ไปพะงัน ในวันที่ไร้สีสันของงานเลี้ยงพระจันทร์เต็มดวง ...


               สวัสดีอย่างเป็นทางการนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในชีวิตผม ซึ่งเรื่องราวที่ผมตั้งใจจะมาแบ่งปันในกระทู้นี้เป็นประสบการณ์ในการเดินทางและท่องเที่ยวที่เกาะพะงันในช่วงที่ไม่ได้มีการจัด Full moon party  และเรื่องราวเงิบๆที่ผมได้ประสบพบเจอ เริ่มต้นกันเลยนะครับ
              ผมตั้งใจจะเที่ยวบนเกาะพะงันให้มากที่สุดในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยมี concept คือ Low Price High Experience ตั้งแต่วันที่ 1-3 เมษายน 2559 ผมจึงจัดการจองที่พักไว้เรียบร้อยผ่าน Agoda คืนที่ 1 ผมพักที่ Island View Cabana บริเวณ หาดแม่หาด ราคา 400 บาท/คืน และ คืนที่ 2 ผมพักที่ Nice moon resort  ราคา 380 บาท /คืน แถวท้องศาลา

วันที่ 1
          ผมออกเดินทางวันที่ 31 มีนาคม เลือกเดินทางโดยรถไฟและตั้งใจที่จะนั่งชั้น3 เป็นรถด่วนพิเศษขบวน 39
กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี รอบ 22.50น. ถึง 8.05 น. เพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวในวันที่ 1 ให้มากที่สุด ผมเดินทางมาถึงหัวลำโพงประมาณ 20.30 มาถึงก็ไม่รอช้ารีบไปซื้อตั๋วรถไฟทันที  เงิบที่ 1 ก็ปะทะกับผมทันที บทสนทนา

จนท. : เดินทางไปไหนค่ะ
ผม    : ไปสุราษฎร์ครับ
จนท. : เต็มค่ะ
ทันทีที่เจ้าหน้าที่เอ่ยปาก เงิบครับ  ผมนี่เหน้าตึงและชาไปหมด อมยิ้ม24 ผมเลยตั้งสติแล้วถาม จนท. กลับ

ผม   : ชั้น 3 ก็เต็มเหรอครับ (เพื่อความชัดเจน)
จนท. : ชั้น 3 ขบวนนี้ยกเลิกไปแล้วค่ะ คงต้องไปด้วยวิธีอื่นแล้วละค่ะ

ผมนี่ชัดเจนเลยครับ อื้อหื้อ ku เอาไงดีวะเนี่ย ที่พักก็จอง เงินก็จ่ายเรียบร้อย รถทัวร์? เกือบ 3 ทุ่มจะมีเหรอวะ เครื่องบิน? ยิ่งไปกันใหญ่
(คิดในใจ) ยกเลิก? ใช่ครับ ยกเลิก กระทู้แรกของผมคงต้องจบเพียงเท่านี้หละครับบาย  อมยิ้ม20....  ไม่ใช่ๆๆๆๆๆ

          ความหมายไม่ใช่ ยกเลิก ไม่ไปแล้วนะครับ  คือมันเต็มเพราะมีคนเขาจองกัน การจองมันก็ต้องมีคนที่ยกเลิกไม่ก็หลุดจองใช่มั๊ยครับ นั้นหละครับความหวังสุดท้ายของผม ไม่งั้นคงต้องยกเลิก ไม่ก็เลื่อนจริงๆ อมยิ้ม14

         ผมไม่รอช้ารีบไปถาม จนท แล้วได้คำตอบว่า “มีโอกาสว่าจะยกเลิกไม่ก็หลุดจอง ให้มาถามจนท.เรื่อยๆ ย้ำแค่มีโอกาส”
นั่นหละครับ ผมเลยถาม จนท.ทุกๆ ครึ่งชม. 3 ทุ่มก็แล้ว 3ทุ่มครึ่งก็แล้ว 4ทุ่มก็แล้ว จน จนท.บอกผมว่า “คงต้องรอให้รถไฟเข้าเทียบก่อนแล้วล่ะ” (เทียบชานชาลา) นี่ ku ต้องลุ้นจนวินาทีสุดท้ายจริงๆเหรอเนี่ย (คิดในใจ) ผมรอจนสถานีกำลังจะปิด คงต้องแบกเป้กลับแล้วละ (คิดในใจ)  และแล้วฟ้าถ้าไม่ส่งมาให้เธอมีใจ ก็คงเห็นความอดทนและความพยายามของผม อิอิ  จนท. กวักมือเรียกผมครับ มีหลุดจ้องจริงๆครับ โอ้เย้! ค่าเสียหายสำหรับรถไฟ ด่วนพิเศษชั้น 2 ขบวนนี้ อยู่ที่ 608 บาท/ที่นั่ง

นั้นหละครับได้มาในที่สุด  อมยิ้ม04

          ผมถึงสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีตอนประมาณ 8.30 น. ลงจากรถไฟปุ๊บ ผมรีบไปจองตั๋วรถไฟขากลับเลยครับ 55555 ผมกำลังจะไปจองตั๋ว ก็มีคนเข้ามาถามผมว่าจะไปไหน ผมก็ตอบว่าจะไปพะงันครับ เขาบอกว่า “รถตู้ไปท่าเรือกำลังจะออก ทันเรือรอบ 11 โมง พอดี ถ้าไม่ทันรอบนี้ก็รอบบ่ายเลยนะ” นั่นเท่ากับว่าผมจะถึงเกาะพะงันเกือบเย็น โอ้ไม่นะ เวลาเที่ยวของผม  แล้วคนนั้นก็บอกผมอีกว่า “บนเกาะก็จองตั๋วรถไฟได้” ผมยิ้มแล้วบอก ok เลย แล้วเดินตามเขาไป ผมถูกส่งต่อเป็นทอดๆ เข้าใจว่าคนนั้นคงเป็นคนหาลูกค้าแถวสถานีรถไฟ สุดท้ายผมมาหยุดอยู่ที่ หน้า office ของเรือเร็วลมพระยา ผมก็อ๋อ (เคยอ่านเจอในพันทิปนี่หละครับ) ค่าเสียหายสำหรับ รถตู้ไปท่าเรือดอนสัก+เรือ (เป็น speed boat ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 30 นาที ถึงเกาะพะงัน) อยู่ที่  550 บาท/คน ส่วนขากลับคิดที่ 650 บาท/คน (เข้าใจว่าเป็นการตลาดของทางบริษัท) ผมเลยบอกขอคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ  

บรรยากาศภายในเรือ

          ผมถึงเกาะพะงันประมาณ เที่ยงกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ดีเลยทีเดียว บริเวณท่าเรือ คือบริเวณท้องศาลาครับ ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายทั้ง ตั๋วเครื่องบิน รถไฟ  เรือไปเกาะสมุย  เกาะเต่า ผมเลยรีบไปจองตั๋วเรือ (เป็นเรือเฟอร์รี่ครับ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. ถึงท่าเรือดอนสัก ) + รถไปสถานีรถไฟ + รถไฟชั้น3 ค่าเสียหายประมาณ  640 บาท/คน โดยที่ผมจองเป็นรอบสุดท้ายทั้งหมด เรือรอบสุดท้ายตอน 17.00 น. รถไฟรอบสุดท้ายตอน 23.28 น. (อยากดูพระอาทิตย์ตกบนเรือเฟอร์รี่ และจะได้มีเวลาอยู่บนเกาะนานๆ) นั้นหละครับ ตอนนี้ผมหมดกังวลเรื่องผมจะกลับยังไงไปเรียบร้อยแล้ว
  

          ผมก็หาอ่านวิธีการเที่ยวบนเกาะพะงันแบบเช่ารถมอไซด์เที่ยวไว้บ้างแล้วจากเพื่อนๆในพันทิปนี่ละครับ (ผมจำไม่ได้ว่าของปีไหน)
ค่าเช่ามอไซด์อยู่ที่ประมาณ 150 บาท/วัน ผมมองว่ามันคุ้มมากถ้าผมตั้งใจจะเที่ยวบนเกาะให้เยอะที่สุด  ผมจึงไม่รอช้ารีบเดินหาร้านเช่ามอไซด์ ซึ่งบริเวณท้องศาลามีร้านให้เช่ามอไซด์ (bike for rent) เต็มไปหมดเลยครับ ผมจึงเดินเข้าไปถามร้านแรก เขาบอกผมว่ามีแต่รถเกียร์นะ ผมเลยปฏิเสธไป (ผมคิดว่าไหนๆก็จะเช่าละขอเช่าแบบออโต้ บิดอย่างเดียวสบายๆหน่อยละกัน อีกอย่างเส้นทางผมก็ไม่คุ้นเคยเพราะมาครั้งแรก 555) ผมเลยเดินเข้าไปถามร้านที่2 ผมก็ปะทะกับ เงิบที่ 2 ที่ร้านแรกเขาไม่ได้บอกผม  คือ ยินดีด้วยครับ ถ้าคุณจะมาเที่ยวบนเกาะพะงันโดยไม่มีรถส่วนตัว แล้วคิดจะเช่ารถมอไซด์แล้วละก็ คุณต้องมีเงินสดติดตัวในกระเป๋าสตางค์ไม่ก็ในบัญชี อย่างน้อยเกือบหมื่นเลยทีเดียว!! นั้นหละครับ (ผมนี่ร้องโอ้โหหหในใจ) จริงอยู่ครับที่ค่าเช่ามันแค่ 150 บาท /วัน แต่ค่ามัดจำรถมอไซด์ร้านที่2 อยู่ที่ 3000 บาท สำหรับออโต้ขนาดเล็ก (fino, click)  ส่วน pcx ออโต้ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็อีกราคานึง ทั้งค่าเช่าและค่ามัดจำ เงิบสิครับไม่คิดว่าค่ามัดจำจะกระโดดสูงถึงขนาดนี้ ถึงจะได้เงินคืนตอนคืนรถก็เถอะ แล้วระยะเวลาที่เหลือบนเกาะ ผมจะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรเติมน้ำมันกันละครับบบบ  ยังครับ ยังไม่ชัดเจนพอ ผมเดินต่อไปถามร้านที่ 3  นั้นหละครับ 4000 บาท อื้อหื้อชัดเจนครับ แต่มีบางอย่างที่ร้านที่2 ไม่ได้บอกกับผมคือ มันเป็นกฎครับว่าไม่ให้คนไทยเช่ารถมอไซด์ ร้านที่ให้เช่าก็จะมีค่ามัดจำที่ค่อนข้างสูงอย่างนี้ละครับ (เจ้าของร้านเช่ามอไซด์ร้านที่3 บอกผมมา)  คำถามคือ แล้วต่างชาติละ? ไม่เสียครับ (ผมก็พอจะรู้เหตุผลนะ) แต่บนเกาะก็มีรถ taxi (2 แถว) ไว้ให้บริการ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาท/คน ครับ ขึ้นอยู่กับระยะทาง   นั้นหละครับคราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับ วิ-จา-ระ-ณะ-เงิน และความต้องการของคุณแล้วละครับ ว่าจะเลือกแบบไหน เช่ามอไซด์ หรือ ใช้บริการ taxi  แต่สำหรับผมของสร้างทางเลือกที่ 3 ด้วย concept  Low Price High Experience คือ วิถีเท้า-โบกรถ โดยผมต้องไปที่พักแรกซึ่งอยู่ห่างจากท้องศาลา ประมาณ 11 กิโลเมตร ผมลองแล้วครับ เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ไม่ประสบผลสำเร็จครับผม ยอมแพ้ต่อแดดอันร้อนแรง เลยโบก taxi (2 แถว) ที่มีวิ่งอยู่ทั่วเกาะ (ผมก็พอจะเข้าใจเหตุผลแล้วล่ะครับ ว่าทำไมไม่มีคนใจดีรับผมขึ้นรถ ไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำใจหรอกครับ) สุดท้ายวันแรกของผมก็จบลงอยู่ที่ เกาะม้า และ  หาดแม่หาดครับ ผมเดินเล่น ถ่ายรูป  จนพระอาทิตย์ตก


ภาพนี้ คือ เกาะม้าครับ ถ่ายจากหาดแม่หาด เห็นทางเดินคล้ายๆทะเลแหวก



3 ภาพด้านบนถ่ายจากเกาะม้าครับ ต้องบอกเลยครับว่าเงียบสงบมากๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนสุดๆ



ภาพที่ถ่ายบนหาดก็ไม่แพ้บนเกาะม้าเลย ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกนี่ยิ่งสุดยอดเลยครับ


วันที่ 2
          ผม check out ออกจากที่พักแรก และใช้บริการเรียกรถแท็กซี่จากที่พักแรก เพื่อจะไปที่พักที่2 ค่าเสียหาย 200 บาท/คน ไม่นานก็ถึงที่พักที่ 2 หลังจากที่ผมเอาเป้ไปเก็บที่ที่พักแล้ว ผมก็สังเกตเห็นว่าหน้า office มีให้เช่าจักรยาน ครับ เป็นของ Nice moon resort เองครับ ตอบโจทย์ Low price high experience มากครับ ค่าเสียหายอยู่ที่ 50 บาท/วัน มาดูกันครับผมมีแรงปั่นไปที่ไหนบ้าง



หาดท้องศาลา ผมปั่นจากที่พักเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตรกว่า




ในบริเวณใกล้ๆกับหาดท้องศาลาเดินไปทางขวามือหันหน้าออกทะเล อีกด้านของท่าเรือ ก็จะเห็นเรือรบ
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เรือหลวงพงัน และลานพระบรมรูป ร.5

จากนั้นผมก็ปั่นไปต่อที่น้ำตกแพง  ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน ห่างจากท้องศาลาประมาณ 4 กิโลเมตรกว่าๆ
ปิดทำการตอนเวลา 17.00 น.

น้ำตกแพงแบ่งออกเป็น น้ำตกแพงใหญ่และแพงน้อย แต่ช่วงนี้น้ำน้อยไปหน่อยครับ

เดินขึ้นต่ออีกหน่อยก็จะเป็นจุดชมวิวโดมศิลา ประมาณ 300 เมตร แต่เป็น 300 เมตรที่ค่อนข้างลำบากนิดนึงนะครับ
แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่าคุ้มค่ามากที่เดินขึ้นไป

ขึ้นไปถึงบอกเลยครับว่า สวยมากจริงๆ ไม่เสียแรงที่ปั่นและเดินขึ้นมา

เลยเก็บแบบเต็มๆมาให้ดูครับ

ผมลงจากจุดชิมวิว แล้วปั่นกลับไปที่ท้องศาลา และนั่งชมพระอาทิตย์ตกอีกเช่นเคย เลยเก็บภาพมาฝากกันครับ






ทุกวันเสาร์จะมีถนนคนเดิน ตั้งแต่หน้าหาดท้องศาลา จนถึงถนนตลาดเก่า  ซึ่งหลังจากพระอาทิตย์ตกผมก็เลยเดินหาอะไรกินที่นี่ละครับ
หลังจากนั้นก็ปั่นกลับที่พัก อีกประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ถือว่าวันนี้คุ้มค่ามากๆครับ

วันที่ 3
          ตอนเช้าตื่นมาผมมีความตั้งใจจะไปวัดเขาถ้ำครับ ห่างจากที่พักประมาณเกือบ 5 กิโลเมตร แต่ปั่นไม่ไหวจริงๆครับ  ผมเลยขอพัก เตรียมตัวเก็บของ check out ออกจากที่พัก  แล้วแบกเป้เดินชิลๆ หาอะไรกินระหว่างทาง แล้ว check in ขึ้นเรือตอน 4 โมงครึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่