชิมกันดูนะครับอร่อยใช้ได้ แถมหลังจากกินเสร็จแม่ค้าใจดีเห็นพวกเราปราบปลื้มมันเหลือเกิน เลยยกให้เราไปกินต่อที่เมืองไทยเลยครับ ขอบคุณมากๆนะครับ
หลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินทางไป Night Market ก่อนจะกลับพักผ่อนเพื่อจะเดินทางในวันต่อไปครับ
หน้าตาของ Night Market ของเสียมเรียบก็พอพอกับตลาดกลางคืนบ้านเราละครับ
เมื่อกลับมาถึงที่พักแล้วเราก็ไปจองจักรยาน และขอแผนที่เมืองของเสียมเรียบจากพี่พนักงานของโฮสเทลเพื่อเดินทางต่อกันในวันรุ่งขึ้นนะครับ แผนที่พร้อม คนพร้อม นอนน!!! ราตรีสวัสดิ๋ ครับทุกคนน

[CR] กำตังค์ 100 ดอล ออกไปร่อนที่ “เสียมเรียบ” 4 วัน 3 คืน
ซึ่งก่อนจะเดินทาง แน่นอน.. เราจะต้องมีการเตรียมตัวกันครับ และที่ๆน่าจะรวบรวมรีวิวไว้มากที่สุดก็คงจะเป็นที่นี่แหละครับ “พันทิป”(ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกท่านที่มาแบ่งปันข้อมูลดีๆให้พวกเรานะครับ ถึงตาที่พวกเราจะต้องแบ่งปันบ้าง
วันที่ 1 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
9 เมษายน 2559 เวลา 4.00น. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
เส้นทางที่เราจะไปคือ กรุงเทพ – อรัญประเทศ – เสียมเรียบ
ตามแผนแล้วเราต้องเดินทางไปอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วกัน ด้วยเป็นวัยรุ่นที่มีความฮิปสเตอร์ และ สโลว์ไลฟ์ของพวกเรา (เอาจริงๆ เผื่อประหยัดงบนั่นแหละ) จึงเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟรีเพื่อนซี้สล๊อต ที่มีชื่อเสียงเรื่องความสโลว์ไลฟ์และเลท แต่ผิดคาดครับ มันออกตรงเวลา5.55น. เราเลยได้เริ่มต้นการเดินโดยออกจากหัวลำโพง มุ่งหน้าสู่อรัญประเทศ ปู๊นนน ปู๊นนน
ตามตารางเวลาแล้วรถไฟจะมาถึงเวลา 11.35 น. แต่เราเดินทางมาถึงอรัญประเทศเวลา 12.00 น.เท่านั้น โอ้โหหหหประหลาดใจ
หลังจากเดินออกจากตม.ฝั่งขาออกประเทศไทย ก็จะเอ๋เด็กๆกัมพูชาเข้ามาขอตัง (อย่าขอพี่เลยน้อง กำตังค์มา 100$ เองเนี่ย ว่าแต่มีให้พี่ยืมสัก 200 มั้ย?) บริเวณทางที่เดินไปตม.ฝั่งกัมพูชาก็จะมีคาสิโนเรียงรายเต็มไปหมดเลยครับ ใครจะมาเสี่ยงโชคก็เข้าไปเลยครับ แต่สำหรับพวกเราจุดหมายยังไม่ใช่ที่นี่ เมื่อถึงที่หมายของเรา ตามตำราเลยครับ มีคนเดินมาถาม อยากไปเร็วมั้ยเดี๋ยวพาไป? แต่พวกเราไม่สนใจครับ(ไม่ได้แอ๊มหรอก
พอพวกเราลงมาคนขับก็บอกกับแม่ค้าว่านี่เป็นคนไทยมาเที่ยว แม่ค้าก็ต้อนรับขับสู้พวกเราอย่างดี บอกว่าเข้าห้องน้ำฟรี มีน้ำดื่มเย็นๆให้ซื้อ แล้วก็มีซิมมือถือถูกๆขายด้วย(พี่เค้าพูดดีกับเรามากเลย) พอได้ยินถูกเท่านั้นแหละครับ ต้องมนต์เลย เดินเข้าไปถามทันที แม่ค้าพาเราไปที่ตู้ขายโทรศัพท์(ขายเป็นตู้กระจกเหมือนบ้านเราเลยครับ) แล้วก็หยิบตะกร้าที่ซิมขึ้นมา แล้วก็บอกว่าซิมละ 300 บาทพร้อมเติมตังเติมเน็ต(โคตรแพงเลยค้าบ) แต่ถ้าซื้อหลายคนจะลดให้ คุยกันไปกันมาแม่ค้าก็ขอดูโทรศัพท์เรา จังหวะชุลมุนเราก็เลยเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เค้าครับ จากนั้นแม่ค้าไม่รีรอจับโทรศัพท์เราถอดเคสแกะฝาหลังด้วยความคล่องแคล่วว่องไว เปลี่ยนซิมให้เราเสร็จสรรพ พอเราได้สติเลยบอกว่า “เดี๋ยวๆๆๆ เรายังไม่ซื้อ” ก็นั่นแหละครับสายไปแล้วฮะ(เขางอกเลยครับ) เค้าบอกแกะซิมใส่ไปแล้ว เอาคืนไม่ได้(อย่างนี้ก็ได้หรอ!? เจ้เล่นแกะใส่เองเลยเนี่ยนะ) หัวร้อนเลยครับเล่นกันอย่างนี้ ซึ่งในตอนนั้นเราเลยได้แต่ต่อรองราคาให้เสียน้อยที่สุดครับ สุดท้ายก็เสียไป 200 บาท TT พอได้โทรศัพท์คืนก็ลองเช็คอินเตอร์เน็ตด่วนๆเลยครับ ปรากฏว่า ใช้เน็ตไม่ได้ครับ เราเลยเดินกลับไปถามว่าทำไมใช้เน็ตไม่ได้ เค้าบอกว่า 200 เป็นค่าซิมกับค่าเติมเงิน 1 $ อยากได้เน็ตก็ต้องจ่ายเพิ่มมา 100 บาท (โอ้โห ปี๊ดเลย) ด้วยความหยิ่ง(สมัครเน็ตเองก็ได้) และเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนๆ ผมเลยเดินขึ้นรถตู้พร้อมอารมณ์กับเก็บอันฉุนเฉียวไว้
และแล้วเราก็ได้เดินทางโดยรถตู้ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง ถนนดีบ้าง ขรุกขระเป็นช่วงๆให้เราพอตื่นเต้น เราก็มาถึงแล้ว จุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ “สวัสดีเสียมเรียบ” หลังจากดีใจได้ไม่นาน รถตู้ที่เรานั่งมาพาเรามาจอดที่ไหน ก็ไม่รู้ หลังจากสะพรึงกับที่จอดรถได้ไม่นานก็มียอดนักขาย(พี่ตุ๊กตุ๊กท้องถิ่น) มาเปิดการขายยังกับมีการนัดกันไว้ แต่ไม่ได้กินพวกเราหรอก พวกเราอ่านมาดีมากจริง(ประหยัดงบนั่นแหละ) เดินสิเดิน เราเลือกที่จะเดินทางด้วยการเดินเท้าเข้าโฮสเทล ตลอดทางจะมีพี่ตุ๊กตุ๊กขับตามบ้าง จอดรอบ้าง ตะโกนถามบ้าง แต่พวกเราตอบ No No No ไม่มีงบครับพี่ จากใจ ระยะทางไกลพอตัว(ถ้าใครมีงบก็นั่งได้นะครับแต่ต่อรองราคาดีๆ นะครับ) ในที่สุดก็ถึงโฮสเทลของเรา โฮเทสที่เราพักเป็นห้องรวม 10 คน สภาพสะอาดใช้ได้เลย มี wifi ใช้ด้วยในราคา 5$ ต่อคืน คุ้มใช้ได้เลยครับ หลังจากเช็คอินแล้วพักผ่อนสักครู่เราก็ออกมาหาอะไรใส่ท้องสะหน่อย สำหรับมื้อแรกในเสียมเรียบ
มื้อแรกของเราก็หามองหาร้านที่มีคนกินเยอะๆ น่าจะอร่อยตามไทยสไตล์ เราก็เลือกไปร้านนึง อาหารที่กัมพูชาก็คล้ายๆที่อาหารไทย แต่จะจืดกว่ามาก ราคา 1.5-3$ ซึ่งแพงอยู่พอตัวเลยสำหรับคนงบน้อยอย่างพวกเรา ระหว่างที่รออาหารมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเราเหลือบไปเห็นถาดเครื่องปรุง มีซอสหน้าตาแปลกอยู่หลายตัว สนุกสิครับ ลองชิมกันไป จนไปสะดุดกับซอสหนึ่งตัว “พี่เขาชื่อฮอยซิน” รสชาติถูกปากคนไทย (แต่น่าจะมาจากเวียดนาม) ใครไปก็ลองไปหาชิมกันดูนะครับอร่อยใช้ได้ แถมหลังจากกินเสร็จแม่ค้าใจดีเห็นพวกเราปราบปลื้มมันเหลือเกิน เลยยกให้เราไปกินต่อที่เมืองไทยเลยครับ ขอบคุณมากๆนะครับ
เมื่อกลับมาถึงที่พักแล้วเราก็ไปจองจักรยาน และขอแผนที่เมืองของเสียมเรียบจากพี่พนักงานของโฮสเทลเพื่อเดินทางต่อกันในวันรุ่งขึ้นนะครับ แผนที่พร้อม คนพร้อม นอนน!!! ราตรีสวัสดิ๋ ครับทุกคนน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น